หานเซิ่นเปิดใช้อาณาเขตกาลเวลา และทำให้ใบมีดเงาที่เกือบจะมาถึงปลาทองตัวใหญ่นั้นช้าลงจนเหมือนหยุดนิ่ง
เมื่อมูนชาโดว์ก็อตเห็นว่าใบมีดเงาของเธอไม่ได้ผล ดังนั้นเธอจึงเผยตัวเองออกมาจากความมืด เธอลอยตัวอยู่ด้านหลังใบมีดเงาและมองมาที่หานเซิ่นอย่างเกรี้ยวโกรธ
“ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
หานเซิ่นพูดกลับไปว่า “มูนชาโดว์ก็อต ข้าสงสารเจ้า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เจ้าควรไปซะ”
“ไปซะ? ข้าไปก็ได้ แต่ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าจะต้องไม่รอดชีวิตไปจากที่นี่”
มูนชาโดว์ก็อตพูดบางสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล หลังจากนั้นใบมีดเงาของเธอก็กลับไปสู่ความมืดมิดและหายไป
เมื่อหานเซิ่นเห็นมูนชาโดว์ก็อตจากไปแล้ว เขาก็ให้ปลาทองตัวใหญ่ว่ายไปต่อ พวกเขาเดินทางไปอีกไม่นาน ก่อนที่พวกเขาจะเห็นรอยแยกบนพื้น
หานเซิ่นไม่รู้ว่ารอยแยกนั้นกว้างขนาดไหน เพราะแสงของตะเกียงหินนั้นไม่เผยอีกฝากหนึ่งให้เห็น เขาเห็นเพียงแค่ความมืดมิด
หานเซิ่นมองลงไปในรอยแยกและเห็นแค่ความมืดเช่นเดียวกัน เขาไม่รู้ว่ารอยแยกนั้นลึกมากขนาดไหน
หานเซิ่นไม่ต้องการจะบินในสถานที่แห่งนี้ เพราะความเสี่ยงมันสูงเกินไป ดังนั้นเขาจึงมองไปด้านซ้ายและขวาก่อนที่จะตัดสินใจให้ปลาทองตัวใหญ่ว่ายตามรอยแยกด้านซ้ายไปเรื่อยๆ
พวกเขาเดินทางเป็นสิบไมล์ แต่รอยแยกก็ยังคงไม่สิ้นสุด หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันจะยาวไปถึงไหนกันแน่
“แปลกจริงๆ ทำไมเราถึงไม่เห็นราชครูกู่เยวียนกับคนอื่นๆ?”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ราชครูกู่เยวียนนั้นนำหน้าพวกเขาออกไปเพียงไม่นาน แต่จนถึงปานนี้ เขาก็ยังคงไม่เห็นราชครูกู่เยวียนกับคนอื่น นั่นมันไม่ถูกต้อง
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด ดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งอยู่ที่ขอบของรอยแยกขนาดใหญ่ มันเป็นสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะสีดำที่เหมือนกับชุดเกราะหนักของยุโรปยุคกลาง มันกำลังนั่งอยู่ที่ขอบของรอยแยกและก้มหัวลงไปข้างล่าง
“ชื่อของข้าคือหานเซิ่น ข้าแค่ผ่านมาทางนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่สิ่งมีชีวิตในชุดเกราะ
สิ่งมีชีวิตในชุดเกราะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง มันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยหัวที่ก้มต่ำ
“มันตายแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อตรวจเช็คพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะ ใครจะรู้ว่าในตอนที่ออร่าตงเสวียนสัมผัสกับชุดเกราะ จู่ๆชุดเกราะสีดำก็เรืองแสงขึ้นมา มีสัญลักษณ์จำนวนมากปรากฏขึ้นทั่วชุดเกราะ ในตอนที่สัญลักษณ์แสงส่องสว่างขึ้นมา บริเวณรอบๆก็ถูกปกคลุมด้วยใบเสมา พวกหานเซิ่นถูกขังเอาไว้ในใบเสมานั้น
สัญลักษณ์ของชุดเกราะสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ และมันมีลมปราณถูกปลดปล่อยออกมาจากสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะ มันเป็นลมปราณที่รุนแรงจนทำให้หานเซิ่นรู้สึกเกรงกลัว
หานเซิ่นถือตะเกียงหินในมือข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างชกออกไปใส่ใบเสมา แต่พลังหมัดของเขาถูกสะท้อนกลับมา มันเกือบจะทำให้เขาร่วงลงจากหลังของปลาทองตัวใหญ่
“นางฟ้าแห่งความตายถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมาแล้ว เจ้าจะต้องตาย”
มูนชาโดว์ก็อตอยู่ด้านนอกใบเสมา เธอมองมาที่หานเซิ่นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
“จะบอกว่านางฟ้าแห่งความตายนี่เป็นผลงานของเจ้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่มูนชาโดว์ก็อต
“ข้าไม่กล้าจะแตะต้องนางฟ้าแห่งความตาย” มูนชาโดว์ก็อตพูด
“มันเป็นผลงานของผู้นำเซเคร็ด มันเป็นเครื่องจักรที่คอยเฝ้าสวนศักดิ์สิทธิ์ ข้าแค่ใช้กลลวงเพื่อหลอกให้เจ้ามาเจอกับมัน”
“เครื่องจักร? มันมีพลังชีวิตขนาดนี้ มันจะเป็นเครื่องจักรไปได้ยังไง? มันเป็นสิ่งมีชีวิต”
หานเซิ่นมองดูสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะด้วยความแปลกใจ มูนชาโดว์ก็อตนั้นเรียกมันว่านางฟ้าแห่งความตาย
พลังชีวิตของมันแข็งแกร่งมากๆ มันดูไม่เหมือนกับเครื่องจักรเลยสักนิดเดียว
“เจ้าไม่รู้เรื่องอะไร ผู้นำเซเคร็ดนั้นรอบรู้ในทุกสิ่ง คนอย่างเจ้าไม่มีวันจะเข้าใจ มันเป็นเครื่องจักรมีชีวิต ถ้าผู้นำเซเคร็ดต้องการ แม้แต่ก้อนหิน เขาก็เปลี่ยนให้เป็นสิ่งมีชีวิตได้”
มูนชาโดว์ก็อตพูดต่อไปว่า “ข้าแค่หวังจะแก้แค้นให้กับลูกชายของข้าด้วยมือของตัวเอง”
“ทำไมเจ้าถึงทำขนาดนี้เพื่อลูกชายแบบนั้น?” หานเซิ่นถอยหายใจ
“ไม่สำคัญว่าเขาจะเลวร้ายแค่ไหน ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของข้า เจ้าฆ่าเขา ดังนั้นเจ้าต้องชดใช้” มูนชาโดว์ก็อตมีสีหน้าที่สับสนเล็กน้อย ขณะที่เธอพยายามจะทำการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
หานเซิ่นปรารถนาจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่เขาเห็นพลังของนางฟ้าแห่งความตายเรืองแสงอย่างสว่างไสว ทันใดนั้นก็มีปีกแสงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา
สัญลักษณ์บนชุดเกราะนั้นทำให้มันกลายเป็นชุดเกราะกึ่งโปร่งใสและด้วยปีกแสง มันก็ทำให้นางฟ้าแห่งความตายดูเหมือนกับนางฟ้าตัวจริงที่ลงมายังโลกมนุษย์ ออร่าที่น่ากลัวนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกหนาว มันดูเหมือนกับว่าถ้านางฟ้าแห่งความตายขยับปีกแสง มิติอวกาศและความมืดมิดก็จะถูกฉีกขาดในทันที
“ใครก็ตามที่มาที่สวนศักดิ์สิทธิ์จะต้องตาย” นางฟ้าแห่งความตายพูดอย่างเย็นชาราวกับเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก หลังจากนั้นเธอก็ยกแขนขวาขึ้นเหนือหัวราวกับเป็นมีด และเปลวไฟสีขาวก็ลุกโชนขึ้นมาจากมือของเธอ
“ที่นี่ไม่ใช่สวนศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย มันดูเหมือนสวนศักดิ์สิทธิ์ตรงไหนกัน”
หานเซิ่นมองไปรอบๆ นอกจากรอยแยกขนาดใหญ่แล้ว ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือหินที่พังทลาย
ถึงแม้สวนจะถูกทำลายไป เขาก็ควรจะเห็นซากของมัน ที่นี่ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนจะเป็นสวนอยู่เลย
เมื่อได้ยินที่หานเซิ่นพูด นางฟ้าแห่งความตายก็หยุดชะงักไป เธอก้มหัวลงอย่างครุ่นคิด
“นี่ไม่มีทางเป็นเครื่องจักรไปได้ มันจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิต”
หานเซิ่นไม่คิดว่านางฟ้าแห่งความตายจะเป็นเครื่องจักร เพราะเครื่องจักรไม่มีทางจะครุ่นคิดอย่างที่มันกำลังทำได้
มูนชาโดว์ก็อตเย้นหยัน “เจ้าอย่าด่วนดีใจไป รอยแยกขนาดใหญ่นั่นก็คือสวนศักดิ์สิทธิ์ ที่ที่เจ้ากำลังยืนอยู่ก็คือทางเข้าสวนศักดิ์สิทธิ์”
จริงอย่างที่มูนชาโดว์พูด นางฟ้าแห่งความตายคิดอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ที่นี่คือสวนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเข้ามาในสวนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเจ้าต้องตาย”
หลังจากนั้นมือที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีขาวก็ฟันลงมาใส่หานเซิ่น
“พ่อ ปล่อยให้หนูจัดการเอง” หานเซิ่นกำลังจะเริ่มเคลื่อนไหว แต่ทันใดนั้นเป่าเอ๋อก็พูดขึ้นมา เธอกระโดดออกจากไหลของเขา ขณะที่เธออยู่ในอากาศ ร่างกายของเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ในชั่วพริบตาเธอดูเหมือนกับนางฟ้าแห่งความตายไม่มีผิด ชุดเกราะบนตัวของเธอนั้นส่องสว่างมากๆและปีกแสงสีขาวบนหลังของเธอก็ดูใหญ่โต
ปัง!
เป่าเอ๋อยกแขนของเธอขึ้นเช่นกัน เธอลอกเลียนแบบการโจมตีของนางฟ้าแห่งความตาย พลังทั้งสองปะทะกันกลางอากาศเกิดเป็นแรงระเบิดขนาดใหญ่ที่ทำลายใบเสมาของนางฟ้าแห่งความตายเปิดออก พลังของทั้งสองฝ่ายนั้นเสมอกันและไม่มีฝ่ายไหนที่ได้รับบาดเจ็บ
“นั่นเป็นไปได้ยังไง? เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? นางเปลี่ยนร่างเป็นนางฟ้าแห่งความตายได้ยังไงกัน?” มูนชาโดว์ก็อตมองไปที่เป่าเอ๋อด้วยความตกใจ
หานเซิ่นรู้ว่ามันเป็นพลังของแว่นกันแดด แว่นกันแดดนั้นมีพลังที่จะเปลี่ยนผู้สวมใส่เป็นสิ่งมีชีวิตอื่นได้ แถมหลังจากที่เปลี่ยนร่าง ผู้สวมใส่ยังจะได้รับพลังของสิ่งมีชีวิตนั้นมาด้วย แต่น่าเสียดายที่แว่นกันแดดนั้นมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง มันไม่ใช่ว่าผู้สวมใส่จะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ แว่นกันแดดสามารถเปลี่ยนผู้สวมใส่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสแกนแล้วเท่านั้น แถมการสแกนของแว่นกันแดดก็ไม่ได้รวดเร็วนัก และนอกจากต้องใช้เวลาในการสแกน การจะเปลี่ยนร่างก็ใช้พลังงานที่สูง มันจึงมีเวลาที่จำกัดอีกด้วย