Super God Gene – ตอนที่ 2932 นางฟ้าแห่งความตาย

หานเซิ่นเปิดใช้อาณาเขตกาลเวลา และทำให้ใบมีดเงาที่เกือบจะมาถึงปลาทองตัวใหญ่นั้นช้าลงจนเหมือนหยุดนิ่ง

 

เมื่อมูนชาโดว์ก็อตเห็นว่าใบมีดเงาของเธอไม่ได้ผล ดังนั้นเธอจึงเผยตัวเองออกมาจากความมืด เธอลอยตัวอยู่ด้านหลังใบมีดเงาและมองมาที่หานเซิ่นอย่างเกรี้ยวโกรธ

“ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เจ้าก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต”

 

หานเซิ่นพูดกลับไปว่า “มูนชาโดว์ก็อต ข้าสงสารเจ้า ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า เจ้าควรไปซะ”

 

“ไปซะ? ข้าไปก็ได้ แต่ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าจะต้องไม่รอดชีวิตไปจากที่นี่”

มูนชาโดว์ก็อตพูดบางสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล หลังจากนั้นใบมีดเงาของเธอก็กลับไปสู่ความมืดมิดและหายไป

 

เมื่อหานเซิ่นเห็นมูนชาโดว์ก็อตจากไปแล้ว เขาก็ให้ปลาทองตัวใหญ่ว่ายไปต่อ พวกเขาเดินทางไปอีกไม่นาน ก่อนที่พวกเขาจะเห็นรอยแยกบนพื้น

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่ารอยแยกนั้นกว้างขนาดไหน เพราะแสงของตะเกียงหินนั้นไม่เผยอีกฝากหนึ่งให้เห็น เขาเห็นเพียงแค่ความมืดมิด

 

หานเซิ่นมองลงไปในรอยแยกและเห็นแค่ความมืดเช่นเดียวกัน เขาไม่รู้ว่ารอยแยกนั้นลึกมากขนาดไหน

 

หานเซิ่นไม่ต้องการจะบินในสถานที่แห่งนี้ เพราะความเสี่ยงมันสูงเกินไป ดังนั้นเขาจึงมองไปด้านซ้ายและขวาก่อนที่จะตัดสินใจให้ปลาทองตัวใหญ่ว่ายตามรอยแยกด้านซ้ายไปเรื่อยๆ

 

พวกเขาเดินทางเป็นสิบไมล์ แต่รอยแยกก็ยังคงไม่สิ้นสุด หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันจะยาวไปถึงไหนกันแน่

 

“แปลกจริงๆ ทำไมเราถึงไม่เห็นราชครูกู่เยวียนกับคนอื่นๆ?”

หานเซิ่นขมวดคิ้ว ราชครูกู่เยวียนนั้นนำหน้าพวกเขาออกไปเพียงไม่นาน แต่จนถึงปานนี้ เขาก็ยังคงไม่เห็นราชครูกู่เยวียนกับคนอื่น นั่นมันไม่ถูกต้อง

 

ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิด ดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งอยู่ที่ขอบของรอยแยกขนาดใหญ่ มันเป็นสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะสีดำที่เหมือนกับชุดเกราะหนักของยุโรปยุคกลาง มันกำลังนั่งอยู่ที่ขอบของรอยแยกและก้มหัวลงไปข้างล่าง

 

“ชื่อของข้าคือหานเซิ่น ข้าแค่ผ่านมาทางนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสา” หานเซิ่นพูดขณะที่มองไปที่สิ่งมีชีวิตในชุดเกราะ

 

สิ่งมีชีวิตในชุดเกราะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง มันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยหัวที่ก้มต่ำ

 

“มันตายแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียนเพื่อตรวจเช็คพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะ ใครจะรู้ว่าในตอนที่ออร่าตงเสวียนสัมผัสกับชุดเกราะ จู่ๆชุดเกราะสีดำก็เรืองแสงขึ้นมา มีสัญลักษณ์จำนวนมากปรากฏขึ้นทั่วชุดเกราะ ในตอนที่สัญลักษณ์แสงส่องสว่างขึ้นมา บริเวณรอบๆก็ถูกปกคลุมด้วยใบเสมา พวกหานเซิ่นถูกขังเอาไว้ในใบเสมานั้น

 

สัญลักษณ์ของชุดเกราะสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ และมันมีลมปราณถูกปลดปล่อยออกมาจากสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะ มันเป็นลมปราณที่รุนแรงจนทำให้หานเซิ่นรู้สึกเกรงกลัว

 

หานเซิ่นถือตะเกียงหินในมือข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างชกออกไปใส่ใบเสมา แต่พลังหมัดของเขาถูกสะท้อนกลับมา มันเกือบจะทำให้เขาร่วงลงจากหลังของปลาทองตัวใหญ่

 

“นางฟ้าแห่งความตายถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้นมาแล้ว เจ้าจะต้องตาย”

มูนชาโดว์ก็อตอยู่ด้านนอกใบเสมา เธอมองมาที่หานเซิ่นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ

 

“จะบอกว่านางฟ้าแห่งความตายนี่เป็นผลงานของเจ้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่มูนชาโดว์ก็อต

 

“ข้าไม่กล้าจะแตะต้องนางฟ้าแห่งความตาย” มูนชาโดว์ก็อตพูด

“มันเป็นผลงานของผู้นำเซเคร็ด มันเป็นเครื่องจักรที่คอยเฝ้าสวนศักดิ์สิทธิ์ ข้าแค่ใช้กลลวงเพื่อหลอกให้เจ้ามาเจอกับมัน”

 

“เครื่องจักร? มันมีพลังชีวิตขนาดนี้ มันจะเป็นเครื่องจักรไปได้ยังไง? มันเป็นสิ่งมีชีวิต”

หานเซิ่นมองดูสิ่งมีชีวิตในชุดเกราะด้วยความแปลกใจ มูนชาโดว์ก็อตนั้นเรียกมันว่านางฟ้าแห่งความตาย

 

พลังชีวิตของมันแข็งแกร่งมากๆ มันดูไม่เหมือนกับเครื่องจักรเลยสักนิดเดียว

 

“เจ้าไม่รู้เรื่องอะไร ผู้นำเซเคร็ดนั้นรอบรู้ในทุกสิ่ง คนอย่างเจ้าไม่มีวันจะเข้าใจ มันเป็นเครื่องจักรมีชีวิต ถ้าผู้นำเซเคร็ดต้องการ แม้แต่ก้อนหิน เขาก็เปลี่ยนให้เป็นสิ่งมีชีวิตได้”

มูนชาโดว์ก็อตพูดต่อไปว่า “ข้าแค่หวังจะแก้แค้นให้กับลูกชายของข้าด้วยมือของตัวเอง”

 

“ทำไมเจ้าถึงทำขนาดนี้เพื่อลูกชายแบบนั้น?” หานเซิ่นถอยหายใจ

 

“ไม่สำคัญว่าเขาจะเลวร้ายแค่ไหน ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของข้า เจ้าฆ่าเขา ดังนั้นเจ้าต้องชดใช้” มูนชาโดว์ก็อตมีสีหน้าที่สับสนเล็กน้อย ขณะที่เธอพยายามจะทำการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

 

หานเซิ่นปรารถนาจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่เขาเห็นพลังของนางฟ้าแห่งความตายเรืองแสงอย่างสว่างไสว ทันใดนั้นก็มีปีกแสงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา

 

สัญลักษณ์บนชุดเกราะนั้นทำให้มันกลายเป็นชุดเกราะกึ่งโปร่งใสและด้วยปีกแสง มันก็ทำให้นางฟ้าแห่งความตายดูเหมือนกับนางฟ้าตัวจริงที่ลงมายังโลกมนุษย์ ออร่าที่น่ากลัวนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกหนาว มันดูเหมือนกับว่าถ้านางฟ้าแห่งความตายขยับปีกแสง มิติอวกาศและความมืดมิดก็จะถูกฉีกขาดในทันที

 

“ใครก็ตามที่มาที่สวนศักดิ์สิทธิ์จะต้องตาย” นางฟ้าแห่งความตายพูดอย่างเย็นชาราวกับเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก หลังจากนั้นเธอก็ยกแขนขวาขึ้นเหนือหัวราวกับเป็นมีด และเปลวไฟสีขาวก็ลุกโชนขึ้นมาจากมือของเธอ

 

“ที่นี่ไม่ใช่สวนศักดิ์สิทธิ์สักหน่อย มันดูเหมือนสวนศักดิ์สิทธิ์ตรงไหนกัน”

หานเซิ่นมองไปรอบๆ นอกจากรอยแยกขนาดใหญ่แล้ว ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือหินที่พังทลาย

 

ถึงแม้สวนจะถูกทำลายไป เขาก็ควรจะเห็นซากของมัน ที่นี่ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนจะเป็นสวนอยู่เลย

 

เมื่อได้ยินที่หานเซิ่นพูด นางฟ้าแห่งความตายก็หยุดชะงักไป เธอก้มหัวลงอย่างครุ่นคิด

 

“นี่ไม่มีทางเป็นเครื่องจักรไปได้ มันจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิต”

หานเซิ่นไม่คิดว่านางฟ้าแห่งความตายจะเป็นเครื่องจักร เพราะเครื่องจักรไม่มีทางจะครุ่นคิดอย่างที่มันกำลังทำได้

 

มูนชาโดว์ก็อตเย้นหยัน “เจ้าอย่าด่วนดีใจไป รอยแยกขนาดใหญ่นั่นก็คือสวนศักดิ์สิทธิ์ ที่ที่เจ้ากำลังยืนอยู่ก็คือทางเข้าสวนศักดิ์สิทธิ์”

 

จริงอย่างที่มูนชาโดว์พูด นางฟ้าแห่งความตายคิดอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“ที่นี่คือสวนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเข้ามาในสวนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเจ้าต้องตาย”

 

หลังจากนั้นมือที่ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีขาวก็ฟันลงมาใส่หานเซิ่น

 

“พ่อ ปล่อยให้หนูจัดการเอง” หานเซิ่นกำลังจะเริ่มเคลื่อนไหว แต่ทันใดนั้นเป่าเอ๋อก็พูดขึ้นมา เธอกระโดดออกจากไหลของเขา ขณะที่เธออยู่ในอากาศ ร่างกายของเธอก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ในชั่วพริบตาเธอดูเหมือนกับนางฟ้าแห่งความตายไม่มีผิด ชุดเกราะบนตัวของเธอนั้นส่องสว่างมากๆและปีกแสงสีขาวบนหลังของเธอก็ดูใหญ่โต

 

ปัง!

เป่าเอ๋อยกแขนของเธอขึ้นเช่นกัน เธอลอกเลียนแบบการโจมตีของนางฟ้าแห่งความตาย พลังทั้งสองปะทะกันกลางอากาศเกิดเป็นแรงระเบิดขนาดใหญ่ที่ทำลายใบเสมาของนางฟ้าแห่งความตายเปิดออก พลังของทั้งสองฝ่ายนั้นเสมอกันและไม่มีฝ่ายไหนที่ได้รับบาดเจ็บ

 

“นั่นเป็นไปได้ยังไง? เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน? นางเปลี่ยนร่างเป็นนางฟ้าแห่งความตายได้ยังไงกัน?” มูนชาโดว์ก็อตมองไปที่เป่าเอ๋อด้วยความตกใจ

 

หานเซิ่นรู้ว่ามันเป็นพลังของแว่นกันแดด แว่นกันแดดนั้นมีพลังที่จะเปลี่ยนผู้สวมใส่เป็นสิ่งมีชีวิตอื่นได้ แถมหลังจากที่เปลี่ยนร่าง ผู้สวมใส่ยังจะได้รับพลังของสิ่งมีชีวิตนั้นมาด้วย แต่น่าเสียดายที่แว่นกันแดดนั้นมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง มันไม่ใช่ว่าผู้สวมใส่จะเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ แว่นกันแดดสามารถเปลี่ยนผู้สวมใส่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกสแกนแล้วเท่านั้น แถมการสแกนของแว่นกันแดดก็ไม่ได้รวดเร็วนัก และนอกจากต้องใช้เวลาในการสแกน การจะเปลี่ยนร่างก็ใช้พลังงานที่สูง มันจึงมีเวลาที่จำกัดอีกด้วย

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset