ตอนที่ 2568 จระเข้อีกตัว
ในจักรวาลภายนอกคอร์แอเรีย ทายาทของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าจะมียีนที่ดีกว่ามาตรฐาน พวกเขาจะมีศักยภาพที่สูง แต่ในตอนที่พวกเขากำเนิด พวกเขาจะไม่ได้แตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตทั่วๆไป พวกเขายังคงต้องฝึกฝนเพื่อเพิ่มระดับขึ้น
มันเหมือนกับคางคกหยกที่อาศัยอยู่ในแนร์โรว์มูน ลูกของมันเริ่มต้นจากซีโน่เจเนอิคระดับต่ำที่สุด และพวกมันจะค่อยๆเพิ่มระดับขึ้นตามกาลเวลา แต่พวกมันส่วนใหญ่จะไปไม่ถึงระดับเทพเจ้า ซึ่งระดับที่พวกมันจะไปถึงนั้นขึ้นอยู่กับทรัพยากรที่พวกมันได้รับซะส่วนใหญ่
แน่นอนว่ามีบางสิ่งมีชีวิตที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิด แต่นั่นถือเป็นส่วนน้อย เผ่าพันธุ์ชั้นสูงอันดับที่ 2 อย่างแอนเชี่ยนท์ก็อตก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาเป็นระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟตั้งแต่กำเนิด และพวกเขาก็สามารถเริ่มฝึกฝนจากระดับนั้น พวกเขาส่วนใหญ่สามารถเลื่อนสู่ขั้นบัตเตอร์ฟลายได้สำเร็จ และบางคนนั้นไปถึงระดับเทพเจ้าขั้นทรูก็อตที่ทรงเกียรติ
ในตอนที่หานเซิ่นเห็นแอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อต เขาเป็นขั้นทรูก็อต แอนเชี่ยนท์วอเทอร์ก็อตออริจินนั้นยังคงอยู่ในการครอบครองของหานเซิ่น ดังนั้นถ้ามันมีแอนเชี่ยนท์ก็อตคนใหม่กำเนิดขึ้นมา เขาก็จะเป็นแค่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟเท่านั้น
แต่กรณีแบบนั้นถือว่าหาได้ยากมากๆ และยิ่งไปกว่านั้นนี้ยังเป็นภายในคอร์แอเรีย มันยากที่จะให้กำเนิดลูกได้ และโอกาสที่ลูกจะเป็นระดับเทพเจ้านั้นก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่
โดยปกติแล้วสิ่งมีชีวิตที่เป็นระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดนั้นจะเติบโตขึ้นอย่างมาก ถ้าพวกเขามีทรัพยากรที่เพียงพอ พวกเขาจะกลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลายหรือไปถึงขั้นทรูก็อตได้เลย
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อสังเกตจระเข้ระดับเทพเจ้าน้อยด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าตั้งแต่กำเนิดเป็นที่ต้องการในฐานะตัวไหม พวกมันถือเป็นที่สุดของที่สุด
ถ้าพวกมันเป็นระดับเทพเจ้าเรียบร้อยแล้ว พวกมันก็ไม่มีความจำเป็นต้องเจริญเติบโต แถมพวกมันยังมีพรสวรรค์ที่สุดยอด มันมีโอกาสสูงที่พวกมันจะไปถึงขั้นบัตเตอร์ฟลายได้ และถ้าโชคดีพวกมันก็จะไปถึงขั้นทรูก็อตได้เลย
เป้าหมายของหลี่เคอเอ๋อคือขั้นบันเตอร์ฟลาย เธอต้องการตัวไหมที่จะไปถึงขั้นบัตเตอร์ฟลายได้
เผ่าแอนเชี่นนท์ก็อตนั้นไม่สนใจจะไปเป็นตัวไหมของเผ่าเวรี่ไฮ ไม่อย่างนั้นสมาชิกทุกคนของเผ่าเวรี่ไฮก็คงจะต่อสู้กันเพื่อแย่งยิงแอนเชี่ยนท์ก็อตมาเป็นตัวไหมของตัวเอง ตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมีแอนเชี่ยนท์ก็อตไม่กี่คนเท่านั้นที่ยอมมาเป็นตัวไหมของเวรี่ไฮ
จระเข้ระดับเทพเจ้าตัวน้อยตัวนั้นต้องแข็งแกร่งทัดเทียมกับแอนเชี่ยนท์ก็อตแน่ เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อรู้สึกต้องการมัน
แต่พวกเธอรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมารับมันไปในฐานะตัวไหม เพราะชีวิตของพวกเธอตกอยู่ในกำมือของมัน
จระเข้ระดับเทพเจ้าตัวน้อยวิ่งมาต่อหน้าหานเซิ่นและคนอื่นๆ มันจ้องมองพวกเขาทั้ง 3 คนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
แต่ดวงตาของมันเล็กมากๆ ไม่ว่าหานเซิ่นจะดูยังไง พวกมันก็ดูกระจิ้ดริด
ตอนนี้หานเซิ่นรู้แล้วว่าตัดสินจระเข้ระดับเทพเจ้าผิดไป มันไม่ได้มองพวกเขาอย่างดูถูก แต่ดวงตาของพวกมันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
จระเข้ระดับเทพเจ้าตัวใหญ่คลานเข้ามาและส่งเสียงเรียกจระเข้น้อย หลังจากนั้นแสงสีดำของจระเข้น้อยก็จางหายไปพร้อมกับแรงกดดัน ทำให้พวกเขาลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
พวกเขาไม่รู้ว่าจระเข้ระดับเทพเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่เรื่องหนึ่งที่แน่ใจคือจระเข้ระดับเทพเจ้าไม่ได้คิดจะฆ่าพวกเขา
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเก่งเรื่องการสัมผัสสิ่งต่างๆ พวกเธอสัมผัสได้ว่าจระเข้ระดับเทพเจ้าไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายอะไรต่อพวกเธอ
จระเข้ระดับเทพเจ้าตัวใหญ่เดินไปที่รูขณะที่จระเข้ระดับเทพเจ้าน้อยปีนขึ้นไปบนหลังของจระเข้ตัวใหญ่ มันหันกลับมาและส่งเสียงให้กับหานเซิ่นและคนอื่นๆ
เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเก่งเรื่องการสัมผัสสิ่งต่าง ดังนั้นพวกเธอจึงรู้ในทันทีว่ามันหมายถึงอะไร ความสามารถในการสัมผัสของหานเซิ่นด้อยกว่าพวกเธอ แต่เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่ามันต้องการให้พวกเขาตามเข้าไป
พวกเขาทั้ง 3 คนมองหน้ากัน หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในรู หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทไม่สามารถหนีไปได้ ส่วนหานเซิ่นก็อยากจะรู้ว่าจระเข้ระดับเทพเจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่
หานเซิ่นเห็นว่ารูนั้นไม่ได้ใหญ่อะไร ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่คิดว่ามันจะลึกอะไรมาก เมื่อเขาเข้าไปข้างใน เขาก็รู้สึกตัวว่าคิดผิดอย่างมหันต์ รูนั้นไร้ซึ่งก้นบึ้งและดูเหมือนจะตรงไปถึงแกนกลางของดวงดาว
พวกเขาทั้ง 3 คนตามจระเข้ไปเรื่อยๆ พวกเขาไม่รู้ว่าลงมาลึกมากแค่ไหน แต่พวกเขาพบว่าตัวเองอยู่ใกล้กับแกนกลางของดวงดาวที่ดูเหมือนกับทะเลลาวา
ความจริงแล้วของเหลวสีแดงนั้นหนาและเข้มยิ่งกว่าลาวา มันเหมือนกับไฮโดรเจนที่ถูกเผาในดวงอาทิตย์
“นี่คงจะเป็นแกนกลางของดาวดวงนี้ จระเข้ระดับเทพเจ้าคงจะอาศัยอยู่ที่นี่”
เอ็กซ์ควิสิทขมวดคิ้ว เธอสังเกตเห็นที่แห่งนี้ตั้งแต่ที่เธอใช้เวรี่ไฮเซ้นส์สแกนดวงดาว แต่ทั้งหมดที่เธอรู้คือเรื่องที่ทะเลลาวาแกนกลางของดวงดาวนั้นดูเหมือนจะกำลังอยู่ระหว่างการหลอมนิวเคลียส เธอไม่ได้รู้สึกตัวว่ามีจระเข้ระดับเทพเจ้าน้อยอาศัยอยู่ที่นี่
จระเข้ระดับเทพเจ้าตัวใหญ่กระโดดลงไปในทะเลลาวา มันค่อยๆว่ายออกไปราวกับว่าความร้อนที่น่ากลัวของแกนกลางดวงดาวไม่ได้ต่างจากน้ำพุร้อนธรรมดาๆ
จระเข้ระดับเทพเจ้าน้อยส่งเสียงมาทางพวกหานเซิ่น มันบอกให้พวกเขาตามมันไป
“เทพจระเข้ ร่างกายของพวกเจ้าอาจจะทนต่อความร้อนได้ แต่ร่างกายของพวกเราทนไม่ได้” หานเซิ่นพูด
เพียงแค่ยืนข้างทะเลลาวา มันก็ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าชุดเกราะตงเสวียนกำลังละลาย มันไม่สามารถทนได้อย่างแน่นอนถ้าเขาลงไปในลาวาสีแดงเข้มนั่น
ร่างกายของจระเข้ระดับเทพเจ้าตัวใหญ่ส่องแสงสีดำออกมาห่อหุ้มหานเซิ่นและคนอื่น ทำให้พวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงร้อนของทะเลลาวาอีก
จระเข้ระดับเทพเจ้าตัวน้อยส่งเสียงเรียกพวกเขาอีกครั้งราวกับว่ามันกำลังบอกให้พวกเขารีบตามไป
จระเข้ระดับเทพเจ้าตัวใหญ่ไม่ได้มีความอดทนมากนัก ขณะที่พวกหานเซิ่นยังคงลังเล จู่ๆร่างกายของพวกเขาก็รู้สึกหนักขึ้นมา พวกเขาถูกดึงลงไปในทะเลลาวา
โชคดีที่พวกเขามีแสงสีดำของจระเข้ระดับเทพเจ้าปกป้องอยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะถูกละลายโดยความร้อนของแกนกลางดวงดางไปแล้ว แรงโน้มถ่วงที่ทรงพลังยังคงดึงพวกเขาลงไปในลาวาเรื่อยๆ และเมื่อการมองเห็นของพวกเขากลับคืนมา พวกเขาก็ออกมาจากทะเลลาวาอันร้อนแรง
พวกเขามาถึงที่ใจกลางของดวงดาว แต่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเป็นเมืองๆหนึ่ง สิ่งที่ได้เห็นทำให้พวกเขาทั้ง 3 คนตกตะลึง แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ที่ใจกลางของดวงดาวมีสิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนกับปราการอวกาศ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา มันไม่มีทางเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้
ปราสาทอวกาศทั้งหลังให้ความรู้สึกที่ล้ำยุค ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นด้วยคริสตัล แต่ปราการอวกาศที่มหัศจรรย์นั้นดูยับเยิน เครื่องจักรคริสตัลที่ซับซ้อนส่วนใหญ่หยุดทำงานไปแล้ว มีเพียงเครื่องจักรไม่กี่อย่างเท่านั้นที่ยังทำงานอย่างริบหรี่
เมื่อได้เห็นปราการอวกาศและเครื่องจักรตรงหน้า หานเซิ่นก็ตกตะลึงจนเกือบจะตะโกนออกมา “ไม่มีทาง! ทำไมที่แห่งนี้ถึงได้ดูเหมือนกับห้องควบคุมของคริสตัลไลเซอร์?”