Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. – ตอนที่ 75

แสงที่ 75 กลับศูนย์บัญชาการ (2)

3 ชั่วโมงต่อมา..

หลังจากที่ผมกับลิลิธเดินทางออกจากฐานที่มั่นจุดที่ 56 พวกเราก็มุ่งหน้ากลับมายังศูนย์บัญชาการหลักตามคำสั่งเรียกตัว..

โดยที่การเดินทางในครั้งนี้จากที่ต้องใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมง พวกเรากลับสามารถมาถึงที่หมายโดยใช้เวลาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง จากการที่ผมสั่งให้ไอ้เจ้าเวเดอร์ไปช่วยม้าอีกตัวลากรถ จึงทำให้พวกเรามาถึงที่หมายได้เร็วกว่าปกติ..

ซึ่งตลอดทั้งการเดินทางผมก็ได้ให้ลิลิธช่วยทำเรื่องอย่างว่าในการเพิ่มพลัง X ฟอร์ส จนในท้ายที่สุดแล้วคริสตัลมานาของผมก็เลื่อนระดับเข้าสู่ดาวที่ 5 จนได้รับสกิลใหม่มา..

แต่ก็ดูเหมือนสกิลใหม่ที่ได้จะเป็นสกิลที่โครตจะไร้ประโยชน์แบบสุดๆ มันเป็นสกิลแบบไหนน่ะเหรอ มันคือสกิลติดตัวที่สามารถใช้เปลี่ยนสีของใบดาบได้ 

 

เออนั่นแหละ..เปลี่ยนสีใบดาบจากสีแดงให้กลายเป็นสีอื่น แถมยังเปลี่ยนได้แค่สามสีเท่านั้น สีแดง สีเขียวและสีฟ้า

ซึ่งนอกจากการเปลี่ยนสีที่ว่าก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับผมเลย จากข้อมูลสกิลที่ระบุเอาไว้ว่าแค่เปลี่ยนสีของใบดาบ..

“เจริญ..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา ทันทีที่มันกับผมอ่านข้อมูลของสกิลเอมพาสระดับ 5 จนจบ 

 

และนี่ก็สเตตัสล่าสุดของผมในตอนนี้

《ข้อมูลเบื้องต้น》

《ชื่อผู้ใช้:สตาร์ลิน》《ชื่อเอมพาส:X เซเบอร์》

《ชนิด/ประเภท:ยุทโธปกรณ์พิเศษ》

《ระดับคริสตัลมานา:☆☆☆☆☆(เขียว)》

《พลังงาน X ฟอร์ส:500/1,000 หน่วย》

《EXP:0/5,000》

ก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม ในตอนนี้ผมโครตที่จะเซง นอกจากว่าการชาร์จพลัง X ฟอร์สยังเป็นอะไรที่ยากเย็นแล้ว เกจลิมิตของ EXP ในระดับต่อไปแม่งยังเพิ่มขึ้นซะสูงลิ่ว จนผมคิดภาพไม่ออกว่าผมต้องฟาดหญิงอีกสักกี่คนกว่าจะเลื่อนระดับดาวได้..

ซึ่งตามปกติแล้วถ้าเกิดผมมีอะไรกับผู้หญิงหนึ่งคน ผมจะได้รับพลัง X ฟอร์ส และ EXP ประมาณ 300 ถึง 500-600 หน่วย และอัตราการได้รับมันจะดรอปลงเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ทางเพศที่ได้รับ..

ส่วนในกรณีที่ไม่ได้มีอะไรกัน แต่แค่ช่วยสำเร็จความใคร่ ครั้งแรกที่ทำก็จะได้ประมาณ 200 หน่วย และค่อยๆดรอปลง..

ซึ่งสิ่งที่ผมกำลังเป็นกังวลอยู่ในตอนนี้ นั่นก็คือถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งผมกลายเป็นคนที่ชินชากับเรื่องทางเพศขึ้นมา การจะเลื่อนระดับคริลตัลมานาก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆอีกต่อไป แล้วไหนจะพลัง X ฟอร์สที่ใช้สกิลเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็หมดอีก..

กึก..

เสียงของรถม้าที่เคลื่อนตัวมาหยุด ดูเหมือนว่าพวกเราจะเดินทางมาถึงยังศูนย์บัญชาการแล้ว..

“ถึงแล้วครับ..”เสียงของดิ๊กที่เอ่ยดังขึ้น เมื่อลิลิธได้ยินแบบนั้นก็เปิดประตูลงมาจากรถม้า ก่อนที่ผมจะตามเธอลงไป..

“หะ..หืม..?”

แต่แล้วทันทีที่ลงมาจากรถม้า สิ่งแรกที่เห็นนั่นก็คือลูเซียน เทรน อาทิสและเจมิไนท์ที่เดินออกมาจากศูนย์บัญชาการด้วยท่าทีรีบร้อน..

“กลับมาแล้วสินะ..”ลูเซียนที่เดินเอามือไขว้หลังมาหยุดอยู่ทางเบื้องหน้าของผม บนใบหน้าของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้ม..

“กระผมสิบตรีสตาร์ ขอแสดงความเคารพต่อท่านผู้บัญชาการ..!”

“ดิฉันร้อยเอกลิลิธ เอลเซีย ขอแสดงความเคารพต่อท่านผู้บัญชาการ..!”ลิลิธที่ทำเคารพ ท่าทีที่เธอแสดงออกเต็มไปด้วยความประหม่า..

“เอาเถอะ..ขึ้นไปคุยกันที่ห้องประชุม..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา ก่อนที่เธอและพลตรีทั้งสามจะหมุนตัวกลับเดินเข้าไปในศูนย์บัญชาการ..

“อะ..อึก ทะ..ท่านพลเอกลงมารับพวกเราด้วยแหละ นี่ฉันไม่ได้ฝันหรือตาฝาดไปใช่ไหม..!”ลิลิธที่หันขวับมาบอกกับผม สีหน้าของเธอดูตื่นตกใจเป็นอย่างมาก..

“หึๆ ก็คงงั้นแหละมั้ง..”ผมที่ยักไหล่ พลางตอบกลับลิลิธ ก่อนที่สุดท้ายพวกเราจะเดินตามลูเซียนและพลตรีทั้งสามขึ้นไปยังห้องประชุม โดยก่อนจะไปผมก็ได้สั่งให้ไอ้เจ้าเวเดอร์ไปรอที่คอกม้า..

ซึ่งทันทีที่เข้ามาภายในห้องประชุม ลูเซียนและพลตรีทั้งสามก็เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ ส่วนผมกับลิลิธก็มาหยุดยืนอยู่ที่หัวโต๊ะ..

“นั่งสิ..”ลูเซียนที่บอกกับพวกเรา

“มะ..ไม่เป็นไรค่ะ..!”ลิลิธที่เปล่งเสียงตะเบ็งคอขานรับ ท่าทีของเธอดูประหม่าเป็นอย่างมาก 

“ถ้าอย่างงั้นก็เอาตามที่พวกแกสะดวก..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา ก่อนที่เธอจะหันมามองผม..

“สิบตรีสตาร์ช่วยรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังสักหน่อยสิ..”ลูเซียนที่ไม่พูดพร่ำเปิดประเด็นกับผม เธอคงอยากรู้ว่าผมใช้วิธีการไหนในการกวาดล้างกองกำลังของโนโทเปีย..

“รายงานทั้งหมดผมก็ได้เขียนส่งมาให้ท่านแล้วหนิครับ ถึงต่อให้ผมรายงานไปมันก็คงจะเหมือนเดิม..”ผมที่ตอบกลับลูเซียน พอเธอได้ยินก็ถึงกับคิ้วกระตุกชักสีหน้า..

“ฉันอยากรู้กลยุทธ์ที่แกใช้..”

“พิฆาตทมิฬไงครับ..”

“กรอดนี่แก..! แล้วไอ้พิฆาตทมิฬนั่นมันเป็นกลยุทธ์แบบไหนกันล่ะวะ..!”ลูเซียนที่กัดฟันด้วยความโกรธเธอเริ่มที่จะหัวร้อน ก่อนที่เธอจะหันไปหาลิลิธ..

“แกไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า ร้อยเอกลิลิธ..รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมา เอาตั้งแต่ที่สิบตรีสตาร์ไปถึงศูนย์บัญชาการ..”ลูเซียนที่เปลี่ยนมาเอ่ยถามลิลิธ พอผมได้ยินแบบนั้นก็แสร้งทำเป็นหน้าเสีย..

“หึ..!”ลูเซียนและพลตรีทั้งสามที่ต่างพากันแสยะรอยยิ้มออกมา เมื่อได้เห็นท่าทีของผม เออ..~ อยากรู้มากงั้นเหรอ ถ้าอยากรู้ก็จงเสพความขิงของผมซะ..!

“เรียนท่านพลเอก ตั้งแต่ที่ท่านนายพันสตาร์ไปถึงยัง..”

“เดี๋ยวๆ..”

ในขณะที่ลิลิธกำลังจะเล่า จู่ๆลูเซียนก็กล่าวแทรกเข้ามา..

“คะ..?”

“เมื่อกี้เธอเรียกเจ้านั่นว่าอะไรนะ..?”

“กะ..ก็นายพันยังไงล่ะคะ..”ลิลิธที่ตอบกลับ ส่งผลทำให้ลูเซียนกับพลตรีทั้งสามต่างพากันงุนงงเป็นไก่ตาแตก ก่อนจะพากันหันมาจ้องหน้าของผม..

“ส่วนหนึ่งของภารกิจครับ และที่สำคัญผมไม่ได้แอบอ้างด้วย เธอและร้อยเอกยูริสรวมไปถึงทหารทุกนายต่างพากันคิดไปเองว่าผมเป็นนายพัน ก็นะ..ใครมันจะไปทำใจเชื่อได้ลงกันล่ะว่าสิบตรีอย่างผมจะไปรับช่วงต่อเป็นผู้บัญชาการ..”ผมที่กล่าวออกมาตรงๆ พอลิลิธได้ยินก็ถึงกับหันขวับมามองผม สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอถึงกับหน้าเหว๋ออ้าปากค้าง..

“นะ..นี่นายหลอกฉันงั้นเหรอ..?”ลิลิธที่ถามผม..

“ไม่ได้หลอกสักหน่อ..ย..อะ..โอ้ยๆ..”ผมที่กำลังจะตอบกลับแต่สุดท้ายกลับโดนลิลิธที่เอื้อมมือมาหยิกก้น..

“ออกไปเมื่อไหร่ นายโดนสั่งสอนแน่..”ลิลิธที่จ้องหน้าผมตาเขียวปั๊ด..

“อย่างนี่เองสินะ แกนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ ถึงขนาดหลอกทหารทั้งฐานที่มั่นได้..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา สีหน้าของเธอและพลตรีทั้งสามดูทึ่งกับความฉลาดแกมโกงของผม..

“ส่วนเธอร้อยเอกลิลิธ เธอก็ไม่ต้องไปคิดติดใจอะไรกับสิบตรีสตาร์ล่ะ ถ้านับเอาระดับยศที่เจ้านี่เคยปฏิเสธไม่รับ ประกอบกับความสำเร็จของภารกิจนี้ เธอรู้ไหมว่าถ้ามันสามารถทำภารกิจระดับ 4 ได้สำเร็จอีกสองภารกิจ มันจะติดยศพันตรีในทันที แต่ช่างน่าเสียดายที่การอวยยศในครั้งก่อนมันดันปฏิเสธก็เลยเข้าหน่วยมาด้วยยศสิบตรี..”ลูเซียนที่บอกกับลิลิธ พอเธอได้ยินแบบนั้นก็เบิกดวงตากว้างขึ้น..

“เคยปฏิเสธไม่รับยศ..? ดะ..เดี๋ยวนะ หรือว่านายจะเป็นพลทหารฝึกหัดนายนั้นที่เคยปฏิเสธการอวยยศ 6 ขั้น อีกทั้งยังปฏิเสธไม่รับเหรียญกล้าหาญอันทรงเกียรติ..”

“อะ..อืม..ใช่..? เดี๋ยวนะ..นี่เธอก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยอย่างงั้นเหรอ..?”ผมที่เอ่ยถามต่อลิลิธ..

“ยะ..อยู่ แต่ฉัน..หลับน่ะ พอตื่นมาก็มีคนมาเล่าให้ฟัง..”ลิลิธที่กล่าวออกมา ก่อนที่เธอจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบบอกผม ยะ..ยัยนี่มัน..เฮ้อ

“เอาล่ะ..พักเรื่องพวกนั้นเอาไว้ก่อน ตอนนี้เธอรีบรายงานสิ่งที่ฉันอยากรู้มาได้แล้ว..”ลูเซียนที่ดึงลิลิธกลับเข้าสู่ประเด็น เมื่อเธอได้ยินแบบนั้นก็ต้องสลัดทุกอย่างทิ้งและหันหน้ากลับมารายงานต่อ..

“เรียนท่านพลเอก ทันทีที่ อะ..เออคือ สิบตรีสตาร์ไปถึงยังฐานที่มั่นเขาก็ได้ให้กองกำลังทหารหน่วยที่ 7 และ 8 ไปตั้งขบวนป้องกันที่รั้วทางทิศตะวันตก..”ลิลิธที่เริ่มเล่าเรื่องราว โดยที่ลูเซียนกับพลตรีทั้งสามก็ต่างจับจ้องมองมาที่เธอด้วยความสนอกสนใจ..

“ก่อนที่ต่อจากนั้นสิบตรีสตาร์จะเข้าไปในป่าเซลฟอสและกวาดล้างกองกำลังที่ 4 และ 2 ของข้าศึกด้วยตัวเพียงคนเดียว การจู่โจมของเขาสามารถที่จะสังหารทหารของข้าศึกไปได้มากถึง 100 นาย อีกทั้งยังสังหารผู้บัญชาการสูงสุดของข้าศึกได้..”สิ้นคำบอกเล่าของลิลิธ ลูเซียนและพลตรีทั้งสามที่กำลังนั่งเอาหลังพิงพนักเก้าอี้ก็ยืดตัวขึ้น ต่างคนต่างเบิกดวงตากว้างโตด้วยความตกตะลึง..

“ดะ..เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอบอกว่าไอ้เจ้านี่มันเข้าไปกวาดล้างกองกำลังของข้าศึกด้วยตัวเพียงคนเดียวอีกแล้วอย่างงั้นเหรอ..?”ลูเซียนที่เอ่ยถามออกมา บนใบหน้าของเธอเริ่มจะปรากฏเหงื่อที่ผุดออกมาให้เห็น..

“ชะ..ใช่ค่ะ ทันทีที่สิบตรีสตาร์สังหารกองกำลังที่ 4 และ 2 ของข้าศึกเสร็จ เขาก็ได้กลับมายังศูนย์บัญชาการและออกคำสั่งกับเหล่าทหารให้เคลื่อนพลเข้าจู่โจมกองกำลังของศัตรูที่เหลืออยู่..”ลิลิธที่เล่าเรื่องราวอย่างต่อเนื่อง พอมาถึงจุดนี้มันก็ทำให้ลูเซียนและพลตรีทั้งสามกลับมาแสดงทีท่าปกติ ถ้าไม่ติดว่า..

“แต่สุดท้าย..ยังไม่ทันที่กองกำลังของพวกเราจะได้ทำอะไร สิบตรีสตาร์ก็บุกเดี่ยวเข้าไปกวาดล้างกองกำลังหน่วยที่สามของข้าศึกจนราบคาบ พอพวกเราไปถึงพวกศัตรูก็ถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้นแล้ว..”

“เฮ้ย..! นี่แกเป็นปีศาจหรือยังไงกันวะ..?”ลูเซียนที่พลันชันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันมาตะโกนถามผม โดยที่ผมก็ได้แต่กระตุกรอยยิ้มตอบกลับ..

“แล้วกองกำลังหน่วยที่หนึ่งของข้าศึกล่ะ อย่าบอกนะว่าเจ้านี่เองก็กวาดล้างคนเดียวหมด..?”ลูเซียนที่หันไปถามกับลิลิธ..

“เปล่าค่ะ..การจู่โจมกองกำลังสุดท้ายของศัตรู สิบตรีสตาร์ได้เปลี่ยนมาบัญชาการด้วยตัวเอง ก่อนจะนำพากองกำลังเข้าปิดล้อมศัตรูจนพวกมันถูกกวาดล้างไปจนหมด โดยที่ข้อมูลของรายงานทั้งหมดก็มีเท่านี้ค่ะ ขอยืนยันว่าเป็นความจริงทุกประการ. “สิ้นเสียงการรายงานของลิลิธ ลูเซียนที่ได้ยินก็ถึงกับทรุดฮวบลงไปนั่ง ส่วนแววตาของพลตรีทั้งสามที่มองมาทางผมก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป

“เฮ้อ..เหลือเชื่อชะมัด ปีศาจชัดๆเลยแกเนี่ย..”ลูเซียนที่ถอนหายใจออกมา พลางยกฝ่ามือขึ้นมาผสานตั้งวางลงบนโต๊ะ พร้อมกับเอาหน้าผากชนทำท่าเหมือนกับกำลังนึกคิดอะไรบางอย่าง

“เอาล่ะ..สิบตรีสตาร์ ฉันจะขอพูดตรงๆเลยก็แล้วกัน ตอนนี้ตัวของฉันและพลตรีทั้งสามต่างให้ความสนใจไปที่กลยุทธ์ที่แกเรียกว่าพิฆาตทมิฬ พวกเราอยากที่จะรู้รูปแบบการทำงานของมัน เพื่อเป็นประโยชน์ของหน่วย แกพอจะบอกรูปแบบของมันกับพวกเราได้หรือเปล่า..?”ลูเซียนที่เปิดประเด็น เมื่อผมได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น สิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ ถ้าให้เปรียบกลยุทธ์ของผมเป็นอาวุธ อีกฝ่ายก็คงอยากจะบอกกับผมว่าให้ส่งอาวุธนั่นมาให้แก่กองทัพซะอะไรทำนองนั้น

“สิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อคืออยากจะได้กลยุทธ์ของผมสินะครับ..”ผมที่ถามกับลูเซียน ซึ่งเท่าที่ผมได้ยินมา รู้สึกว่ากลยุทธ์จะถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่มีค่า มีทหารกว่าหลายนายที่คิดค้นและสร้างกลยุทธ์ขึ้นมาเป็นของตัวเอง และส่วนมากก็ไม่มีใครที่จะยอมบอกหรือสอนกลยุทธ์ให้กันง่ายๆ 

และด้วยการที่พลเอกอย่างลูเซียนมาแบมือขอกลยุทธ์จากทหารยศสิบตรีอย่างผม แน่นอนว่ามันคงจะเป็นเรื่องที่ทำให้เธอต้องรู้สึกแปลกๆ 

“อะ..อึก กะ..ก็ใช่ จากผลลัพธ์ที่ฉันได้เห็นถึงสองครั้ง กลยุทธ์ที่สามารถใช้กวาดล้างกองกำลังทั้งกองร้อยได้อย่างไม่น่าเชื่อนั่น มันจะทำให้หน่วย ไม่สิ..มันจะทำให้ทารอนของพวกเราแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา..

“กลยุทธ์พิฆาตทมิฬ..”ลิลิธที่กล่าวทวน เธอพลันหันขวับมาจ้องหน้าของผม พร้อมกับหยิบสมุดพกกับดินสอขึ้นมาเตรียมที่จะจด..

พรึ้บ..!

เจมิไนท์ อาทิส เทรนและลูเซียนที่หยิบสมุดและดินสอขึ้นมาเตรียมที่จะจดรายละเอียด นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรกันวะเนี่ย..

“อันดับแรกผมต้องขอถามท่านพลเอกกับท่านพลตรีทั้งสามก่อน ในมุมมองของพวกท่าน พวกท่านคิดว่ากลยุทธ์พิฆาตทมิฬของผม มันคือกลยุทธ์แบบไหน..?”ผมที่เอ่ยถาม..

“ฉันไม่รู้รูปแบบของมัน แต่ฉันคิดว่ามันจะต้องเป็นกลยุทธ์จู่โจมที่มีประสิทธิภาพสูง จนคนๆเดียวสามารถที่จะสังหารกองกำลังนับร้อยได้..”เจมิไนท์ที่เป็นคนเปิดการวิเคราะห์..

“ฉันว่ามันน่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ใช้สร้างความปั่นป่วนให้แก่ศัตรู ทำให้ศัตรูสับสนล่ะมั้ง ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าจะให้เดาใครมันจะไปคิดรูปแบบกลยุทธ์ออก มันไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยซ้ำที่คนๆเดียวจะสามารถกวาดล้างกองกำลังทั้งกองร้อยได้ ถ้าไม่ใช่พวกฉันทั้งสี่คนที่อยู่ในห้องนี้ หรือพวกพันตรีกับเสาหลัก..”เทรนที่กล่าวเสริม..

“ถ้าเป็นกรณีของในสมรภูมิใหญ่ๆ ณ ที่โล่งแจ้งการที่คนๆหนึ่งจะฆ่าคนเป็นร้อยก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่แปลก อย่าว่าแต่ร้อยเลยฆ่าเป็นพันก็สามารถที่จะทำได้ เพราะพวกศัตรูจะไม่ได้โฟกัสมาที่เราเพียงคนเดียว แต่ในกรณีของแกมันต่างกันออกไป การจะบุกเข้าไปฆ่าคนนับร้อยที่จะโฟกัสมาที่แกเพียงเดียว ไม่ว่าใครก็คงจะนึกภาพไม่ออกว่าแกจะสามารถกวาดล้างศัตรูทั้งหมดได้ยังไง..”อาทิสที่กล่าวเสริม..

“ก็อย่างที่ไอ้เจ้าสามคนนี้มันพูด..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา..

“เฮ้อ..พวกท่านกำลังเข้าใจผิดอยู่นะครับ..”ผมที่ถอนหายใจออกมา

“เข้าใจผิด..?”

“อันที่จริงแล้ว..พิฆาตทมิฬน่ะ มันไม่ใช่กลยุทธ์ แต่เป็นรหัสที่คนๆหนึ่งมอบให้ผมต่างหากล่ะ..”ผมที่กล่าวออกมาตามตรง..

“ระ..รหัส..? รหัสมันคืออะไร..”

“รหัสคือคำที่เอาไว้ใช้เรียกแทนตัวของบุคคลคนๆหนึ่งนั่นแหละครับ อารมณ์มันก็คงจะเหมือนกับสมญานาม..”ผมที่อธิบายให้กับลูเซียนและพลตรีทั้งสามได้เข้าใจ พอพวกเขาได้ยินก็ต่างพากันหยุดชะงัก ก่อนที่จู่ๆจะเบิกดวงตากว้างขึ้น..

“นะ..นี่อย่าบอกนะว่า..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา..

“ใช่ครับ..พิฆาตทมิฬคือตัวของผมเอง ไม่ใช่กลยุทธ์อะไรนั่นหรอก ไม่สิ..จะบอกว่าเป็นกลยุทธ์ก็ได้ ตัวของผมก็เปรียบเสมือนกลยุทธ์ของพวกท่าน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเรียกใช้งาน..”

“สิบตรีสตาร์..เธอคงไม่ได้คิดที่จะเบี่ยงเบนประเด็นหรอกใช่ไหม..?”ลูเซียนที่เอ่ยถามผม พลางหรี่ตาลง..

“ไม่ครับ..ถ้าท่านยังคิดว่าพิฆาตทมิฬคือกลยุทธ์เฉพาะทางที่สามารถให้ใครเอาไปใช้ก็ได้ ท่านก็ลองถามร้อยเอกลิลิธดูว่าผมใช้วิธีไหนในกวาดล้างกองกำลังของโนโทเปีย ผมนั้นบุกเข้าไปโจมตีพวกมันตรงๆ โดยไร้ซึ่งแบบแผน..”สิ้นคำพูดสุดท้ายที่ผมได้ลั่นออกไป คนทั้งสี่ก็ต่างพากันอึ้ง ก่อนที่ลูเซียนจะยกฝ่ามือขึ้นมากุมขมับ..

“เฮ้อ..เหลือเชื่อเลยจริงๆ นี่แกกำลังจะบอกว่าตัวเองเป็นปีศาจอย่างงั้นเหรอ..?”ลูเซียนที่ถอนหายใจกล่าวออกมา..

“พวกทหารก็เรียกผมแบบนั้น รู้สึกจะเรียกว่าปีศาจทมิฬ..”ผมที่ตอบกลับ 

“แล้วไม่ทราบว่าปีศาจอย่างแกสามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง..? นอกจากบุกเดี่ยวเข้าไปเสี่ยงชีวิต..”อาทิสที่ถามผม ในสายตาของเขาคงจะมองว่าผมเป็นพวกบ้าบิ่นและชอบเข้าไปเสี่ยงแบบไม่เสียดายชีวิต ถึงแม้ว่าฝีมือของผมจะเป็นของจริงก็ตาม..

“กวาดล้าง ป้องกัน สอดแนม ทำลาย หลอกล่อ ลอบสังหาร ล้วงข้อมูล บัญชาการ แฝงตัว..”ผมที่สาธยายความสามารถของผม และมันก็ยิ่งตอกย้ำทำให้ทุกๆคนยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะตัวของคนที่ถาม..

“อึก..”

 

“ผมทำได้ทุกอย่าง แต่จะเลือกใช้วิธีไหนก็ขึ้นอยู่กับอัตราความสำเร็จ..เอาล่ะครับ..ผมว่าพักเรื่องภารกิจที่เสร็จสิ้นไปกันก่อนเถอะ ผมมีเรื่องสำคัญที่จะต้องรายงานให้พวกท่านได้รับรู้เอาไว้..”ผมที่เปิดประเด็นบอกกับลูเซียนและพลตรีทั้งสาม พอพวกเขาได้ยินก็ต่างจับจ้องมองมาที่ผมอย่างตั้งใจ.

“ว่ามา..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา..

“พวกท่านคงจะได้เห็นอาวุธทดลองของพวกโนโทเปียแล้วสินะครับ อันดับแรกผมอยากจะขอรายงานให้พวกท่านทุกๆคนได้รู้ว่าเอาไว้ว่าอาวุธทดลองที่ว่าคืออาวุธทดลองทรงอานุภาพที่พวกเราจะมองข้ามไปไม่ได้..

เจ้าอาวุธทดลองที่เห็นคือมนุษย์ที่ได้รับพลังมาจากสัตว์มานา โดยฉีดเจ้าของเหลวนี้เข้าไปภายในร่าง..”ผมที่อธิบาย ก่อนจะหยิบนำเข็มฉีดยาสองเข็มที่ยึดมาจากผู้บัญชาการของหน่วยที่สามและหนึ่งออกมาวางลงบนโต๊ะ โดยที่ลูเซียนกับพลตรีทั้งสามก็ต่างลุกออกจากที่นั่ง ก่อนจะเดินมามุงดู..

“เจ้าเข็มฉีดยานี่น่ะเหรอ..? ความลับที่ทำให้ไอ้พวกโนโทเปียกลายเป็นมนุษย์หมาป่า จะว่าไปแล้วแกรู้ได้ยังไงว่าที่มาที่ไปของพลังนี้มาจากสัตว์มานา..?”ลูเซียนที่กล่าวออกมา ก่อนจะหันมาถามผม..

“หืม..? ก็รีดข้อมูลเอาจากเชลยที่ผมจับมาได้ยังไงล่ะครับ เหมือนกับภารกิจชายแดนใต้นั่นแหละ..”

“อะ..อึก ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าพวกมันจะยอมบอก ตามปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นทหารของอาณาจักรไหนที่ถูกส่งเข้ามาในชายแดนจะคัดเลือกเอาแต่คนที่พร้อมจะยอมตาย..”อาทิสที่กล่าวออกมาอย่างอึ้งๆ..

“ก็จริงครับ..กว่าที่ผมจะรีดข้อมูลได้ก็ถือว่าค่อนข้างที่จะยากอยู่ จากสิบคนถูกทรมานจนตายไปเกือบครึ่ง ก่อนที่อีกครึ่งหนึ่งจะยอมบอกข้อมูล เพื่อแลกกับการที่ตัวเองจะได้ตายแบบสบาย..”สิ้นคำบอกเล่าของผม ลูเซียนกับพลตรีทั้งสามที่ได้ยินก็ทึ่งแล้วทึ่งอีก มันจะทึ่งอะไรนักหนาวะ..

“เอาเถอะ..ว่าต่อเลย..”ลูเซียนที่ดึงผมกลับเข้าประเด็น..

“ถึงผมจะไม่รู้กลไกการทำงานของมัน แต่ทันทีที่ไอ้พวกโนโทเปียฉีดเจ้าสิ่งนี้เข้าไปภายในร่าง ร่างกายของพวกมันก็จะกลายเป็นมนุษย์หมาป่า อีกทั้งยังสามารถเปิดวงจรนำเอมพาสชนิดยุทโธปกรณ์ออกมาใช้ได้ด้วย ส่วนเรื่องความแข็งแกร่งของพวกมันผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นจากปกติเป็นสามเท่าถึงสี่เท่าของร่างมนุษย์..”

“สะ..สามถึงสี่เท่า อะ..อึก..”พลตรีทั้งสามที่ต่างพากันหน้าเสีย..

“อย่าตื่นตระหนกไป ฉันรายงานเรื่องนี้ไปให้ท่านจอมพลทราบแล้ว ยังไงอีกไม่นานน่าจะมีแผนรับมือส่งมา..”ลูเซียนที่กล่าว ซึ่งก็ถือว่าเธอคนนี้ตัดสินใจได้ดี..

“แล้วยังมีข้อมูลอะไรอื่นอีกไหม..?”ลูเซียนที่หันกลับมาถามผม..

“แน่นอนว่ามีครับ จากข้อมูลที่ผมได้รับดูเหมือนว่าที่โนโทเปียจะมีสัตว์ประหลาดแบบนี้อยู่อีก 30 ตัว แถมในสามสิบตัวที่ว่ายังมีพวกนายพันที่ถือครองพลังนี้ด้วย..”ผมที่รายงานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และมันก็เหมือนจะยิ่งทำให้บรรยากาศภายในห้องดูย่ำแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด..

“ลำพังแค่ผู้ใช้เอมพาสระดับดาวม่วงก็ถือว่าเป็นภัยอันตรายแล้ว นี่มันยังดันไปอยู่ในมือของผู้ใช้เอมพาสระดับดาวแดงอีก หายนะชัดๆ..”เจมิไนท์ที่กล่าวออกมาด้วยความกดดัน

“หึ..ท่านครับ มันจะยากตรงไหน ในเมื่อต้นฉบับอาวุธหรือแม่พิมพ์ของพวกมันก็อยู่ในมือของเรา พวกเราก็ส่งมันไปให้แผนกวิจัยเวทมนตร์ และให้อีกฝ่ายค้นคว้ายึดเอาพลังของพวกมันมาเป็นของเราซะก็สิ้นเรื่อง..”ผมที่เสนอความคิดกับลูเซียน..

ซึ่งแผนกวิจัยเวทมนตร์เท่าที่ผมเคยได้ยินมา มันก็คือแผนกที่รวบรวมทหารที่มีสติปัญญาที่ชาญฉลาด เชี่ยวชาญในเรื่องของเวทมนตร์และแร่ธาตุต่างๆเอาไว้ โดยที่หน่วยนี้มีหน้าที่คอยวิจัยและค้นหาเวทมนตร์ใหม่ๆ เพื่อใช้ในการออกรบ..

ซึ่งเวทมตร์ที่เราเห็นๆกันอยู่อย่างกระสุนแรงดันเวท รวมไปถึงเวทมนตร์ต่างๆก็ได้คนพวกนี้ที่คิดค้นขึ้นมาตั้งแต่สมัยอดีต เพียงเราเข้าใจในการทำงานของมันก็จะสามารถใช้เวทมนตร์นั้นๆได้

“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ที่แผนกวิจัยเวทมนตร์จะกำลังยุ่งกับการค้นคว้าเวทมนตร์ชนิดใหม่อยู่น่ะ..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา..

“เวทมนตร์ชนิดใหม่..?”ผมที่เอ่ยทวนด้วยความสงสัย..

“ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน เพราะสิ่งที่พึ่งจะพูดไปถูกปกปิดและเก็บเอาไว้เป็นความลับสุดยอด ฉันแค่ได้ยินมาผ่านๆก็เท่านั้น..”ลูเซียนที่บอกกับผม ขนาดพลเอกยังไม่รู้รายละเอียด แสดงว่าเวทมนตร์ที่ว่าคงจะเป็นเวทมนตร์ที่สุดยอดมากๆแน่..

“เอาเถอะ..ยังไงฉันจะส่งมอบเจ้าอาวุธทดลองนี้ไปให้ท่านจอมพลก่อน เดี๋ยวเขาจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะทำยังไงกับมันต่อไป..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา. 

“ครับ..”ผมที่ตอบกลับ..

“เอาล่ะ..ถ้าอย่างงั้นก็..”ลูเซียนที่กล่าว ก่อนจะเดินอ้อมมาหยุดอยู่ต่อหน้าของผม..

“สิบตรีสตาร์..!”

“ครับ..!!”

“จากความสำเร็จที่เธอได้สร้างเอาไว้ ฉันขอแต่งตั้งและเลื่อนระดับยศให้แกขึ้นกลายเป็นร้อยตรีนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป และฉันจะขอมอบเหรียญกล้าหาญให้กับแก..”ลูเซียนที่ประกาศออกมา นี่เล่นเลื่อนที่เดียวหกขั้นเลยเหรอ..

《ระดับยศ》

พลทหารฝึกหัดขั้นที่ 1-3

สิบตรี,สิบโท,สิบเอก

จ่าสิบตรี,จ่าสิบโท,จ่าสิบเอก

ร้อยตรี*,ร้อยโท,ร้อยเอก

พันตรี,พันโท,พันเอก

พลตรี,พลโท,พลเอก

“อะ..อึก ละ..เลื่อนทีเดียว หะ..หกขั้น..จากสิบตรีกลายเป็นร้อยตรีเนี่ยนะ..!”ลิลิธที่กล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง..

“แน่นอนว่าฉันนับรวมกับภารกิจครั้งที่แล้วด้วย แกไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ..”ลูเซียนที่บอกกับผม..

“อะ..เออคือ ท่านครับ..ท่านทำแบบนี้มันก็เหมือนกับว่าผมกลืนน้ำลายตัวเองน่ะสิครับ ชายชาติทหารพูดแล้วไม่คืนคำ..”ผมที่บอกกับลูเซียน

“อึก..นี่แกบ้าหรือเปล่า มีแต่คนที่อยากจะเลื่อนยศไวๆ แต่แกกลับปฏิเสธเนี่ยนะ..”ลูเซียนที่ถามผม ส่วนทางด้านของลิลิธก็ได้แต่ยืนช็อคปากค้าง

“คำถามนี้ผมว่าท่านพลตรีทั้งสามน่าจะพอรู้ ผมจะรับเฉพาะแค่ความดีความชอบในภารกิจนี้เท่านั้น..”ผมที่ตอบกลับลูเซียน ถ้าขืนรับความดีความชอบนี้ไป คำพูดที่ผมลั่นออกไปในวันนั้นก็คงไม่ต่างอะไรกับคำพูดสวยหรูที่จะทำให้ผมเสียหมา..

“กรอด..ได้ งั้นลดเหลือแค่ยศจ่าสิบเอก..”ลูเซียนที่กัดฟันบอกกับผม

“เอาจ่าสิบตรีพอครับ..”ผมที่ต่อรอง..

“งั้นจ่าสิบโท..!”

“จ่าสิบตรีครับ..”

“นี่แกคิดว่ากำลังต่อราคาซื้อเนื้ออยู่เหรอวะ..! เออ..จ่าสิบตรีก็จ่าสิบตรี แต่มีข้อแม้ว่าแกต้องรับเหรียญกล้าหาญ..!”ลูเซียนที่เปล่งเสียงบอกกับผม..

“ไม่ครั..บ..”

“อย่าปฏิเสธเลย..ฉันคิดว่าจแกคู่ควรที่จะได้มัน อย่างน้อยๆฉันอยากจะให้แกรับเอาไว้ คิดซะว่าเหรียญกล้าหาญเหรียญนั้นคือจิตวิญญาณของเหล่าทหารที่ตายไปในสมรภูมิบนเนินที่ราบสูง..”

ในขณะที่ผมกำลังปฏิเสธ จู่ๆเจมิไนท์ก็กล่าวขึ้นมา เขาพยายามที่จะพูดเกลี่ยกล่อมผม จนทำให้ผมหยุดคิดไปชั่วขณะ ก่อนที่จะ

“ก็ได้ครับ..”ผมที่ใจอ่อนกล่าวออกมา เมื่อลูเซียนได้ยินก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะนำเหรียญกล้าหาญออกมาเตรียมที่จะประดับให้ แต่ทว่า..

“ดิฉันพันตรีสไปร์ส สเปลเร็ต แห่งหน่วยพยัคฆ์อเวจี ขออนุญาติเข้าพบท่านพลเอกลูเซียนคะ..!”

ทันใดนั้นเสียงห้าวๆอันแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างของสไปร์สที่มายืนปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า โดยที่บานประตูของห้องประชุมยังไม่ได้ทำการซ่อมแซมเลย..

“หืม..? พันตรีของหน่วยพยัคฆ์อเวจีงั้นเหรอ..? มีธุระอะไรกับฉันล่ะ..?”ลูเซียนที่หันไปเอ่ยถามต่อสไปร์ส..

“ฉันได้รับคำสั่งโดยตรงมาจากท่านพลเอกวิลเลี่ยมให้มาพาตัวของสิบตรีสตาร์ไปทำภารกิจค่ะ..”สิ้นเสียงของสไปร์ส ทุกๆคนภายในห้องก็ต่างพากันขมวดคิ้วด้วยความงุนงงยกเว้นเพียงแค่เจมิไนท์..

“ทะ..ทำภารกิจ นี่มันหมายความว่ายังไง หน่วยพยัคฆ์อเวจีมีสิทธิ์อะไรถึงได้จะมาพาตัวคนของฉันไป..”ลูเซียนชักสีหน้าเอ่ยถาม..

“นี่คือเอกสารโดยตรงที่ท่านพลเอกวิลเลี่ยมส่งมาให้กับท่านพลเอกลองอ่านดูแล้วก็จะรู้ค่ะ..”สไปร์สที่เดินเอาเอกสารมาส่งมอบให้กับลูเซียน ก่อนที่อีกฝ่ายจะกระชากไปฉีกซองอ่านอย่างไม่พอใจ..

“สิบตรีสตาร์รับคำสั่ง นี่คือคำสั่งเรียกตัวจากท่านพลเอกวิลเลี่ยม ขอมอบหมายภารกิจจู่โจมสนับสนุนระดับ 4 ที่หุบเขาลาติส..!”สไปร์สที่หันหน้ามาหาผม ก่อนจะเปล่งเสียงตะโกนออกคำสั่ง

“อู้วววววว เจ๊สไปร์สไปด้วย แบบนี้ก็สวยสิครับ..! ไปเลย..สตาร์ เพื่ออนาคตของเรา..!!!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องตะโกนออกมาด้วยความฮึกเหิม

“เฮ้อ..จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน ขอพักเดี๋ยวหนึ่งสิฟะ..’ผมที่ถอนหายใจออกมา นี่ผมคิดถูกคิดผิดที่เข้าสองหน่วยวะเนี่ย..
 

 

 

ไรท์:คอมเม้น..!!!!

Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..

Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..แสงที่ 1 ชายผู้หลงไหลในดาบแสงและสงครามแห่งดวงดาว.. สงครามคือสิ่งที่อยู่กับมวลมนุษย์มาตั้งแต่ที่อารยธรรมถือกำเนิดขึ้นบนผืนโลก เหตุของการเกิดสงครามมาจากคนสองกลุ่มหรือมากกว่านั้นที่เกิดความขัดแย้ง ณ คอนโดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวงในประเทศเล็กๆที่มีผู้นำโง่ๆ [มันจบแล้วอนาคิน..~] เสียงตะโกนของตัวละครชายผู้หนึ่งที่ดังออกมาจากภายในจอของโน๊ตบุ๊ค โดยที่ตัวละครดังกล่าวกำลังยืนอยู่บนหินเหนือธารลาวาที่กำลังปะทุ ภายในห้องแคบๆที่มืดสนิทของคอนโดที่เกือบจะรกร้างปรากฏเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าของตัวเองอยู่บนเก้าอี้ เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมที่ปล่อยยาวจนถึงบ่าดูกระเซอะกระเซิงลงมาปรกหน้าราวกับไม่เคยหวี่หรือดูแลมัน โดยที่ในเวลานี้สายตาของชายคนดังกล่าวกำลังจับจ้องไปยังหนังที่ดูซ้ำและซ้ำเล่ากว่าหลายพันครั้ง จนเกือบจะจำบทพูดและเนื้อเรื่องได้.. “เฮ้อ..~ ข้าเกลียดท่าน..!”เสียงถอนหายใจของชายวัยกลางคนที่เอ่ยบทพูดของตั

Comment

Options

not work with dark mode
Reset