ฝนตกอย่างต่อเนื่องจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ทว่าหลินมู่อวี่และฉินอินก็ออกเดินทางทันทีหลังรับประทานอาหารเสร็จ พวกเขาใช้เงินที่ได้รับจากการแสดงเมื่อคืนซื้อเสื้อคลุมใหม่สองตัวที่สามารถกันฝนได้ ซึ่งจำเป็นต่อการเดินทางของทั้งคู่
…
“น้องหลิน เหตุใดจึงตาแดงเยี่ยงนี้?” ตู้ยี่หมิงเอ่ยถามขณะที่จูงม้า
หลินมู่อวี่ไม่สามารถพูดอย่างตรงไปตรงมาได้ว่า เขานอนไม่หลับเนื่องจากเสี่ยวอินในอ้อมแขนพลิกตัวไปมาทั้งคืน…มีหวังนางได้ฆ่าเขาแน่ จึงตอบไปว่า “ข้าไม่ชินกับการนอนฟูก จึงนอนมิค่อยหลับ”
“โอ้ เป็นเช่นนั้นเองหรือ ข้ามีโอสถสงบจิต หากสหายหนุ่มต้องการมัน”
“มิเป็นไร ขอบคุณมาก”
หลินมู่อวี่ไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณคนมากเกินไป ดังนั้นจึงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เขาเดินมาด้านข้างฉินอินและช่วยนางขึ้นหลังม้า “ไปกันเถิด ออกเดินทางกันได้แล้ว”
“อืม”
ฉินอินพยักรับหน้าด้วยรอยยิ้มและใบหน้างามสีแดงระเรื่อ แสงแดดเรืองรองยามเช้าทำให้ฉินอินงดงามราวกับเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่ขณะที่มองหลินมู่อวี่อย่างงุนงง ตามดังคาด…สาวงามเช่นนี้ ช่างเป็นอาวุธร้ายแรงสำหรับชายหนุ่ม หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสิ่งที่ฉินอินเอ่ยถามเมื่อคืน
“อาอวี่ เจ้าชอบข้าหรือเสี่ยวซี?”
“ทั้งคู่”
“แล้วเจ้าชอบคนไหนมากกว่า?”
“ทั้งคู่…”
“ฮึ่ม! คนบ้า! เจ้ายังตัดสินใจไม่ได้อีกหรือ?!” องค์หญิงผู้เลอโฉมเริ่มโกรธ “เจ้าได้รับอนุญาตให้ชอบข้าคนเดียวเท่านั้นในภายภาคหน้า…โอ้ ไม่สิ เจ้าได้รับอนุญาตให้ชอบข้าได้มากกว่าเล็กน้อย มิเช่นนั้นข้าจะให้เสด็จพ่อตัดเบี้ยเลี้ยงของเจ้า!”
“ไม่เป็นไร ข้ามีเงิน…”
“ฮึ่ม! ข้าจะโกรธจนวันตายเลย…”
ผู้หญิงมักขี้อิจฉา ส่วนผู้ชาย…ควรเป็นสิ่งมีชีวิตที่ควบคุมได้ง่ายที่สุด ทว่าความใจแคบนั้นเลวร้ายกว่าผู้หญิงมาก!
ทั้งสามขี่ม้าบนถนนอวิ้นจงอย่างเชื่องช้า หลินมู่อวี่ถือร่มและที่หลับตาโคจรหลอมกระดูกมังกรพร้อมฝึกฝนพลังยุทธ์ ขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ทว่าไม่พบรัศมีที่แข็งแกร่งแต่อย่างใด ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่มีผู้ใดติดตามพวกเขามา ตู้ยี่หมิงด้านข้างพยายามประจบฉินอิน ส่วนมังกรนภาติดตามพวกเขาอยู่ด้านหลังห่างไปไม่ไกลในผืนป่า
“อาจารย์ตู้ ท่านกล่าวจะสอนทักษะสยบสัตว์ร้ายแก่เสี่ยวอินมิใช่หรือ?” จู่ๆ หลินมู่อวี่ก็ถามขึ้น
ตู้ยี่หมิงพลันนึกขึ้นได้ “โอ้ ข้าเกือบลืมไปเลย…เอาล่ะ ข้าจะเริ่มสอนคาถาใช้ทักษะสยบสัตว์ร้ายให้แก่แม่นางเสี่ยวอิน กล่าวตามข้า…วิญญาณสัตว์อสูรนับหมื่นล้วนมีอาจารย์ สวรรค์สรรค์สร้างการใช้งานอย่างไม่มีสิ้นสุด…”
หลินมู่อวี่หลับตาและไม่ได้เรียนรู้ กระนั้นฉินอินคงสอนเขาเมื่อนางเรียนรู้ทักษะแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้นตู้ยี่หมิงก็เริ่มสอนฉินอินถึงวิธีเชื่อมต่อจิตวิญญาณ ทว่า…ฉินอินทำไม่สำเร็จ หลังจากลองอยู่หลายครั้งก็ไม่สามารถเชื่อมจิตกับม้าของนางได้เลย ตู้ยี่หมิงพลันตีไปที่หัวม้าของเขาและพูดว่า “เจ้าม้า ส่งเสียงร้องให้ข้าสามครั้ง”
ทันใดนั้นม้าก็โงหัวขึ้นและส่งเสียงร้องสามครั้งอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าตู้ยี่หมิงมีทักษะพิเศษ
‘ฮี้…’
ฉินอินหลับตาลง แต่ก็ยังไม่สามารถเชื่อมจิตกับม้าได้ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนรน
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างอ่อนโยน “อย่ากังวลไป ค่อยๆ ลอง”
ด้วยคำพูดหลินมู่อวี่ ฉินอินรู้สึกสงบลงทันใด นางพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “อืม…”
สิ่งนี้ทำให้ตู้ยี่หมิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยขณะที่มีท่าทางหึงหวง
…
เมื่อพระอาทิตย์ตกดินฝนก็หยุดตกทันที
ฉินอินเปิดเสื้อคลุมที่หน้าอกออกและดึงหมวกลงปล่อยผมยาวปลิวไสวตามสายลม เธอลูบใบหน้าที่เปียกและเผลอโดน ‘กระ’ เมื่อหลินมู่อวี่บังเอิญเห็นมันติดมือฉินอินจึงรีบพูดเตือน “เสี่ยวอิน นั่น…ของเจ้า?”
“หืม?”
ฉินอินไม่รู้ว่าหลินมู่อวี่หมายถึงสิ่งใด ขณะที่มองเขาด้วยตากลมโต “อะไรหรือ?”
ตู้ยี่หมิงหันมาเห็นใบหน้าขาวราวกับหิมะของฉินอิน ความงดงามอันไร้ที่ติปรากฏขึ้นตรงหน้าจนทำให้ตกตะลึงและแข็งเป็นหิน “มีสาวงามเช่นนี้อยู่บนโลกด้วย…”
ฉินอินสังเกตเห็นทันทีว่ากระของเธอหลุดออกมา ทว่าไม่มีประโยชน์ที่จะตื่นตูม พวกเขาไม่มีทางซ่อนมันจากตู้ยี่หมิงได้…
หลินมู่อวี่ผู้สงบนิ่งยิ่งกว่าจึงพูดขึ้น “ใส่มันกลับไป…”
“อืม”
ฉินอินติดกระกลับไปบนหน้าซึ่งทำให้ความงามลดลงไปกว่าครึ่ง
หลินมู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ตู้ น้องสาวตัวน้อยของข้ามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ทว่าโลกนี้โหดร้ายเกินไป เพื่อความปลอดภัยของนาง เราจึงต้องซ่อนมันไว้ ข้าหวังว่าท่านจะช่วยพวกเราเก็บมันไว้เป็นความลับ”
“แน่นอน…แน่นอนอยู่แล้ว…”
ตู้ยี่หมิงพยักหน้าขณะที่พูดว่า “นี่ก็เริ่มดึกแล้ว เราเดินทางต่ออีกหน่อยเถิด เพื่อดูว่ามีโรงเตี๊ยมหรือไม่?”
“อืม ได้สิ”
…
ไม่นานพวกเขาก็เจอโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ตู้ยี่หมิงเดินนำเข้าไปและพูดขึ้น “ข้ารู้จักกับเจ้าของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ซึ่งเป็นสหายเก่านามว่า หลิวจุน เขาจะเตรียมห้องที่ดีที่สุดให้กับเรา”
“อืม ขอบคุณท่านมาก”
เมื่อเข้ามาด้านในก็พบชายหน้าตาหยาบกร้านอายุราวสามสิบปีเดินออกมา เขากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “พี่ตู้ ไม่ได้เจอกันนานเลย การท่องยุทธภพเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ดี ดี!”
ตู้ยี่หมิงตบหัวมังกรนภาเบาๆ “น้องหลิว ข้าและสหายทั้งสองต้องการที่พักคืนนี้ รบกวนช่วยจัดหาที่พักให้เราสองห้องได้หรือไม่?”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
หลิวจุนหัวเราะขณะที่จ้องมองเรือนร่างฉินอินไม่วางตา
หลินมู่อวี่รู้สึกโกรธเล็กน้อย หลิวจุนผู้นี้ช่างไม่มีมารยาทและต่ำทรามยิ่งนัก ทว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของหลิวจุน ดังนั้นหลินมู่อวี่จึงทำได้เพียงอดทนต่อไป!
คราวนี้พวกเขาได้ห้องที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง มีฟูกสองฟูกและนุ่มมาก อย่างน้อยหลินมู่อวี่คงได้พักผ่อนอย่างมีความสุขในคืนนี้ หากต้องนอนฟูกเดียวกับฉินอินอีกครั้ง คงเป็นการยากที่หลินมู่อวี่จะหลับตาลง
…
หลังจากทานอาหารเย็น พวกเขาก็เข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ
แต่เพื่อความปลอดภัย หลินมู่อวี่จึงปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณ เขาไม่ต้องการนอนหลับลึกเกินไปขณะที่ตื่นตัวตลอดเวลา ฉินอินนอนหลับอย่างมีความสุขอยู่ด้านข้างพร้อมใบหน้างามหันมาทางหลินมู่อวี่
หลังเที่ยงคืนหลินมู่อวี่ก็ลืมตาขึ้นพร้อมถอนหายใจ
ทักษะชีพจรวิญญาณของเขาแผ่ออกไปยังรัศมีโดยรอบ พบจอมยุทธ์ขอบเขตมนุษย์ระดับสามที่ชั้นล่างสองคน พวกเขาถือว่าเป็นจอมยุทธ์มีฝีมือ ทว่าก็อ่อนแอเกินกว่าที่หลินมู่อวี่จะสนใจ
ไม่นานทักษะชีพจรวิญญาณก็มาถึงห้องของตู้ยี่หมิง ทว่ากลับพบสองคนในนั้น! ช่างน่าสงสัยยิ่งนัก!
หลินมู่อวี่เพิ่มพลังปราณยุทธ์ทันทีและเพิ่มพลังให้แก่ทักษะชีพจรวิญญาณเพื่อฟังบทสนทนาของตู้ยี่หมิงและหลิวจุน
“พี่ตู้ คนพวกนั้น…เจ้าพบพวกเขาได้อย่างไร? อีกทั้งเด็กสาวนั่นงดงามยิ่งนัก!”
“น้องหลิวตาดีจริงๆ รู้หรือไม่กระบนใบหน้าหลินอินนั้นเป็นของปลอม! เมื่อนางดึงมันออกจะกลายเป็นเด็กสาวที่งดงามเกินพรรณนา! แม้แต่ข้าก็หยุดตกหลุมรักนางไม่ได้!”
“เป็นจริงอย่างที่พี่ตู้ว่าหรือ?”
“แน่นอนว่าเรื่องจริง! หากไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาติดตามข้ามาเพื่อเรียนรู้ทักษะสยบสัตว์ร้ายละก็…เจ้าเด็กเหลือขอชื่อว่าหลินอวี่นั่นคงไม่มีทางมากับข้า ฮ่า…ใครจะไปรู้ว่าข้าแอบเปลี่ยนคาถาที่สอนพวกเขาไปเล็กน้อย หลินอินไม่มีทางเรียนรู้ทักษะสยบสัตว์ร้ายได้อย่างแน่นอน ไม่ว่านางจะฉลาดเพียงใด”
“พี่ตู้ เราควรเริ่มลงมือเมื่อไหร่ดี? เจ้าเด็กหลินอวี่นั่นดูเหมือนจะมีดาบสองเล่ม คงแข็งแกร่งไม่น้อย”
“อืม อย่างดีที่สุดคงไม่เกินขอบเขตปฐพีระดับที่หนึ่ง…หลังเที่ยงคืนเมื่อกำยานคงออกฤทธิ์ จากนั้น…ฮ่าๆ เราก็จะเล่นสนุกกับหลินอินและฆ่าเจ้าเด็กหลินอวี่ ก่อนจะขายหลินอินให้แก่โรงเตี๊ยมชื่อดังในเมืองหลันเยี่ยนเพื่อเป็นนางบำเรอ ฮ่า! ด้วยรูปลักษณ์ของหลินอิน เราคงขายนางได้อย่างน้อยหมื่นเหรียญทอง!”
“เอาล่ะ ข้าจะไปเตรียมกำยาน!”
“ดี!”
…
หลินมู่อวี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นและถอนหายใจ คนพวกนั้นชั่วร้ายอย่างแท้จริง! เขาพลันแตะไหล่เสี่ยวอินและเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เสี่ยวอิน ตื่นเถิด”
ไม่รู้ว่าฉินอินกำลังฝันถึงสิ่งใด นางพลันอ้าแขนคว้าตัวหลินมู่อวี่และพึมพำ “พี่อาอวี่…”
เสียงเรียกของฉินอินทำให้หลินมู่อวี่ใจกระตุกวูบ ก่อนที่หลินมู่อวี่จะเปิดฝ่ามือปลดปล่อยทักษะชีพจรวิญญาณเข้าสู่จิตใต้สำนึกหญิงสาวตรงหน้า ฉินอินลืมตาขึ้นมาทันทีก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ “พี่อาอวี่ กำลังทำอะไรหรือเจ้าคะ?”
“ข้ามิได้ทำอะไร…”
หลินมู่อวี่ส่ายหัวก่อนหยิบโอสถเทพประสานออกมาสองขวด “ตู้ยี่หมิงและหลิวจุนต้องการใช้กำยานเพื่อทำร้ายเรา นี่คือโอสถเทพประสานที่สามารถต้านทานพิษได้ เสี่ยวอิน ดื่มมันสิ”
“อืม”
ฉินอินดื่มโอสถเทพประสานอย่างเชื่อฟัง และหลินมู่อวี่เองก็ดื่มอีกขวด เขาเอนตัวลงบนฟูกและพูดว่า “แกล้งทำเป็นหลับซะ ค่อยสังหารหลังจากพวกมันลงมือก็ไม่สายเกินไป”
“อืม…”
…
หลังจากรอมานาน ในที่สุดก็มีเสียงดังมาจากนอกห้อง หน้าต่างกระดาษถูกเจาะพร้อมควันหอมลอยเข้ามา หลินมู่อวี่และฉินอินยังคงแกล้งหลับต่อไป
ผ่านไปสิบนาทีประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมหลิวจุนและตู้ยี่หมิงเดินเข้ามา หลิวจุนถามขึ้น “พวกเขาสลบไปหรือยัง?”
“แน่นอน กำยานวิญญาณร้อยพิษของข้ามีชื่อเสียงโด่งดัง”
หลิวจุนเดินไปด้านหน้าและเขย่าไหล่หลินมู่อวี่ “เจ้าเด็กหลิน ตื่น!”
หลินมู่อวี่ทำเป็นไม่ได้ยินราวกับหลับสนิท
“ฮ่าๆ เขาสลบจริงด้วย!”
หลิวจุนหัวเราะก่อนจะเดินเข้ามาที่ฟูกของฉินอิน “หากแม่นางผู้นี้เช็ดเครื่องสำอางออก ก็คงกลายเป็นเทพธิดาตกสวรรค์เป็นแน่ ฮ่า! ถึงเวลาให้ข้าจูบแล้ว”
ขณะเดียวกันตี้ยี่หมิงก็ชักดาบออกมา “ให้ข้าส่งหลินอวี่ไปสวรรค์ก่อนเถิด!”
ทันใดนั้น! ก็มีแสงสีทองสว่างวาบขึ้นมาขณะที่น้ำเต้าทองแทงทะลุพื้นพันธนาการตู้ยี่หมิงอย่างรวดเร็ว! ก่อนจะชักดาบเหล็กตวัดออกไปพร้อมปราณยุทธ์ควบแน่นบนใบดาบ!
“ข…ขอบเขตนภา…”
ดวงตาตู้ยี่หมิงเบิกโพลงขณะที่ดาบยาวแทงทะลุหัวใจอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะพูดจบ
ฉินอินเบิกตากว้างพร้อมกรีดร้องอย่างหวาดกลัวเมื่อหลิวจุนเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ขณะเดียวกันมังกรนภาก็พุ่งตะปปกรงเล็บไปที่ฉินอิน
‘วิ้ง…’
ประกายแสงโซ่เทวะกระจายออกทะลวงช่องท้องของมังกรนภาและปลิดชีพมันทันที!
…
‘พรึ่บ…’
หลิวจุนกระโดดออกหน้าต่างหลบหนีไป
หลินมุ่อวี่พลันกระโดดออกมาพร้อมดาบและมองไปในความมืดรอบบริเวณ ทว่ากลับไม่พบร่องรอยของหลิวจุนเลย เนื่องจากเขาไม่ใช่จอมยุทธ์ หลินมู่อวี่จึงใช้ทักษะชีพจรวิญญาณค้นหาไม่ได้
“ฝากไว้ก่อนเถิด…”
หลินมู่อวี่พ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชาก่อนจะกระโดดกลับไปที่ชั้นสอง “เสี่ยวอิน เราจะออกเดินทางกันคืนนี้ คงอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”
“อืม!”
หลินมู่อวี่ก้มลงสำรวจศพตู้ยี่หมิง ก่อนจะหยิบม้วนคัมภีร์ลับออกจากอกเสื้อซึ่งมีตัวหนังสือเขียนว่า ‘ทักษะเชื่อมจิต’
เขามอบตำรานี้ให้ฉินอิน ก่อนจะลงไปชั้นล่างเพื่อเตรียมม้า
…
ที่มุมหนึ่งของคอก มีม้ากำลังฉี่ใส่หัวชายผู้หนึ่ง เขานั่งยองๆ ร่างกายสั่นเทิ้มและพูดพึมพำ “พระเจ้า…นั่นเขาเป็นใครกัน น่ากลัวเหลือเกิน…พี่ตู้ เจ้าเป็นสหายที่ตายระหว่างทำตามแผนการ หลับให้สบายเถิด เราจะจดจำตู้ยี่หมิงตลอดไป!”
……………