Super God Gene – ตอนที่ 2623

ตอนที่ 2623 รักษา

 

“ไอ้เวรนี้… ถ้าเจ้ายังไม่รีบไสหัวไปล่ะก็ ข้าจะทุบเจ้าให้ตายด้วยค้อน!” ช่างเหล็กแกว่งแกว่งค้อนอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เขาไล่หานเซิ่นออกไปจากโรงตีเหล็กของเขา

 

หลังจากที่หานเซิ่นถูกไล่ออกไปแล้ว น้ำก็ถูกสาดตามออกมา และทำให้เขาเปียกไปทั้งตัว หูจิ้งจอกของหานเซิ่นหุบลงเมื่อพวกมันเปียก และภาพนั้นก็ทำให้เอ็กซ์ควิสิทหัวเราะออกมา

 

หานเซิ่นสังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเอ็กซ์ควิสิท เขาจึงพูดขึ้นมา
“เจ้าควรจะยิ้มบ่อยๆ เจ้าดูดีมากเมื่อยิ้ม”

 

รอยยิ้มของเอ็กซ์ควิสิทหายไปอย่างรวดเร็ว และเธอก็กลับมาดูเหมือนกับรูปปั้นอีกครั้ง

 

“ในทุกวันนี้ ประชากรส่วนใหญ่ของเมืองราชาดำเป็นเหมือนกับช่างเหล็ก การจะเอาสมบัติไปจากที่นี่เป็นอะไรที่ยากกว่าเมื่อก่อน เจ้าควรจะคิดเกี่ยวกับข้อเสนอของข้า ถ้าเจ้ายอมไปที่เผ่าเวรี่ไฮกับข้า ข้าก็จะได้รับสมบัติระดับเทพเจ้าหนึ่งชิ้นเป็นอย่างน้อย” เอ็กซ์ควิสิทพูดอย่างไร้ความรู้สึก

 

หานเซิ่นเริ่มเช็ดน้ำออกไปจากใบหน้า หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับเข้าไปในโรงตีเหล็กและถามช่างตีเหล็กว่ายินดีจะขายทั่งตีเหล็กไหม ช่างตีเหล็กที่ก้ามโตแกว่งค้อนใส่หานเซิ่น แต่หานเซิ่นหลบมันได้อย่างฉิวเฉียด

 

หานเซิ่นไม่ได้โกรธอะไรกับการกระทำของช่างตีเหล็ก ถ้ามีใครบางคนพยายามจะมาเอาสมบัติของเขาไป เขาเองก็คงจะทำเหมือนๆกัน ความจริงแล้วเขาอาจจะทำอะไรที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้

 

หานเซิ่นเดินไปรอบๆเมืองราชาดำอีกรอบ แต่เขาก็ไม่ได้อะไรกลับมา เมื่อตกค่ำเขาก็เดินทางออกจากเมืองราชาดำ

 

ทุกคนบอกเขาว่าเมืองราชาดำไม่ได้อันตราย ตราบใดที่เขาทำตามกฎ แต่นั่นเป็นความจริงเฉพาะในตอนกลางวันเท่านั้น ถ้าเขาและเอ็กซ์ควิสิทยังคงอยู่ในเมืองราชาดำต่อในตอนกลางคืน พวกเขาก็คงจะต้องตาย

 

เมื่อนานมาแล้วในตอนที่สถานหยกขาวถูกค้นพบเป็นครั้งแรก ศิษย์ของปราสาทนภาหลายคนได้อยู่ค้างคืนที่เมืองราชาดำ แต่วันต่อมาพวกเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทางปราสาทจึงส่งยอดฝีมือระดับเทพเจ้าเข้ามาตามหาพวกเขา แต่เขาก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทางปราสาทนภาจึงสั่งห้ามไม่ให้ค้างคืนภายในเมืองราชาดำ พวกเขาต้องออกมาก่อนที่ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า

 

หานเซิ่นเดิมกลับออกมามือเปล่า เอ็กซ์ควิสิทดูจะไม่ได้เสียใจอะไร เพราะยังไงซะเธอก็ไม่ได้เข้าไปเพื่อสมบัติ เธอแค่ต้องการเพลิดเพลินกับการเดินไปรอบๆร่วมกับหานเซิ่น

 

หลังจากการเดินทางครั้งนั้น หานเซิ่นก็ไม่รู้สึกสนใจที่จะกลับเข้าไปในเมืองราชาดำอีก เขาคิดว่าการใช้เวลาศึกษาวิชาจีโนในหอคอยที่เจ็ดเป็นอะไรที่มีประโยชน์มากกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่มีแผนจะกลับเข้าไปในเมืองราชาดำอีกครั้ง

 

หานเซิ่นได้ศึกษาวิชาจีโนภายในนั้นมาพักหนึ่งแล้ว แต่จำนวนและชนิดของวิชาจีโนภายในนั้นเป็นอะไรที่น่าประทับใจ มันจะมีวิชาใหม่ปรากฏขึ้นมาทุกวันโดยไม่ซ้ำกัน มันมีสิ่งใหม่ๆให้เขาได้ศึกษาอยู่เสมอ

 

ตัวอักษรบนตำราที่ปรากฏในหอคอยเป็นเหมือนกับคิงอีซบนใบไม้ของต้นไม้กษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิง หานเซิ่นไม่เคยเห็นตัวอักษรพวกนั้นมาก่อนในชีวิต แต่ด้วยเหตุบางอย่างเขาสามารถเข้าใจได้ว่าพวกมันหมายความว่ายังไง

 

แต่ถ้าเขาพยายามจะจดตัวอักษรพวกนั้นออกไป ความหมายของมันก็จะสูญหายไป มันเป็นเหมือนกับเวทย์มนตร์ที่ประหลาด

 

หนึ่งปีผ่านไป มันเป็นปีที่สงบสุขที่สุดในชีวิตของหานเซิ่น เขาใช้เวลาไปกับการอ่านตำราในหอคอยที่เจ็ดและรักษาร่างกายของตัวเอง ในบางครั้งเขาจะเข้าไปในเมืองราชาดำ มันไม่มีการต่อสู้ในที่แห่งนั้น หานเซิ่นรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเด็กขี้เกียจขึ้นทุกวันๆ

 

สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นรำคาญมากที่สุดคือผลกระทบจากแส้เหล็กเทพเสน่หาที่รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันเปลี่ยนแปลงร่ายกายของหานเซิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

 

รูปลักษณ์ของเขายังคงไม่เปลี่ยนไปมาก เขายังคงมีหูและหางของจิ้งจอก แต่ส่วนอื่นๆของเขายังคงเป็นมนุษย์

 

แต่ทว่าหานเซิ่นสัมผัสได้ว่าบางสิ่งเปลี่ยนแปลงภายในดวงตาของเขา เขาไม่รู้จะอธิบายมันยังไง เขาไม่ได้พยายามจะเกี่ยวพาราสีใคร แต่เมื่อเขาสบสายตากับผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้หญิง พวกเธอก็จะรู้สึกราวกับว่าเขากำลังจีบพวกเธอ

 

ในตอนที่หานเซิ่นพูดคุยกับพี่น้องยวิ๋น ยวิ๋นซู่อีจะหน้าแดงและก้มหัวลงเป็นเวลานานเมื่อไหร่ก็ตามที่เขามองไปที่เธอ

 

ยวิ๋นซู่ซางไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก แต่ตอนนี้เธอแทบจะไม่มาเยี่ยมเขาอีก

 

“ถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้คนจะคิดว่าเราเป็นคนเจ้าชู้”
หานเซิ่นคิดว่าสถานการณ์เป็นอะไรที่น่าท้อใจ ผู้หญิงดูเหมือนไม่อยากจะเข้าใกล้เขาอีกต่อไปแล้ว แม้แต่เอ็กซ์ควิสิทเองก็เช่นกัน

 

“นี่เจ้าเป็นแส้เหล็กเทพเสน่หาหรือเป็นแส้เหล็กเทพน่ารังเกียจกันแน่? ถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป มันก็จะไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะพูดกับข้าอีก”’ หานเซิ่นยกแส้เหล็กเทพเสน่หาขึ้นและเขย่ามันราวกับว่าเขากำลังสั่งสอนมัน

 

โชคดีที่หานเซิ่นไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้หญิงมากนัก นั่นทำให้การเปลี่ยนแปลงประหลาดนี้เป็นอะไรที่พอจะทนรับได้

 

วันหนึ่งหานเซิ่นรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่ในห้อง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจกลับไปที่เมืองราชาดำ

 

“พี่กระทิง วันนี้เป็นยังไงบ้าง?” หานเซิ่นไปที่โรงตีเหล็กและยิ้มให้กับช่างเหล็ก

 

“นั่นไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า!” ช่างตีเหล็กขึ้นเสียงใส่หานเซิ่นที่เรียกเขาว่า‘กระทิง’

 

“เมื่อไหร่พี่จะขายทั่งตีเหล็กนั่นให้กับข้า?” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับการต้อนรับที่เกรี้ยวกราด

 

“บางทีในชีวิตหน้าของเจ้า” ช่างตีเหล็กพูด

 

ตลอดปีนั้น หานเซิ่นมาที่โรงตีเหล็กอยู่บ่อยๆ เขาไม่ได้เร่งรีบจะเอาทั่งตีเหล็กไป เขาแค่อยากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนภายในเมือง การเดินทางมาที่เมืองราชาดำนั้นกลายเป็นเหมือนกับการผ่อนคลายของเขา

 

ในตอนแรกผู้คนเกลียดชังและกีดกันหานเซิ่น แต่ทว่าหลังจากที่เขาเดินทางมาบ่อยครั้งเข้า ผู้คนก็เริ่มเคยชินกับการเห็นเขาไปไหนมาไหน ถึงแม้ทุกคนจะยังระวังเขาอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่ได้กีดกันหานเซิ่นเหมือนอย่างที่เคยทำ แม้แต่ช่างเหล็กก็ยังพูดคุยกับเขาอยู่บ้างเป็นครั้งคราว

 

ถึงแม้ชายคนนั้นจะอารมณ์บูดบึ้งเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาพูด แต่การพูดคุยก็เป็นการพูดคุย

 

เหมือนกับทุกครั้ง หานเซิ่นเริ่มจะเดินเตร็ดเตร่ไปรอบๆเมือง

 

ในตอนนี้หานเซิ่นรู้จักที่นี่เป็นอย่างดีเหมือนกับหลังมือตัวเอง แต่เขาก็ยังคงไม่พบของมีค่าอะไร

 

ตำนานบอกว่าในตอนแรกที่เมืองราชาดำถูกค้นพบ มันมีสมบัติอยู่ทุกหนทุกแห่ง แม้แต่อิฐก้อนหนึ่งที่พบได้ทั่วไปก็อาจจะมีพลังพิเศษอยู่ภายใน

 

แต่เมื่อเวลาผ่านไปสมบัติก็ถูกผู้คนของปราสาทนภาเอาออกไปชิ้นแล้วชิ้นเล่า สิ่งที่เหลืออยู่อย่างทั่งตีเหล็กนั้นเป็นอะไรที่ยากจะเอาออกไป

 

“น้องหานมานี่หน่อย” ขณะที่หานเซิ่นเดินอยู่บนถนน จู่ๆประตูไม้ก็เปิดออก ผู้หญิงอายุสามสิบปีปรากฏตัวออกมาในชุดดอกไม้ เธอโบกมือเรียกเขา

 

หานเซิ่นจดจำเธอได้ เธอเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหลิว สามีของเธอตายมาเป็นเวลานานแล้วและเธอก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ ทุกคนเรียกเธอว่าหญิงหม้ายหลิว

 

“พี่สาวต้องการอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นเดินเข้าไปหาเธอ เขาเคยได้ยินมาว่าบ้านของหญิงหม้ายหลิวมีสมบัติชิ้นหนึ่งอยู่

 

ศิษย์ของปราสาทนภามากมายต้องการจะเอาสมบัติของตระกูลหลิวไปเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีใครที่ทำสำเร็จ

 

หานเซิ่นรู้ว่าหญิงหม้ายหลิวเป็นสมาชิกของตระกูลเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ บางทีตอนนี้เขาอาจจะซื้อสมบัตินั่นไปได้

 

ทันทีที่หานเซิ่นก้าวเข้าไป หญิงหม้ายหลิวก็ปิดประตูอย่างแรง เธอกระโดดเข้าใส่หานเซิ่นเหมือนกับหมาป่าที่หิวกระหาย เธอกอดเขาอย่างลุ่มหลง แขนของเธอพันรอบตัวของเขาราวกับปลาหมึก

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset