แสงที่ 76 ผมขอมีอะไรกับท่านอีกสักครั้งจะได้ไหมครับ..
“อะ..อึก ครับ..!”ผมที่ตะโกนขานรับสไปร์ส เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ลูเซียนจะอ่านเอกสารจนจบ..
“เจมิไนท์ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้ลูกเวร .!”ลูเซียนที่หันไปกระชากคอเสื้อกัดฟันเอ่ยถามต่อเจมิไนท์ หะ..หืม..? เดี๋ยวนะ..
“ห้ะ..!!!!”ผมที่ถึงกับร้องออกมาเสียงดังลั่น ส่งผลทำให้ทุกๆคนต่างหันมามองผมเป็นสายตาเดียวกัน..
“มะ..เมื่อกี้ท่านพลเอกเรียกท่านพลตรีเจมิไนท์ว่าอะไรนะครับ..”ผมที่เอ่ยถามต่อลูเซียน..
“ก็ลูกไง..? ทำไม..”ลูเซียนที่ตอบกลับ
“ท่านพลตรีเจมิไนท์เป็นลูกของท่านอย่างงั้นเหรอ..?”
“ก็เออน่ะสิ นี่แกไม่รู้เลยหรือไง..?”ลูเซียนที่กล่าวออกมา นี่มันบ้าอะไรกันวะ..? หน่วยหรือครอบครัวกันเนี่ย ถ้าลูเซียนเป็นแม่ของเจมิไนท์ ถ้าอย่างงั้นก็แสดงว่าเจมิสก็เป็นหลานน่ะสิ..
“อะ..อึก ทะ..ท่านครับ ตอนนี้พวกเรากำลังปฏิบัติหน้าที่กันอยู่ ช่วยแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวด้วยครับ..”เจมิไนท์ที่บอกกับลูเซียน..
“ถ้าคุยกันแบบนั้นฉันก็ซัดหน้าแกไม่ได้น่ะสิ อธิบายมาซะ..!”ลูเซียนที่ตวาดใส่หน้าเจมิไนท์ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มอธิบายสถานการณ์ทั้งหมดให้เธอได้ฟัง..
“แม่งเอ้ย..แกคิดบ้าอะไรของแกอยู่วะ..”ลูเซียนที่ได้รับรู้สถานการณ์พลันหันมาตวาดเสียงใส่ผม..
“ผมแค่อยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อเหล่าทัพก็เท่านั้น ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นหน่วยไหน ตราบใดที่ยังเป็นทารอน แล้วท่านจะเอายังไงกับเรื่องนี้ครับ..”ผมที่ตอบกลับลูเซียน พร้อมทั้งเอ่ยถาม..
“กรอด..แม่งเอ้ย ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้ฉันจะพูดอะไรได้อีกล่ะ แกตบปากรับคำกับไอ้เจ้านั่นไปแล้วคงมีแต่ต้องยอมทำตาม..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา ก่อนที่เธอจะติดเหรียญกล้าหาญให้ผมอย่างกระแทกกระทั้นเหมือนกับกำลังใส่อารมณ์..
“อะ..อึก ระ..เหรียญกล้าหาญ..”สไปร์สที่ถึงกับเบิกดวงตากว้างโต เธอตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นว่าผมได้ติดเหรียญกล้าหาญอันทรงเกียรติ..
“เจ้านี่มันพึ่งจะกลับมาจากภารกิจ ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าใช้งานมันหนักเกินไปล่ะ ส่วนเรื่องการเลื่อนระดับยศ ตอนนี้หน่วยพยัคฆ์คลั่งติดยศว่าทีจ่าสิบตรีให้ ถ้าเกิดที่หน่วยพยัคฆ์อเวจีมีการอวยยศเมื่อไหร่ ฉันก็จะติดยศจ่าสิบตรีให้มันในทันที..”ลูเซียนที่หันมาบอกกับสไปร์ส พออีกฝ่ายได้ยินก็อึ้งไปชั่วขณะ เมื่อเห็นว่าผมได้อวยยศหลายขั้น
“อะ..เออคือเรื่องนั้นตามข้อเสนอที่ทางหน่วยพยัคฆ์อเวจีมอบให้กับสิบตรีสตาร์ในตอนที่อยู่ในพิธีจำแนกหน่วย ท่านพลเอกได้ติดยศสิบเอกเป็นยศแรกเริ่มให้กับเขาอยู่ก่อนแล้ว ขอเพียงแค่เขาสามารถสร้างผลงานในหน่วยพยัคฆ์คลั่งได้ก็จะติดยศสิบเอกให้ในทันที ซึ่งนั่นก็หมายความว่า..เขาสามารถติดยศสิบเอกได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย..”สไปร์สที่รายงานต่อลูเซียน..
“หึ..ดี..!”ลูเซียนที่กระตุกรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องใบเล็กๆบนชันวางของ ทันทีที่เธอเปิดกล่องออกมามันก็เผยให้เห็นอินทนูอยู่สองอัน พร้อมกับเข็มกลัดดาวประดับหลากสีจำนวนกว่าหหลายดวงที่ยังไม่ได้ติดลงไปบนอินทนู..
“นี่คืออินทนูของฉัน มันอาจจะดูเก่าไปบ้าง เพราะอยู่กับฉันมาตั้งแต่สมัยที่ฉันยังเป็นพลทหาร มันเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าของฉัน แต่ฉันได้ตัดสินใจแล้วว่าฉันจะขอมอบมันให้กับแก..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา ก่อนจะหยิบอินทนูและดาวสีเขียวจำนวนสามดวงออกมาจากกล่องและทำการติดดาวลงไปบนอินทนู..
“ทะ..ท่านพลเอก..”เจมิไนท์ที่อึ้งไปชั่วขณะ..
“หืม..? ทำไมถึงให้สิ่งนี้กับผมล่ะครับ..”ผมที่เอ่ยถามกับลูเซียน ในขณะที่เขากำลังถอดอินทนูอันเก่าและประดับยศให้ผมใหม่..
“หึ..ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่อยากจะขอให้แกรับมันเอาไว้..”ลูเซียนที่บอกกับผม พร้อมกับตบลงมาที่บ่าทันทีที่ประดับยศเสร็จ..
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะดูแลมันเป็นอย่างดี..”ผมที่ตอบกลับลูเซียน..
“ฉันจะขอชื่นชมแกอีกครั้ง แกทำภารกิจได้ดีมาก ในเมื่อแกเลือกเส้นทางนี้ แกก็จงไปซะ..ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินอีก ฉันจะส่งคนเป็นเรียกตัว..”ลูเซียนที่กล่าวกับผม..
“ครับ..!”ผมที่ยกฝ่ามือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ ก่อนจะหันกลับไปหาสไปร์ส..
“ถ้าเช่นนั้นดิฉันขอตัวก่อน..ไปกันเถอะ..”สไปร์สที่กล่าวออกมา ก่อนจะหันมาบอกกับผม..
“ครับ..”ผมที่ตอบกลับ พร้อมกับเดินตามสไปร์สออกไป
“อะ..อึก ดะ..เดี๋ยวสิ พวกเรายังไม่ได้คุยกันเลยนะ..”ลิลิธที่หันมากล่าวรั้งผมเอาไว้..
“เอาไว้ค่อยคุย ในตอนที่เจอกันครั้งหน้านะ..”ผมที่กล่าวทิ้งท้ายกับลิลิธเอาไว้..
“ดะ..เดี๋ยวก่อนสิ..”
“ร้อยเอกลิลิธ ในเมื่อเสร็จธุระแล้วเธอก็กลับไปยังฐานที่มั่นเถอะ ยังเหลือเวลาอีก 3 เดือนที่เธอจะต้องประจำการอยู่ที่นั่น..”เทรนที่บอกกับลิลิธ โดยที่เธอก็พลันยกฝ่ามือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องตามสตาร์ไป..
“พวกแกเองก็ด้วย ในเมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว พวกแกก็กลับไปยังศูนย์บัญชาการของตัวเองเถอะ..”ลูเซียนที่บอกกับพลตรีทั้งสาม หลังจากที่ปัญหาเกือบจะทั้งหมดได้ถูกคลี่คลายลง เธอก็ได้ออกคำสั่งให้เหล่าพลตรีกลับไปยังศูนย์บัญชาการของตัวเอง..
“ครับ..”เทรนกับอาทิสที่ชันตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับทำความเคารพลูเซียน ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินออกจากห้องไปยกเว้นเพียงแค่เจมิไนท์..
“ทำไมแกถึงยังไม่ไปอีกล่ะ..?”ลูเซียนที่หันไปเอ่ยถามต่อเจมิไนท์..
“ผมมีเรื่องที่อยากจะถามท่านแม่..ทำไมท่านถึงให้อินทนูคู่นั้นกับไอ้เจ้านั่นไปล่ะ ทั้งๆที่อินทนูคู่นั้นเป็นของที่ท่านพ่อให้กับท่านแม่เอาไว้ไม่ใช่เหรอ..?”เจมิไนท์ที่เอ่ยถามต่อลูเซียนผู้เป็นแม่..
“รู้สึกน่ะ..”
“รู้สึก..?”
“ฉันรู้สึกว่าเจ้านั่นน่ะดูคล้ายๆกับพ่อของแกในสมัยที่ยังเป็นหนุ่ม..”
“อึก..เจ้านั่นเนี่ยนะ..?”
“ใช่..แต่จะแตกต่างกันนิดหน่อย ตรงที่สัมผัสของไอ้เจ้านั่นมันเหมือนกับปีศาจ..”สิ้นคำตอบของลูเซียน เจมิไนท์ที่ได้ยินก็ถึงกับอึ้งไป..
“เฮ้อ..แต่ถึงยังไงก็เถอะ อินทนูชิ้นนั้นเป็นของที่เจมิสอยากจะได้จากท่านมากที่สุด แต่ท่านกลับเอาไปให้เจ้าเด็กนั่น ทั้งๆที่พึ่งจะได้เจอกับมันแค่สองครั้งเนี่ยนะ และที่สำคัญอินทนูชิ้นนั้นยังมีตราของตระกูลราเทียร์ที่สลักอยู่ด้วยนะครับ..”
“หึ..แกเคยบอกกับฉันเองไม่ใช่เหรอว่าเจ้านั่นสนิทกับเจมิส..?”
“ก็ใช่..แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย..”
“ถ้าสนิทกันจริง ไม่แน่ว่าอีกไม่นานอินทนูชิ้นนั้นอาจจะตกไปอยู่กับเจมิสก็ได้..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา เมื่อเจมิไนท์ได้ยินก็ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เข้าใจ..
“ผมไม่เข้าใจที่ท่านแม่พู..ด..หืม ดะ..เดี๋ยวนะ ท่านแม่..นี่ท่านคงไม่ได้คิดที่จะยกเจมิสให้ไอ้เจ้านั่นหรอกใช่ไหม..?”เจมิไนท์ที่จู่ๆก็ฉุกคิดขึ้นมา ก่อนที่เขาจะกู่ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก..
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย แกน่ะคิดบ้าอะไรของแกอยู่ มันก็แค่อินทนู..”ลูเซียนที่กล่าวออก ทำให้เจมิไนท์ที่ดูเหมือนจะคิดไปเองต้องผงะ..
“เอาเถอะ..ตอนแรกก็กะว่าจะดูไปอีกระยะ แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว นับต่อจากวินาทีนี้ฉันขอแต่งตั้งให้เจ้านั่นเป็นอาวุธลับของหน่วยเรา มันจะถูกส่งไปทำเฉพาะแค่ภารกิจระดับ 4 ขึ้นไป ทุกๆครั้งที่มันออกทำภารกิจฉันจะมอบอำนาจเบ็ดเสร็จให้มีอำนาจเทียบเท่าได้กับทหารยศพันตรี..”ลูเซียนที่ประกาศออกมา..
“อึก..ให้เป็นถึงอาวุธลับเลยเหรอครับ..? ที่หน่วยเราก็มีทหารที่มีฝีมือตั้งมากมายอยู่หลายคน ท่านไม่ประเมินศักยภาพของมันสูงเกินไปหน่อยเหรอครับ..”เจมิไนท์ที่กล่าวแย้ง ในมุมมองของเขาสตาร์ยังเป็นเพียงแค่ทหารที่พึ่งจะเข้าเหล่าทัพ แต่ลูเซียนกลับมอบสถานะและสิทธิ์พิเศษให้
“หึ..แล้วทหารพวกนั้นทำแบบเจ้านั่นได้ไหมล่ะ..?”ลูเซียนที่ถามกลับ โดยที่เจมิไนท์ก็ไม่อาจจะเถียงหรือโต้แย้งได้..
“ขะ..เข้าใจแล้วครับ ถ้ามันเป็นอาวุธลับที่ห้ามเปิดเผย แล้วเราจะเรียกเจ้านั่นว่าอะไร..”
“อืม..?”ลูเซียนที่ยกฝ่ามือขึ้นมาชายคางพลางนึกคิด ก่อนจะนึกได้ว่า
“รหัส..เราจะใช้คำเรียกอย่างที่ไอ้เจ้านั่นมันเคยบอก รหัสลับพิฆาตทมิฬ จงประกาศข้อมูลนี้ออกไปทั่วทั้งหน่วย เมื่อใดที่พิฆาตทมิฬปรากฏตัว ขอให้ทหารทุกนายจงปฏิบัติตามเขาอย่างเคร่งครัด..”
“รับทราบ..!”เจมิไนท์ที่เปล่งเสียงขานรับ ในระหว่างนั้นลูเซียนก็เอามือไขว้หลังเดินตรงไปยังหน้าต่าง ก่อนจะจ้องมองลงไปยังร่างของสตาร์ที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถม้า..
“ฉันสัมผัสได้ว่ายุคสมัยใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว อีกไม่นาน..เอลเดียจะต้องกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นก็คงถึงเวลาที่ฝ่ายเราจะได้โต้ตอบไอ้พวกสวะนั่นคืนบ้างเสียที..”ลูเซียนที่กล่าวออกมา ภายใต้แววตาที่เธอจ้องมองไปยังสตาร์ปรากฏให้เห็นเป็นแสงแห่งความหวัง..
ตัดกลับมาที่ทางด้านของสตาร์..
“เดี๋ยวก่อน..!!!”เสียงของลิลิธที่ตะโกนดังมาแต่ไกล ทำให้ผมที่กำลังจะขึ้นรถม้าต้องหยุดชะงัก..
“ว่าไงครับ..? ท่านร้อยเอก..”ผมที่กำลังก้าวขาขึ้นไปบนรถม้าพลันหันกลับมาขานรับลิลิธ โดยที่สไปร์สก็ได้ขึ้นไปนั่งรออยู่บนรถม้าแล้ว..
“อะ..อึก นะ..นายหลอกฉัน เจอกันครั้งหน้านายโดนแน่ ละ..แล้วที่สำคัญ..!”ลิลิธที่ต่อว่าผม เธอดูเหมือนจะกำลังโกรธ ก่อนที่จู่ๆเธอจะ..
ฟุบ..
ลิลิธที่ก้าวเข้ามาพลันใช้มือจับแก้มของผม ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้ามาประกบจูบริมฝีปาก..
“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ แล้วห้ามตายเด็ดขาด..”ลิลิธที่ถอนริมฝีปากออก ก่อนจะบอกกับผม ท่าทีของเธอกำลังดูเขินอายแบบสุดๆ
“เข้าใจแล้ว..”ผมที่กระตุกรอยยิ้มตอบกลับ ก่อนจะขึ้นไปบนรถม้าและปิดประตูลง แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับยิ้มไม่หุบ..
“ไอ้บ้าเอ้ย..นี่เราหยุดยิ้มไม่ได้เหรอเนี่ย..?!”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา แต่แล้ว..
“คนรักงั้นเหรอ..?”เสียงของสไปร์สที่ช่วยปลุกสติของผม เมื่อผมหันไปมองก็เห็นว่าเธอกำลังนั่งกอดอกไขว้ห้างอยู่ ส่วนสายตาก็พลางจ้องมองมาที่ผมจนตาเขม็ง
“หึงเหรอครับ..?”ผมที่ถามกลับ พอสไปร์สได้ยินก็ถึงกับเสียอาการ เธอผงะแล้วก็หน้าเสียนิดหน่อย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถม้าจะแล่นตัวออกจากศูนย์บัญชาการ..
“พะ..พูดบ้าอะไรเนี่ย ทำไมฉันต้องหึงแกด้วย..?”
“ว๊า..~ ผมก็นึกว่าอาจารย์ ไม่สิ..นึกว่าท่านพันตรียังแอบชอบผมอยู่ซะอีก..”ผมที่กล่าวออกมา ในเมื่อไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแล้ว สถานะของสไปร์สก็คือทหาร..
“ก็ยังชอบอยู่ แต่ฉันคงไม่พยายามหรอก ก็อย่างที่แกเคยบอก ความสัมพันธ์แบบนี้น่ะดีแล้ว..”สไปร์สที่ตอบกลับ ซึ่งตั้งแต่วันที่ผมมีอะไรกับเธอไป พวกเราก็ไม่ได้มีโอกาสมานั่งพูดคุยกันแบบนี้อีกเลย..
“เอาเถอะครับ..ขอรายละเอียดภารกิจด้วย..”ผมที่เปิดประเด็นกับสไปร์สในทันที..
“อันดับแรกฉันต้องขอเท้าความก่อน ก่อนหน้านี้หน่วยสอดแนมของจักวรรดิได้บังเอิญไปพบเข้ากับเหมืองหินมานาของไอ้พวกไฮสโตเรียที่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเหมืองหินมานาที่ว่าเป็นเหมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ภายในส่วนลึกหุบเขาของอาณาจักรไฮสโตเรีย อยู่ห่างจากตะเข็บชายแดนไปประมาณ 3 กิโลเมตร..
ซึ่งเหมืองหินมานาดังกล่าวถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่าเป็นอย่างมาก จึงทำให้จอมพลจากทัพทารอนและจอมพลของเอทารอสต่างผนึกกำลังกัน และส่งกองกำลังเข้าบุกจู่โจมและยึดเหมืองหินมานาดังกล่าวมา
ซึ่งทันทีที่ยึดเหมืองแห่งนั้นและขนทรัพยากรทั้งหมดได้แล้ว พวกเราก็จะสั่งถอนกำลังพลถอยร่นกลับออกมาในทันที
ซึ่งภารกิจยึดเหมืองหินดังกล่าว กองทัพทั้งสองได้ส่งกองกำลังเข้าไปถึง 4 กองร้อย แบ่งเป็นกองกำลังของหน่วยพยัคฆ์อเวจี 2 กองร้อย และกองกำลังของหน่วยพยัคฆ์เขี้ยวสังหารอีก 2 กองร้อย ส่วนทางด้านของเอทารอสก็ส่งมา 4 กองร้อยด้วยเช่นกัน
แต่ทว่าในระหว่างทางที่ออกทำภารกิจ กองกำลังของพวกเราได้ถูกพวกทหารไฮสโตเรียลอบโจมตีมีทหารเกือบ 50 นายได้ถูกสังหารและมีทหารกว่าอีกหลายนายที่ได้รับบาดเจ็บ
และถูกบีบบังคับให้ต้องไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำของหุบเขาลาติส จนต้องติดอยู่ในนั้นไม่สามารถที่จะออกมาได้ เพราะถูกศัตรูดักซุ่มโจมตีอยู่ นั่นคือสถานการณ์ล่าสุดที่เรารู้..”สไปร์สที่กล่าวรายงานสถานการณ์..
“สรุปแล้วนี่คือภารกิจช่วยเหลือใช่ไหมครับ..?”ผมที่ถามกับสไปร์ส..
“ถูกต้อง..เราจำเป็นที่จะต้องจู่โจมศัตรูที่ดักซุ่มโจมตีอยู่รอบๆหุบเขา เมื่อสามารถเปิดทางให้พวกทหารของกองกำลังหลักออกมาจากหุบเขาได้ ถึงเวลานั้นเราจะวางแผนและตัดสินใจกันใหม่ว่าจะเอายังไงต่อ..”สไปร์สที่บอกกับผม..
“แล้วศัตรูมีกองกำลังเท่าไหร่ครับ..?”ผมที่เอ่ยถามกับสไปร์ส เมื่ออีกฝ่ายได้ยินก็แสดงสีหน้ากดดัน..
“ไม่รู้แน่ชัด แต่ให้คาดคะเนน่าจะไม่ต่ำกว่า 1 กองร้อย และที่สำคัญ..จากรายงานที่ได้รับ พวกเราไม่สามารถตรวจหาพิกัดของศัตรูได้ราวกับว่าพวกมันกำลังล่องหนอยู่..”
“ล่องหน..?”
“ถูกต้อง..ตั้งแต่ที่กองกำลังของเอลเดียเคลื่อนตัวเข้าสู่อาณาเขตของหุบเขา จู่ๆก็มีกระสุนแรงดันเวทที่ยิงเข้ามา แต่ทว่าจากรายงาน ทหารพวกนั้นกลับมองไม่เห็นตัวของคนยิง ถึงจะรู้ทิศทางของกระสุนก็เถอะ
หลังจากการลอบโจมตีนั้นทหารจากเอลเดียส่วนหนึ่งก็ได้หนีตายเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ส่วนพวกที่เหลือก็รีบหนีเอาตัวรอดกลับมารายงานสถานการณ์ให้ศูนย์บัญชาการได้ฟัง
ซึ่งข้อมูลที่ฉันกำลังเล่าอยู่ในตอนนี้ก็ได้ยินมาจากปากของทหารที่หนีกลับมานั่นแหละ แต่ทว่ากองกำลังหลักที่หนีเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในหุบเขากลับขาดการติดต่อไป..”สไปร์สที่อธิบายสถานการณ์คร่าวๆ..
“ผมเข้าใจสถานการณ์แล้ว และตอนนี้ทางกองกำลังสนับสนุนของเราที่กำลังจะถูกส่งไปมีแผนจะเข้าช่วยเหลือยังไง และที่สำคัญทางเรามีจำนวนคนเท่าไหร่..?”ผมที่ถามกับสไปร์สอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันก็ทำให้เธอที่ได้ยินแบบนั้นค่อยๆที่จะขมวดคิ้ว..
“ไม่ต้องรีบร้อนไป เดี๋ยวรอไปถึงก่อนฉันจะบอกทีหลัง ทหารจบใหม่ก็แบบเนี่ยแหละ ดูกระตือรือร้นดีแฮะ ทำให้ฉันนึกถึงสมัยตัวเองตอนที่ยังเป็นสา..ว..”
“แล้วตอนที่ท่านเป็นสาว ท่านมีเหรียญกล้าหาญติดอกหลังจากที่พึ่งจะเรียนจบและออกทำภารกิจแบบผมไหมครับ..?”
ในขณะที่สไปร์สกำลังกล่าว จู่ๆผมก็กล่าวแทรกเธอ พลางชี้นิ้วไปยังเหรียญกล้าหาญที่ติดอยู่บนอกของตัวเอง ทำให้เธอที่ได้ยินแบบนั้นต้องหยุดชะงัก..
“อะ..อึก จะ..จริงสิ ทำไมแกถึงได้ติดเหรียญกล้าหาญกันล่ะ..?”สไปร์สที่ถามผม เธอพึ่งจะฉุกคิดขึ้นมาได้..
“แล้วตามปกติจะต้องทำยังไงถึงจะได้ติดเหรียญกล้าหาญล่ะครับ ท่านน่ะกำลังประเมินผมต่ำจนเกินไป ท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าก่อนเข้าอาคัสผมเคยได้รับคำสั่งให้ออกทำภารกิจระดับ 4 จนได้รับเหรียญกล้าหาญมา..
อีกทั้งภารกิจล่าสุดผมยังถูกส่งให้ไปเป็นผู้บัญชาการชั่วคราวยังฐานที่มั่นจุดที่ 56 ในการออกทำภารกิจระดับ 4 จนในท้ายที่สุดผมก็สามารถทำได้สำเร็จและได้รับการแต่งตั้งให้กลายเป็นจ่าสิบตรีอย่างที่เห็น
อันที่จริงแล้วผมควรจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ เพราะว่าผมสัญญากับท่านพลเอกลูเซียนไปแล้ว ส่วนเหตุผลที่ทำไมผมถึงเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง ก็เพราะว่าอยากจะให้ท่านมองผมเสียใหม่ ผมน่ะไม่ใช่พวกทหารจบใหม่ที่ไม่เคยผ่านสมรภูมิมาก่อนหรอกนะครับ..”ผมที่สาธยายลากยาวให้สไปร์สได้ฟัง พอเธอได้ยินก็ถึงกับสะอึก อันที่จริงเพียงแค่ผมมีเหรียญกล้าหาญอยู่บนอก เธอก็ควรที่จะตระหนักได้ถึงสถานะของผมแล้ว แต่ที่พูดไปผมก็แค่อยากจะตอกย้ำให้เธอเข้าใจมันจริงๆ..
“อะ..อึก แกเคยออกทำภารกิจระดับ 4 ก่อนที่จะเข้าอาคัสเนี่ยนะ จะว่าไปแล้วตลอดเวลาที่ฉันรู้จักกับแก แกเองก็ทำให้ฉันทึ่งอยู่ตั้งหลายครั้ง กะ..แกน่ะ เป็นใครกันแน่..”สไปร์สที่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
ซึ่งในตอนนี้สไปร์สกำลังสงสัยในภูมิหลังของผม เธอพึ่งจะมานึกย้อนถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผมเคยก่อเอาไว้ในอาคัส จวบจนถึงเหตุการณ์ที่พึ่งจะได้ยินจากปากของผม สิ่งที่เธอได้รู้มันทำให้เธอตระหนักได้ว่าผมไม่ใช่เพียงแค่คนที่มีพรสวรรค์อย่างที่เธอเข้าใจ..
“ถ้าผมบอก..ท่านสัญญาได้ไหมว่าจะเก็บมันเป็นความลับ..?”ผมที่เอ่ยถามกับสไปร์สด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม..
“อะ..อืม..”สไปร์สที่ตอบกลับ..
“ผมน่ะคืออาวุธลับของทารอน..”สิ้นคำพูดของผม สไปร์สที่ได้ยินก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนที่สีหน้าของเธอจะแสดงออกถึงความสงสัย โดยสิ่งที่ผมบอกเธอ แน่นอนว่าก็ต้องตอแหลอยู่แล้ว..
“อะ..อาวุธลับ..?”
“ผมบอกท่านได้แค่นี้..”ผมที่บอกกับสไปร์ส เมื่อเธอได้ยินก็หยุดคิดไปชั่วขณะ ก่อนที่เธอจะ..
“ฉันคงจะประเมินแกต่ำไปจริงๆนั่นแหละ เอาเถอะ..ฉันจะบอกรายละเอียดคร่าวๆของภารกิจให้ฟัง ภารกิจในครั้งนี้ถูกจัดให้อยู่ในภารกิจระดับ 4 ฉันได้รับมอบหมายจากท่านพลเอกวิลเลี่ยมให้เป็นผู้นำภารกิจควบคู่กับพันตรีพอลของกองทัพเอทารอส
ภารกิจในครั้งนี้กองกำลังหน่วยพยัคฆ์อเวจีของเราที่ถูกส่งมาจะแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะมีทหารอยู่ 4 นาย อีกทั้งฉันจะต้องคอยควบคุมดูแลกองกำลังทหารของหน่วยพยัคฆ์เขี้ยวสังหารอีก 5 กลุ่มที่ถูกส่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันกับเรา รวมแล้วกองกำลังทารอนของเราจะมีอยู่ด้วยกัน 10 กลุ่ม..
โดยทหารของทารอนจากทั้งสองหน่วยที่ถูกส่งมาล้วนแล้วแต่เป็นทหารยศจ่าสิบตรีและจ่าสิบโท แถมบางคนยังเป็นทหารหัวกะทิของสถาบันรุ่นก่อนๆที่จบมา ทหารพวกนั้นจะคอยรับคำสั่งจากฉัน..”สไปร์สที่อธิบายข้อมูลคร่าวๆ..
“หืม..? เดี๋ยวก่อนนะครับ ท่านพันตรีมีอำนาจควบคุมสั่งการกองกำลังของหน่วยพยัคฆ์เขี้ยวสังหารด้วยเหรอครับ..? ไม่ใช่ว่าอยู่กันคนละหน่วยหรอกเหรอ..”
“ก่อนหน้านี้ท่านพลเอกวิลเลี่ยมได้ไปคุยหารือกับท่านพลเอกรีเซลของหน่วยพยัคฆ์เขี้ยวสังหาร และก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไว้วางใจในตัวของฉันก็เลยตัดสินใจให้ฉันรับผิดชอบภารกิจในครั้งนี้..”สไปร์สที่อธิบาย..
“อย่างงั้นเองสินะครับ แล้วผมได้รับคำสั่งให้มีหน้าที่ทำอะไรล่ะ..?”ผมที่ถามกับสไปร์ส ก่อนที่อีกฝ่ายจะหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา..
“ท่านพลเอกให้จดหมายฉบับนี้กับฉันเอาไว้ เขาสั่งว่าห้ามเปิดมันเด็ดขาด จนกว่าจะไปถึงที่หมาย อีกทั้งยังต้องเปิดในช่วงเวลาที่ฉันกับพันตรีพอลเริ่มการประชุมวางแผนแบ่งหน้าที่ให้กับทหารแต่ละกลุ่ม ฉันเองไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เขาบอกว่ามันคือหน้าที่ของแก..”สไปร์สที่บอกกับผม..
“อย่างนี้นี่เอง..แต่ก็เอาเถอะ ผมจะขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน..จากสถานการณ์ที่ผมได้ฟังคร่าวๆเกี่ยวกับการที่กองกำลังหลักของทารอนและเอทารอสถูกลอบโจมตี ผมพอจะรู้ว่าพวกมันใช้กลยุทธ์ไหน ถึงผมจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็เถอะ..”ผมที่เปิดประเด็นกับสไปร์ส พอเธอได้ยินก็หรี่ตาลง ดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อผม..
“มันใช้กลยุทธ์อะไร..?”
“วิธีที่ศัตรูใช้ตอนนี้ที่ผมพอจะเดาออก มีอยู่ด้วยกันสองวิธีหลักๆ วิธีแรกคือการอำพรางตัวทำตัวกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ส่วนวิธีที่สองคือการโจมตีระยะไกล..”
“อำพรางตัว..? โจมตีระยะไกล..?”สไปร์สที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจกล่าวออกมา..
“การอำพรางตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ผมจะขอยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ ถ้าเกิดผมใส่ชุดสีขาวและไปยืนอยู่ในที่มืดๆ ท่านพันตรีจะมองเห็นผมได้ชัดไหม..?”
“อะ..อืม ก็คงชัด..”
“แล้วถ้าเกิดผมใส่ชุดสีดำแล้วหาอะไรมาพอกผิวให้กลายเป็นสีดำแล้วไปยืนอยู่ในที่มืด ท่านคิดว่าท่านจะมองเห็นผมได้ชัดไหม..?”
“อะ..อึก ก็คงเห็น แต่เห็นไม่ชัด..”
“นั่นแหละคือการอำพรางตัว อีกทั้งผมยังใช้วิธีนี้ในการเข้ากวาดล้างกองกำลังทหารของโนโทเปียจำนวนเกือบ 200 นาย ในภารกิจล่าสุด..”
“ห้ะ..!!?”สไปร์สที่ถึงกับร้องลั่นออกมา เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ..
“แกคนเดียวเนี่ยนะกวาดล้างกองกำลังทหารสองกองร้อยด้วยตัวคนเดีย..ว..”
ฟุบ..
ในขณะที่สไปร์สกำลังถามผม ผมก็ได้ยืดอกเอานิ้วชี้ไปยังเหรียญกล้าหาญบนอก ทำให้เธอถึงสะอึกพูดอะไรไม่ออก..
“เรื่องของผม ท่านจะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ท่าน แต่ตอนนี้ผมแค่อยากจะเสนอความคิดของผมให้ท่านได้ลองวิเคราะห์ดู”
“อะ..อืม วิธีแรกฉันพอจะเข้าใจแล้ว แต่วิธีที่สองนี่สิ..โจมตีจากระยะไกลเนี่ยนะ ไกลที่ว่ามันไกลแค่ไหนล่ะ..?”สไปร์สที่ถามผม..
“1,000 เมตรขึ้นไป..”ผมที่บอกกับสไปร์ส นั่นคือการยิงระยะหวังผลของสไนเปอร์ ไม่แน่ว่าที่โลกนี้อาจจะมีเวทจู่โจมที่โจมตีทางระยะไกลอยู่..
“มันไม่น่าที่จะมีทางเป็นไปได้ อย่าว่าแต่ 1,000 เมตรเลย แค่ 500 เมตรก็ไม่มีทางเป็นได้แล้วด้วยซ้ำ เพราะระยะการยิงของกระสุนแรงดันเวทเต็มที่ก็แค่ 200 เมตร เท่านั้น..”สไปร์สที่บอกกับผม เดี๋ยวเอาจริงดิ..ระยะการยิงมันสั้นกว่าปืนกลส่วนใหญ่อีกแฮะ..
“แล้วท่านไม่คิดบ้างเหรอครับว่าศัตรูอาจจะพัฒนาเวทมนตร์ จนมีเวทมนตร์โจมตีระยะไกลอะไรแบบนั้น..”ผมที่ถามกับสไปร์ส เมื่อเธอได้ยินก็เริ่มที่จะฉุกคิดขึ้นมา..
“เสียดายที่ผมยังบอกกับท่านไม่ได้ แต่ถ้าจะให้เทียบกับอาวุธลับของไอ้พวกโนโทเปียที่ผมพึ่งจะได้ไปเจอมา เวทมนตร์โจมตีทางระยะไกลที่ผมบอกกับท่านมันดูกระจอกไปเลย..”ผมที่บอกกับสไปร์ส ส่งผลทำให้เธอขมวดคิ้ว พร้อมกับทำหน้าเหมือนอยากจะรู้..
“เอาเถอะครับ..เดี๋ยวพอไปถึงท่านก็จัดการเอา ผมก็แค่เสนอความคิดเห็นก็เท่านั้น มันเป็นเพียงแค่การสันนิษฐาน และที่สำคัญ ยังไงภารกิจนี้ผมก็ทำอะไรไม่ได้มากอยู่แล้ว..”
“ทำอะไรไม่ได้มาก..? หมายความว่ายังไง..”
“ท่านก็น่าจะรู้ดีว่าเงื่อนไขเอมพาสของผมมันคืออะไร โชคดีว่าก่อนที่ผมจะถูกส่งไปยังฐานที่มั่นจุดที่ 56 ผมก็ได้ทำเงื่อนไขเอมพาสเอาไว้ก่อนแล้ว ไม่งั้นมีหวังคงถูกส่งไปตายแหงๆ..”ผมที่บอกกับสไปร์ส พอเธอได้ยินเท่านั้นแหละ จู่ๆใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนกลายเป็นแดงก่ำไปในทันที..
“แต่ถึงอย่างไร ผมก็อยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่หน่วยพยัคฆ์อเวจี เพราะฉะนั้นแล้ว..ผมขอมีอะไรกับท่านอีกสักครั้งจะได้ไหมครับ..”
“อู้ววววววว คนจริงกระทิงแดง..! มันต้องแบบนี้สิฟะ..!” เสียงของไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา นี่เอ็งยังมีชีวิตอยู่เหรอฟะ..?! เดี๋ยวนะ..
‘จ้อน..’ผมที่ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ พักหลังๆถ้าพูดถึงเรื่องอย่างว่า มันจะทำให้ผมนึกถึงสิ่งๆหนึ่ง..
“ว่าไงเพื่อนรัก..~”
‘พวกเรา..ลืมไอ้เจ้าม้าเงื่อนนั่นอีกแล้วว่ะ..’
“เอ๊า..ชิบหาย เวเดอร์ลูกพ่อ..!!!!”
ไรท์:คอมเม้น. !~