The Bloodline System – ตอนที่ 427: ภารกิจของเวร่าสําเร็จ

ตอนที่ 427: ภารกิจของเวร่าสําเร็จ

“ไม่มีข้อจํากัดอีกต่อไปแล้ว” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกุสตาฟอีกครั้งในขณะที่เขาเปล่งเสียงออกมา และความคิดบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

เขาไปที่ห้องสมุดหลังจากนั้นไม่กี่นาที อย่างที่เจ้าหน้าที่ไบรอันพูดกับเขาก่อนหน้านี้ ไม่มีข้อจํากัดใดๆ โดยปกติที่ทางเข้าของห้องสมุดทุกแห่งจะมีการสแกนบัตรเพื่อยืนยันว่าเจ้าของมีสิทธิ์เข้าไปหรือไม่ บัตรนักเรียนปี 1 จะถูกปฏิเสธที่ทางเข้าห้องสมุดนี้ แต่กุสตาฟเข้าได้ทันที ห้องสมุดมีขนาดใหญ่มาก มีหลายชั้นจัดเรียงเป็นเสาและแถวมีนักเรียนไม่มากนัก แต่ทุกใบหน้าที่นี่ไม่คุ้นเคยนัก เพราะพวกเขาล้วนเป็นรุ่นพี่ บางคนมองดูกุสตาฟด้วยความสับสน และจําได้ว่าเขาเพิ่งเรียนปี 1 ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่ากุสตาฟเป็นเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว

“นี่นายไม่ใช่ปี 1 หรอกเหรอ มาทําอะไรที่นี่ หืม?” เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายจากด้านข้าง ขณะที่กุสตาฟเดินผ่านกลุ่มนักเรียนที่นั่งอยู่ด้วยกัน กุสตาฟชะงักฝีเท้าไปข้างหน้าและหันไปมองด้านข้าง เพื่อจ้องมองคนที่เพิ่งพูดไป คนๆนั้นเป็นนักเรียนผิวสีมะกอกที่มีผมเปียสีแดง

“เหมือนกับคุณนั่นแหละ… โอ้ เดี๋ยวก่อน ไม่เหมือนคุณสิ เพราะคุณดูเหมือนจะมาที่นี่เพื่อหาผลประโยชน์จากมิตรภาพ” กุสตาฟตอบก่อนจะหันหลังเดินต่อไป

“เฮ้ คุณคิดว่าคุณกําลังพูดกับใครแบบนั้น” นักเรียนยืนขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้นด้วยสีหน้าไม่พอใจกุสตาฟไม่สนใจเขาและเดินไปข้างหน้าต่อไป

“เดี๋ยวก่อน อย่าพูดกับรุ่นพี่แบบนี้แล้วเดินหนีไป” เขาพูดออกมา ขณะที่เดินไปข้างหน้าและเอื้อมมือไปแตะไหล่ของกุสตาฟ

กุสตาฟหันไปด้านข้างเล็กน้อย หลบการจับ “คําถามโง่ๆ ก็ต้องพบกับค่าตอบที่ตรงไปตรงมา…” กุสตาฟเปล่งเสียงออกมา

แซด! แซด!

-“ปีแรกนั่นอวดดีเกินไปไหม”

-“ใช่ กุสตาฟ คริมสันไหม ที่เขาติดอันดับ 1 ใน 3 อันดับแรกของพวกปี 1” -“อ่า ไม่น่าแปลกใจเลย…. ตานั่นไม่มีสิทธิ์ที่จะดูหมิ่นเขาสักหน่อย”

-” เท่าที่ฉันได้ยินมาตาฟรีแมนนั่นใกล้จะไปถึงแรงค์ Echo แล้ว

“ไอ้ตัวเล็ก… คุณรู้หรือไม่ว่าฉันเป็นรุ่นพี่และสามารถลงโทษคุณในการกระทําที่ไม่เคารพรุ่นพี่อย่างเราได้ ทุกคนที่นี่เป็นพยาน” ฟรีแมนเปล่งเสียงออกมา

“หยุดใช้การตรวจสอบที่น่าสงสารของคุณเถอะ ฉันไม่มีเวลาสําหรับเรื่องนี้” กุสตาฟกล่าว

ขณะที่เขาเดินหน้าต่อไป ฟรีแมนไม่ได้คาดหวังการตอบสนองแบบนี้จากรุ่นน้อง

กิริยาที่ไม่ใส่ใจของกุสตาฟในการพูดและตอบสนองทําให้เขาไม่พอใจมากขึ้น ทันใดนั้นเขาก็พุ่งไปข้างหน้า แต่แล้วนักเรียนอาวุโสอีกคนก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา

“ทําอะไรน่ะไวรุ” ฟรีแมนพูดด้วยน้ําเสียงหงุดหงิด

“หยุดนะ เขาเป็นเจ้าหน้าที่ ดังนั้นเขาจึงไม่ถูกจํากัดการเข้ามาที่นี่ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นปีแรกก็ตาม” ไวรุพูดให้ทุกคนได้ยิน ผู้ที่ไม่รู้เกี่ยวกับข้อมูลนี้มีสีหน้าประหลาดใจ – “เขาเป็นอะไรนะ?”

– “อย่าบอกนะว่านายไม่ได้สังเกตดาวที่หน้าอกด้านซ้ายของเขา”

“เลิกยุ่งได้แล้ว” ฟรีแมนพูดออกมาด้วยสีหน้าและน้ําเสียงไม่เชื่อ ขณะที่ชี้ไปที่กุสตาฟ “นายคิดบ้างไหมว่าบัตรผ่านของเขาไม่ถูกปฏิเสธที่ทางเข้า ทั้งๆที่เขาเพิ่งปีแรก” ไวรุถาม ปากของฟรีแมนเปิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อรู้เรื่องนี้ เขามองไปข้างหน้าและสังเกตเห็นว่ากุสตาฟได้ไปถึงปลายสุดของพื้นที่แล้ว

‘เป็นไปได้อย่างไร? เขาเป็นแค่ไอ้เด็กปีแรก’ แม้ว่าฟรีแมนจะไม่เชื่อก็ตาม เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมรับมัน ในเวลาไม่กี่นาที ในที่สุดกุสตาฟก็พบสนธิสัญญาสันติภาพกาแล็กซี่ เล่มต่อไปที่เขากําลังมองหาอยู่ ถึงเวลาที่เขาจะแยกแยะข้อมูลเพิ่มเติมได้แล้ว

ในตอนเย็น หลังจากการฝึกซ้อมครั้งที่ 2 ของวัน กุสตาฟพบทางไปยังห้องฝึกส่วนตัวแห่งหนึ่งที่เวร่ารอเขาอยู่ เธอมีท่าทางตื่นเต้น เมื่อสังเกตเห็นกุสตาฟ

“ตอนนี้เธอท่าตามที่ฉันขอแล้วหรือยัง” กุสตาฟถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ใช่ ฉันจัดการใส่ตัวติดตามไปที่เอนดริก 1 อันตามที่นายขอแล้ว” เธอตอบ

“ดี เธอติดต่อกับเขาได้นานแค่ไหน” กุสตาฟถาม

“น้อยกว่า 2 วินาที… เอนดริกผลักฉันออกมาก่อนที่ฉันจะสามารถเสร็จสิ้นกระบวนการยึด นํานาจจากเขาได้” เวร่าตอบ

“หมายความว่าจะใช้เวลานานกว่าจะโตเต็มที่?” กุสตาฟถาม

“ใช่… 2 ถึง 3 เดือน” เธอตอบ

“อืม มันก็ไม่ได้แย่นัก… เมื่อใช้งานได้เต็มที่อย่าปล่อยให้เขาถูกควบคุมตัวในทันที… ฉันจะบอกเธอว่าต้องท่าอย่างไรเมื่อถึงเวลา” กุสตาฟสั่ง
เวร่าพยักหน้าเข้าใจ

“ตอนนี้ เราแค่ต้องโฟกัสไปที่จังหวะเวลาที่เธอติดต่อมา… ฉันจะให้เธอใช้ร่างกายของฉันฝึกเหมือนเมื่อก่อน” กุสตาฟพูดขณะเดินไปที่ด้านหน้าของเธอ

เวร่ามีสีหน้าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น เมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น

“อย่าอยู่เหนือการควบคุมและทําในสิ่งที่เธอไม่ควรทํา เด็ดขาด” กุสตาฟเตือน

เวร่าพยักหน้าราวกับเด็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะกุสตาฟ

เช่นนั้น อีก 2 วันผ่านไป และในที่สุดก็ถึงเวลาที่นักเรียนคลาสพิเศษต้องผ่านการเสริมสร้างสายเลือด ทันทีที่พวกเขาทํากิจวัตรตอนเช้าเสร็จ กุสตาฟและคนอื่นๆ ก็เคลื่อนย้ายไปที่ส่วนของวิทยาศาสตร์

กุสตาฟยังต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อตรวจสอบมาร่า เขาเห็นเธอเพียงครั้งเดียวหรือ 2 ครั้งทุก 2 สัปดาห์ เธอยังค่อนข้างยุ่งเพราะเธอทํางานในโครงการเฉพาะ

อีอีและฟัลโก้รู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดที่เห็นว่ากระบวนการเสริมสร้างสายเลือดว่ามันจะดําเนินไปอย่างไร มีคนใหม่ๆในกลุ่มของพวกเขา ขณะที่พวกเขาย้ายไปที่ห้องแล็บ

ในเวลาไม่กี่นาที พวกเขาก็มาถึงสถานที่แห่งนั้นและต้องรอคิวเหมือนนักเรียนคลาสพิเศษคนอื่นๆ ในห้องรอตอนนี้มีนักเรียนประมาณ 70 คน จากข้อมูลของแผนกต้อนรับ มีเพียงเครื่องเสริมความแข็งแกร่งของสายเลือด 2 เครื่องเท่านั้นที่พร้อมใช้งาน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเข้าไปได้ทีละ 2 คนเท่านั้น

พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรอถึงตาของพวกเขาเอง