ที่ทางเข้าของภูเขาแห่งภูตผี
เงาของชี่หมิงปรากฏขึ้น
เขาเลือกที่จะกลับไปสู่โลกที่มีความเจริญอีกครั้งเพราะว่าเขาไม่สามารถแก้ปัญหาที่ค้างคาใจของเขาได้ เขายังได้สั่งให้ลูกหลานของเขาจักเตรียมอุปกรณ์จำพวกเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเอาไว้และลงทะเบียนสร้างแอคเคาท์เพื่อเข้าสู่เกม
หลังจากที่ได้เจอกันสิ่งที่อยู่ในเกม ชี่หมิงช็อคสุดขีด
แม้ว่าเขานั้นจะไม่เคยได้เข้ามาที่อันเดอร์เวิลด์ แต่เขาก็สงสัยว่าทำไมฉากในเกมที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นถึงถูกสร้างเหมือนกันพิมพ์เขียวของอินเดอร์เวิลด์จริงๆ
เพื่อที่จะค้นหาความจริง เขาสั่งให้หลานชายของเขาสืบเรื่องของสถานการณ์ของเจ้าของเกม
อย่างไรก็ตาม ผลที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าเจ้าของเกมนี้นั้นเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีภูมิหลังอะไรมากมาย ทุกอย่างมันดูแปลกๆ
ไม่มีข้อมูลอะไรที่เกี่ยวกับทีมพัฒนาเบื้องหลังของเกมรั่วไหลออกมาแม้แต่นิดเดียว ความรอบคอบแบบนี้มันช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก
หลายชายของเขาตั้งใจที่จะสืบหาต่อไป แต่ก็ถูกหยุดไว้โดยชี่หมิง
สำหรับเขา เจ้าของเกมนี้ที่มาจากการสืบหานั้นเป็นเพียงนามแฝงหรืออาจจะเป็นตัวปลอม มันต้องมีผู้บ่มพลังที่น่ากลัวอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
เขายังสงสัยต่อความสามารถของผู้ที่อยู่เบื้องหลังว่าคนๆนั้นจะต้องอยู่ในสถานะเดียวกับเขา ที่ได้เข้าสู่ดินแดนเนเธอร์ทั้งเก้า ทำให้เขานั้นได้กลายเป็นเทพที่อยู่บนโลกที่สามารถเดินทางข้ามไปมาระหว่างหยินและหยางได้
เขายังคงไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลที่แข็งแกร่งยังอยากจะสร้างเกมขึ้นมาอีก ถึงอย่างไร ในฐานะทายาทของนิกายภูตแห่งโชคลาภ เขาก็ยังอยากรู้เรื่องของอันเดอร์เวิลด์ เขารู้สึกต้องการที่จะออกไปสำรวจสถานที่ต่างๆไม่ว่ายังไงก็ตาม
ชี่หมิงจึงเลือกที่จะกลับสู่โลกในครั้งนี้และได้พำนักอยู่ตามที่หลานชายของเขานั้นได้จัดเตรียมเอาไว้ให้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้หลายชายของเขาค่อนข้างสับสน
จากมุมมองของหลานชาย เขาคิดมาเสมอว่าปู่ของเขานั้นได้เป็นอิสระและได้อาศัยอยู่ในโลกที่ไม่มีใครเข้าถึงได้ แต่วันนี้เขาเพียงอาศัยอยู่ในบ้านเพื่อเล่นเกม ขนาดที่ว่าไม่ออกไปไหนเลย
เขากำลังเจอกับสภาพจิตใจที่พังทลายเนื่องจากภาพของปู่เริ่มนั้นเริ่มจางหายไป และโลกทั้งใบก็ไม่เหมือนเดิม
…
ในขณะที่กำลังเล่นเกม ชี่หมิงค่อยๆเข้าใจว่าการเพิ่มระดับเลเวลนั้นทำให้คนแข็งแกร่งขึ้น
หลังจากที่เลเวลสูงขึ้น เขาเริ่มจะเสพติดกับความรู้สึกที่เขานั้นพบว่าความแข็งแกร่งของร่ายกายในเกมที่มากขึ้นนั้นมาจากคุณสมบัติที่สูงขึ้น มันรู้สึกเหมือนจริงมาก และในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ความคาดเดาของเขานั้นชัดเจนขึ้น
ภายในเกม ชี่หมิงเลือกคลาสนักเวทย์ที่ค่อนข้างเกี่ยวข้องกับความสามารถของเขาเอง เขายังเรียนรู้ ทักษะการซัมม่อนทหารหยิน เป็นทักษะแรกอีกด้วย
หลังจากที่ใช้ทักษะไปหลายต่อหลายครั้ง ชี่หมิงก็ช็อคอีกครั้ง
มันเป็นเพราะว่าการปลดปล่อยทักษะออกไปนั้นมันทำให้เกิดการไหลเวียนของพลังงานในอากาศ ผู้เล่นอื่นๆไม่สามารถที่จะสัมผัสถึงมันได้ แต่ในฐานะผู้บ่มพลังที่มีสภาพจิตที่ทรงพลัง เขานั้นสามารถสัมผัสการไหลเวียนของพลังงานนั้นได้อย่างชัดเจน
เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ เขาใช้เวลาร่วมสามวันในการใช้ทักษะนั้นและรับรู้ถึงการไหลเวียนของพลังงานห้วงอากาศ
เมื่อมั่นใจว่าเขานั้นได้เข้าใจถึงการไหลเวียนของทักษะเริ่มต้นอย่างถ่องแท้แล้ว เขาก็เริ่มทดลองในชีวิตจริง ผลที่ออกมานั้นทำให้เขาช็อค
แม้ว่าเขาจะล้มเหลวไปหลายครั้ง แต่เขาก็สามารถซัมม่อนทหารหยินออกมาได้จริงๆในโลกแห่งความจริง ถึงเกมมันจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือทักษะการซัมม่อนทหารหยินนั้นสามารถนำมาใช้ได้จริงบนโลก
มันเป็นการค้นพบที่น่าตกใจต่อชี่หมิง และในเวลาเดียวกันนั้นก็ทำให้เขารับรู้ถึงความน่ากลัวของเกมนี้ เขาสงสัยว่าตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเกมนี้นั้นพยายามที่จะใช้เกมเป็นสื่อกลางในการสืบทอด
ชี่หมิงนั้นเสพติดไปกับเกมเนื่องจากหลายๆปัจจัยที่รวมกัน เช่นการเพิ่มประสิทธิภาพของเทคในการบ่มพลังของเขาในเกม เรื่องการสืบทอดมรดกที่อาจจะมีจริงหรือไม่จริง และความโหยหาต่ออันเดอร์เวิลด์
แต่ที่ทำให้หลานชายของชี่หมิงแทบบ้าก็คือการที่ปู่ของชี่หลูนั้นขอเงินจากเขาโดยปราศจากความละอายใจอย่างสิ้นเชิง ในตอนแรกเขานั้นไม่ได้เก็บมาคิดมาก แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเขาถามปู่ของเขาว่าเขาจะเอาเงินไปใช้ทำอะไร ชี่หมิงพูดบางสิ่งที่เขานั้นได้รู้มาจากในฟอรั่ม “ซื้อเหรียญวิญญาณและแข็งแกร่งขึ้นด้วยเงิน!”
ชี่หลูสตั้น!
ความประทับใจที่เขามีต่อปู่ของเขาในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
กลับกัน ชี่หมิงนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย
อย่างที่มีผู้เล่นบอกเอาไว้ในฟอรั่ม “คุณจะแข็งแกร่งได้ยังไงถ้าไม่ใช้เงิน!” นอกจากนี้ผู้เล่นเองก็ไม่สามารถออกไปสำรวจภายในเกมได้ถ้าไม่มีเหรียญสักหน่อย กับเขาที่ยังต้องเรียนทักษะใหม่ๆและซื้ออุปกรณ์สวมใส่ด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เขาต้องใช้เหรียญในทุกๆทาง
ชายที่อายุ 100 ปี ชี่หมิงนั้นเข้าใจถึงแกนหลักได้อย่างลึกซึ้งว่าประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีขึ้นจะต้องแลกมาด้วยเงิน
…
การมาที่ภูเขาแห่งภูตผีในคราวนี้ ชี่หมิงเดินเข้าไปในหุบเขาคนเดียวเหมือนที่ผ่านๆมา
เมื่อเขากำลังเดินลึกเข้าไปในเขา เขาก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตจากเนเธอร์เวิลด์ที่ยืนอยู่ข้างๆของกองก้อนหินขนาดใหญ่
จากที่เขาได้ศึกษาจากฟอรั่มมาหลายเรื่อง ชี่หมิงรู้อยู่แล้วว่าสิ่งมีชีวิตจากเนเธอร์เวิลด์เป็นสปีชี่ที่มีโอกาสดรอปไอเทมหลังจากที่มันตาย เขาจึงรู้สึกมีความสุข ในตอนที่เขากำลังจะโจมตีใส่มัน มีร่างเงาโผล่ออกมาที่ด้านหลังของเขาและพุ่งเข้ามาที่เขา
“มันเป็นของฉัน!” ชายคนนั้นหันหน้ามา จ้องไปที่ชี่หมิงอย่างเย็นชาและเดินตรงไปที่สัตว์เนเธอร์เวิลด์
“นายไม่รู้เรื่องมารยาทของการมาก่อนได้ก่อนเหรอ?” ชี่หมิงไม่ได้โกรธ แต่เขานั้นไม่ได้คิดที่จะปล่อยสัตว์ตัวนั้นไปเช่นกัน เขาตามชายคนนั้นไปอย่างมุ่งมั่น
“วูชชชช!” ดาบยาวสีแดงปรากฏขึ้นมาและอยู่ในมือของอ้าวเจียน
ในขณะเดียวกันก็มีดาบวิญญาณอีกแปดเล่มแต่ละเล่มมีสีที่ไม่เหมือนกันปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ลอยอยู่บนท้องฟ้า ปล่อยกระแสพลังดาบชีออกมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชี่หมิงขมวดคิ้วเนื่องจากเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังดาบชีที่ล้นหลามออกมา มากไปกว่านั้น เขายังรู้สึกได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นค่อนข้างแตกต่างจากผู้เล่นอื่นๆที่เขาได้พบเจอมาก่อนหน้านี้
“อยากตายหรือไง?” อ้าวเจียนมองไปที่ชี่หมิงอย่างเย็นชาในขณะที่ถือดาบวิญญาณอยู่ในมือ
“ฉันเห็นคนต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตอยู่ตลอดเวลาในฟอรั่ม นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้เจอกับมัน ช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหม” ชี่หมิงยิ้ม เขากระแทกไม้เท้าของเขาลงบนพื้น ทันใดนั้นหมอกสีดำก็เริ่มก่อตัวขึ้นมา ทหารพลังหยินคลานออกมาจากดินทีละตัว ทีละตัว
นี่คือช่วงเวลาที่ผู้บ่มพลังสองคนได้เริ่มการต่อสู้ของพวกเขาขึ้นเป็นครั้งแรกของเกม
เมื่อเห็นว่าชี่หมิงนั้นไม่ยอมแพ้ อ้าวเจียนก็กลายเป็นคนเย็นชา และด้วยการแกว่งดาบสีแดงของเขา เขาได้ปลดปล่อยลำแสงของดาบออกมาและพุ่งตรงเข้าใส่ชี่หมิงเหมือนกับสายฟ้าที่ผ่าลงมา
ชี่หมิงเริ่มควบคุมทหารหยินโดยที่ไม่มีความกลัวใดๆ เพื่อที่จะป้องกันการโจมตีในขณะที่ปล่อย ‘หยินกัดกร่อน’ และถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง
ในการต่อสู้ อ้าวเจียนประหลาดใจที่ได้พบว่าทหารหยินที่ชี่หมิงนั้นซัมม่อนออกว่ามันแตกต่างกับของผู้เล่นอื่นๆอย่างสิ้นเชิง
มันเหมือนกับว่าทุกๆตัวนั้นมีความคิดเป็นของตัวเอง พวกมันยังรู้วิธีหลบการโจมตีได้อย่างดีและคาดเดาการโจมตีต่อไปได้อีกด้วย มันดูแปลกมาก
อ้าวเจียนนั้นไม่รู้ว่าชี่หมิงเองก็เป็นผู้บ่มพลังที่มีจิตที่ทรงพลังและมีประสบการณ์เรื่องเวทย์มนต์ในชีวิตจริง สำหรับเขานั้น การทำหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันเป็นแค่เรื่องกล้วยๆ
อย่างไรก็ตาม อ้าวเจียนเองก็ได้คาดเดาเอาไว้แล้ว เขาย่อหลบอย่างรวดเร็วและกระโจนเข้าใส่ชี่หมิง
ชี่หมิงไม่ตระหนกแม้แต่น้อยที่เห็นเช่นนั้น กลับกัน เขาต่อสู้กับอ้าวเจียนโดยการทำให้เขานั้นเคลื่อนไหวได้ช้าลงด้วยพิษของหยินกัดกร่อน และทหารหยินก็สามารถปกป้องจากการโจมตีที่รุนแรงของอ้าวเจียนได้ในเวลาเดียวกัน
ผ่านไปสักพัก ผลออกมาเป็นเสมอกันระหว่างสองคนนี้
หลังจากที่ปะทะกันอีกครั้ง อ้าวเจียนหยุดการโจมตีและได้ถามขึ้นมา “นายเป็นผู้บ่มพลังใช่ไหม?”
ชี่หมิงยิ้มและตอบว่า “ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายกำลังใช้วิชาดาบของตระกูลอ้าว!”