“เด็กน้อย เจ้าต้องการเป็นอย่างเขาที่จะเอาอะไรก็ได้และแกล้งใครก็ได้ไหม?”
ราชาไป๋เดินมาตรงหน้าหานเซิ่นและยื่นมือออกมา เขาลูบหัวของหานเซิ่นด้วยรอยยิ้มและชี้ไปที่ไป๋ว่านเจี้ย หานเซิ่นอึ้งไปขณะที่เขาจ้องมองไปที่ราชาไป๋ เขาไม่รู้ว่าราชาไป๋กำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“ถ้าเจ้าติดตามข้า เจ้าจะรังแกผู้คนได้โดยที่ไม่ต้องเสียใจทีหลัง”
ราชาไป๋พูดขณะที่พาหานเซิ่นเดินออกไป “จะไม่มีใครรังแกเจ้าได้เช่นกัน มีเพียงแค่เจ้าที่แกล้งคนอื่นได้”
ยอดฝีมือของเอ็กซ์ตรีมคิงมองหน้ากันอย่างแปลกๆ พวกเขาไม่รู้เลยว่าราชาไป๋กำลังคิดอะไรอยู่ แถมนี่คือกษัตริย์ที่เกือบจะยึดครองทั้งจักรวาล มันไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมา พวกเขาได้แต่มองดูราชาไป๋เดินจูงมือหานเซิ่นออกจากโถงแห่งกฎไป
หานเซิ่นเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเกินไป ความคิดของราชาไป๋เป็นอะไรที่แตกต่างอย่างน่าประหลาด มันทำให้หานเซิ่นทำตัวไม่ถูก
หานเซิ่นคิดว่าตัวเองจะถูกฆ่าตาย แต่ไม่เพียงแค่เขาจะไม่ถูกฆ่า ราชาไป๋ยังพาเขาไปที่พระราชวัง ผู้หญิงที่งดงามที่นั่นรักษาบาดแผลให้กับเขาและนำชุดที่หรูหรามาให้เขาใส่ เขาสามารถทานอาหารอะไรก็ตามที่เขาปรารถนา มันทำให้หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขากำลังฝันไป เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ดังนั้นมันจึงดูเหมือนไม่เป็นความจริง
ในพระราชวังที่ใหญ่โตนั้นนอกจากราชาไป๋แล้ว มันมีผู้หญิงอยู่ทุกหนทุกแห่ง หานเซิ่นเป็นผู้ชายคนที่สองในที่แห่งนั้น
‘ไม่แปลกใจเลยที่ตำนานกล่าวว่าราชาไป๋เป็นกษัตริย์ที่ความต้องการทางเพศสูงมากๆ ตอนนี้มันสมเหตุสมผล เพียงแค่ดูจากจำนวนลูกของเขาและจำนวนของผู้หญิงที่อยู่ในพระราชวัง มันก็เป็นอะไรที่ชัดเจน’
หานเซิ่นเอนหลังบนเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย ผู้หญิงจากเผ่าเฟเธอร์คนหนึ่งอยู่ข้างๆเขา เธอกำลังปอกผลไม้และป้อนมันให้กับหานเซิ่น ผลไม้ที่ถูกเตรียมให้กับเขามีรสชาติที่มหัศจรรย์ มันเหมือนกับว่าเขากินผลไม้ที่มีชีวิต รูขุมขนทั้งหมดของเขารู้สึกสบายจนพวกมันครางด้วยความสุข
ขณะที่กินมันเข้าไป หานเซิ่นก็คิดกับตัวเอง ‘แม้แต่ผลไม้ที่กินเป็นปกติก็ยังเป็นผลไม้ซีโน่เจเนอิคชั้นสูง พวกมันแค่ลูกหนึ่งก็ทำให้บารอนคนหนึ่งกลายเป็นไวเคานท์ได้เลย พวกเขานี่ร่ำรวยจริงๆ’
หานเซิ่นอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสิบห้าวัน ถ้าเขาพูดว่าต้องการบางสิ่ง เขาก็จะได้มันมา มันไม่มีใครมาคอยจับตาดูเขาเช่นกัน ถ้าเขาต้องการ เขาสามารถไปทุกซอกทุกมุมของพระราชวังได้ตามใจชอบ
แต่ตลอดเวลาที่หานเซิ่นอยู่ที่นั่น เขาก็ไม่เห็นราชาไป๋เลย มันเหมือนกับว่าหลังจากที่ราชาไป๋พาเขาไปที่นั่น เขาก็ลืมเรื่องเกี่ยวกับหานเซิ่นไป
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดแบบนั้น ราชาไป๋ก็เดินเข้ามาในสวน เขายิ้มให้กับหานเซิ่นและถาม
“เจ้าคุ้นเคยกับการอยู่ที่นี่แล้วหรือยัง? ถ้ามันมีบางสิ่งที่เจ้าไม่ชอบเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี่ ทั้งหมดที่เจ้าต้องทำก็คือบอกกับข้า”
“ราชาไป๋ เจ้าควรบอกข้ามาตรงๆว่าเจ้าต้องการอะไร?”
หานเซิ่นรู้ว่าราชาไป๋ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาแบบนี้โดยที่ไม่มีเหตุผล หานเซิ่นรู้ว่าราชาไป๋ต้องมีแผนการบางอย่าง
ราชาไป๋สะบัดมือเพื่อบอกให้คนรับใช้และเจ้าหน้าที่ทุกคนออกไปจากสวน ราชาไป๋นั่งลงบนเก้าอี้หินถัดไปจากหานเซิ่น เขาเทน้ำชาให้กับตัวเองและยกขึ้นมาจิบ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ข้าไม่มีทางเลือก เจ้ารวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง ซึ่งถ้าไม่มีอาวุธจีโนนี่อยู่ ระบบป้องกันของอาณาจักรกษัตริย์ก็จะสั่นคลอน ด้วยเหตุนั้นข้าจำเป็นต้องพึ่งความช่วยเหลือจากเจ้า”
หานเซิ่นมองราชาไป๋อย่างแปลกๆ กษัตริย์ผู้เผด็ชการในตำนานพูดด้วยความถ่อมตัวอย่างน่าประหลาดใจ มันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของหานเซิ่น
จากเผ่าพันธุ์สูงสุดทั้งสาม เผ่าแอนเชี่ยนท์ก็อตนั้นไม่มีความทะเยอทะยานที่จะควบคุมทั้งจักรวาล เผ่าเวรี่ไฮเองก็ไม่ได้สนใจจะทำอะไรแบบนั้นเช่นกัน ด้วยเหตุนั้นเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจึงเป็นเหมือนกับผู้นำของจักรวาล สำหรับกษัตริย์ของเผ่าพันธุ์แบบนั้น ถ้าเขาต้องการให้หานเซิ่นตาย ถึงแม้หานเซิ่นจะอยู่ห่างไปเป็นพันล้านปีแสง หานเซิ่นก็จะต้องตาย
แต่ตอนนี้ราชาไป๋ดูเหมือนกับชายวัยกลางคนที่กำลังพูดเกี่ยวกับปัญหาของตัวเอง ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่ในพระราชวังล่ะก็ หานเซิ่นก็คงจะสงสัยว่าคนๆนี้ใช่กษัตริย์ของเอ็กซ์ตรีมคิงจริงๆหรือเปล่า
“อย่ามองข้าแบบนั้น” ราชาไป๋พูดอย่างนอบน้อม
“ข้าก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ข้าไม่ใช่พระเจ้าที่สูงส่ง ตอนนี้ข้ามีตัวเลือกสองอย่าง หนึ่งคือฆ่าเจ้าและเอาโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิงกลับคืนมา การทำแบบนั้นจะทำให้ระบบป้องกันของเอ็กซ์ตรีมคิงกลับมาเป็นปกติ”
หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา ราชาไป๋ยิ้มและพูด
“แต่ข้าไม่มีแผนที่จะทำแบบนั้น การพัฒนาเผ่าพันธุ์นั้นเหมือนกับการพายเรือทวนกระแสน้ำ ถ้าเจ้าไม่พายไปข้างหน้า เจ้าก็จะถอยหลังไปตามกระแสน้ำ ถึงตอนนี้เอ็กซ์ตรีมคิงจะอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวาล แต่พวกเราไม่ได้ถูกพัฒนามาเป็นเวลายาวนานแล้ว ถ้ามันมีโอกาสที่พวกเราจะพัฒนาขึ้น ข้าก็ยินดีจะลองเสี่ยงดู ถ้าเจ้ายินดีจะช่วยข้า เผ่าพันธุ์ของพวกเราก็จะพัฒนา ถึงแม้โอกาสนั้นจะน้อย แต่มันก็ดีกว่าไม่มีโอกาสเลย”
หานเซิ่นขมวดคิ้วและถาม “เจ้าต้องการให้ข้าไปที่สเปชการ์เด้นร่วมกับเจ้า?”
ราชาไป๋หัวเราะและพูด “เจ้าประเมินตัวเองต่ำเกินไปแล้ว สิ่งประจำตัวของพระเจ้าเป็นสิ่งที่หาได้ยาก แต่ข้าไม่ได้สนใจมัน ข้าต้องการเจ้า”
ราชาไป๋ดูสงบนิ่งมากๆ แต่เขาให้ความรู้สึกที่เหมือนกับการมองโลกจากเบื้องบน มันเป็นบางสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้
“เจ้าต้องการข้า?” หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าราชาไป๋พยายามจะบอกอะไรกับเขา
“ใช่ ข้าต้องการเจ้า ถ้าเจ้ากำเนิดในสเปชการ์เด้นจากความตายของพระเจ้าจริงๆ นั่นหมายความว่าเจ้าเป็นครึ่งพระเจ้า ตอนนี้เมื่อเจ้ารวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของของกษัตริย์องค์ที่สองของพวกเรา ข้าก็อยากจะเห็นว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน ถ้าเจ้ายินดี เจ้าจะได้เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของข้า เจ้าจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าลูกของข้าเอง ข้าจะส่งเสริมให้เจ้าไปถึงขั้นทรูก็อต” ทุกสิ่งที่ราชาไป๋พูดเป็นอะไรที่น่าตกใจอย่างมาก
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัวในตอนที่เขาได้ยินมัน
“ทำไมเรื่องนี้ถึงจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้า?” หานเซิ่นมองราชาไป๋อย่างแปลกๆ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าราชาไป๋ยินดีจะช่วยเหลือซีโน่เจเนอิคคนนอก
“ข้าจะได้รับผลประโยชน์” ราชาไป๋พูด
“เจ้าแค่ต้องบอกมาว่าเจ้ายินดีจะรับความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่?”
“ข้ามีทางเลือกด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยรอยยิ้ม
ราชาไป๋ยิ้มตอบและพูด “ข้าไม่ชอบการบังคับคนอื่น ถ้าเจ้าไม่ต้องการทำ เจ้าก็จะต้องตาย ข้าจะไม่บังคับเจ้า อย่างน้อยๆข้าจะมอบความตายที่รวดเร็วเพื่อที่เจ้าจะไม่ต้องเจ็บปวด และข้ายังจะจัดงานศพที่ใหญ่โตให้กับเจ้า”
“ข้าต้องการจะมีชีวิตอยู่” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ถ้าเจ้ายินดีจะช่วยข้า อีกสองสามวันเจ้าต้องเตรียมให้พร้อม ข้าไม่เคยมีลูกศิษย์มาก่อน ดังนั้นข้าคาดหวังว่าเจ้าจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกศิษย์คนแรกของข้า แต่เป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายด้วย พวกเราจะต้องจัดพิธีการที่ใหญ่โต ข้าต้องการให้ทั้งจักรวาลได้รู้ว่าเจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้า จริงด้วย เจ้ามีชื่อว่าอะไร? ถ้าเจ้าไม่มีชื่อ ข้าจะมอบชื่อให้กับเจ้า เจ้ายังจะได้ชื่อสกุลของข้าอีกด้วย…”
“โฮลี่เบบี้” หานเซิ่นรีบพูด เขาไม่ต้องการชื่อสกุลของราชาไป๋
โฮลี่เบบี้นั้นเป็นชื่อที่หานเซิ่นมอบให้กับเด็กในชุดคลุมสีแดง ถ้าเขายังคงใช้ตัวตนของเด็กคนนั้น หานเซิ่นก็คิดว่าควรจะใช้ชื่อที่เขาตั้งให้กับเด็กคนนั้น
“โฮลี่เบบี้ นั่นเป็นชื่อที่ดี” ราชาไป๋พูดขณะที่หลี่ตาของเขา
“จากนี้เป็นต้นไปโฮลี่เบบี้คือลูกศิษย์ของราชาไป๋ เจ้าเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขา”