วันที่สองของการเตรียมตัวสำหรับทัวร์นาเมนต์การครอบครองร้อยป้อมปราการ
เมื่อเป่ยลี่กำลังดูหนังอยู่กับลู่หวู่ ใบหน้าของเธอก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที จากนั้นเธอก็หยิบสมุดบันทึกขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าของเธอและเริ่มเปิดอ่านมันจนทั่ว
ลู่หวู่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของเป่ยลี่ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถยับยั้งความอยากรู้อยากเห็นของเขาและถามเธอว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ใครบางคนต้องการต่อต้านร่วมกับเรา!” เป่ยลี่ตอบอย่างจริงจังหลังจากเงียบสักครู่
“ต่อต้านอะไร? เธอหมายถึงอะไร?” ลู่หวู่รู้สึกงุนงง
“หวู่ เนื่องจากนายได้เริ่มบ่มพลังแล้ว นายจำเป็นต้องรู้บางสิ่งเช่นกัน นายรู้ไหมว่ามีอะไรอยู่บนท้องฟ้า?” เป่ยลี่ถามขณะยกมือขึ้นและชี้ไปข้างบน
“ดาวเหรอ? ดวงจันทร์? ดวงอาทิตย์หรือปล่าว?”
เป่ยลี่อุ้มลู่หวู่ขึ้นมาจากโซฟาแล้วใช้นิ้วกดไปที่ขมับแล้วทำการนวดอย่างรุนแรง “เล่นหรอ~ เล่นหรอ~”
ลู่หวู่ที่เป็นผู้ฝึกฝนลุกขึ้นยืนและกระโดดหนีออกจากอ้อมกอดของเป่ยลี่ เขาถ่ายทอดแรงของเขาบนโซฟาและกระโดดขึ้นไปบนหัวของเธอก่อนที่จะตบเธอด้วยอุ้งเท้าของเขา
“นายลืมไปแล้วหรือไงว่าคุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน?”
การตบนี้ทำให้น้ำตาของเป่ยลี่คอเบ้า “ฉันลืม!”
“พูดมา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ลู่หวู่ถามด้วยเสียงเหนือกว่าหลังจากได้ฟื้นคืนตำแหน่งที่เหนือกว่า
เป่ยลี่คร่ำครวญและพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมเล็กน้อย
“นายจำสิ่งที่นายสัญญากับฉันในวันแรกที่เราพบกันได้ไหม?”
ลู่หวู่เริ่มจดจำ หลังจากนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างประณีตในวันนั้น เขาก็เริ่มยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “เธอจะหมายถึงที่ฉันบอกเธอว่าฉันจะยืมกองทัพจากจักรพรรจิ๋นซีฮ่องเต้เพื่อบุกอันเดิลเวิล์ดหรือปล่าว?”
เป่ยลี่ดูโกรธเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เมื่อเธอยกมือจับไปที่ลู่หวู่ แต่ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรบางอย่างได้แล้วเธอก็ถอนมือกลับอย่างเคืองใจ “นายบอกฉันว่า ‘เธอต้องช่วยฉันและกลายเป็นมือขวาของฉันโอเคไหม? เราจะพิชิดสวรรค์หลังจากพิชิดอันเดิลเวิล์ดเสร็จและเราจะปกครองทั้งสามโลก’”
ลู่หวู่รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นหลังจากได้ยิน
เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องตลก เขาไม่ได้จริงจังกับมันในตอนนั้นและลืมไปหลังจากนั้นไม่นาน เขาจะไม่เคยคิดเลยว่าเป่ยลี่ยังจำรายละเอียดทุกอย่างได้
“มันเป็นสวรรค์ได้ไหม?” ลู่หวู่ถามอย่างสงสัย
เป่ยลี่พยักหน้าอย่างจริงจัง “เนื่องจากมันมีอันเดิลเวิล์ดและมีมนุษย์บ่มเพาะบนโลก ดังนั้นแน่นอนว่ามันก็ต้องมีเหล่าอมตะในสวรรค์”
“นายยังจำได้ไหมตอนที่นายถามฉันว่าเทพแห่งโลกมนุษย์ไปไหนแล้วและฉันก็ชี้ไปที่หัวของฉัน? จริงๆแล้วฉันหมายถึงสวรรค์”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ลู่หวู่แสดงออกอย่างเคร่งขรึม “ถ้าอย่างนั้นเธอหมายถึงอะไรที่บอกว่าต่อต้าน? มีใครต้องการบุกสวรรค์งั้นเหรอ?”
เป่ยลี่ส่ายหัวของเธอ “ฉันไม่แน่ใจเกี่ยวกับความตั้งใจหรือตัวตนของเขา แต่เขาเปิดใช้งานเครื่องรางหยิน! นั่นหมายความว่าเขาได้กลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรต่อต้านสวรรค์!”
ได้ยินคำอธิบายของเป่ยลี่ ลู่หวู่ก็เบิกตากว้าง ไอ้บ้าเอ้ย นั่นไม่ใช่อันเดียวกับที่ฉันใช้เข้าและออกจากอันเดิลเวิล์ดงั้นเหรอ
“ฉันเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรต่อต้านสวรรค์ด้วยใช่มั้ย?” ลู่หวู่ไม่สามารถนิ่งได้อีกต่อไป
“แน่นอนว่าไม่ เครื่องรางหยินของนายถูกเชื่อมกับสิ่งประดิษฐ์ ดังนั้นปกติแล้วนายจะไม่ได้รับสัญลักษณ์ของพันธมิตรต่อต้านสวรรค์”
“ฮู้ววว” ลู่หวู่ถอนหายใจยาว เขาเกือบคิดว่าเขาต้องเริ่มสงครามกับเทพและพระเจ้าซะแล้ว
“แต่บรรพบุรุษของนายเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรต่อต้านสวรรค์” รูม่านตาของเป่ยลี่โค้งเป็นรูปพระจันทร์ขณะที่เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
ลู่หวู่เบิกตากว้างอีกครั้ง “ทำไมบรรพบุรุษของฉันถึงเข้าร่วมกลุ่มอย่างนี้?”
“เพราะสวรรค์นั้นไม่เป็นธรรม”
ลู่หวู่ “ยังไง?”
“ไม่กี่ล้านปีก่อน สวรรค์ โลกมนุษย์ และอันเดิลเวิล์ด เป็นโลกหลักทั้งสามที่อยู่ร่วมกัน ในหมู่พวกมัน โลกมนุษย์นั้นแข็งแกร่งที่สุด ทุกๆร้อยปีจะมีอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ซึ่งสามารถฝึกฝนและกลายเป็นเทพของโลกได้ นอกจากนี้ยังมีราชาไม่กี่คนที่ไร้กฏเกณฑ์และไม่สนโลก”
“นั่นคือยุคที่แท้จริงของการบ่มเพาะ ทุกคนในโลกมนุษย์นั้นมีจิตวิญญาณขั้นสูง ถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังวิญญาณของโลก ทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มที่ทรงอำนาจที่สุดในสามโลก”
“แต่นายรู้ไหมว่าทำไมโลกมนุษย์ในปัจจุบันจึงขาดพลังวิญญาณและการฝึกฝนนั้นถึงยากมาก?”
ลู่หวู่ดูงุนงงค่อยๆส่ายหัว
“มันเป็นเพราะเทพเหล่านั้นรู้ว่าหากพวกมันไม่จำกัดความก้าวหน้าของโลกมนุษย์ สักวันหนึ่งโลกมนุษย์ก็จะเป็นผู้นำทั้งสามโลก ดังนั้นพวกเขาจึงทำการกระทำที่น่าเกียจโดยให้คนที่ทรงอำนาจไปที่อันเดิลเวิล์ดเพื่อหยุดการไหลของพลังงานวิญญาณจากอันเดิลเวิล์ดไปสู่โลกมนุษย์ผ่านประตูทั้งหกแห่งการกลับชาติมาเกิด!”
“พลังวิญญาณของโลกจึงค่อยๆลดน้อยลง ซึ่งแจ้งเตือนให้เทพแห่งโลกในโลกมนุษย์ ดังนั้นพวกเขาจึงไปเยี่ยมเยียนอันเดิลเวิล์ดเพื่อทำการสอบสวน! อย่างไรก็ตามเทพผู้มีไหวพริบก็เตรียมพร้อมสำหรับพวกเขามาเป็นเวลานานแล้ว พวกเขาปลอมตัวเป็นคนที่ทรงอำนาจของอันเดิลเวิล์ดเพื่อหยุดยั้งการสอบสวนจากโลกมนุษย์และได้สังหารเทพแห่งโลกในอันเดิลเวิล์ด”
“สิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างนั้นมีความซับซ้อน ดังนั้นฉันจะไม่พูดถึงรายละเอียดให้นายฟัง อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดสงครามแตกหักขึ้นระหว่างโลกมนุษย์และอันเดิลเวิล์ด! การต่อสู้ครั้งนี้เกือบทำลายอันเดิลเวิล์ดเป็นชิ้นๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเหล่าจักรพรรดิใหญ่แห่งอันเดิลเวิล์ดมารวมตัวกันภายใต้หกประตูแห่งการกลับชาติมาเกิด สงครามครั้งนี้จะทำให้โลกอันเดิลเวิล์ดหายไป”
“ความผิดพลาดเกิดขึ้นแต่ค้นพบว่าสายเกินไป เหล่าเทพอมตะนั้นเป็นเหมือนผู้เล่นหมากรุก โดยคำนวณการกระทำทุกอย่างทุกฝีก้าว อย่างไรก็ตามมันเป็นในเวลานี้เองที่พวกชั่วร้ายเบื้องหลังที่แท้จริงปรากฏตัวขึ้น สิ่งแรกที่พวกมันทำคือทำลายประตูสวรรค์ ตัดแหล่งพลังงานอื่นของพลังวิญญาณไม่ให้ไปโลกมนุษย์!”
“จนถึงตอนนี้ แผนการของเหล่าเทพอมตะก็ไม่สำคัญอีกต่อไป หลังจากจบสงครามระหว่างโลกมนุษย์และโลกอันเดิลเวิล์ด โลกมนุษย์กำลังเผชิญกับการสูญเสียอำนาจการต่อสู้ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถต่อสู้กับเหล่าเทพได้อีก ยิ่งไปกว่านั้นพวกนั้นยังกำจัดความหวังสุดท้ายของพวกเขาในการฟื้นพลังของพวกเขาผ่านการฝึกฝนเนื่องจากแหล่งพลังงานแห่งพลังวิญญาณทั้งสองทางถูกทำลายทิ้งไป โลกมนุษย์ไม่สามารถฟื้นยุคทองแห่งการบ่มเพาะที่พวกเขาเคยมี และพวกเขาไม่สามารถให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่อยู่ยงคงกระพันเหมือนจักรพรรดิโบราณได้!”
“หลังจากนั้นพลังงานวิญญาณในโลกมนุษย์ก็เหี่ยวแห้ง การต่อสู้นับไม่ถ้วนในแหล่งพลังงานการฝึกฝนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในที่สุดการบ่มเพาะก็มาถึงจุดสิ้นสุดและจางหายไปจากสายตาของมนุษย์ตามกาลเวลา”
ฟังการบอกเล่าของเป่ยลี่ ลู่หวู่ขมวดคิ้ว “แล้วทำไมเธอถึงพูดว่าเทพแห่งโลกขึ้นไปบนฟ้า?”
“การใช้ชีวิตภายใต้ความกลัวการสูญเสียพลังงานวิญญาณ ทำให้เทพแห่งโลกบางคนเลือกที่จะทรยศมนุษย์และเข้าสู่สวรรค์กลายเป็นสุนัขรับใช้สวรรค์ และมีเทพบางส่วนที่ปฏิเสธที่จะทิ้งบ้านเกิดโดยรอโอกาสที่จะชุบชีวิตวันแห่งความรุ่งโรจน์ของมนุษย์”
“แล้วจักรพรรดิมนุษย์ล่ะ? พวกเขาไม่ได้เป็นอมตะเหรอ? พวกเขาไปที่ไหน?”
เป่ยลี่ส่ายหัว “ฉันบอกนายทุกอย่างที่ฉันบอกได้แล้ว นายไม่ควรรู้มากไปกว่านี้ นายจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆจากการฟังมากกว่านี้เพราะจิตวิญญาณของนายอ่อนแอเกินไป ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะเก็บความลับนี้ไว้ได้…กระนั้นฉันจะบอกอะไรบางอย่างให้นายฟัง หากนายต้องการที่จะเป็นผู้คุมกฎ แล้วเหล่าพวกอยู่เบื้องหลังเหล่าอมตะ…”
ลู่หวู่หน้ามืดตัวสั่นขณะฟัง จากนั้นเขาก็ล้มไปที่โซฟาและครวญครางอย่างเจ็บปวด
มันเป็นเพราะเขารู้สึกว่าวิญญาณของเขาสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดราวกับว่ามีของมีคมกรีดไปทั่วร่างกายของเขาซ้ำไปซ้ำมา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เป่ยลี่รีบหยิบข้าวออกมาจากสิ่งประดิษฐ์เล็กน้อย เธอขยี้มัน แล้วป้อนใส่ปากของลู่หวู่
พลังงานวิญญาณพุ่งเข้าสู่ร่างของเขาและถูกดูดกลืนไปจนหมด ความเจ็บปวดหยุดลงและลู่หวู่ค่อยๆเปิดตาที่แดงก่ำขึ้น
ใบหน้าของลู่หวู่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ความสงสัยยังคงเต็มเปี่ยมจนล้นในหัวใจของเขา
เขารู้ว่าเขาไม่สามารถฟังได้อีกต่อไป เป่ยลี่ไม่ได้โกหกเขา การรู้มากเกินไปจะทำให้เขาถูกฆ่าตายจริงๆ