เป่าเอ๋อที่ใช้แว่นกันแดดเปลี่ยนร่างเป็นนางฟ้าแห่งความตายนั้นเหมือนกับนางฟ้าแห่งความตายตัวจริงทุกอย่าง การต่อสู้จึงเป็นไปอย่างดุเดือดและยากที่จะบอกว่าฝ่ายไหนจะเป็นฝ่ายชนะ
หานเซิ่นไม่ได้มัวดูการต่อสู้ของเป่าเอ๋อกับนางฟ้าแห่งความตาย ขณะที่เขานั่งถือตะเกียงหินอยู่บนหลังของปลาทองตัวใหญ่ เขาก็ใช้มืออีกข้างฟันมีดเหตุและผลออกไปในทิศทางของมูนชาโดว์ก็อต
มูนชาโดว์ก็อตต้องการจะหนีกลับเข้าไปในความมืด แต่เธอพบว่าถึงเธอจะรีบหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด แต่เธอก็เคลื่อนที่ไปได้แค่ระยะสั้นๆเท่านั้น มันเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ขยับเขยื้อนไปแม้แต่นิดเดียว
หานเซิ่นรู้ว่ามูนชาโดว์ก็อตหนีเก่ง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงใช้อาณาเขตกาลเวลาเพื่อหยุดเธอเอาไว้ รัศมีของอาณาเขตกาลเวลานั้นค่อนข้างแคบ นอกซะจากศัตรูจะมาอยู่ใกล้ๆ มันก็ยากที่เขาจะจำกัดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้
โชคดีที่ก่อนหน้านี้มูนชาโดว์ก็อตคิดว่าหานเซิ่นคงจะถูกนางฟ้าแห่งความตายฆ่าตาย แถมมันยังมีใบเสมากั้นระหว่างพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเข้ามาใกล้ๆ เธออยากจะเห็นหานเซิ่นถูกฆ่าตายอย่างใกล้ชิด
แต่ในตอนที่เป่าเอ๋อเปลี่ยนร่างเป็นนางฟ้าแห่งความตายและปะทะกับนางฟ้าแห่งความตายตัวจริง ใบเสมาก็พังทลายลง หานเซิ่นจึงใช้จังหวะนั้นเพื่อปลดปล่อยอาณาเขตกาลเวลาออกไปครอบคลุมมูนชาโดว์ก็อต
มูนชาโดว์ก็อตไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ แต่ในตอนที่มีดลมปราณของหานเซิ่นพุ่งไปถูกมูนชาโดว์ก็อต มันก็เหมือนกับว่าเขาฟันไปถูกเงา มีดลมปราณนั้นพุ่งผ่านตัวเธอไป เขาไม่สามารถสร้างความเสียหายกับเธอได้
หานเซิ่นลองฟันอยู่หลายครั้ง แต่ผลที่ออกมาเหมือนเดิมทุกครั้ง เขาไม่สามารถแตะต้องร่างกายของมูนชาโดว์ก็อตได้
มูนชาโดว์ก็อตพูดเย้ยหยัน “อาณาเขตกาลเวลาที่ทรงพลังแบบนั้น เจ้าจะใช้มันได้อีกนานสักแค่ไหนกัน? ในตอนที่อาณาเขตกาลเวลาหายไป มันจะถึงเวลาที่ข้าจะแก้แค้นให้กับลูกชายของข้า”
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสแบบนั้น” หานเซิ่นตอบ เขาวางตะเกียงหินลงตรงหน้าและนำเอาโล่เมดูซ่าส์เกซออกมา
แสงประหลาดถูกส่องออกจากดวงตาของผู้หญิงบนโล่และผ่านเปลวไฟของตะเกียง แสงที่ถูกย้อมเป็นสีขาวนั้นพุ่งต่อไปหามูนชาโดว์ก็อตที่ถูกหยุดเอาไว้โดยอาณาเขตกาลเวลา เธอไม่สามารถเคลื่อนตัวหลบได้ เธอจำเป็นต้องรวบรวมพลังเพื่อต่อสู้กับมัน
แต่โล่เมดูซ่าส์เกซเป็นถึงอาวุธขั้นทรูก็อตและยังได้รับพลังเสริมจากเปลวไฟของตะเกียงหิน ทำให้เธอไม่สามารถต้านทานมันได้ มันแช่ร่างกายของมูนชาโดว์ก็อตให้แข็งกลายเป็นหิน
หานเซิ่นเลิกสนใจมูนชาโดว์ก็อตและหันมาดูเป่าเอ๋อที่กำลังต่อสู้กับนางฟ้าแห่งความตาย เขาสังเกตเห็นว่าเป่าเอ๋อกำลังได้เปรียบศัตรู เธอกำลังไล่ต้อนนางฟ้าแห่งความตายให้จนมุม
ในกรณีที่พลังและวิชาจีโนเหมือนกัน เป่าเอ๋อที่เรียนรู้วิชาการต่อสู้มาจากหานเซิ่นจึงเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ การควบคุมจังหวะการโจมตีและความเข้าใจการต่อสู้ของเธอนั้นเรียกได้ว่าไร้ที่ติ อย่างน้อยๆมันก็เหนือกว่านางฟ้าแห่งความตาย เธอจึงเอาชนะนางฟ้าแห่งความตาย ซึ่งมีพลังเหมือนกันกับนางได้
เป่าเอ๋อฟันถูกอกของนางฟ้าแห่งความตาย เธอตัดชุดเกราะบริเวณอกของนางฟ้าแห่งความตายจนเปิดออก หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าในชุดเกราะของนางฟ้าแห่งความตายนั้นไม่ได้เป็นเนื้อหนัง มันเป็นแสงสีขาว
‘มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริงๆหรอเนี่ย’ หานเซิ่นคิด
‘ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้นำเซเคร็ดทำเป็นอะไรที่เหลือเชื่อ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะสร้างเครื่องจักรที่ทรงพลังขนาดนี้ขึ้นมาได้ ถ้าเขาสร้างนางฟ้าแห่งความตายได้เป็นจำนวนมาก มันก็เป็นเรื่องง่ายที่เขาจะยึดครองจักรวาลนี้’
นางฟ้าแห่งความตายได้รับบาดเจ็บ แต่มันยังไม่ยอมแพ้ ดูเหมือนกับว่านางฟ้าแห่งความตายไม่รู้จักความเจ็บปวดหรือความกลัว มันยังคงต่อสู้กับเป่าเอ๋อต่อไป
หานเซิ่นตัดหัวของนางฟ้าแห่งความตาย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงไม่ตาย ไฟสีขาวลุกโชนจากคอของมันและมันยังคงต่อสู้กับเป่าเอ๋อต่อไป
เป่าเอ๋อฟันใส่อกของนางฟ้าแห่งความตายจนเปิดออกและเผยให้เห็นคริสตัลสีขาวที่อยู่ภายใน
เป่าเอ๋อบินเข้าไปหาศัตรูและดึงคริสตัลนั้นออกมา ทันใดนั้นเปลวไฟสีขาวของนางฟ้าแห่งความตายก็ดับไป ชุดเกราะนั้นแตกกระจายออกเป็นหลายๆส่วน
“พ่อ” เป่าเอ๋อบินกลับมาพร้อมกับคืนร่างเดิมของเธอ เธอดูเหนื่อยมากๆ ดูเหมือนว่าเธอจะใช้แว่นกันแดดมากเกินไป
หานเซิ่นรีบรับเธอไว้ เป่าเอ๋อเป็นเหมือนกับแมวในอ้อมแขนของเขา เธอเกือบจะหลับไปในทันที
หานเซิ่นแทบจะไม่เคยเห็นเป่าเอ๋อเหนื่อย ‘การใช้แว่นกันแดดดูจะกินพลังมาก แม้แต่เป่าเอ๋อก็ยังใช้มันเป็นเวลานานไม่ได้’
หานเซิ่นหยิบคริสตัลของนางฟ้าแห่งความตายมาจากมือของเป่าเอ๋อและสังเกตเห็นว่ามันเป็นคริสตัลที่มีหลายด้าน รูปร่างของมันคล้ายคลึงกับรูปไข่ มันเรืองแสงจากภายในและปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา
“สิ่งนี้ทำขึ้นมาจากอะไรกัน ถ้ามันไม่มีเสียงประกาศดังขึ้นมา มันก็คงจะไม่ใช่ยีนซีโน่เจเนอิค” หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าคริสตัลนี้คืออะไร ดังนั้นเขาจึงเก็บไปก่อน
ในตอนที่หานเซิ่นกำลังจะไปจากที่นั่น เขาก็นึกเกี่ยวกับสิ่งที่มูนชาโดว์ก็อตพูด เธอบอกว่ารอยแยกใหญ่นี้คือทางเข้าของสวนศักดิ์สิทธิ์
หานเซิ่นคิด ‘ไม่รู้ว่าสวนศักดิ์สิทธิ์นั้นคือสถานที่แบบไหน แต่ถ้าผู้นำเซเคร็ดให้นางฟ้าแห่งความตายคอยเฝ้ามันเอาไว้ นั่นก็หมายความว่ามันจะต้องมีบางสิ่งที่สำคัญอยู่ ในเมื่อนางฟ้าแห่งความตายที่คอยเฝ้าทางเข้าตายไปแล้ว บางทีเราก็ควรจะเข้าไปดูว่าสวนศักดิ์สิทธิ์นั้นคืออะไร บางทีเราอาจจะพบเบาะแสบางอย่าง’
หานเซิ่นเข้ามาในเซเคร็ดเพื่อตามหาเสี่ยวฮวา นอกจากนั้นเขายังต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเซเคร็ดให้มากขึ้น ในเมื่อมันมีสถานที่ที่สำคัญมาอยู่ตรงหน้า เขาจะไม่ลองไปสำรวจดูได้ยังไงกัน
หานเซิ่นถือตะเกียงหินและส่องแสงลงไปในรอยแยกขนาดใหญ่ แสงนั้นลงไปไม่ถึงก้น ดังนั้นหานเซิ่นจึงไม่สามารถบองได้ว่ามันลึกขนาดไหน
หานเซิ่นถือตะเกียงหินและลงไปในรอยแยกอย่างระมัดระวัง หลังจากที่บินลงไปเป็นระยะสั้นๆ เขาก็สามารถยืนยันได้ว่ามันไม่มีอันตรายอะไร หลังจากนั้นเขาก็ให้พวกปลาทองบินตามลงมา
หานเซิ่นอุ้มเป่าเอ๋อที่กำลังหลับอยู่เอาไว้และขึ้นไปบนหลังของปลาทองตัวใหญ่ ข้างล่างนี้มันมืดสนิท ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่กล้าให้ปลาทองตัวใหญ่บินลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วเกินไป พวกเขาค่อยๆลงไปอย่างช้าๆ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาก็เห็นแสงสว่างของบางสิ่ง
“ตะเกียง…” หานเซิ่นจ้องไปที่แสงสว่างสักพักและสังเกตเห็นว่ามันส่องสว่างมาจากตะเกียงสองอัน
หานเซิ่นให้ปลาทองตัวใหญ่บินเข้าไปหาตะเกียงทั้งสอง และเมื่อเข้าไปใกล้ๆ เขาก็สังเกตเห็นว่าระหว่างตะเกียงทั้งสองมีประตูบานหนึ่งอยู่ มันมีขนาดใหญ่เหมือนกับประตูทางเข้าของเซเคร็ด
หานเซิ่นสังเกตเห็นป้ายเหนือประตู ซึ่งอ่านได้ว่า “สวนศักดิ์สิทธิ์”
ประตูนั้นกำลังเปิดออก แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่อยู่ในประตูนั้นไม่ได้พังทลาย เขาเห็นว่าภายในสวนศักดิ์สิทธิ์มีตะเกียงอยู่เป็นจำนวนมาก มันทำให้พื้นที่ข้างในนั้นสว่างไสวทั้งหมด
สวนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีทั้งศาลา เนินเขา ดอกไม้และต้นหญ้า มันดูงดงามมากๆ การต่อสู้ดูเหมือนจะมาไม่ถึงสถานที่แห่งนี้ มันอยู่ในสภาพดีอย่างน่าประหลาดใจ
ในตอนที่หานเซิ่นมองไปที่ศาลา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มันมีใครบางคนกำลังนั่งอยู่ในศาลา