รูปปั้นหยกของหว่านเอ๋อร์นั้นถูกสร้างขึ้นมาจากเขาของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ และมันก็มีดวงวิญญาณของฉินซิวอยู่ภายใน ในตอนที่วิญญาณของฉินซิวจางหายไป รูปปั้นหยกก็ย่อขนาดเล็กลงจนพอมาอยู่ในมือของหานเซิ่น ฉินซิวบอกให้หานเซิ่นนำรูปปั้นไปที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์
หานเซิ่นสงสัยมาโดยตลอดว่าฉินซิวต้องการให้เขาเอารูปปั้นหยกมาที่นี่เพราะอะไร ในตอนที่รูปปั้นหยกต้องการจะบินออกไปจากอกของเขา หานเซิ่นก็รู้ว่ามันมีบางสิ่งไม่ปกติ
หานเซิ่นอยากจะเอารูปปั้นหยกออกมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่อีแร้งแก่นั้นมาถึงปราสาทศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว มันมาพร้อมกับควันสีดำ ขณะที่มันพุ่งเข้าไปหาหานเซิ่นเหมือนกับสายลม
หานเซิ่นเทเลพอร์ตไปหลบด้านหลังรูปปั้นของฉินซิว อีแร้งแก่โมโหอย่างมาก แต่มันต้องยับยั้งพลังของตัวเองเอาไว้ มันไม่ต้องการจะสร้างความเสียหายกับรูปปั้นของฉินซิว
“ออกมาจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้!” อีแร้งแก่ตะโกนอย่างเกรี้ยวโกรธ ขนนกสีดำของมันบินออกไปเหมือนกับลูกธนูและตรงเข้าไปหาหานเซิ่น
หานเซิ่นไม่ได้ตอบกลับ เขาเคลื่อนที่ไปรอบๆรูปปั้นเพื่อหลบการโจมตี แต่ขนนกสีดำนั้นเหมือนกับมีชีวิต มันสามารถเปลี่ยนทิศทางการบินได้อย่างอิสระและไล่ตามหานเซิ่นไปเรื่อยๆ มันบินโค้งรอบรูปปั้นอย่างสมบูรณ์แบบ
ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่เคยเห็นมาก่อนว่าฉินซิวมีหน้าตาเป็นยังไง แต่ออร่าที่รูปปั้นปลดปล่อยออกมานั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีทางที่เขาจะลืมไปได้ ออร่าพิเศษนั้นเหมือนกับวิญญาณของฉินซิว มันไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะลอกเลียนแบบได้
แต่หานเซิ่นยังคงรู้สึกแปลกๆ เนื่องจากในตำนานกล่าวว่าผู้นำเซเคร็ดนั้นสวมใส่ชุดเกราะและไม่มีใครเห็นใบหน้าของเขา แต่รูปปั้นหินนี้สวมใส่เสื้อผ้าและใบหน้าก็เผยออกมาให้เห็น
หานเซิ่นเทเลพอร์ตไปมารอบๆรูปปั้น ด้วยการที่อีแร้งแก่ไม่ต้องการจะสร้างความเสียหายกับรูปปั้น มันจึงระมัดระวังอย่างมาก ซึ่งทำให้มันไม่สามารถทำอะไรหานเซิ่นได้
“อย่าได้สร้างความเสียหายกับรูปปั้น!” ปีศาจสาวบินเข้ามาในปราสาทพร้อมกับอสูรยักษ์ไร้ดวงตา
“แน่นอนว่าข้าจะไม่ทำแบบนั้น!” อีแร้งแก่ตะโกนด้วยโทนเสียงรำคาญ
ถ้าไม่ใช่เพราะรูปปั้น อีแร้งแก่ก็คงจะกดหานเซิ่นลงกับพื้นและไม่ปล่อยให้เขาเทเลพอร์ตไปมาแบบนี้ ซึ่งทำให้มันรู้สึกโมโห
ปีศาจสาวและอสูรไร้ดวงตามาเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย แต่หานเซิ่นถนัดเรื่องการต่อสู้กับศัตรูเป็นกลุ่ม แถมเขายังมีรูปปั้นที่สามารถใช้เป็นที่กำบังได้ ดังนั้นถึงปีศาจสาวและคนอื่นจะแข็งแกร่ง พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับหานเซิ่นได้ มันทำให้พวกเขารู้สึกหดหู่อย่างมาก
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านนอกปราสาท “ข้ามีหนทางจะช่วยพวกเจ้าจับตัวหานเซิ่น พวกเจ้าสนใจไหม?”
พวกปีศาจสาวหันไปมองและเห็นว่าคนที่พูดขึ้นมาก็คือราชครูกู่เยวียนของเอ็กซ์ตรีมคิง หลังจากที่หนีไปนั้นราชครูกู่เยวียนไม่ได้ออกไปจากที่นี่ ราชครูกู่เยวียนนั้นสะกดรอยตามพวกเขาจนมาถึงปราสาทศักดิ์สิทธิ์
ราชครูกู่เยวียนไม่ได้เข้ามาในปราสาท เขาแค่ยืนอยู่ข้างนอก
ก่อนที่ปีศาจสาวจะได้พูดอะไร ราชครูกู่เยวียนก็พูดขึ้นมาก่อน
“ข้ามีสมบัติที่จะช่วยแก้ปัญหาในตอนนี้ของพวกเจ้า แต่ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยข้าเรื่องหนึ่ง นั่นฟังดูเป็นยังไง?”
“เจ้าต้องการจีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?” ปีศาจสาวพูดขณะที่มองไปที่ราชครูกู่เยวียน
ราชครูกู่เยวียนพูดอย่างจริงจัง “เจ้าคงจะรู้สินะว่าร่างกายแห่งราชันของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นเป็นแค่ตัวทดลองในการทำจีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา และมันเป็นตัวทดลองที่ล้มเหลว สำหรับข้าแล้ว การทำให้ร่างกายแห่งราชันสมบูรณ์แบบคือความปรารถนาเดียวของข้า”
“น่าเสียดายที่ข้าต้องทำให้เจ้าผิดหวัง” ปีศาจสาวพูด
“จีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เคยถูกผลิตขึ้นมา ในตอนที่เซเคร็ดถูกทำลาย จีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงไม่เสร็จสมบูรณ์”
“ข้าไม่ได้คาดหวังที่จะได้รับจีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว” ราชครูกู่เยวียนพูด
“ข้าแค่หวังจะได้รับข้อมูลของจีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้นำเซเคร็ดเคยทำการทดลอง เพื่อที่เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงจะได้นำไปพัฒนาต่อ พวกเจ้าคงจะให้กับข้าได้สินะ”
“ถ้าเจ้าช่วยพวกเราจัดการหานเซิ่น ข้าจะมอบข้อมูลเกี่ยวกับจีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ให้กับเจ้า” ปีศาจสาวพูด
“แต่อย่าได้คาดหวังกับมันมาก หลังจากการต่อสู้นั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ได้ถูกทำลายไป มันจึงเหลือข้อมูลแค่บางส่วนเท่านั้น”
“ขอบคุณพวกเจ้าที่ยอมตกลงในเรื่องนี้” ราชครูกู่เยวียนพูดพร้อมกับโค้งคำนับ
“เจ้าจะช่วยพวกเราจับตัวเขาได้ยังไง?” อีแร้งตะโกนถามขึ้นมาขณะที่พยายามไล่จับหานเซิ่น
ราชครูกู่เยวียนเอาของบางอย่างออกมาจากในเสื้อ เขาโยนมันให้กับปีศาจสาวและพูด
“ด้วยสมบัติชิ้นนี้ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะฆ่าหรือจับตัวเขาได้อย่างง่ายดาย”
ปีศาจสาวรับสิ่งนั้นมาและสังเกตเห็นว่ามันคือลูกบอลที่ดูเหมือนกับโมเดลของดาวเคราะห์
ปีศาจสาวจดจำได้ในทันทีว่ามันคืออะไร “แอสทรอลอินสทรูเมนท์ นี่ทาสรับใช้คนนั้นขโมยมันไปจากห้องทดลองอย่างนั้นหรอ?”
สีหน้าของราชครูกู่เยวียนไม่เปลี่ยนแปลง เขาพูดขึ้นว่า
“เมื่อก่อนในตอนที่เซเคร็ดล่มสลาย บรรพบุรุษของพวกเราต้องการจะเก็บรักษาพลังของผู้นำเซเคร็ดจากการถูกทำลายโดยสมบูรณ์ เขาหวังว่าวันหนึ่งจะได้รับใช้เซเคร็ดอีกครั้ง เมื่อเซเคร็ดถูกสร้างขึ้นมาใหม่”
ถึงแม้ปีศาจสาวจะรู้ว่าราชครูกู่เยวียนพูดจาไร้สาระ แต่เธอไม่มีอารมณ์จะมาโต้เถียงกับเขา เธอแค่พูดขึ้นว่า “ถ้าสิ่งนี้จับตัวหานเซิ่นได้ ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าจะได้รับสิ่งที่เจ้าต้องการ”
“ขอบคุณพวกเจ้าอย่างมาก” ราชครูกู่เยวียนโค้งคำนับอีกครั้ง
หานเซิ่นรู้อยู่แล้วว่าราชครูกู่เยวียนเป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ เขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยที่ราชครูกู่เยวียนทรยศเขา แต่เขาไม่รู้ว่าแอสทรอลอินสทรูเมนท์คืออะไร และมันมีพลังแบบไหนกันแน่
ปีศาจสาวถือแอสทรอลอินสทรูเมนท์เอาไว้และมองดูมันเรืองแสงเหมือนกับดวงดาว มันกำลังหมุนอย่างรวดเร็ว
แอสทรอลอินสทรูเมนท์เป็นเหมือนกับแสงไฟที่หมุนไปมาในผับ มันส่องแสงไปทั่วทั้งปราสาทศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้เซิ่นรู้สึกว่าทุกสิ่งรอบๆตัวเขากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
เขากำลังอยู่ในปราสาทศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้วยเห็นบางอย่าง เขาไปปรากฏตัวอยู่ในอากาศ ทุกสิ่งทุกอย่างในปราสาทศักดิ์สิทธิ์นั้นหายไป
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เข้าใจว่าแอสทรอลอินสทรูเมนท์คือสมบัติธาตุอวกาศ มันสามารถดึงสิ่งมีชีวิตมาสู่อวกาศได้ นอกซะจากเขาจะทำลายแอสทรอลอินสทรูเมนท์ในมือของอาเหมยได้ เขาก็จะถูกขังอยู่ในอวกาศนั้นตลอดไป
“เด็กน้อย ทีนี้เจ้าจะหนีไปที่ไหนอีกล่ะ?” อีแร้งแก่เย้ยหยันหานเซิ่น ก่อนหน้านี้ในปราสาท มันกลัวว่าพลังของมันจะไปสร้างความเสียหายให้กับรูปปั้น ตอนนี้เมื่อมาอยู่ในอวกาศ มันก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป มันสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่
เมื่อเห็นควันสีดำที่เหมือนกับเมฆดำบนท้องฟ้ากำลังเคลื่อนที่เข้ามาหา หานเซิ่นก็ไม่ได้หนีไปไหน เขาเอาขวดไวน์ออกมาและดื่มมันจนหมดในครั้งเดียว
“ถ้าพวกเจ้าต้องการจะต่อสู้ อย่างนั้นพวกเราก็มาสู้กัน!” ออร่าของหานเซิ่นเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่กำลังปะทุ มันปกคลุมทั้งอวกาศ
ในหัวของหานเซิ่นมีเสียงประกาศดังขึ้นมา “ยีนระดับเทพเจ้า+1… ยีนระดับเทพเจ้าเต็มหนึ่งร้อยยีน… ร่างกายต่อสู้เริ่มการวิวัฒนาการ…”