The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1108 – เรื่องแปลก

  เมื่อเขาคิดถึงความตายของเทพกิเลนซือหยูหนักใจ เขาลูบหอคอยร้อยชั้นในแขนและรู้สึกถึงความรับผิดชอบอันหนักอึ้งกว่าเดิม

   เทพกิเลนปกป้องหอคอยมาหมื่นปีและมอบมันให้ข้าก่อนตายข้าจะทิ้งมันไปไม่ได้ 

  ซือหยูคิด

  วิบัติโชคชะตาผ่านไปแล้วแม้เขาจะยังงุนงงอยู่ อย่างน้อยมันก็ผ่านไปแล้ว

  สิ่งที่เขาจะต้องเจอถัดจานี้คือวิบัติของผู้คนและวิบัติความสัมพันธ์

   วิบัติสามสิบเก้าเองก็แบ่งเป็นสามรูปแบบเหมือนกันสินะ? 

  ซือหยูสงสัย

  เทพปีศาจส่ายหน้า

   วิบัติสามสิบเก้าในวิบัติเทพมีเพียงแค่วิบติแห่งโชคชะตาและแบ่งเป็นระดับเบากลางและยิ่งใหญ่ มันเป็นสามวิบัติที่มีธาตุปะปนกัน 

   เจ้าเพิ่งแค่ผ่านวิบัติแบบเบาไปเท่านั้นตามทฤษฎี ในอีกเก้าวันควรจะมีวิบัติเกิดขึ้นอีก และก็อาจจะเป็นวิบัติอัคคีหรือวิบัติอสูร 

  ซือหยูหัวใจหยุดเต้นนั่นเป็นแค่วิบัติแบบเบาหรือ?

   ถ้าเช่นนั้นข้าก็ยังต้องผ่านวิบัติเทพสินะ? 

  ซือหยูใจเต้นอย่างรุนแรงเนตรกลืนกินของเขาจะหลับใหลไปอีกหลายเดือน!

   เจ้าไม่ต้อง… 

  เทพปีศาจสอบซือหยูโล่งใจเล็กน้อย

   หากเบื้องบนมอบแหล่งพลังเทพกับเจ้ามันก็หมายถึงการจบสิ้นวิบัติเทพ 

   แต่ก็เถอะ… 

  เทพปีศาจพูดเสริม

   วิบัติสามสิบเก้าของมนุษย์ยังไม่จบ!ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ายังเหลืออีกสองวิบัติที่ยังมาไม่ถึง 

  ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกตราบเท่าที่ไม่ใช่วิบัติเทพ เขาก็มีโอกาสรอด

   แต่การเข้าแทรกแทรงของวิบัติเทพทำให้วิบัติที่เหลืออีกสองชนิดของเจ้าปั่นป่วนแต่เดิม วิบัติของผู้คนจะมาก่อน ตามด้วยวิบัติความสัมพันธ์ แต่ในตอนนี้ข้าไม่มั่นใจอีกแล้ว 

  เทพปีศาจอธิบาย

  ซือหยูขมวดคิ้ว

  นอกจากวิบัติผู้คนและความสัมพันธ์มันจะยังส่งผลในด้านอื่นด้วยหรือ?

  เทพปีศาจเตือนเขาที่กำลังครุ่นคิด

   รีบหนีไปจากที่นี่ได้แล้ว!มีตัวตนที่แข็งแกร่งกำลังมา 

  ซือหยูไม่กล้าลังเลเขาเรียกวิหคไม้ที่เก็บไว้ในมุกวิญญาณเก้าหยกออกมาและหายไปในรอยแยกมิติ

  ไม่นานหลังจากที่เขาไปสตรีชุดขาวได้ก้าวพริบตามายังซากตำหนักโลหิต นางมองทิศที่ซือหยูหนีและหัวเราะอย่างขมขื่น

   ยังไม่ถึงเวลาสินะ!ว่าที่เทพผู้นี้มิอาจพบได้โดยง่าย 

  นางลังเลครู่สั้นๆ และตัดสินใจไม่ตามเขาแม้จะสงสัยในตัวเขา นางไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด

  …

  ซือหยูมาถึงสำนักงานตำหนักโลหิตในเมืองเทียนหยา

   อาจารย์ซือกลับมาแล้ว!สถานการณ์ที่สำนักเป็นอย่างไรบ้างหรือ? 

  เสี่ยวฮั่นรีบเข้ามาทักทายเมื่อเขามองตาซือหยูก็เกิดใจสั่นไหวและมิอาจห้ามให้ตนไม่คุกเข่าต่อหน้าซือหยูได้

  ซือหยูปลอบเขา

   มีเรื่องเกิดขึ้นในสำนักเจ้าตำหนักม่อนำศิษย์สำนักออกไป สำนักถูกทำลาย คนเหล่านั้นน่าจะปลอดภัย พวกนางอาจหาที่ลี้ภัยอยู่จึงไม่ได้บอกข้อมูลเรื่องที่อยู่เอาไว้ พวกเราเพียงต้องรอ… 

   อะไรกัน?สำนักถูกทำลายไปแล้วหรือ? 

  เสี่ยวฮั่นน้ำเสียงสะพรึงกลัวเขาทั้งโกรธแค้นและโศกเศร้า

  ความรักต่อสำนักของคนแก่เฒ่านั้นเหนือกว่าคนรุ่นหลังโดยแท้

   ต่อให้สำนักถูกทำลายเรายังสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่ถ้าผู้คนตกตาย เราจะไปหาคนมาจากไหนเล่า? เจ้าจงรอข่าวอย่างใจเย็น อย่าได้ผลีผลามลงมือ 

  ซือหยูเกรงว่าชายแก่จะเคร่งเคียดจนเกินไปและเสี่ยงชีวิตเข้าสู้กับกองทัพผี

  เสี่ยวฮั่นกำหมัดและคลายหมัดเขากำคลายซ้ำ ๆ หลายครั้ง สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจด้วยความเศร้า เขาใจสลายอย่างรุนแรง

  ซือหยูเองก็ไม่ยินดีนักที่ตำหนักโลหิตจะหายไปทั้งอย่างนั้น  ความคิดหนึ่งแล่นสู่สมอง

   เสี่ยวฮั่นเจ้าเตรียมสิ่งที่ข้าขอไว้หรือยัง? 

  เสี่ยวฮั่นใช้ความคิดและพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด

   ข้าเตรียมมันมาแล้ว 

  เขาพูดและมองซ้ายขวาเขานำชิ้นกระดาษสีทองออกมา มันมีลวดลายต่าง ๆ มากมาย แต่ละลวดลายนั้นจะทับซ้อนกัน

  หากมองทั้งแผ่นจะพบว่ามันคือแผนที่ของดินแดนจิวโจว!

   สิ่งนี้คือแผนที่จิวโจวจุดเคลื่อนย้ายทุกจุกถูกระบุเอาไว้แล้ว 

  เสี่ยวฮั่นกล่าวเขามองซ้ายขวาก่อนจะแอบหยิบตะปูดำสนิทสองตัวออกมา

   สิ่งนี้คือของต้องห้ามที่อาจารย์ซือร้องขอตะปูมิติ! 

  ตะปูมิติคือสิ่งของที่ห้ามสร้างขึ้นมาอย่างเปิดเผยในจิวโจว  มันใช้ในงานเฉพาะเจาะจงหากใช้แล้ว มันจะสร้างปัญหาได้ไม่รู้จบ

  ถ้าหากตอกตะปูมิติลงในจุดเคลื่อนย้ายจุดเคลื่อนย้ายนั้นจะมิอาจใช้ได้ง่าย ๆ ในเวลาหนึ่งเดือน ไม่มีจ้าวเทวะคนใดที่สามารถถอนตะปูมิติออกได้

  คนเหล่านั้นจะได้แต่รออย่างอดทนหนึ่งเดือนเต็มหรือทำลายจุดเคลื่อนย้ายพร้อมกับสร้างขึ้นมาใหม่

  ซึ่งอย่างหลังจะกินเวลบานานกว่า

  ดังนั้นตะปูมิติตัวเดียวก็สามารถขัดขวางการเดินทางระหว่างสองจุดไปได้หนึ่งเดือน

  ตะปูนี้เป็นปัญหากับการเดินทางระยะไกลนั่นจึงอธิบายได้ว่าเหตุใดมันจึงเป็นของต้องห้ามในการซื้อขาย

  เสี่ยวฮั่นต้องเสี่ยงซื้อตะปูมิติสองตัวจากตลาดมืดถ้าหากเขาถูกจับได้ เขาอาจโดนอสูรเนรมิตรคนใดก็ได้ประหาร

   ใยอาจารย์ซือต้องใช้ตะปูมิติเล่า?    ซือหยูยิ้มอย่างขมขื่น

   สหายเก่าที่ข้าไม่เจอมานานกำลังไล่ตามข้าสุดกำลังข้าต้องพยายามทุกหนทางเพื่อไม่ให้มันตามข้าได้ และทางเดียวก็คือการใช้ตะปูมิติ 

   นี่มัน… 

  เขาคิดจะใช้มันทำลายการเคลื่อนย้ายจริงๆ หรือ? เสี่ยวฮั่นสังเกตถึงความสิ้นหวังในน้ำเสียงของซือหยู

   คงจะไม่เป็นไรหากใช้ในจุดเคลื่อนย้ายระยะใกล้เพราะเหล่าทหารมิได้แข็งแกร่งคงจะไม่เป็นภัยกับท่าน 

   แต่จุดเคลื่อนย้ายระยะไกลถูกคุ้มกันโดยราชาเขตพลังแต่ละคนมีอย่างน้อยอสูรเนรมิตรขั้นสี่ อาจารย์ซืออย่าได้ฝืนตัวเอง พวกเขามีอำนาจที่จะลงมือก่อนแล้วค่อยรายงานทีหลัง 

  มีจุดเคลื่อนย้ายนับไม่ถ้วนในจิวโจวซึ่งมันจะถูกแบ่งระดับตามระยะทางที่เคลื่อนย้ายได้

  จุดเคลื่อนย้ายระหว่างสองเมืองนั้นคือจุดเคลื่อนย้ายระยะใกล้

  จุดเคลื่อนย้ายข้ามหลายเมืองนับเป็นจุดระยะกลาง

  ส่วนจุดที่กินระยะหนึ่งดินแดนนั้นนับเป็นจุดเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่

  จุดเคลื่อนย้ายผ่านได้หลายดินแดนคือจุดเคลื่อนย้ายขั้นสุดยอด

  และจุดเคลื่อนย้ายที่ไกลเท่าเขตนั้นถือเป็นจุดเคลื่อนย้ายระดับเทวะ

  จุดเคลื่อนย้ายที่ดีที่สุดในดินแดนพรสวรรค์นั้นอยู่ที่เมืองเทียนหยามันเป็นเพียงจุดเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่เพียงจุดเดียวที่จะพาไปใกล้ดินแดนมีดสวรรค์

  จุดเคลื่อนย้ายขั้นสุดยอดที่สามารถผ่านได้หลายดินแดนจะมีอยู่ในเขตกลางเท่านั้น!

  ส่วนจุดเคลื่อนย้ายเทวะจะมีอยู่เก้าแห่งมันกระจัดกระจายอยู่ทั่วจิวโจว  เซียนสามารถสร้างจุดเคลื่อนย้ายขั้นสุดยอดได้ส่วนจุดเคลื่อนย้ายเทวะนั้นเหนือกว่าพลังของเซียน

  ว่ากันว่าจุดเคลื่อนย้ายเทวะทั้งเก้าจุดในจิวโจวนั้นมีอยู่มาตั้งแต่เวลาที่จิวโจวถูกสร้างขึ้นมา

  ก่อนหน้านั้นมนุษย์ในจิวโจวนับว่าอ่อนแอไร้พลัง ไม่เคยมีเซียนเกิดขึ้น แล้วจะมีจุดเคลื่อนย้ายเทวะได้อย่างไร?

  ดังนั้นจุดเคลื่อนย้ายเทวะทั้งเก้าจุดในจิวโจวจึงถูกถือเป็นของโบราณแห่งจิวโจว

  จุดเคลื่อนย้ายเทวะในเขตกลางตั้งอยู่ที่เมืองหลวงของเขตกลาง!

  ตามปกติจุดเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ขึ้นไปจะถูกปกป้องโดยอสูรเนรมิตร

  คนที่ปกป้องจุดเคลื่อนย้ายขั้นสุดยอดจะยิ่งแข็งแกร่งไปกว่านั้น

  ส่วนจุดเคลื่อนย้ายเทวะผู้ที่คุ้มกันนั้นแข็งแกร่งจนเกินกว่าจะอธิบาย   ข้าเข้าใจแล้วดูแลตัวเองด้วย ข้าต้องไปแล้ว 

  ซือหยูกล่าวลาและประสานหมัด

  เสี่ยวฮั่นถาม

   อาจารย์ซือจะไปที่ใดหรือ? 

   เมืองเขตกลาง… 

  ซือหยูตอบอย่างเด็ดเดี่ยวเมื่อพูดจบ เขาไปยังจุดเคลื่อนย้ายของเมืองเทียนหยาในพริบตา จุดนี้จะพาเขาไปได้แค่ดินแดนมีดสวรรค์เท่านั้น

  ถ้าเขามุ่งหน้าไปยังเขตกลบางเขาจะต้องผ่านดินแดนมีดสวรรค์ไปเสียก่อน

  ในดินแดนมีดสวรรค์เมืองมีดสวรรค์ดูแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

  มันเคยเป็นเมืองอันรุ่งเรืองที่มีคนคับคั่งแต่ในตอนนี้มันกลายเป็นเมืองอันเงียบงัน ผู้คนอยู่ด้วยความกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัย

  เขาเดินในเมืองมีดสวรรค์และแทบจะไม่เห็นเงาคนเลย   เพิ่งจะไม่กี่วันเท่านั้น!เมืองมีดสวรรค์เปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวหรือ? 

  ซือหยูได้แต่งุนงง

  ผ่านไปไม่นานตั้งแต่ที่เขาได้หลักฐานมาครองและข่าวเรื่องการสมคมคิดกับเผ่าผีของจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ก็แพร่กระจายไปไม่นาน

  แต่เหล่ายอดฝีมือในดินแดนมีดสวรรค์ได้กลิ่นลางร้ายพวกเขาจึงหนีออกจากเมืองไปตาม ๆ กัน

  ฟึ่บ!

  กลุ่มอสูรเนรมิตรที่มีพลังมหาศาลบินผ่านเหนือศีรษะของซือหยู

  เขาสัมผัสกลุ่มอสูรเนรมิตรได้อีกกลุ่มที่อยู่ไม่ไกลนัก

  ทั้งสองกลุ่มสวมชุดไม่เหมือนกันมาจากต่างแดนกัน

  ดูจากภายนอกและใบหน้าทั้งสองกลุ่มนั้นแตกต่างจากคนเขตกลางและต้องเป็นอสูรเนรมิตรจากทิศแดนอื่นอย่างไม่ต้องสงสัย   ราชาเก้าเขตตอบสนองรวดเร็วดีพวกเขาส่งคนมาพิชิตเมืองมีดสวรรค์โดยไม่รอช้า ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวดินแดนมีดสวรรค์บ้าง 

  ซือหยูพูโกับตัวเอง

  จ้าวดินแดนมีดสวรรค์ได้เตรียมทรัพยากรให้กับเผ่าผีในร้อยปีที่ผ่านมาเขาจะไม่มีทางหนีทีไล่ของตัวเองหรือ?

  ดูเหมือนว่าเขาจะหนีไปตั้งแต่วันที่หลักฐานถูกพบ

  ซือหยูส่ายหน้าและมุ่งหน้าไปยังจุดเคลื่อนย้ายในเมืองมีดสวรรค์ที่นี่ถูกคุ้มกันโดยอสูรเนรมิตรต่างแดน พวกเขาสอบสวนยอดฝีมือที่เข้ามาอย่างเคร่งครัด

  อสูรเนรมิตรเหล่านี้ได้คุมขังคนจากเมืองเทียนหยาทุกคนถูกมัดอยู่กับพื้น ใบหน้าทุกข์ทรมานและเศร้าหมอง

   พวกเจ้ารู้จักเขาหรือไม่? 

  ยอดฝีมือคนหนึ่งเดินมาที่หน้าจุดเคลื่อนย้ายด้วยความกลัวอสูรเนรมิตรที่คุ้มกันจุดเคลื่อนย้ายชี้เขาและถามคนที่ถูกจับ

  เมื่อพวกคนที่ถูกจับส่ายหน้าเหล่าอสูรเนรมิตรก็ให้ยอดฝีมือผู้นั้นผ่านจุดเคลื่อนย้ายไป

   คนต่อไป! 

  อสูรเนรมิตรทั้งไม่สนใจใครและระแวงในเวลาเดียวกัน

  ซือหยูก้าวออกมาด้านหน้า

   รู้จักเขาหรือไม่? 

  อสูรเนรมิตรตะโกนใส่คนที่ถูกจับ

  หลายคนส่ายหน้าแต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่อุทานออกมาด้วยความตกใจ โดยเฉพาะชายแก่ที่ราวกับได้เห็นผู้ช่วยชีวิต

  เขาคลานขึ้นมาจากพื้นด้วยใบหน้าซูบโซและขอร้อง

   อาจารย์ซือได้โปรดช่วยข้าด้วย! ได้โปรดช่วยตระกูลของข้าด้วย!    ซือหยูเหลือบมองไปยังต้นเสียงและพบชายแก่ผมขาวกับใบหน้ายุ่งเหยิง

  เขามิใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าตระกูลอู๋หยาง

  ชายแก่ผู้นี้ทรยศเขาและเปิดโปงเขาให้กับรองจ้าวดินแดนสามและตอนนี้เขากำลังขอความช่วยเหลือจากซือหยู!

  ซือหยูจะช่วยเขาได้รึ?เขาควรจะเลือกต่อสู้กับอสูรเนรมิตรอย่างไม่มีเหตุผลรึ?

  มีอสูรเนรมิตรมากกว่าสิบคนอยู่ในจุดเคลื่อนย้าย!ทุกคนจ้องมองเขาอย่างดุดัน

  เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงตะโกนโดยเฉพาะจากเจ้าตระกูลอู๋หยางอสูรเนรมิตรที่คุ้มกันจุดเคลื่อนย้ายก็มองเขาด้วยสายตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง!

   เขาเป็นใคร? 

  อสูรเนรมิตรเข้าขวางซือหยูและถามเหล่าคนที่ถูกจับแต่เขามองซือหยูด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความระแวงและเหยียดหยามไม่วางตา

  ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดว่าซือหยูเป็นคนจากดินแดนมีดสวรรค์

  เจ้าตระกูลอู๋หยางหวาดกลัวจนเกือบจะนอนแผ่ลงกับพื้นเขารอให้ซือหยูช่วย มิใช่เพื่อหาเรื่องให้กับซือหยู เขารีบตอบ

   มิใช่มิใช่ เขาไม่ใช่คนเมืองมีดสวรรค์ 

   โอ้?แล้วทำไมพวกเจ้าถึงดูตกใจกันนัก? เหมือนกับพวกเจ้ารู้จักเขา! 

  สีหน้าของอสูรเนรมิตรผ่อนคลายลงเล็กน้อย

  คนที่ถูกจับร้องออกมาด้วยความเศร้า

   พวกเราจะไม่รู้จักเขาได้ยังไง?เขาคือท่านซือหยูที่เปิดเผยเรื่องอื้อฉาวของจ้าวดินแดนมีดสวรรค์! 

  อสูรเนรมิตรที่ไม่ใส่ใจในคราแรกเมื่อได้รู้ตัวตนของชายหนุ่ม ใบหน้าเขาหมองลงและรีบก้าวถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความกลัว

  อสูรเนรมิตรคนอื่นก็ตัวสั่นไม่าแพ้กันพวกเขาหันมองซือหยูด้วยใบหน้าแปลกประหลาด พวกเขาแสดงทั้งความหวาดกลัวและความนับถือผ่านดวงตา

   นี่คือซือหยูนายน้อยซือ! พวกเราได้ยินเกียรติยศของท่านมานานแล้ว! 

  อสูรเนรมิตรที่ขวางทางซือหยูรีบพูดเป็นคนแรกสีหน้ามุ่งร้ายของเขาหายไปในพริบตา

   คารวะอาจารย์ซือ! 

  อสูรเนรมิตรที่เหลือทักทายเขาด้วยความนับถือเช่นกัน

  ซือหยูรู้สึกแปลกเมื่อพบว่าตัวเองได้รับเกียรติจากเหล่าอสูรเนรมิตรเขาหันไปทักทายและคิดกับตัวเอง

  ‘อสูรเนรมิตรพวกนี้มาจากต่างแดนรึ?ต่อให้ได้ยินเรื่องข้า พวกเขาก็ไม่ต้องสุภาพไม่ใช่หรือ?’

  พวกเขาสุภาพจนเกินไปและซือหยูก็สัมผัสได้ถึงความแปลก

  ความแปลกมักจะเป็นสัญญาณของเรื่องเหม็นคาวอยู่เสมอ

  ��

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset