Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. – ตอนที่ 86

แสงที่ 86 เดจาวู

ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก..

ฟุบๆ ๆ ๆ

ร่างของฮิไรม์และทหารหน่วยซุ่มยิงที่หนึ่งของไฮสโตเรียที่กำลังวิ่งอยู่บนผืนหิมะเตรียมที่จะลงมาจากภูเขา เพื่อที่จะลอบเข้าไปจู่โจมกองกำลังของเอลเดียจากทางด้านหลัง แต่ทว่า..

“อะ..อึก บ้าน่า ระ..เรื่องแบบนี้มัน ปะ..เป็นไม่ได้..”ฮิไรม์ที่หยุดเคลื่อนไหว ก่อนจะนำแว่นตาที่คาดเอาไว้บนหัวเลื่อนลงมาสวมใส่ เพื่อตรวจสอบดูสถานการณ์ จนทำให้เธอได้พบเข้ากับสิ่งที่ไม่คาดคิด..

สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาของฮิไรม์ทำให้ใบหน้าของต้องบิดเบี้ยวจนแทบจะดูไม่ได้ จากภาพของกองกำลังทหารหน่วยที่สามที่ถูกกวาดล้างโดยปีศาจร้ายของเอลเดีย..

“ถอย.. กลับไปประจำแหน่งเดิม หน่วยที่สามถูกกำจัดแล้ว..!!!”ฮิไรม์ที่กล่าวกับกองกำลังทหาร ส่งผลทำให้ทุกๆคนต่างหน้าเสีย ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งกลับไปขึ้นภูเขา..

ตัดกลับมา ณ ปัจจุบัน

หลังจากที่ผมส่งเซนินออกไปทำภารกิจ นับตั้งแต่ที่เขาออกไปช่วงเวลาก็ผ่านเลยมาประมาณ 15 นาที ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาผมได้ให้พวกทหารพักผ่อน อีกทั้งยังมีปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น โดยปาฏิหาริย์ที่ว่านั่นก็คือ..

“ไม่รู้สึก ตรงนั้นของฉันไม่รู้สึก..!!!”เสียงร้องตะโกนแหกปากที่ดังลั่นออกมา โดยที่เจ้าของร่างนั้นก็คือวีรบุรุษของภารกิจนี้ ไอ้เจ้าเมจนั่นเอง..

ซึ่งไอ้เมจนั้นมันยังไม่ตาย ทันทีที่พวกทหารเห็นว่ามันได้สติ พวกเขาก็รีบนำเรื่องนี้มาแจ้งกับผม โดยที่ผมก็คือคนที่ออกไปลากมันกลับเข้ามาในกำแพงโขดหิน เพราะไม่มีทหารคนไหนที่กล้าจะเดินออกไปพามันกลับเข้ามา..

ครืด..!!!!

ผมที่ลากร่างของไอ้เมจกลับเข้ามายังโขดหิน ก่อนที่มันจะตะเกียดตะกายพยุงร่างของตัวเองลุกขึ้นนั่งและทำการตรวจสอบสิ่งที่หายไป..

“ไม่..!!!!!!!!!”ไอ้เมจที่กู่ร้องออกมาอย่างสติแตก เมื่อเห็นว่าเจ้าโลกของตัวเองบัดนี้ได้ถูกเป่าจนหายไป เอาเข้าจริงๆไอ้เวรนี่ก็ถึกเหมือนกันนะเนี่ย โดนเข้าไปถึงขนาดนี้ยังมีชีวิตอยู่ได้..

หมับ..

“จ่าสิบตรีเมจ นายคือวีรบุรุษของพวกเรา นายนี่ช่างกล้าหาญจริงๆ การเสียสละนี้ฉันจะให้ท่านพันตรีรายงานต่อเบื้องบน เอ้า..ทุกคนปรบมือให้วีรบุรุษหน่อย..”ผมที่ย่อตัวลงไปเอามือจับบ่าของไอ้เมจ ก่อนจะกล่าวชื่นชมมัน พร้อมทั้งหันไปบอกกับเหล่าทหาร

แปะๆ ๆ ๆ

เสียงปรบมือของเหล่าบรรดาทหารที่ดังขึ้นอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่ พอไอ้เมจเห็นแบบนั้นแทนที่มันจะภูมิใจ แต่มันตวาดเสียงตะค่อกใส่ผม..

“แก..!!!!! คิดจะเยาะเย้ยฉันงั้นเหรอ ทั้งหมดมันเป็นแผนของแกใช่ไหม..!”ไอ้เมจที่ตวาดออกมา ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นยืนและผละออกจากมัน

“แผนของฉันงั้นเหรอ..? อื้ม..”ผมที่กล่าวออกมา พลางยกแขนขึ้นมากอดชายคางของตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปถามกับพวกทหาร..

“ฉันสั่งให้มันออกไปหรือเปล่า..?”ผมที่เอ่ยถาม พร้อมกับชี้นิ้วมาที่ตัวเอง..

“เปล่าครับ..ท่านสั่งว่าห้ามให้ใครออกไป แต่จ่าสิบตรีคนนั้นกลับขัดคำสั่งจนผลสุดท้ายก็เลยต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น..”

“ใช่ๆ..”

“ถ้าเกิดฟังท่านผู้บัญชาการ แกก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก..”

เสียงของเหล่าทหารที่ต่างพากันกันกล่าวออกมา เมื่อไอ้เมจได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับหน้าแห้ง มันพลันหันซ้ายหันขวามองเหล่าทหาร..

“แต่ฉันออกไปช่วยคนของเรานะโว้ย ทำไมพวกแกถึงพูดแบบนั้นวะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พวกแกก็สรรเสริญฉัน ทำไมวะ..!!!”ไอ้เมจที่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ..

“ใช่ๆ แกน่ะเกือบจะได้เป็นวีรบุรุษแล้ว แต่รู้อะไรไหมว่ามันพลาดตรงไหน การที่แกออกไปนอกจากจะช่วยใครไม่ได้แล้ว แกยังกลายเป็นภาระซะเอง จนทำให้ทหารของเราที่ออกไปช่วยภาระอย่างแกต้องตายไปถึงสองคน อีกทั้งแกยังคิดที่จะทิ้งจ่าสิบตรีอาเซียที่ออกไปช่วยแกเอาไว้และใช้เธอเป็นเหยื่อล่อ โชคดีที่เธอยังรอดกลับมาได้ แกมันก็แค่ไอ้ลูกหมาขี้ขลาด..”ผมที่ด่าทอไอ้เมจ..

“กรอด..หุบปาก..!!!!!”ไอ้เมจที่ตวาดออกมาด้วยความโกรธ และเมื่อมันรู้ว่าอาเซียยังมีชีวิตอยู่มันก็หันไปมองหาเธอ ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งจ้องมองมาทางมันด้วยแววตาที่เย็นชา

“อะ..อาเซีย ไม่ใช่แบบนั้นนะ ธะ..เธอก็เห็นว่าสภาพตอนนั้นฉันทำอะไรไม่ได้ อะ..อึก ไม่ใช่นะ..ฟังก่อนสิ ฉันน่ะ..”ไอ้เมจที่พยายามจะอธิบาย ใบหน้าของมันดูซีดเสียเป็นอย่างมาก..

“หุบปาก..ไอ้สวะขี้ขลาด นับต่อจากนี้ฉันขอลาออกจากกลุ่ม..”อาเซียที่กล่าวออกมา ทันทีที่ไอ้เมจได้ยินแบบนั้นมันก็ถึงกับช็อค มันพลันหันหน้ากลับมา ก่อนจะก้มหน้าคอตกลงไป..

“กรอด…แม่งเอ้ยย..!!!!”

“เอาเถอะ..ใกล้ได้เวลาแล้ว ขออาสาสมัครหนึ่งนายพาไอ้เจ้านี่กับจ่าสิบตรีอาเซียกลับไปรวมตัวกับผู้บาดเจ็บก่อนหน้านี้..”ผมที่กล่าวออกมา แต่ทว่ากลับไม่มีทหารคนไหนยกมือ ดูเหมือนว่าทุกๆคนอยากที่จะออกไปทำภารกิจกับผม

ซึ่งก็แน่นอนว่าถ้าสามารถทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ ทหารแต่ละคนจะได้รับการอวยยศ และยิ่งมีผมเป็นผู้บัญชาการ อัตราการความสำเร็จก็ยิ่งสูง จนไม่ว่าใครก็อยากที่จะมีส่วนร่วมกับการทำภารกิจในครั้งนี้..

“งั้นเอาเป็นทหารตรงนั้นก็ได้..และฉันก็จะขอบอกเอาไว้ ทุกๆคนที่เข้าร่วมภารกิจนี้ล้วนแล้วแต่สร้างผลงานด้วยกันทั้งนั้น ถึงฉันจะเป็นแค่ผู้บัญชาการภารกิจชั่วคราว แต่ฉันคือคนที่จะต้องเขียนสรุปรายงาน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีส่วนร่วมกับภารกิจ..”ผมที่ชี้ไปยังทหารนายหนึ่ง ก่อนจะบอกกับอีกฝ่ายและทุกๆคน

“รับทราบ..!!!”เสียงของทหารที่ขานรับ ก่อนที่เขาจะเข้าไปพยุงอาเซียและพาเธอไปขึ้นม้า ส่วนทางด้านของไอ้เมจก็ถูกเหมือนจะช็อคจนสติหลุดไปแล้ว..

ซึ่งหลังจากที่เคลียร์ทุกอย่างจนเสร็จ ผมก็ได้ออกคำสั่งให้เหล่าทหารเตรียมตัวคลื่อนพลในทันที

“ทหารทุกนายเตรียมเคลื่อนพล..”

“รับทราบ..!”เสียงขานรับของเหล่าบรรดาทหาร ทุกๆคนต่างกระโดดขึ้นไปขี่ม้า โดยที่ไอรินก็ได้ควบม้ามารับผม แต่ทว่าเธอกลับก้มหน้าไม่ได้พูดอะไร..

ฟุบ..

ผมที่กระโดดขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายบนหลังม้าของเธอ ก่อนจะออกคำสั่ง..

“เคลื่อนพลได้..!!”

“เฮ..!”

สิ้นเสียงตะโกนของผม ผมก็ได้บอกให้ไอรินควบม้าเลาะกำแพงโขดหินไปทางขวามือ เมื่อเลาะมาได้ประมาณ 40 เมตร ผมก็ได้บอกให้เธอข้ามกำแพงโขดหิน เพื่อที่จะนำพากองกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่หุบเขาลาติสทางฝั่งซ้าย

เหตุผลที่ทำไมผมถึงไม่เคลื่อนพลเข้าไปยังหุบเขาลาติสตรงๆ นั่นก็กลัวว่าอาจจะมีกองกำลังซุ่มยิงอื่นที่นอกเหนือจากที่เจอแอบซ่อนตัวอยู่อีก

 

สีเขียวสองจุดทางขวา:อาจจะมีกองกำลังซ่อนตัวอยู่ สตาร์เลยไปทางลูกศรซ้าย

ผมจึงเลือกที่จะไปยังเส้นทางที่ถูกเคลียร์เอาไว้แล้ว อีกอย่างตามแผนดั่งเดิมที่สไปร์สกับพอลวางเอาไว้ มันคือแผนการปิดล้อมหุบเขา ซึ่งผมก็คิดว่ามันเป็นแผนที่ไม่เลว อีกทั้งถ้าเขายึดภูเขาทางฝั่งซ้ายของหุบเขาลาติสได้มันจะทำให้พวกเราเคลื่อนพลตีวงล้อมได้ง่ายขึ้น..

แต่สิ่งที่ผมกำลังเป็นกังวลอยู่ นั่นก็คือกองกำลังของพอลตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง ไม่แน่ว่ากองกำลังของเขาที่ต้องเข้ายึดภูเขาทางฝั่งขวาของหุบเขาลาติสอาจจะถูกกวาดล้างไปแล้วก็ได้

กร็อบๆ 

เสียงฝีเท้าของม้าที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่บนผืนหิมะ ในตอนนี้ผมและเหล่าทหารกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่หุบเขาลาติส ตลอดการเดินทางผมต้องคอยสาดส่องสายมองไปยังภูเขาทางเบื้องหน้าว่ามีศัตรูที่กำลังซุ่มโจมตีอยู่หรือไม่ จนในท้ายที่สุดแล้วพวกเราก็มาถึงยังจุดหมาย..

“หยุด..!”ผมที่อยู่หน้าขบวนพลันตะโกนออกคำสั่งกับพวกทหาร ส่งผลทำให้เหล่าทหารที่ติดตามมาต้องชะลอฝีเท้าของม้าและค่อยๆหยุดตัวลง..

ซึ่งเหตุผลที่ทำไมผมถึงสั่งให้พวกทหารมาหยุดอยู่ตรงนี้ นั่นก็เพราะว่าที่ทางเบื้องหน้ามีม้าของเซนินที่ยืนอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะขึ้นไปบนภูเขาแล้ว

 

“ม้าของจ่าเซนินหนิ ทำไมถึงได้..?”สไปร์สที่สบถออกมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหันมามองผม โดยที่เธอก็ยังไม่รู้ถึงภารกิจที่ผมมอบให้เซนินไป

“ต่อจากตรงนี้พวกเราจะเดินไป..”ผมที่บอกกับเหล่าทหาร เพราะพื้นที่ทางเบื้องหน้าของพวกเราคือตีนของเขา ถึงมันจะมีเส้นทางที่ม้าสามารถเคลื่อนตัววิ่งขึ้นไปได้ แต่ผมกลับเลือกที่จะให้พวกทหารเดินเท้าไป เพราะจะทำให้ขึ้นไปบนเขาได้เร็วขึ้น

โดยที่ทางขึ้นเขามันก็ไม่ได้เป็นเส้นทางที่ชันอะไรขนาดนั้น มันยังมีพื้นที่ต่างระดับที่สามารถใช้เดินขึ้นไปได้อยู่ แต่ม้าจะวิ่งไปยังเส้นทางนั้นไม่ได้ ซึ่งถ้าขึ้นไปยังข้างบนได้ ขั้นตอนต่อไปผมก็จะให้พวกทหารกระจายกำลังกันทำตามแผนที่ได้วางเอาไว้..

“แล้วม้าล่ะครับ..? จะให้ทิ้งไว้ตรงนี้เหรอ..?”ทหารนายหนึ่งที่เอ่ยถามกับผม..

“เปล่า..ฉันจะให้พวกมันกลับไปรอที่กำแพงโขดหิน ทันทีที่กระชับพื้นที่และกวาดล้างกองกำลังของไฮสโตเรียที่อยู่รอบๆหุบเขาได้เมื่อไหร่ พวกเราก็จะกลับไปเอามันมา..”ผมที่บอกกับพวกทหาร ซึ่งพอทุกๆคนได้ยินแบบนั้นก็ต่างพากันแสดงสีหน้างุนงง..

“แล้วเราจะให้ใครพามันกลับไปที่กำแพงโขดหินล่ะครับ..?”

“ก็บอกให้มันวิ่งกลับไปเองสิ..”ผมที่ตอบกลับ..

“หะ..ห้ะ..?!”เหล่าบรรดาทหารที่ถึงกับร้องเสียงหลง..

“แกน่ะ..บอกเพื่อนๆของแกทุกตัวให้กลับไปรอที่โขดหินตรงนั้นทีสิ ฉันได้ยินแค่เสียงของแกตัวเดียว ส่วนตัวอื่นดูเหมือนจะเป็นม้าโง่..”ผมที่กล่าวกับม้าของไอริน ซึ่งเมื่อเหล่าทหารเห็นแบบนั้นก็ต่างพากันหน้าแหย ทุกๆคนคงคิดว่าม้ามันจะเข้าใจภาษามนุษย์ได้ยังไงกั..น..

“ฮี๋..!~ ฟึดๆ..”ม้าของไอรินที่สะบัดหัวไปมา ก่อนที่มันจะหมุนตัวกลับและวิ่งตรงไปยังโขดหิน ระหว่างทางมันก็ได้หันไปสะบัดหัวส่งเสียงบอกกับม้าตัวอื่น ทำให้พวกม้าต่างกรูกันวิ่งตามมันไป..

“ดะ..ดะ..ได้ไง..?!”

“คะ..คุยกับม้าได้ด้วย..”

เหล่าบรรดาทหารที่ต่างพากันยืนตาถล่นอ้าปากช็อคค้าง ทุกๆคนต่างงุนงงเป็นไก่ตาแตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น..

“เหอะ..พวกแกนี่ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย ว่างๆก็หัดลองคุยและฝึกพวกมันดูบ้างนะ ม้าน่ะถ้ามันได้ยินภาษามนุษย์บ่อยๆ มันจะเข้าใจภาษาของพวกเราเอง แถมมันยังมีประโยชน์ในการออกทำภารกิจด้วย..”ผมที่บอกกับเหล่าทหาร ทันทีที่ทุกๆคนได้ยินก็ต่างหยิบสมุดพกขึ้นมาจดรายละเอียดเอาไว้..

“เฮ้อ..แกเนี่ยนะ สรรหาเรื่องมาทำให้ฉันอึ้งได้ตลอดเลย..”สไปร์สที่ถอนหายใจกล่าวออกมา..

“เอาเถอะครับ..ยังไงก็ออกเดินทางกันต่อเถอะ..”ผมที่บอกกับสไปร์ส ก่อนจะเดินมุ่งหน้าขึ้นไปบนเนินที่ราดชันของภูเขาลูกหนึ่ง..

ในขณะเดียวกันทางด้านของเซนิน..

ฟุบ..~

หลังจากที่เซนินได้รับหมอบหมายหน้าที่จากสตาร์ เขาก็ได้ขึ้นมาบนภูเขาและมุ่งหน้ามายังพิกัดที่ชายหนุ่มบอกเอาไว้ ทันทีที่มาถึงเขาก็พบเข้ากับร่างของข้าศึกอยู่จริงๆ ซึ่งร่างๆนั้นที่กำลังยืนอยู่นั่นก็คือฮิไรม์..

“ไอ้เจ้าหนูนั่นมันไม่ธรรมดาจริงๆ ขนาดไม่เห็นตัวของข้าศึกแต่กลับระบุพิกัดได้อย่างแม่นยำ แถมยังรู้ด้วยว่าข้าศึกมีอยู่กี่คน น่าสนใจจริงๆ..”เซนินที่กล่าวออกมา เขากำลังเดินย่องเข้าไปฮิไรม์ที่กำลังยืนหันหลังให้อยู่ แต่ยังไม่ทันที่จะเดินเข้าไปถึงตัว จู่ๆก็..

“ไอ้สวะเอลเดีย..!!”เสียงตะโกนของทหารไฮสโตเรียที่จู่ๆก็ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของร่างนับสิบที่โผล่ออกมาจากตรงโขดหิน ก่อนจะเข้ามารายล้อมเซนินเอาไว้ อีกทั้งนอกเหนือจากนี้ยังมีกองกำลังทหารอีกกองที่วิ่งตามมาสบทบรวมจำนวนแล้วคร่าวๆประมาณ 20 นาย

“อะ..อึก อะ..อะไรวะเนี่ย..?”เซนินที่สบถออกมา เมื่อเห็นว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่สตาร์บอก ในตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของพวกทหารไฮสโตเรีย..

“มีหนูจากเอลเดียหลุดเข้ามาอย่างงั้นเหรอ..? กะเอาไว้อยู่แล้วว่ามันจะต้องส่งคนมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะส่งมาแค่คนเดียว..”ฮิไรม์ที่หันหน้ากลับมา ก่อนจะเดินเอามือไขว้หลังตรงเข้ามาหาเซนิน..

“เจลิโก้..ฉันว่าแกส่งทหารไปตรวจสอบดูรอบๆก่อนเถอะ ไม่แน่ว่าอาจจะมีพวกหนูอยู่อีก..”ฮิไรม์ที่หันไปตะโกนบอกกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วชายคนนั้นก็คือผู้นำของหน่วยที่สอง..

โดยก่อนหน้านี้ทันทีที่หน่วยที่สองเห็นว่ากองกำลังหน่วยที่สามถูกสตาร์กำจัด เขาก็ได้สั่งทหารหน่วยที่สองเคลื่อนตัวผ่านช่องแคบข้ามมาสบทบกับหน่วยของฮิไรม์ จึงทำให้ในตอนนี้กองกำลังทั้งสองหน่วยต้องมาปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน..

“เข้าใจแล้ว..แต่จะว่าไปฉันควรแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านเอ็กเซ็ททราบก่อนจะดีที่สุดเกี่ยวกับไอ้เจ้าปีศาจนั่น..”เจลิโก้ที่บอกกับฮิไรม์..

“ฉันส่งคนไปบอกแล้วล่ะ ภายใน 24 ชั่วโมง เราจะเปิดฉากใช้กลยุทธ์หลัก..”ฮิไรม์ที่ตอบกลับ..

“เฮ..พวกแกน่ะ คิดจะยืนคุยไปถึงเมื่อไหร่กัน..?”

ท่ามกลางการสนทนาพูดคุยของผู้นำทั้งสอง เซนินที่ตกอยู่ในวงล้อมก็เอ่ยถามขึ้น ท่าทีของเขาดูสบายๆแถมยังหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบอย่างหน้าตาเฉย..

“ซู้ด..ฟู้ว..~ ดูเหมือนจะโดนไอ้เด็กเวรนั่นมันหลอกเข้าแล้วสิเรา..”เซนินที่สูบบุหรี่ ก่อนจะพ่นควันออกมา เขาประมวลสถานการณ์ได้ในทันที..

เซนินนั้นไม่ใช่คนโง่ที่จะมองไม่ออกว่านี่คือแผนของสตาร์ เพียงแค่เขาได้เห็นการคำนวนของชายหนุ่มมันก็ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นฉลาดมากแค่ไหน

เหตุผลที่สตาร์ส่งเขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะหลอกให้เขามากวาดล้างของกองกำลังทั้งหมดของข้าศึก ไม่ใช่แค่พลซุ่มยิงเพียงคนเดียวอย่างที่บอก แต่กว่าที่เขาจะรู้ตัวว่าถูกหลอกมันก็สายเกินไปเสียแล้ว

 

และการที่สตาร์ตัดสินใจทำแบบนี้ก็แสดงว่าเขารู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเซนินแล้ว หากแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้เพื่อให้หลอกเขาตายใจ

“ฆ่าไอ้เจ้าหนูตัวนั้นซะ..”ฮิไรม์ที่ออกคำสั่ง โดยที่พวกทหารก็ต่างพากันชักดาบออกมา พร้อมกับทำการเปิดวงจรเวท

“หึๆ ฆ่าฉันงั้นเหรอ..? อยากรู้จริงๆว่าจะทำได้อย่างที่ปากพูดหรือเปล่า เปิดวงจรเวท..~”เซนินที่แสยะรอยยิ้มกล่าวออกมา ก่อนที่ทันใดนั้นที่กลางหน้าอกของเขาจะส่องแสงสว่าง พร้อมกับการปรากฏตัวของวงแหวนเวทสีทอง 1 วงที่เข้ามาคล้องแขนเอาไว้..

“เฮือก..!! วะ..วงแหวนเวทสีทอง อยะ..อย่าบอกนะว่า..”ฮิไรม์ที่ถึงกับผงะหน้าถอดสี..

“หืม..อะไรกันจะฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันไม่คิดจะใช้เอมพาสหรอกนะ อย่างพวกแกแค่หมัดเพียวๆกับเจมิไนท์ก็พอแล้ว..”เซนินที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับยกกำปั้นขึ้นทำท่าจะต่อยลงไปบนพื้นดิน..

“เสาหลักเอลเดีย..!! ทุกคนถอย..!!!!!!!”ฮิไรม์ที่ตะโกนออกคำสั่งกับพวกทหารจนสุดเสียง ส่งผลทำให้ทุกๆร่างต่างพากันวิ่งหนีกระจายตัวออกไปกันคนละทิศคนละทางไม่เว้นแม้แต่เจลิโก้..

“คลื่นกระแทก..!”เซนินที่ทำการปลดปล่อยเจมิไนท์ พร้อมกับย่อตัวซัดกำปั้นลงไปบนพื้นหิมะอย่างรุนแรง..

ตู้ม..!!!!!!!!!!!!!!!!

ทันทีที่หมัดของเซนินต่อยประทับลงสู่ผืนหิมะ สิ่งที่อุบัติออกมานั่นก็คือคลื่นแรงอัดกระแทกที่แผดรัศมีกระจายตัวออกไปรอบทิศทาง ถลกพื้นหิมะให้กระเพือมออกไปจนกลายเป็นเกลียวคลื่น..

คลื่นกระแทกที่แผ่กระจายออกมาได้ตามไปอัดกระแทกซัดเข้าสู่ร่างของเหล่าทหารที่กำลังวิ่งหนีจนกระเด็นตัวลอยออกไปกันคนละทิศคนละทาง อีกทั้งยังรุนแรงจนก่อให้เกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งภูเขา..

“อั่ก..!!!”ฮิไรม์กับเจลิโก้ที่กำลังวิ่งหนีพลันถูกคลื่นกระแทกของเซนินซัดเข้าใส่ร่างทำให้อวัยวะภายในถูกบดขยี้จนแหลกเละ..

ครึ้ม..!~

ท่ามกลางร่างของเซนินที่ยืนตระหง่านอยู่บนพื้นดิน ตอนนี้หิมะบางส่วนได้ถูกกวาดออกไปจนกลายเป็นลานดินขนาดเล็กโล่งๆ

“ดูเหมือนกลับไป ฉันคงจะต้องสั่งสอนไอ้เจ้าเด็กนั่นซะแล้วสิ กล้าดียังไงถึงได้มาหลอกฉันคนนี้ ทำได้แสบดีหนิ ถุ้ย..!”เซนินที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มอันน่าสะพรึง ก่อนจะถุ้ยบุหรี่ที่คาบเอาไว้ทิ้งไป พลางหยิบเหล้าขึ้นมาเปิดฝากระดกดื่ม..

ซึ่งแท้ที่จริงแล้วชายผู้นี้นี่ก็คือผู้ใช้เอมพาสระดับ 1 ดาวทอง เขาคือหนึ่งใน 9 พยัคฆ์ของทารอน พยัคฆ์ตัวที่ 7 พยัคฆ์คลื่นทำลาย..

ครึ้ม..!~

“หะ..หืม..?”เซนินที่หยุดชะงักไปชั่วขณะ สายตาของเขาพลันเหลือบชำเลืองไปพบเข้ากับหิมะที่กำลังถล่มไหลจากบนภูเขาที่เขาอยู่ลงไปยังพื้นดินทางเบื้องล่าง..

ซึ่งนี่ก็คือผลพวงของคลื่นแรงอัดกระแทกที่เขาพึ่งจะปลดปล่อยมันออกมา ทำให้หิมะที่เกาะตัวอยู่บนภูเขาลูกนี้และอีกหลายลูกที่อยู่ไกลเคียงต้องไหลถล่มลงไป 

ซึ่งถ้าเซนินจำไม่ผิด สตาร์ได้บอกกับเขาเอาไว้ว่าจะเคลื่อนพลตามมาทีหลัง นั่นก็หมายความว่า..

“เวรแล้วไง..อึก แต่ก็ช่างเถอะ ถือซะว่าเป็นการเอาคืนก็แล้วกัน กะอีกแค่หิมะถล่มหวังว่าเจ้านั่นจะแก้ไขสถานการณ์ได้นะ..”เซนินที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ แม้ว่าใบหน้าจะบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้ก็ตาม เพราะหิมะที่ถล่มลงไปมันเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่พร้อมจะกลบทุกสรรพสิ่งทางเบื้องล่าง อย่าว่าแต่หนีเลยเผลอๆมันอาจจะกลืนกินรัศมีไปยันกำแพงโขดหินเลยก็ได้..

“เฮ้อ..ชิบหาย ดูเหมือนงานนี้มีหวังเขียนรายงานกันยาวแน่ ทารอนกับเอทารอสถึงความแตกหัก..!”เซนินที่สุดท้ายก็ไม่อาจจะวางใจลงได้พลันยกฝ่ามือขึ้นมากุมขมับ

ตัดกลับมาที่ทางด้านของสตาร์..

ครึ้ม..~

“เชี้ยยยยย…!!!”ไอ้จ้อนที่ร้องตะโกนแหกปากออกมาเสียงดังลั่น จากภาพของหิมะที่กำลังถล่มลงมา..

ซึ่งในตอนนี้พวกเรากำลังเดินไต่อยู่บนทางเนินของเขา..

“เวร เวร เวร ฝีมือไอ้ตาลุงนั่นแหงๆ..!”ผมที่ถึงกับหน้าถอดสีสบถออกมาด้วยความตื่นตระหนก สถานการณ์ในตอนนี้ถึงต่อให้ฉลาดสักแค่ไหนก็ไม่รอดแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี

“หิมะถล่ม..พวกเรารีบหนีเร็วเข้า..!!!”เสียงตะโกนของพวกทหารที่กู่ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก

“สตาร์..แผนล่ะ..!”สไปร์สที่หันมาตะโกนเรียกผมด้วยความตื่นตระหนก

“อย่าหนี..!!!!!!”ผมที่ตะโกนบอกกับเหล่าทหาร ทำให้ทุกๆคนต่างพากันหยุดชะงัก ครั้งนี้ถึงแม้ว่าความตายจะคลืบคลานเข้ามา แต่ไม่ว่าใครก็ต่างที่จะหันมาฟังผม..

“เปิดวงจรเวท ใช้เวทบาเรียและหาที่กำบัง ไปหลบอยู่ข้างหลังโขดหิน ถ้าทำแบบนั้นพวกแกยังมีโอกาสรอดอยู่ แต่ถ้าเกิดคิดที่จะวิ่งหนีล่ะก็ ก็เตรียมตัวตายได้เลย พวกแกถูกหิมะกลบร่างหายแน่..!”สิ้นเสียงตะโกนของผม พวกทหารก็ต่างพากันไปหลบอยู่ข้างหลังโขดหิน โดนที่ตัวของผมกับสไปร์สก็เข้ามาหลบอยู่หลังโขดหินก้อนหนึ่ง แต่ทว่า..

“ไอริน..!”ผมที่กู่ร้องออกมา ทันทีที่หันไปทางขวามือก็พบเข้ากับร่างของไอรินที่กำลังยืนช็อคไม่ขยับ สายตาของเธอกำลังเบิกกว้างขึ้น พลางมองจ้องขึ้นไปยังหิมะที่กำลังถล่มลง อีกทั้งจุดที่เธออยู่ยังห่างจากผมและเหล่าทหารไปไกลถึง 15 เมตร

“ท่านพันตรี..ก่อนหน้านี้ผมได้ส่งจ่าเซนินขึ้นไปเคลียร์พื้นที่ให้แล้ว ถ้าเกิดหิมะสงบลง ฝากดูแลกองกำลังทหารด้วย ถึงแม้จะไม่เจอผมแต่เคลื่อนพลขึ้นไปบนหุบเขาได้เลยทำตามแผนเดิม และผมจะขอย้ำกับท่านเอาไว้ว่าภารกิจต้องมาก่อน..!”ผมที่ฝากฝั่งหน้าที่เอาไว้กับสไปร์ส..

“เดี๋ยวสิ นายคิดที่จะทำอะไร..?”สไปร์สที่ถามผมด้วยความตื่นตระหนก..

“ไม่ต้องห่วง..ผมยังตายตอนนี้ไม่ได้ พวกเรายังมีนัดกันอยู่ ฝากด้วยนะครับ..!”สิ้นเสียงสุดท้ายของผมที่กล่าวกับสไปร์ส ผมก็ได้ดีดตัวออกจาดโขดหิน ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปหาไอริน..

“เวรเอ้ย..! ไอรินตั้งสติหน่อย..!”ผมที่ตะโกนบอกกับไอริน โดยเธอที่กำลังช็อคก็หันหน้ามามองผม ก่อนที่ผมจะเข้าไปกระชากข้อมือของเธอและมองหาที่กำบัง..

ครืน..!!~

หิมะที่ถล่มลงมาอย่างรวดเร็วระยะห่างของมันกับผมเหลืออีกเพียงแค่ 50 เมตรเท่านั้น 

“สตาร์ ตรงนั้นมีโพลง..!”เสียงของไอ้จ้อนที่ตะโกนบอกกับผม ทำให้สายตาที่กำลังสาดส่ายเหลือบมองไปพบเข้ากับโพลงที่อยู่บนเนิน ผมนั้นไม่รอช้ารีบสอดมืออุ้มร่างของไอรินวิ่งตรงไปยังโพลงๆนั้น ก่อนจะสไลด์ตัวกระโดดลงไป..

ฟุบ..!

ตุบ..

ทันทีที่ผมพาไอรินโดดลงมาภายในโพลง ร่างของพวกเราทั้งสองก็ดิ่งลงสู่พื้นที่สูงเกือบสิบเมตร ก่อนจะตกลงอย่างรุนแรงจนกลิ้งกันไปคนละทิศคนละทาง

ตุบๆ ๆ ๆ

ครืน..!!!!

ผมที่ค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืน เมื่อแหงนหน้าขึ้นไปมองยังปากโพลงก็พบว่าหิมะที่ถล่มลงมาได้เคลื่อนตัวผ่านไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีหิมะบางส่วนที่ไหลเข้ามาภายในโพลงแห่งนี้..

“เธอไม่เป็นอะไรนะ..?”ผมที่หันไปถามกับไอริน โดยที่เธอก็ค่อยๆชันตัวลุกขึ้นมา..

“ฉันไม่เป็นไร..”ไอรินที่ตอบกลับ พลางปัดฝุ่นและเศษหิมะที่ติดอยู่ตามตัว..

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะปลอดภัยแล้ว ไม่คิดว่าจะมีถ้ำซ่อนอยู่ด้วย..”ผมที่กล่าวออกมา พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ 

ในตอนนี้ผมกับไอรินกำลังอยู่ภายในโถงถ้ำ ทั่วทั้งบริเวณมีแร่หลากสีที่เปล่งแสงสว่างจนทำให้ห้องที่มืดมิดสว่างขึ้น อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะมีเส้นทางที่เชื่อมไปยังจุดหรือห้องอื่นๆอยู่อีก..

“ลุกไหวไหม..?”ผมที่เดินเข้าไปเอ่ยถามไอริน..

“ดูเหมือนข้อขาจะหักน่ะ อุ้มหน่อยสิ..”ไอรินที่ลูบคลำข้อขาขอตัวเอง ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมาบอกกับผม ดวงตาของเธอเปล่งประกายแววระยิบระยับอยู่ชั่วขณะ ก่อนเปลี่ยนกลับไปเป็นปกติ นี่หรือว่ากำลังเก็บอาการอยู่..

“เฮ้อ..ขาเธอจะหักได้ยังไง ฉันเป็นคนอุ้มเธอลงมา ขาฉันเนี่ยที่หัก..”ผมที่บอกกับไอริน พลางก้มหน้าลงไปมองขาของตัวเองที่หักผิดรูปผิดร่าง พอเธอได้เห็นแบบนั้นก็เบิกดวงตากว้างโต..

“ฉะ..ฉันขอโทษ มะ..ไม่นะ นะ..นายอย่าพึ่งขยับนะ..”ไอรินที่ดูเหมือนจะตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เธอรีบลุกขึ้นมาประคองผม..

“ไม่ต้องห่วงหรอก แค่นี้ไกลหัวใจเยอะ..”ผมที่บอกกับไอริน ดูเหมือนว่าจะหักตอนที่ตกลงมากระแทกพื้น..

“จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง..!”ไอรินที่ขึ้นเสียงตะค่อกใส่ผม ก่อนจะจับแขนของผมไปพาดบ่าของเธอเพื่อช่วยพยุง..

“ทำการรักษากระดูกที่หัก ซ่อมแซมเซล์..”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา ทันใดนั้นเองจู่ๆขาของผมก็ถูกฟื้นฟูจนหายกลับมาเป็นปกติ แถมในตอนที่รักษายังรู้สึกจั๊กจี้ด้วย..

“เฮ้ย..!!! ได้ผลด้วยว่ะ..!!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่มันได้ลองใช้พลังนี้ อย่าว่าแต่มันเลยผมเองก็อึ้งไม่ต่างกัน..

“อะ..อึก เป็นไปได้ยังไงกัน..?”ไอรินที่ถึงกับผงะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามผม..

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเรารีบหาทางออกกันก่อน..”ผมที่บอกกับไอริน พร้อมกับเดินนำเธอออกไปยังเส้นทางข้างหน้าที่น่าจะไปเชื่อมกับที่ไหนสักแห่ง ก่อนที่ต่อจากนั้นช่วงเวลาจะล่วงเลยผ่านพ้นไป..

3 ชั่วโมงต่อมา..

“ฮะ..เฮ้ย ชักไม่ปกติแล้วสิ..”ผมที่สบถออกมา หลังจากที่ผมกับไอรินใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงในการตามหาทางออก จวบจนตอนนี้พวกเราก็ยังติดแหง็กอยู่ในถ้ำ..

ซึ่งเท่าที่ผมนับมา พวกเราเดินผ่านห้องโถงมาแล้วกว่า 10 ห้อง แถมทุกๆห้องหรือตลอดเส้นทางที่ผ่านยังมีแร่เรืองแสงที่ขึ้นอยู่ตามทาง จนกระทั่งล่าสุดพวกเราก็ได้เข้ามาสู่ห้องโถงห้องที่ 11

“นี่มันก็น่าจะราวๆหลายชั่วโมงแล้วนะ..”ไอรินที่กล่าวออกมา เธอยังคงเดินอยู่ข้างๆผมโดยไม่แสดงท่าทีเหน็ดเหนื่อย แถมตลอดทางที่เดิน เธอยังแอบเนียนเอื้อมมาจับมือของผมเอาไว้ แม้ว่าพวกเราแทบจะไม่พูดอะไรกันเลยก็ตาม..

“งั้นเรานั่งพักกันสักแป๊บเถอะ..”ผมที่บอกกับไอริน ก่อนจะเดินไปนั่งเอาหลังผิงกับผนังถ้ำ..

“อะ..อืม..”ไอรินที่ตอบกลับ ก่อนที่เธอจะ..

ฟุบ..

“ฮะ..เฮ้ย..?!”ผมที่ถึงกับร้องเสียงหลง เมื่อจู่ไอรินที่ควรจะนั่งลงข้างๆกลับขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนเอวของผม 

“อ้อ..!! ฉันนึกออกแล้ว ในหนังที่พระนางติดอยู่ในถ้ำจะหาทางออกไม่เจอ จนกว่าจะได้สแว๊กแก๊กกัน ไม่เชื่อแกลองทำดูสิ..!”ไอ้จ้อนที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น เดี๋ยวๆ หนังเรื่องไหนของแกฟะ..?! 

“ฉันทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว และฉันจะไม่ยอมให้นายปฏิเสธแน่..”ไอรินที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่า เดี๋ยว..ประโยคนี้มัน เดจาวู เดจาวู..!!!!

ไรท์:คอมเม้น..!!!

 

Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..

Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..แสงที่ 1 ชายผู้หลงไหลในดาบแสงและสงครามแห่งดวงดาว.. สงครามคือสิ่งที่อยู่กับมวลมนุษย์มาตั้งแต่ที่อารยธรรมถือกำเนิดขึ้นบนผืนโลก เหตุของการเกิดสงครามมาจากคนสองกลุ่มหรือมากกว่านั้นที่เกิดความขัดแย้ง ณ คอนโดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวงในประเทศเล็กๆที่มีผู้นำโง่ๆ [มันจบแล้วอนาคิน..~] เสียงตะโกนของตัวละครชายผู้หนึ่งที่ดังออกมาจากภายในจอของโน๊ตบุ๊ค โดยที่ตัวละครดังกล่าวกำลังยืนอยู่บนหินเหนือธารลาวาที่กำลังปะทุ ภายในห้องแคบๆที่มืดสนิทของคอนโดที่เกือบจะรกร้างปรากฏเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าของตัวเองอยู่บนเก้าอี้ เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมที่ปล่อยยาวจนถึงบ่าดูกระเซอะกระเซิงลงมาปรกหน้าราวกับไม่เคยหวี่หรือดูแลมัน โดยที่ในเวลานี้สายตาของชายคนดังกล่าวกำลังจับจ้องไปยังหนังที่ดูซ้ำและซ้ำเล่ากว่าหลายพันครั้ง จนเกือบจะจำบทพูดและเนื้อเรื่องได้.. “เฮ้อ..~ ข้าเกลียดท่าน..!”เสียงถอนหายใจของชายวัยกลางคนที่เอ่ยบทพูดของตั

Comment

Options

not work with dark mode
Reset