Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. – ตอนที่ 74

แสงที่ 74 กลับศูนย์บัญชาการ (1)

ท่ามกลางความตกตะลึงของลูเซียน รอยยิ้มค่อยๆที่จะปรากฏผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ เธอค่อยๆกลอกดวงตาอ่านรายงานที่ถูกส่งมาจากฐานที่มั่นจุดที่ 56 โดยคนที่ส่งมา นั่นก็คือสตาร์

ฟุบ..!

เจมิไนท์ อาทิสและเทรนที่ต่างพากันชันตัวออกจากเก้าอี้ ก่อนที่คนทั้งสามจะพร้อมใจกันเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างหลังของลูเซียน เพื่อที่จะอ่านข้อความในรายงาน..

[กระผมสิบตรีสตาร์ขอสรุปผลรายงานภารกิจปกป้องฐานที่มั่นจุดที่ 56..จากภารกิจที่กระผมได้รับมอบหมาย กระผมได้ดำเนินการใช้กลยุทธ์พิฆาตทมิฬในการเข้ากวาดล้างกองกำลังของโนโทเปียที่กระจายกำลังกันอยู่ภายในป่าเซลฟอส พร้อมทั้งเด็ดหัวผู้บัญชาการสูงสุดของข้าศึก

ทั้งนี้ทางกองกำลังของฝ่ายเอลเดียไม่มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในภารกิจเลยสักนาย โดยที่ทางด้านผู้บัญชาการของหน่วยกระทิงสลาตันและทหารภายใต้สังกัดก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สุดท้าย..กระผมจึงขอสรุปผลของภารกิจ ภารกิจเสร็จสิ้นเอลเดียเป็นฝ่ายชนะ]

[ขอแสดงความเคารพต่อท่านผู้บัญชาการสูงสุดลูเซียน และท่านพลตรีแห่งหน่วยพยัคฆ์คลั่ง สิบตรีสตาร์]

ทันทีที่ลูเซียนอ่านจดหมายจนจบ เธอก็ค่อยๆก้มหน้าลงไป ส่วนทางด้านของพลตรีทั้งสามที่ได้อ่านรายงานจนจบก็ต่างพากันอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก..

“หึๆ ๆ ฮ่าๆ ๆ..!!!!!”ลูเซียนที่แหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“ฉันกะเอาไว้อยู่แล้วว่าฉันมองคนไม่ผิด เป็นไงล่ะพวกแก..”ลูเซียนที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม แต่ทันทีที่เธอหันกลับไปมองพลตรีทั้งสามที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอก็ต้องหยุดชะงัก จากการที่พวกเขากำลังยืนแสดงสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ทว่าความเรียบนิ่งนั้นกลับสื่อออกมาทางแววตาในลักษณะของคำว่า [เหรอครับ]

“อะแฮ่ม..~ เอาเถอะ..สุดท้ายแล้วเจ้านั่นก็ได้แสดงให้พวกเราได้เห็นถึงความสามารถ..”ลูเซียนที่หันหน้ากลับมา ก่อนจะเอามือป้องปากส่งเสียงกระแอ้มและรีบเบี่ยงประเด็นในทันที..

“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ จนแล้วจนรอด เจ้านั่นก็ไม่คิดที่จะบอกกับพวกเราว่ากลยุทธ์พิฆาตทมิฬ มันเป็นกลยุทธ์แบบไหน แถมในรายงานก็ไม่ได้ระบุรายละเอียดอะไรเอาไว้มาก..”เทรนที่กล่าวออกมา..

“นั่นสินะ..เอาไว้พอเรียกตัวเจ้านั่นกลับมาค่อยถามก็ได้..”ลูเซียนที่กล่าว..

“แล้วท่านคิดว่ามันจะยอมบอกง่ายๆไหมล่ะครับ..?”เทรนที่กล่าวออกมา จึงทำให้ลูเซียนที่ได้ยินต้องหยุดชะงัก..

“ฉันเองก็อยากจะรู้รายเอียดซะด้วยสิ ถ้าอย่างงั้นก็..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา ก่อนจะชำเลืองสายตาไปมองดิ๊ก..

“จ่าสิบเอกดิ๊กรับคำสั่ง..!”

“ครับ..!”ดิ๊กที่รีบยกฝ่ามือขึ้นมา พร้อมกับเปล่งเสียงขานรับ..

“ออกคำสั่งเรียกตัวร้อยเอกลิลิธและสิบตรีสตาร์กลับมายังศูนย์บัญชาการโดยด่วน และมอบหมายให้ร้อยโทเรนรักษาการตำแหน่งผู้บัญชาการชั่วคราว..!”สิ้นเสียงของลูเซียนที่ตะโกนออกคำสั่ง ดิ๊กก็พลันเปล่งเสียงขานรับในทันที ก่อนที่เขาจะไปจัดการตามคำสั่ง..

“รับทราบ..!!!!”

“ท่านครับ..ด้านหลังของรายงาน..”เจมิไนท์ที่หรี่ตาลง เมื่อสังเกตเห็นหมึกที่ซึมอยู่บนกระดาษ เมื่อลูเซียนได้ยินแบบนั้นก็รีบพลิกหน้ากระดาษด้วยความร้อนรน..

[ผมส่งของขวัญไปให้ท่าน กล่องแรกเป็นของที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ มันคืออาวุธทดลองที่โนโทเปียคิดค้นขึ้น ใบที่สองคือของขวัญ ส่วนกล่องใบที่สามเป็นสมบัติส่วนตัวของผมรบกวนฝากเอาไว้และอย่าได้เปิดมันเป็นอันขาด..

และทันทีที่ท่านได้เห็นของที่อยู่ภายในกล่อง เรื่องรายละเอียดผมจะกลับไปรายงานให้ท่านฟังทีหลัง เพราะผมรู้ว่าทันทีที่ท่านได้อ่านรายงานฉบับนี้ท่านจะต้องเรียกตัวผมกับร้อยเอกลิลิธกลับไปที่ศูนย์บัญชาการอย่างแน่นอน ปล.ต้องขออภัยด้วยถ้าเกิดว่าม้าของผมอาจจะพังประตูห้องประชุมเข้าไป]

สิ้นรายงานสุดท้ายที่อยู่บนกระดาษ ลูเซียนและพลตรีทั้งสามก็ต่างพากันอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก..

“มะ..มันเห็นอนาคตหรือเปล่า..?”ลูเซียนที่กล่าวออกมาด้วยความสะพรึง..

“ทะ..เท่าที่อ่านน่าจะเป็นการคาดเดาสถานการณ์มากกว่าครับ..”อาทิสที่กล่าวออกมา เมื่อทุกๆคนได้ยินก็ต่างพากันกลืนน้ำลาย..

“แล้วของที่ไอ้เจ้านั่นส่งมามันอยู่ที่ไหนกันล่ะ..?”ลูเซียนที่กล่าวออกมาด้วยความสงสัย เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่เจมิไนท์จะก้าวขาเดินไปยังหน้าต่างของห้องประชุมชั้นที่สอง และมองลงไปยังลานกว้างหน้าศูนย์บัญชาการ ก่อนที่เขาจะได้พบเข้ากับเกวียนที่บรรทุกกล่องปริศนาเอาไว้จำนวน 3 ใบ โดยที่หนึ่งในนั้นมีลักษณะคล้ายกับโลงศพ

“ข้างล่างมีเกวียนอยู่ครับ ดูเหมือนว่าไอ้เจ้าอาชาทมิฬจะเป็นคนลากมา..”เจมิไนท์ที่กล่าวออกมา ทั้งๆที่ไร้ซึ่งคนขี่แต่ทว่าเวเดอร์กลับสามารถที่จะกลับมายังศูนย์บัญชาการ แถมยังส่งมอบรายงานและของทุกอย่างได้ ความฉลาดของมันทำให้ทุกๆคนต่างต้องพากันทึ่ง..

“ลงไปดูกันเถอะ..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา ก่อนที่หลังจากนั้นทุกๆคนจะต่างพากันเดินลงไปยังลานหน้าศูนย์บัญชาการ..

ทันทีที่มาถึงเจมิไนท์กับอาทิสก็ได้เดินเข้าไปช่วยกันแบกโลงศพและกล่องอีกสองใบลงมาวาง โดยที่โลงและกล่องทั้งสองมีเลขที่เขียนเอาไว้..

แกร๊ก..

เจมิไนท์ที่ทำการเปิดกล่องทั้งสองใบ ท่ามกลางสายตาของเทรนกับลูเซียนที่ยืนรอดูอยู่ เริ่มจากกล่องใบแรก

ฟุบ..

“อะ..อึก นะ..นี่มันอะไรกัน..?!”เจมิไนท์ที่ถึงกับผงะ พร้อมกับชันตัวลุกขึ้นยืน โดยที่ทุกๆคนก็ต่างพากันมาชะโงกหน้าเข้ามาดูของที่อยู่ภายในโลง ก่อนจะได้พบเข้ากับหัวและร่างกายของหมาป่าขนสีดำ..

ภาพของสัตว์ประหลาดที่ปรากฏ มันทำให้ทุกๆคนถึงกับพูดอะไรไม่ออก..

“ไอ้สัตว์ประหลาดนี่น่ะเหรอ อาวุธทดลองของไอ้พวกโนโทเปีย..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา ซึ่งถ้าไม่ติดว่ามีร่างกายของมันด้วย เธอก็คงจะคิดว่านี่เป็นเพียงแค่หมาป่าธรรมดา..

“อึก..นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะครับ เราจะต้องรีบแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านจอมพลรับรู้โดยด่วน..”อาทิสที่กล่าวออกมา..

“อืม..ตอนนี้นอกจากไอ้พวกเมลันเทีย ไอ้พวกโนโทเปียมันก็ได้เผยอาวุธลับออกมาแล้ว ทางเราจำเป็นที่จะต้องหาแผนรับมือโดยด่วน..”ลูเซียนที่กล่าวออกมาอย่างเห็นด้วย ก่อนจะหันไปมองยังกล่องใบที่สอง..

“แล้วกล่องใบที่สองล่ะ..”

แกร๊ก..

เจมิไนท์ที่ทำการเปิดกล่องใบที่สอง โดยที่ข้างในปรากฏให้เห็นเป็นปลอกแขนที่เอาไว้ใช้บ่งบอกระดับยศทหารของโนโทเปีย..

“หืม..? ปลอกแขนของไอ้พวกโนโทเปียหนิ ยศร้อยเอกหนึ่งนาย ร้อยโทสองนายและร้อยตรีหนึ่งนาย..”เจมิไนท์ที่ทำการตรวจสอบปลอกแขนดังกล่าว ซึ่งถ้ามองดูเผินๆมันก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจจนกระทั่งสายตาของเจมิไนท์เหลือบไปเห็นตราสัญลักษณ์ดาวหกแฉกที่ติดอยู่บนปลอกแขนของร้อยเอก..

“อะ..อึก เดี๋ยวนะ..นี่มันเหรียญกล้าหาญของไอ้พวกโนโทเปียหนิ..”เจมิไนท์ที่กล่าวออกมา โดยที่มันก็ทำให้ลูเซียน อาทิสและเทรนต้องพากันตกตะลึง..

“ว่ายังไงนะ..?”ลูเซียนที่กล่าวออกมา โดยที่ทางด้านของเจมิไนท์ก็ยื่นส่งปลอกแขนมาให้เธอ

“อึก..เหรียญกล้าหาญของไอ้พวกโนโทเปียจริงๆด้วย ตามปกติแล้วเหรียญกล้าหาญของพวกมันจะถูกติดให้แค่เฉพาะทหารที่มีฝีมือหรือทหารที่สามารถทำภารกิจใหญ่ๆได้สำเร็จ ถึงจะเป็นแค่ทหารยศร้อยเอก แต่สถานะของเจ้านี่จะต้องเป็นคนที่มีความสำคัญต่ออาณาจักรของพวกมันแน่..”ลูเซียนที่กล่าวอธิบายออกมา

“หึๆ ไอ้เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นทำได้ดีกว่าที่ฉันคาดเอาไว้เยอะเลย สมกับที่ฉันเคยจะมอบเหรียญกล้าหาญให้มัน ครั้งก่อนมันปฏิเสธไป แต่ดูเหมือนว่ารอบนี้จะต้องบังคับให้มันรับซะแล้วสิ..”ลูเซียนที่ส่งเสียงหัวเราะอยู่ภายในลำคอ..

“แล้วกล่องใบที่สามล่ะ..?”ลูเซียนที่หันไปมองยังกล่องใบสุดท้าย..

“หืม..? ไม่ใช่ว่าเจ้านั่นสั่งเอาไว้ว่าห้ามเปิดหรอกเหรอครับ เห็นว่าเป็นของส่วนตัวหนิ..”อาทิสที่กล่าวออกมา แต่ทว่าทางด้านของลูเซียน เจมิไนท์และเทรนกลับต่างชำเลืองสายตามามองหน้ากัน พร้อมทั้งแสยะรอยยิ้มอย่างรู้กัน..

“หึ..ฉันอยากรู้เปิดมันซะ..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา เมื่อเจมิไนท์ได้ยินก็ไม่รอช้าทำการเปิดกล่องที่สามในทันที..

แกร๊ก..

“อึก..!!”

ทันทีที่กล่องถูกเปิด ดวงตาของเจมิไนท์ก็พลันเบิกกว้างขึ้น จากภาพของลูกตานับหลายหลายร้อยดวงที่ปรากฏอยู่ภายในกล่อง สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้เขา ลูเซียน อาทิสและเทรนต่างพากันพูดอะไรไม่ออก..

“มะ..มันจะเอาลูกตาไปทำบ้าอะไรวะ..?”ลูเซียนที่สบถออกมา โดยที่เจมิไนท์ก็รีบปิดกล่องลงอย่างไว..

“ผมเคยได้ยินเจมิสเล่าให้ฟังอยู่ครั้งหนึ่ง ในภารกิจชายแดนใต้ หลังจากที่เจ้านั่นมันกวาดล้างกองกำลังทหารบนเนินที่ราบสูงจนเสร็จ มันก็ได้ทำการควักเอาลูกตาของไอ้พวกทหารจากเมลันเทียออกมา ไม่แน่ว่านั่นอาจจะเป็นรสนิยมส่วนตัวของมันก็ได้..”เจมิไนท์ที่บอกเล่าเรื่องราว ซึ่งมันก็ทำให้ทุกๆคนต่างพากันกลืนน้ำลายลงคอ..

“อึก ไม่ปกติ..!!”

7 ชั่วโมงต่อมา..

ณ ฐานที่มั่นจุดที่ 56

[สตาร์]

หลังจากค่ำคืนของงานเลี้ยงฉลอง ทันทีที่ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้า ผมก็พบว่าลิลิธกำลังนอนอยู่ภายใต้อ้อมแขนของผม..

ซึ่งเมื่อเธอตื่นขึ้นมาและนึกย้อนถึงคำสารภาพรักที่บอกกับผมเมื่อคืน มันก็ทำให้เธออายจนทำอะไรไม่ถูก..

ก่อนที่หลังจากนั้นผมจะแอบปลีกตัวไปหาพวกเชลยที่ถูกจับตัวมา ก่อนจะจัดการล้วงเอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับไอ้เจ้ามนุษย์หมาป่า ทันทีที่ได้ข้อมูลมาผมก็กลับมาอาบน้ำและใช้ชีวิต ตลอดทั้งวันอยู่กับลิลิธ

 

ซึ่งพวกเราทั้งสองนั้นได้ใช้เวลาพูดคุยทำความรู้จักกัน รู้สึกตัวอีกทีช่วงเวลาผ่านเลยไปกว่าหลายชั่วโมง จนกระทั่งไอ้เจ้าเวเดอร์กลับมายังศูนย์บัญชาการ..

โดยที่ตัวของมันนั้นได้รับมอบหมายภารกิจจากผมให้นำของไปส่งที่ศูนย์บัญชาการ เพื่อแลกกับรางวัลที่ผมจะอนุญาติให้มันได้อึ๊บม้าสาวหมดทั้งคอก ในเมื่อผมขี่มันไม่ได้ ผมก็ต้องหางานมาให้มันทำ..

ซึ่งแม่งก็ไปไวมาไวราวกับจรวด จากปกติที่ต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 7 ชั่วโมง มันกลับวิ่งไปกลับโดยใช้เวลารวมกันเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยทันทีที่กลับมาถึงพี่แกก็ไม่พูดอะไรกับใครวิ่งกระโจนเข้าไปในคอกม้า ก่อนจะจัดการกระหน่ำม้าตัวเมียซะจนหมดคอก แถมยังลามไปยันม้าตัวผู้หน้าหวาน(ขนสวย)ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่..

“ท่านผู้บัญชาการจะกลับแล้วเหรอคะ..”ลิลิธที่ถามผมด้วยสีหน้าจ๋อยๆ เธอดูเหมือนจะไม่อยากให้ผมกลับ..

“ภารกิจเสร็จแล้วฉันคงต้องถูกส่งตัวกลับไปนั่นแหละ..”ผมที่ตอบกลับลิลิธ พลางยกกาแฟขึ้นมาดื่ม อีกไม่นานคงจะมีใครสักคนที่ลูเซียนส่งให้มารับตัวของผมไป..

“อย่างงั้นเองสินะคะ..”ลิลิธที่กล่าวออกมา ก่อนที่เธอจะชันตัวลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาหาผม..

ฟุบ..

“หืม..?”ผมที่หรี่ตาลง จากการที่ลิลิธจู่ๆก็ขึ้นมานั่งบนตักของผม พร้อมกับใช้สองมือโอบคอของผมเอาไว้..

“ระ..เรื่องที่พูดเมื่อคืน มันออกมาจากความรู้สึกของฉันจริงๆนะคะ พอกลับไปแล้วท่านจะลืมฉันหรือเปล่า..?”ลิลิธที่ถามกับผม แก้มขาวๆของเธอกำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ เธอคงจะหลงผมเข้าให้เสียแล้ว..

“ฉันจะไปลืมเธอลงได้ยังไงกันล่ะ ฉันเองก็ชอบเธอนะ แต่ถ้าจะให้คบจริงจังจนถึงขั้นแต่งงานก็คงจะไม่ได้หรอก..”

“ทะ..ทำไมล่ะคะ..!”ลิลิธที่เอ่ยถามผมด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความเสียใจ..

“ก็เงื่อนไขเอมพาสของฉันมันเป็นแบบนี้ ฉันจำเป็นที่จะต้องนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ถ้าเกิดให้ฉันไปคบกับเธอ เธอจะรับได้หรือยังไง..? ฉันอาจจะมีเมียเป็นโขลงเลยก็ได้..”ผมที่อธิบายเหตุผลให้ลิลิธได้ฟัง..

“ฉันไม่สนหรอก..ถ้าเกิดจะให้เลิกรักท่านผู้บัญชาการฉันทำไม่ได้หรอก ตั้งแต่ที่ฉันจำความได้ ฉันเอาก็แต่สนใจเรื่องสงครามจนไม่ได้มีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้เลย จนกระทั่งได้เจอกับท่านเนี่ยแหละ ฉันไม่ยอมปล่อยไปแน่..!”ลิลิธที่กล่าว พร้อมกับพองแก้มขึ้น ถ้าเกิดผมปฏิเสธเธอคงจะโกรธผมน่าดู..

“เฮ้อ..ตามใจเธอก็แล้วกั..น อุ๊บ..”

ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร จู่ๆลิลิธที่นั่งอยู่บนตักของผมก็ได้โน้มใบหน้า ก่อนจะจัดการประกบริมฝีปากของผมอย่างดูดดื่ม..

ตุบ..!

“ฮะ..เฮือก..”

แต่แล้วทันใดนั้นลิลิธก็พลันต้องถอนริมฝีปากออกไป จากเสียงอะไรบางอย่างที่ดังขึ้น ซึ่งเมื่อผมกับเธอหันไปมองยังทางของต้นเสียงที่ดังขึ้นมาจากทางฝั่งซ้ายมือ ภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในเวลานี้นั่นก็คือร่างของร้อยโทเรนกับดิ๊กที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่..

“ระ..ร้อยโทเรน จะ..จ่าสิบเอกดิ๊ก..”ลิลิธที่ถึงกับหน้าเสียไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองได้เข้ามาเห็นภาพที่น่าอายระหว่างเธอกับผม..

“ทะ..ท่านร้อยเอก กะ..กับสิบตรีสตาร์..”ดิ๊กที่ถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนที่จู่ๆใบหน้าของลิลิธจะขึ้นสี พร้อมกับหยดน้ำตาที่ปรากฏออกมาคลอเบ้า

“แล้วทำไมถึงไม่ขออนุญาติก่อนเข้ามายะ..!!!!”

หลังจากนั้น..

ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอึมครึมภายในกระโจม ผมในตอนนี้กำลังนั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ โดยมีลิลิธที่กำลังยืนหน้าแดงอยู่ข้างๆ ส่วนทางด้านของเรนก็เอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไร..

“ท่านพลเอกส่งจ่าให้มารับผมใช่ไหม..?”ผมที่เปิดประเด็นถามกับดิ๊กที่เอาแต่ยืนเงียบ..

“ชะ..ใช่ ท่านพลเอกมีคำสั่งด่วนให้แกกับร้อยเอกลิลิธกลับไปที่ศูนย์บัญชาการโดยด่วน..”สิ้นคำพูดของดิ๊ก ลิลิธที่ได้ยินก็เงยกลับมา

“ท่านพลเอกเรียกตัวของฉันด้วยอย่างงั้นเหรอ..?”ลิลิธที่เอ่ยถาม สีหน้าของเธอในตอนนี้เริ่มที่จะดูไม่สู้ดีนัก เธอดูเป็นกังวลเมื่อได้รับคำสั่งเรียกตัว..

“ใช่ครับ..”

“ยะ..แย่แล้ว ฉันจะต้องโดนลงโทษแน่ๆเลยที่ก่อนหน้านี้ทำภารกิจล้มเหลว..”ลิลิธที่เริ่มจะตื่นตระหนก..

“ไม่หรอก..ท่านพลเอกน่าจะเรียกเธอไปสอบถามเรื่องภารกิจก็เท่านั้น และถ้าฉันเดาไม่ผิด ทางนั้นคงจะมอบหมายให้ร้อยโทเรนรักษาการตำแหน่งผู้บัญชาการชั่วคราวถูกไหม..?”ผมที่บอกกับลิลิธ ก่อนจะหันไปถามดิ๊ก..

“ชะ..ใช่..ถูกต้องตามนั้น..”ดิ๊กที่ให้คำตอบ เมื่อลิลิธได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ส่วนทางด้านของเรนเมื่อรู้ว่าตัวเองจะต้องรับผิดชอบหน้าที่นี้ มันก็ทำให้เธอแสดงสีหน้ากดดันออกมา..

“มะ..ไม่ไหวหรอกค่ะ ฉันคงทำไม่ได้หรอก..”เรนที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนก

“ไม่ต้องตื่นตระหนกไปหรอก ลิลิธคงถูกเรียกตัวกลับไปแค่ 1 วัน เท่านั้น และที่สำคัญยังไงไอ้พวกโนโทเปียก็คงจะไม่กล้าบุกโจมตีฐานที่มั่นไปอีกนาน เผลอๆป่านนี้คงจะหวาดกลัวจนหัวหดไปแล้วล่ะมั้ง เธออย่าลืมสิว่าที่ตลอดแนวตะเข็บชายแดนตอนนี้มีอะไรที่เสียบโชว์อยู่..”ผมที่บอกกับเรน พอเธอได้ยินแบบนั้นก็ค่อยๆสงบลง ส่วนทางด้านของดิ๊กก็ได้แต่ยืนตาเหลือก เมื่อเห็นว่าผมพูดคุยกับเรนที่เป็นถึงร้อยโทด้วยถ้อยคำที่ดูปกติ..

“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ..”

“ไม่คิดจะไปบอกลาพวกทหารสักหน่อยเหรอคะ..?”ลิลิธที่เอ่ยถามผม..

“ไม่ต้องหรอก..ปล่อยให้เจ้าพวกนั้นมันได้พักเถอะ..”ผมที่ตอบกลับลิลิธด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่สุดท้ายแล้วผมจะจัดการสวมใส่ยูนิฟอร์ม

ซึ่งเมื่อแต่งตัวเสร็จผมและลิลิธพร้อมด้วยดิ๊กก็เตรียมที่จะเดินทางกลับไปยังศูนย์บัญชาการ โดยเรนก็ได้เดินออกมาส่งพวกเรา

และในครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าดิ๊กเลือกที่จะเอารถม้ามารับพวกเรา ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดี โดยที่รถม้านั้นกำลังจอดรออยู่ที่หน้าทางเข้าของฐานที่มั่นแห่งนี้..

“หะ..หืม..?”

แต่แล้วทันทีที่ผมเดินออกมาที่หน้าทางเข้าของฐานที่มั่น เพื่อที่จะมาขึ้นรถม้า ภาพที่ปรากฏให้เห็นอยู่ ณ ตอนนี้ นั่นก็คือร่างของยูริสพร้อมด้วยกองกำลังทหารทั้งสองกองร้อยจากทารอนและคีทารัสที่มายืนเข้าแถวรออยู่ทั้งสองฝั่งข้างทาง โดยมีรถม้าที่จอดเทียบรออยู่ทางเบื้องหน้า..

ซึ่งถ้าผมเดาไม่ผิดยูริสคงจะพอเดาได้ว่าในวันนี้ผมจะต้องถูกส่งตัวกลับ ทันทีที่เขารู้ว่ามีรถม้ามาจอดรอ เขาก็รีบไปออกคำสั่งกับพวกทหารให้มารอส่งผม ส่วนทางด้านกองร้อยของทารอนแม้จะไม่ได้รับคำสั่งจากยูริส แต่เมื่อรู้ว่าผมกำลังจะกลับ ไม่ว่าใครก็คิดที่จะมาส่งผม..

“ทำความเคารพท่านผู้บัญชาการ..!!”ยูริสที่เป็นตัวแทนเปล่งเสียงกล่าวออกมา ก่อนที่เหล่าทหารจากทั้งสองฝั่งข้างทางจะยกฝ่ามือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ทำความเคารพผม ส่งผลทำให้ดิ๊กที่เดินตามมาด้วยต้องผงะและงงเป็นไก่ตาแตก..

“หึ..ทำตัวตามปกติเถอะ ในเมื่อภารกิจสิ้นสุดลง ฉันเองก็ไม่ใช่ผู้บัญชาการของฐานที่มั่นแห่งนี้แล้วล่ะ..”ผมที่บอกกับทุกๆคน แต่ไม่ว่าใครก็ต่างยังคงทำความเคารพผมอยู่อย่างนั้นและไม่คิดที่จะเอามือลง..

“เฮ้อ..”ผมที่ถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปตามเส้นทางที่เปิดโล่ง แต่ทว่าในขณะที่เดินผ่าน จู่ๆพวกทหารที่มองมาทางผมก็ต่างพากันผงะเสียอาการ พวกนั้นคงจะมองเห็นยศที่ติดอยู่บนบ่าของผม..

“อึก..!”เหล่าทหารที่ต่างพากันเบิกดวงตากว้างขึ้น ไอ้พวกข้างหลังที่ผมเดินผ่านมาพลันชะโงกหน้าหันตามมามอง..

“อะ..อึก..ทะ..ท่านผู้บัญชาการ ยะ..ยศ นะ..นั่น..”

ทันทีที่ผมเดินมาจนถึงยูริสที่ยืนรออยู่หน้ารถม้า อีกฝ่ายที่สังเกตเห็นยศของผมก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ..

“ชู่..~”ลิลิธกับเรนที่ยืนอยู่ข้างหลัง พลันยกนิ้วชี้ขึ้นมา พลางส่งเสียง ทำให้ยูริสที่เห็นแบบนั้นรีบอ่านสถานการณ์ในทันที ก่อนที่เขาจะเดาไปเองว่า..

“อย่างนี้เอง..ปลอมตัวสินะ..”ยูริสที่สบถออกมาเบาๆ..

“เหลือจะเชื่อเลยจริงๆ..!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้อง 

ดูเหมือนว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะเป็นใจไปซะหมด ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ เรื่องนี้ถือว่าผมไม่มีความผิด โดยที่ตัวของผมก็ไม่ได้แอบอ้างว่าตัวเองเป็นนายทหารระดับสูง มีแต่เจ้าพวกนี้ที่พากันคิดไป..

ซึ่งเมื่อสิ้นเสียงของยูริสที่สบถออกมา ถึงแม้จะไม่มีคำอธิบายหรือเหตุผลใดๆ แต่ทว่าทหารทุกๆนายที่ได้ยินแบบนั้นก็ต่างไม่คิดสงสัยในตัวของผม แต่ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งยูริสมันรู้ว่าผมโกหกมันขึ้นมา มีหวังมันคงจะต้องหัวร้อนมากแน่ๆ..

“เวเดอร์..กลับ..!”ผมที่แผดเสียงตะโกนไปยังคอกม้า ก่อนที่หลังจากนั้นเจ้าเวเดอร์จะกระโจนตัวออกมา

“ฮี๋..~”เจ้าเวเดอร์ที่ส่งเสียงร้อง แต่แล้วทันใดนั้นจู่ๆก็มีม้าตัวเมียนับหลายสิบที่วิ่งตามออกมาส่งมัน..

[ข้าไปก่อนนะ เอาไว้ว่างๆจะแวะมาหาใหม่..]

“มันว่างั้นแหละ..”ไอ้จ้อนที่ยังคงทำตัวเป็นล่ามแปลภาษา..

“โถ่..พ่อหนุ่มฮอต เอาเถอะ..ถ้าอย่างงั้นฉันไปก่อนนะ..”ผมที่สบถออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนจะหันไปบอกกับยูริสและเหล่าทหาร ซึ่งทุกๆคนก็ยังคงยืนทำความเคารพผมอยู่อย่างนั้น..

“รักษาตัวด้วยนะครับ..!”

“รักษาตัวด้วยนะครับ/ค่ะ..!!!”

ซึ่งหลังจากที่ผมกับลิลิธขึ้นไปนั่งบนรถม้า ยูริสก็แผดเสียงตะโกนนำออกมา ก่อนที่พวกทหารจะต่างพากันตะโกนตาม โดยที่จ่าดิ๊กก็ยังคงอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก..

ก่อนที่สุดท้ายแล้ว..รถม้าจะเคลื่อนตัวออกจากฐานที่มั่นแห่งนี้ และมุ่งหน้าสู่ศูนย์บัญชาการหลักของหน่วยพยัคฆ์คลั่ง

“หึๆ เอาล่ะ..ได้เวลากลับไปขิงแล้ว..”ผมที่กระตุกรอยยิ้มกล่าวออกมา ความสำเร็จในครั้งนี้ผมอาจจะได้เลื่อนยศหลายขั้นเลยก็ได้..

 

ไรท์:คอมเม้น..!!

Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..

Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..แสงที่ 1 ชายผู้หลงไหลในดาบแสงและสงครามแห่งดวงดาว.. สงครามคือสิ่งที่อยู่กับมวลมนุษย์มาตั้งแต่ที่อารยธรรมถือกำเนิดขึ้นบนผืนโลก เหตุของการเกิดสงครามมาจากคนสองกลุ่มหรือมากกว่านั้นที่เกิดความขัดแย้ง ณ คอนโดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวงในประเทศเล็กๆที่มีผู้นำโง่ๆ [มันจบแล้วอนาคิน..~] เสียงตะโกนของตัวละครชายผู้หนึ่งที่ดังออกมาจากภายในจอของโน๊ตบุ๊ค โดยที่ตัวละครดังกล่าวกำลังยืนอยู่บนหินเหนือธารลาวาที่กำลังปะทุ ภายในห้องแคบๆที่มืดสนิทของคอนโดที่เกือบจะรกร้างปรากฏเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าของตัวเองอยู่บนเก้าอี้ เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมที่ปล่อยยาวจนถึงบ่าดูกระเซอะกระเซิงลงมาปรกหน้าราวกับไม่เคยหวี่หรือดูแลมัน โดยที่ในเวลานี้สายตาของชายคนดังกล่าวกำลังจับจ้องไปยังหนังที่ดูซ้ำและซ้ำเล่ากว่าหลายพันครั้ง จนเกือบจะจำบทพูดและเนื้อเรื่องได้.. “เฮ้อ..~ ข้าเกลียดท่าน..!”เสียงถอนหายใจของชายวัยกลางคนที่เอ่ยบทพูดของตั

Comment

Options

not work with dark mode
Reset