ในครานี้หลินมู่อวี่ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เนื่องด้วยรู้ตัวว่าความสามารถของตนในตอนนี้ยังช่วยพวกหญิงคนเถื่อนไม่ได้ สายตาแห่งความเกลียดชังจากพวกนางยังคงจดจ้องมายังหลินมู่อวี่ เขาไม่ใช่พระเจ้า…ทั้งยังหน่ายเต็มทีกับการเป็นคนดี บางครั้งก็ต้องปล่อยให้ธรรมชาติเป็นไปตามทางของมัน
กระทั่งมาถึงจวนผู้ว่าการที่ดูหรูหราไม่แพ้ตำหนักขุนนางที่เสี่ยวซีอาศัยอยู่ ภายในจวนผู้ว่าการแห่งเมืองห้าหุบเขามีรูปภาพอันสวยงามหลากหลายทั้งนาข้าว ฟาร์มสัตว์ ไร่ธัญพืช และปลาสีทอง เป็นสัญลักษณ์ว่าเมืองนี้มีทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์พอๆ กับกองกำลังทหารที่แข็งแกร่ง!
ปลายด้านบนบันไดทองอันวิจิตร หูเถี่ยหนิงในชุดคลุมผู้ว่าการการกำลังรอหลินมู่อวี่อยู่ หูเถี่ยหนิงวางมือบนด้ามจับดาบพลางเดินลงมาจากบันได ก่อนจะโค้งคำนับด้วยรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับท่านหลินมู่อวี่สี่วีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยน เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เดินทางมาที่เมืองห้าหุบเขาแห่งนี้ขอรับ!”
หลินมู่อวี่ประสานกำปั้นคำนับแบบทหาร “ท่านผู้ว่าการอย่าสุภาพไปเลยขอรับ เท่านี้ข้าก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว”
“ฮ่า!”
หูเถี่ยหนิงมองหน้าหลินมู่อวี่ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านคือบุรุษผู้มีความกล้าหาญอันน่ายกย่องเสียจริง ตั้งแต่ครั้งยังเป็นบุคคลไร้นามจากเมืองหยินซานกระทั่งได้มาเป็นทหารผู้ถูกเลือกจากองค์จักรพรรดิ…เป็นความหวังของอาณาจักร ข้าขอคารวะในตัวท่าน! มาเถิด…ท่านคงเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ให้ข้าพาท่านไปพักผ่อนทานอาหารให้อิ่มท้องนะขอรับ!”
“เป็นพระคุณยิ่งขอรับ!”
หลินมู่อวี่คำนับอีกครั้งก่อนจะให้คนนำม้าไปเก็บ เว่ยโฉว เซี่ยโหวซาง และทหารคนอื่นๆ ตามหลินมู่อวี่เข้าไปพร้อมอาวุธ ท้ายที่สุดเมืองห้าหุบเขาก็เป็นเพียงเมืองหลวงในมณฑล เทียบไม่ได้กับเมืองหลันเยี่ยนซึ่งเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิ อีกทั้งหลินมู่อวี่ยังมาที่นี่ด้วยคำสั่งจากเบื้องบน ผู้ว่าการจึงไม่กล้าเรียกเก็บอาวุธของพวกเขา
…
ณ โถงใหญ่ มีงานเลี้ยงต้อนรับหรูหราถูกจัดขึ้น หูเถี่ยหนิงนั่งอยู่กลางโต๊ะยาวโดยมีหลินมู่อวี่นั่งอยู่ด้านข้าง ตรงข้ามหลินมู่อวี่มีแม่ทัพหนุ่งอายุราวสามสิบปีนั่งอยู่ และเมื่อดูจากพลังที่แผ่ออกมาชายผู้นี้มีพลังยุทธ์ระดับขอบเขตนภาแล้ว อาจเป็นแม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในจวนก็ว่าได้
“เชิญ!”
หูเถี่ยหนิงชูแก้วขึ้นกล่าว “วันนี้ช่างน่ายินดียิ่งที่แขกผู้มีเกียรติได้เดินทางมาเยือนเมืองห้าหุบเขาแห่งมณฑลชางหนาน ทุกคนจงดื่มต้อนรับให้แก่ท่านหลินมู่อวี่!”
ทุกคนต่างชูแก้วไวน์ขึ้นแล้วดื่มจนหมด
ของเหลวร้อบวูบวาบไหลลงคอ หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยืนก่อนพยักหน้ายิ้ม “เป็นพระคุณยิ่งที่ท่านผู้ว่าให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี เรารู้สึกซาบซึ้งมาก!”
หูเถี่ยหนิงหัวเราะ “ผู้บัญชาการไม่ต้องถ่อมตนมากก็ได้ขอรับ มาเถิดข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จัก…ชายผู้นี้คือแม่ทัพหลงเซียนหลิน ได้รับการอวยยศเป็นแม่ทัพองครักษ์ตะวันออกโดยจักรพรรดิเมื่อสองปีก่อน และตอนนี้มาเป็นผู้บัญชาการกองทัพให้แก่มณฑลชางหนานของข้า มีทหารใต้บัญชากว่าหมื่นสองพันคน จะว่าไปท่านทั้งสองเองก็เป็นผู้กล้าหนุ่มที่อายุไล่เลี่ย…คงเข้ากันได้ดีนะขอรับ”
หลงเซียนหลินคำนับและกล่าวอย่างนอบน้อม “ยินดีที่ได้พบขอรับท่านหลินมู่อวี่!”
หลินมู่อวี่ก็ให้ความเคารพเช่นกัน “อย่าถ่อมตนเลยขอรับ เป็นข้าเสียมากกว่าที่ยินดีได้พบท่าน!”
หากกล่าวถึงตำแหน่งแม่ทัพ หลงเซียนหลินเป็นแม่ทัพอันดับสี่ในขณะที่หลินมู่อวี่อยู่อันดับหกจึงมิอาจยกตนเทียบชั้นได้ อย่างไรก็ตามการที่เขาเคารพหลงเซียนหลินก็เป็นเพราะตำแหน่งในตอนนี้้ท่านั้น อันที่จริงแค่เป็นบุตรบุตรธรรมและหนึ่งในสี่วีรบุรุษแห่งเมืองหลันเยี่ยนก็มีศักดิ์เพียงพอที่จะเทียบชั้นกับตำแหน่งอันดับสองแม่ทัพองครักษ์ได้แล้ว
หูเถี่ยหนิงวางแก้วไวน์และเอ่ยขึ้น “ท่านหลินมู่อวี่คงยังไม่ทราบว่าแม่ทัพหลงเซียนหลินนั้นมีพระคุณต่อเรายิ่งนัก เมื่อเดือนที่แล้วเขานำทัพทหารม้าหนึ่งหมื่นนายเข้าสกัดกั้นการรุกรานของพวกคนเถื่อนสองหมื่นคนบนเทือกเขา แม่ทัพบุกเข้าทำลายฐานที่มั่นของคนเถื่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจก่อนจะได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่มา กองทัพของเขาสังหารพวกมันกว่าหมื่นคนโดยเสียกำลังทหารไม่ถึงพัน ตอนนี้จึงกลายเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงมากทีเดียว!”
หลินมู่อวี่ตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มและกล่าว “เป็นท่านหลงเซียนหลินเองรึที่กำจัดพวกคนเถื่อนได้ ข้าเสียมารยาทจริงๆ ที่ไม่ทราบมาก่อน…”
หลงเซ๊ยนหลินกล่าวด้วยความเขินอาย “อันที่จริงคนเถื่อนพวกนั้นไม่รู้กลยุทธ์ทางทหารและไม่รู้จักการจัดขบวนทัพต่างๆ เลยแม้แต่น้อย จึงเป็นการง่ายที่ใช้ทหารม้าเข้ากระจายกองกำลังและกำจัด เกรงว่าหากเป็นแม่ทัพคนอื่นๆ ก็คงทำเช่นเดียวกัน ข้าจึงไม่คู่ควรกับสมญาแม่ทัพผู้ชื่อเสียงนั่นหรอกขอรับ ข้าหวังเพียงได้เป็นตัวของตัวเองและรับมีเกียรติรับใช้จักรวรรดิเท่านั้นก็พอแล้วขอรับ”
หลินมู่อวี่รู้สึกถึงความจริงใจของหลงเซียนหลิน โดยทั่วไปคนหนุ่มที่ได้นำกองทหารกว่าหมื่นนายมักจะหยิ่งผยองไม่สนใจใคร ทว่าหลงเซียนหลินกลับเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างหาได้ยาก หลินมู่อวี่เอ่ยขึ้น “ดูเหมือนข้าคงต้องขอคำแนะนำจากท่านแม่ทัพหลงบ้างเสียแล้ว เพราะข้าช่างโง่เขลาและมีดีแต่กำลังหาได้เข้าใจกลยุทธ์ทางทหารไม่”
“ช่างเจียมตัวเสียจริงนะท่าน”
หลงเซียนหลินคำนับ “หากท่านต้องการคำแนะนำข้าก็ยินดีสอนอย่างเต็มที่เลยขอรับ!”
หลินมู่อวี่เผยรอยยิ้ม “ขอบพระคุณมาก!”
อันที่จริงเรื่องกลยุทธ์ต่างๆ หลินมู่อวี่ได้ศึกษาจากตำราพิชัยสงครามของพ่อมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว ทว่าเขามีแต่ความรู้ยังขาดประสบการณ์จริง ถึงกระนั้นด้วยความหลักแหลมของตน…เวลาจะช่วยสอนเขาเอง
หลังจากดื่มไวน์หมดไปสามแก้ว หลินมู่อวี่ เว่ยโฉว และคนอื่นๆ เริ่มมีอาการเมาเล็กน้อย ตอนนั้นเองที่หูเถี่ยหนิงตบมือพลางเอ่ยขึ้น “เอานักเต้นมา!”
ทันใดนั้นกลุ่มสาวงามในชุดผ้าไหมก็เข้ามาเต้นรำพร้อมกับนักดนตรี นักเต้นสาวรูปร่างสะโอดสะองถูกคัดสรรมาอย่างดีจนภาพที่เห็นเบื้องหน้านั้นสวยงามราวกับฝันไป นายพลทั้งหลายต่างจดจ้องนักเต้นสาว ทั้งห้องโถงครึกครื้นอย่างมีชีวิตชีวา
หลินมู่อวี่ยังคงมีสติอยู่ตลอด เขาใช้ทักษะชีพจรวิญญาณช่วยขจัดความมึนเมาออก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร หูเถี่ยหนิงลุกขึ้นยืนด้วยความเมา เขาเดินเซไปทั่วพลางเอ่ยปาก “วันนี้ช่างเป็นวันแห่งความสุข นักเต้นเหล่านี้ล้วนเป็นข้ารับใช้ในจวนแห่งนี้ ดังนั้นหากผู้มาเยือนทั้งหลายถูกใจนางใดก็พาไปได้เลย พวกนางจะช่วยเติมเต็มความสุขตามที่ท่านร้องขอรับรองไม่มีผิดหวัง”
หลังกล่าวจบบรรดาแม่ทัพแห่งจวนผู้ว่าทั้งหลายต่างเผยรอยยิ้ม มีคนหนึ่งคนลุกขึ้นตรงไปหานักเต้นสาวพลันหัวเราะ “ข้าจะเอาคนนี้…หน้าอกนางใหญ่ได้ใจข้า!”
หูเถี่ยหนิงเอามือเท้าโต๊ะพลางกล่าว “อย่าเสียมารยาท! ให้แขกของเราได้เลือกก่อน! ท่านหลินมู่อวี่ท่านเป็นผู้นำ ท่านคิดว่าใครงามที่สุด?”
หลินมู่อวี่ยืนขึ้นคำนับและกล่าว “หญิงชุดเขียว ม่วง และเหลืองงามที่สุด”
หูเถี่ยหนิงโบกมือ “ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ คืนนี้พวกเจ้าต้องรับใช้ท่านผู้นี้”
“หามิได้…”
หลินมู่อวี่คำนับอีกครั้ง “ท่านผู้ว่า…หลินมู่อวี่มาที่นี่ด้วยภารกิจสำคัญนัก ครานี้จึงขอรับไว้เพียงความหวังดีของท่าน ข้าคงไม่มีโชคได้ใช้เวลากับนักเต้นสาวเหล่านี้ขอรับ”
หูเถี่ยหนิงตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะพลางเอ่ยตอบ “ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงซีกับองค์หญิงอินทรงมีความสนิทสนมกับท่าน เช่นนั้นข้าไม่โทษท่านหรอกขอรับที่ท่านจะไม่ชอบหญิงงามเมืองพวกนี้!”
หลินมู่อวี่เผยรอยยิ้มกระอักกระอ่วนโดยไม่ตอบสิ่งใดอีก
หูเถี่ยหนิงกล่าวต่อ “ท่านองครักษ์อวี้หลินทั้งหลาย หากพึงพอใจคนใด…อย่าได้เหนียมอายและเข้าไปเลือกได้เลย”
เว่ยโฉวคำนับ “ข้าน้อยอยู่ระหว่างการฝึกฝนยุทธ์จึงไม่อาจแตะต้องหญิงใดได้ ข้าน้อยขอปฏิเสธขอรับ!”
เซี่ยโหวซางกำลังเมาได้ที่ จ้องหน้าหลินมู่อวี่พลางเอ่ยถามอย่างติดขัด “ท่านหลินมู่อวี่…หากท่านอนุญาต…ข้าขอ…”
หลินมู่อวี่ยิ้ม เรื่องใบอนุญาตผ่านทางมีเพียงเขาและเว่ยโฉวเท่านั้นที่ทราบเรื่อง เซี่ยโหวซางแทบไม่รู้เรื่องอันใดจึงไม่จำเป็นต่อภารกิจนี้ “หากเจ้าต้องการก็เชิญเลย”
“ขอบพระคุณขอรับท่านผู้บัญชาการ!”
เซี่ยโหวซางดีใจพุ่งเข้าหานักเต้นสาวประหนึ่งคนได้รับการอภัยโทษ “ชุดเหลืองกับชุดม่วงเข้ามากับข้า!”
หลินมู่อวี่ช่างเหลืออดเอามือกุมขมับ เหตุตนถึงมีลูกน้องงี่เง่าได้ถึงเพียงนี้?
หลิงเซียนหลินเมื่อเหตุท่าทีหลินมู่อวี่จึงอดยิ้มไม่ได้
เซี่ยโหวซางกับองครักษ์อวี้หลินอีกสองคนพานักเต้นบางส่วนไป ที่เหลือจึงตกเป็นของแม่ทัพแห่งจวนผู้ว่า เช่นเดียวกับหลินมู่อวี่ หลงเซียนหลิงที่เป็นแม่ทัพก็ปฏิเสธคำเชิญชวนของหูเถี่ยหนิง
กลุ่มของหลินมู่อวี่ถูกจัดว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติของจวนผู้ว่าการ หลังจากได้ฟังเหตุผลในการเดินทางมาของหลินมู่อวี่ หูเถี่ยหนิงจึงรับปากว่าจะนำดอกผิงเม่ยมาให้ในตอนเช้าหลินมู่อวี่จึงโล่งอก การเดินทางมาชางหนานในครั้งนี้จึงนับว่าประสบผลสำเร็จอย่างราบรื่น
ทว่าสิ่งน่าผิดหวังเดียวเสียงดังที่เล็ดลอดมาจากห้องข้างๆ เซี่ยโหวซางเหมือนมังกรที่กำลังคำรามอย่างสุขสันต์กับสองนักเต้นสาว ถึงขนาดเสียงดังทะลุมาถึงห้องตนเอง
“ท่านช่างแข็งแกร่งเสียจริงเจ้าค่ะ นางบำเรอผู้นี้จะไม่ไหวแล้ว…”
“เตรียมตัวให้ดี พี่จะเร่งแล้วน้อง!”
“ท่านเจ้าคะ ข้าไม่ไหวแล้วจริงๆ…”
“ท่านเจ้าคะ ท่านหลินมู่อวี่ช่างหล่อเหลายิ่งนัก ระหว่างท่านกับเขา…ใครเก่งเรื่องอย่างว่ากว่ากันเจ้าคะ?”
“ถามแปลกจริง…แน่นอนว่าต้องเป็นข้า! เจ้าพูดมากไปแล้ว นอนลงแล้วพี่จะแสดงให้ดู!”
หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เท่าที่ฟังเซี่ยโหวซางน่าจะ “ยิ่งใหญ่” พอตัว
เมื่อเดินออกนอกห้องลมหนาวพัดผ่านคล้ายฤดูเหมันต์ยังไม่สิ้นสุด ใบไม้บริเวณสวนปลดปลิวไปตามสายลม
หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาและใช้ความรู้สึกมึนเมาจากไวน์ฝึกฝนทักษะกระบี่สายลมจักรวรรดิ ขณะกำลังร่ายรำกระบี่ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นจากใครคนหนึ่งที่กำลังเดินมาจากเงามืด…แม่ทัพองครักษ์ตะวันออกหลงเซียนหลิน
“ยังไม่นอนอีกหรือขอรับแม่ทัพหลง?” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม
หลงเซียนหลินยิ้ม “ถ้าเองก็ยังไม่นอนอีกหรือ? ข้าได้เห็นทักษะกระบี่ของท่านแล้ว ช่างน่าทึ่งจริงๆ งดงามจนเกือบสมบูรณ์แบบ”
“ทักษะกระบี่ขั้นสามของข้า…ฮ่าๆๆ ไม่ควรค่าแก่การฟังหรอกขอรับ!” หลินมู่อวี่หัวเราะพลางผายมือไปยังโต๊ะหินด้านข้าง “เชิญนั่งก่อนเถิดขอรับแม่ทัพหลง”
“อืม”
เมื่อหลงเซียนหลินนั่งลง เขาก็เอ่ยถามบางอย่าง “นี่เป็นครั้งแรกที่มาเมืองห้าหุบเขาสินะขอรับ?”
“ถูกต้อง”
“ท่านคิดอย่างไรกับเมืองนี้หรือ?”
“เป็นเมืองที่มั่งคั่งและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังทหารดังที่ข้าเห็นพวกเขาจับเชลยสงครามกลางถนน”
“ท่านหมายถึงหญิงคนเถื่อนใช่หรือไม่?” หลงเซียนหลินถาม “หญิงพวกนั้นถูกบังคับให้จับอาวุธสู้ตั้งแต่เกิดกระทั่งกลายมาเป็นแม่ทัพเหมือนข้า…ขออภัยหากข้าพูดจาไร้สาระ อย่าได้ถือโทษหลงเซียนหลินผู้นี้เลย”
หลินมู่อวี่ชะงัก “ข้าเปล่า…”
หลงเซียนหลินวางมือบนโต๊ะก่อนเอ่ยขึ้น “ทุกการสำรวจมักมีคนตายหลายคน ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไรโลกนี้จะสงบสุขเสียที”
“ข้าทำให้ท่านอึดอัดหรือเปล่า?” หลินมู่อวี่ถาม
หลงเซียนหลินสับสนเล็กน้อยก่อนจะคำนับ “หามิได้…ข้าไม่ได้เจตนาเช่นนั้น ข้าเพียงรู้สึก…เด็กผู้หญิงเหล่านั้นก็มีครอบครัว เป็นคนเช่นเดียวกันกับเราทว่าเพียงวัฒนธรรมที่ต่างกันก็ก่อให้เกิดการสูญเสียขึ้น ข้าไม่ได้อึดอัดประการใดแค่รู้สึกอยากเปิดใจกับท่าน…”
หลินมู่อวี่หัวเราะ “ไม่เป็นไรขอรับ ข้าเองก็รู้สึกว่าพวกนางไม่ได้รับความเป็นธรรมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้”
หลงเซียนหลินเอ่ยถามด้วยแววตาเปล่งประกาย “หากท่านเป็นข้า…ท่านจะทำสิ่งใดกับพวกคนเถื่อนหรือ?”
“แน่นอนว่าใครกล้าบุกรุกดินแดนของข้ามันต้องตายสถานเดียว!”
“อย่างนั้นหรือ…”
หลงเซียนหลินชะงัก เขาไม่เคยรู้สึกถึงความยโสของหลินมู่อวี่เช่นนี้มาก่อน
…………………