Super God Gene – ตอนที่ 3013 หานหยี่เฟย

บนดาวโคลด์ ชายและหญิงคู่หนึ่งกำลังเดินไปบนดินแดนหิมะ คนผู้ชายนั้นกำลังอุ้มทารกที่สวมใส่ชุดขนสัตว์

 

แอนเชี่ยนท์ออริจินก็อตให้แอนเชี่ยนท์ก็อตธาตุอวกาศช่วยเทเลพอร์ตหานเซิ่น ดราก้อนเลดี้และแอนเชี่ยนท์สปิริตซีดไปที่ดาวโคลด์ มันช่วยขจัดปัญหาของหานเซิ่นไปได้มาก ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะตามหาตัวผู้หญิงคนนั้น แต่เมื่อเขามาถึงดาวโคลด์ เขาก็รู้สึกตัวว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้

 

ถึงแม้ดาวโคลด์จะเป็นดาวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ แต่สภาพแวดล้อมของมันก็ยังคงโหดร้ายมากๆ อุณหภูมิของดวงดาวนั้นต่ำแบบสุดๆ สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดวงดาวส่วนใหญ่จึงเป็นซีโน่เจเนอิคธาตุความหนาวเย็น สิ่งมีชีวิตเดียวที่มีสติปัญหาสูงคือเผ่าพันธุ์ที่เรียกว่าสโนว์แมน สโนว์แมนนั้นไม่ใช่ซีโน่เจเนอิค แต่เทคโนโลยีของพวกเขายังไม่ถึงระดับที่จะทำการเดินทางระหว่างดวงดาวได้ พวกเขาถือว่าล้าหลังมากๆ

 

เนื่องจากเผ่าสโนว์แมนไม่สามารถเดินทางระหว่างดวงดาวได้ พวกเขาจึงไม่รู้จักภาษาสามัญของจักรวาลและมีภาษาเป็นของตัวเอง มันจึงทำให้การจะสนทนากับพวกเขาเป็นเรื่องยาก

 

หานเซิ่นพยายามจะสนทนากับพวกสโนว์แมน แต่เขาหาข้อมูลเกี่ยวกับหานหยี่เฟยไม่ได้เลย

 

“หานหยี่เฟยคนนั้นอยู่บนดาวโคลด์นี้จริงๆอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นเริ่มสงสัยว่าที่หานจิงจื่อพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ อีกฝ่ายเคยถูกเรียกว่าเป็นจอมโกหกที่เก่งกาจที่สุด ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้านี่เป็นแค่เรื่องโกหกของเขา

 

ในตอนนี้หานเซิ่นรู้สึกหดหู่อย่างมาก เขาไม่สามารถใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะสแกนทั้งดวงดาว ซึ่งถ้าหานหยี่เฟยอยู่ที่นี่จริงๆ มันก็เป็นเรื่องง่ายๆที่จะหาตัวเธอ

 

ขณะที่หานเซิ่นไตร่ตรองว่าเขาควรจะใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดและใช้ตงเสวียนออร่าเพื่อสแกนทั้งดวงดาวดีไหม จู่ๆดราก้อนเลดี้ก็ถามขึ้นมา “นั่นอะไร?”

 

หานเซิ่นมองตามสายตาของดราก้อนเลดี้และเห็นภูเขาหิมะที่อยู่ในทุ่งน้ำแข็ง

 

การได้เห็นภูเขาหิมะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกๆอะไร แต่ที่แปลกก็คือภูเขาหิมะนั้นเป็นครึ่งวงกลมเหมือนกับซาลาเปายักษ์ที่ตั้งอยู่บนน้ำแข็ง ถึงดาวโคลด์จะมีภูเขาหิมะอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่มันไม่ได้มีรูปร่างกลมๆเหมือนกับภูเขาหิมะลูกนี้

 

“ไปดูกันเถอะ” หานเซิ่นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาเป็นเหมือนกับสายฟ้าที่พุ่งตรงเข้าไปหาภูเขาหิมะครึ่งวงกลม

 

เมื่อเขาไปใกล้ๆ หานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่ภูเขา แต่เป็นสิ่งก่อสร้างครึ่งวงกลมที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ เว้นก็แต่บริเวณทางเข้า

 

“ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะมีสิ่งก่อสร้างที่ทันสมัยอยู่ที่นี่ ถึงแม้หานหยี่เฟยจะไม่ได้อยู่ในนั้น แต่อย่างน้อยมันก็ต้องมีเบาะแสบางอย่างอยู่” หานเซิ่นมองเห็นประตู

 

ในตอนที่หานเซิ่นและดราก้อนเลดี้เดินไปอยู่หน้าประตู ประตูโลหะก็เปิดออกด้วยตัวเองและเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

 

“สิ่งก่อสร้างนี้ส่วนใหญ่ทำขึ้นมาจากน้ำแข็งอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าภายในสิ่งก่อสร้างนั้นเป็นน้ำแข็งที่กึ่งโปร่งใส ไม่ว่าจะกำแพงหรือโต๊ะต่างก็ทำขึ้นมาจากน้ำแข็ง มีเพียงแค่เครื่องมือทันสมัยเท่านั้นที่ทำขึ้นมาจากโลหะ

 

“ยินดีต้อนรับสู่ห้องปฏิบัติการซีโร่” มีหุ่นยนต์ที่ดูเก่ามากๆเดินมาต้อนรับพวกเขา หัวของมันเป็นหลอดไฟครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ มันดูเหมือนกับไซเรนของตำรวจ มันกระพริบไฟสีฟ้าและสีแดง ขณะที่มันเข้ามาหาพวกเขา

 

ในตอนที่หานเซิ่นและดราก้อนเลดี้เห็นหุ่นยนต์ พวกเขาก็ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป หัวของหุ่นยนต์นั้นฉายแสงมาที่พวกเขา มันแช่แข็งร่างกายของพวกเขาและเปลี่ยนพวกเขาเป็นก้อนน้ำแข็ง

 

“ข้าพบตัวทดลองสามคน นี่มันเยี่ยมไปเลย! นายท่านต้องดีใจแน่ๆ ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”

หุ่นยนต์พูดด้วยเสียงสังเคราะห์ แต่โทนเสียงของมันฟังดูไม่เหมือนกับหุ่นยนต์

ปัง!

ในตอนที่หุ่นยนต์กำลังจะพาหานเซิ่นและดราก้อนเลดี้ไป ก้อนน้ำแข็งที่กักขังดราก้อนเลดี้อยู่ก็ส่องแสงสว่างออกมา เธอพังก้อนน้ำออกมา พร้อมกับมีมีดครัวและส้อมปรากฏในมือของเธอ

 

“ถึงแม้เจ้าจะเป็นหุ่นยนต์ แต่เจ้าคงเข้าใจถึงการถูกจับทำเป็นอาหาร แปดวิชาดราก้อนอีเตอร์: ระบำมีดและส้อม”

ดราก้อนเลดี้ดูใจเย็น แต่มีดและส้อมในมือของเธอเป็นเหมือนกับพายุที่โหมกระหน่ำเข้าโจมตีหุ่นยนต์

 

เสียงโลหะปะทะกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเวลาอันสั้นหุ่นยนต์ก็ถูกสับเป็นชิ้นๆ มันกลายเป็นเศษโลหะที่กองอยู่บนพื้น

 

หลังจากนั้นก็มีแฟรี่ที่ดูเหมือนกับหิมะน้ำแข็งบินออกมาจากหุ่นยนต์ มันกระพือปีกน้อยๆเพื่อหลบหลีกมีดและส้อมของดราก้อนเลดี้ มันรีบบินหนีลึกเข้าไปในสิ่งก่อสร้าง ตอนนี้หานเซิ่นรู้แล้วว่าหุ่นยนต์เป็นแค่ฉากหน้า ขณะที่แฟรี่นั่นคือตัวจริง

 

“คิดจะหนีอย่างนั้นหรอ?!” ดราก้อนเลดี้ดูเลือดเย็น

“แปดวิชาดราก้อนอีทเตอร์ บาร์บีคิวหมู!”

 

ส้อมของดราก้อนเลดี้พุ่งตรงเข้าไปหาแฟรี่หิมะที่กำลังหนี ส้อมนั้นล็อคตัวของมันเอาไว้ และทำให้มันไม่สามารถขยับไปไหนได้

 

ดราก้อนเลดี้เรียกส้อมกลับมาโดยที่ร่างของแฟรี่หิมะถูกดึงกลับมาพร้อมกัน

 

วินาทีต่อมา มีดของดราก้อนเลดี้ก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟ เธอจะจับแฟรี่หิมะทำอาหารในทันที

 

แฟรี่หิมะพยายามดิ้นรนและร้องตะโกน “นายท่าน ช่วยข้าด้วย!”

 

เมื่อไฟกำลังจะสัมผัสตัวแฟรี่หิมะ มันก็มีแสงอันหนาวเย็นพุ่งเข้ามาใส่ส้อมที่ดราก้อนเลดี้ถืออยู่ แฟรี่หิมะถูกปล่อยเป็นอิสระอีกครั้ง มันกระพือปีกเพื่อบินหลบเปลวเพลิงที่ได้อย่างหวุดหวิด

 

ลึกเข้าไปในห้องปฏิบัติการมีผู้หญิงสวมเสื้อกาวน์สีขาว กระโปรงสั้น ถุงน่องและส้นสูงยืนอยู่ เธอมีผมสั้นและสวมใส่แว่นกรอบดำ ในมือของเธอมีมีดฝ่าตัดอยู่ แสงที่หนาวเย็นนั้นพุ่งออกมาจากมีดฝ่าตัดนั้น

 

แฟรี่หิมะบินไปหาผู้หญิงคนนั้นและพูด “นายท่าน พวกเขาบุกเข้ามาในห้องปฏิบัติการและต้องการจะฆ่าข้า! พวกเราควรจับพวกเขามาเป็นตัวทดลอง”

 

ผู้หญิงคนนั้นจ้องไปที่ดราก้อนเลดี้ ขณะที่ราก้อนเลดี้เองก็จ้องไปที่อีกฝ่ายเช่นกัน ดูเหมือนกับว่ามีประกายไฟเกิดขึ้นระหว่างพวกเธอ

 

ผู้หญิงในชุดกาวน์สีขาวพูดขึ้นว่า “ข้าก็คิดว่าใครที่กล้าบุกเข้ามาในห้องปฏิบัติการของข้า ที่แท้ก็เป็นแอนเชี่ยนท์ก็อตลูกผสม เจ้าเหมาะที่จะเป็นตัวทดลองของข้า”

 

ในตอนที่ดราก้อนเลดี้ได้ยินแบบนั้น เธอก็มีสีหน้าไม่พอใจ

“ก่อนที่จะเป็นแบบนั้น เจ้าจะกลายเป็นอาหารบนจานของข้า”

 

ผู้หญิงทั้งสองจ้องหน้ากัน มีด ส้อมและมีดฝ่าตัดเรืองแสงแห่งเทพที่น่ากลัวออกมา ระดับพลังของพวกเธอกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

“หยุด! พวกเราทุกคนในที่นี้ต่างก็เป็นพวกเดียวกัน พวกเราควรจะคุยกันดีๆ นี่เป็นการเข้าใจผิด” หานเซิ่นทำลายก้อนน้ำแข็งและเข้ามาขวางพวกเธอทั้งคู่เอาไว้

 

ผู้หญิงทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมๆกัน “ใครบอกว่าข้าเป็นพวกเดียวกันกับนาง?”

 

หลังจากนั้นผู้หญิงในชุดกาวน์ก็ดูตกใจเมื่อเห็นหานเซิ่น

“เจ้า! ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

 

“หานจิงจื่อส่งข้ามาหาเจ้า เขาบอกว่าเจ้าแก้ไขปัญหาของเลือดสีฟ้าในตัวข้าได้” หานเซิ่นไม่พูดอ้อมค้อม

 

“หานจิงจื่อ? เขาเป็นใครกัน?” หานหยี่เฟยดูสับสน

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset