The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1133 – ออกล่า

  เขาคาดการณ์ว่ามีคนแอบขายเขาเข้าแล้ว
“เจ้าเป็นคนบอกข้าเอง!”
ซือหยูมองมังกรวารีด้วยรอยยิ้มถากถาง
“จิตวิญญาณสมบัติจะขอให้คนอื่นชำระล้างมังเองหรือ?มันมีคำตอบสองอย่างเท่านั้น นั่นก็คือเจ้าของสมบัติตาย ไม่ก็จิตวิญญาณสมบัติคือเจ้าของของมัน!”
“ข้ารู้ภาษาอสูรร้อยตัวแล้วแต่ข้าไม่ได้รับข้อความที่คุกเทวะห้าธาตุส่งมาเลย นั่นแสดงว่าเจ้าของมันยังไม่ตาย เจ้าคือเจ้าของตัวจริงของมัน!”
“ส่วนเรื่องเทพอสูรหึหึ ตระกูลบูรพาเคยเจอซากเทพอสูรใต้เขาห้าธาตุ ตามการตอบสนองระหว่างคุกเทวะห้าธาตุกับเขาห้าธาตุ ข้าเดาว่าซากศพเทพอสูรนั่นจะต้องเป็นร่างจริงของเจ้า!”   มังกรวารีจ้องซือหยูเพราะเขาตกใจกับความเฉลียวฉลาดของซือหยู
ซือหยูคิดอ่านได้อย่างถูกต้อง!
ในอดีตครั้งนั้นมังกรวารีพ่ายแพ้โดยศัตรูและยังถูกเขาห้าธาตุทับร่างเอาไว้ ตอนนี้มันเหลือเพียงดวงวิญญาณและแหล่งพลังเทพเท่านั้น มันรอดมาได้เพราะหนีเข้ามาในคุกเทวะห้าธาตุ
แต่คุกเทวะห้าธาตุจะเปิดได้โดยพลังภายนอกเท่านั้นแม้วิญญาณจะยังรอด มันก็มิอาจออกจากคุกเทวะห้าธาตุไปได้
ด้วยเหตุนี้คุกเทวะห้าธาตุจึงถูกเปลี่ยนมือหลายครั้งโดยมีซือหยูเป็นผู้ถือครองคนสุดท้าย มังกรวารีติดอยู่ในนี้มาแสนปีแล้ว
มังกรวารีลวงว่าซือหยูชำระคุกเทวะห้าธาตุถ้าหากซือหยูใช้งานมัน มันก็จะใช้โอกาสนี้หนีออกมา
แต่มันไม่คิดว่าซือหยูจะมองแผนการของมันออก  “เจ้าสงสัยข้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”
มังกรวารีที่มิอาจทำตามแผนถามด้วยความแค้น
ซือหยูยักไหล่ตอบ
“ใครบอกเจ้าว่าข้าเคยเชื่อใจเจ้า?”
ซือหยูไม่เคยเชื่อแม้แต่คำเดียวที่มันพูดออกมา
มังกรวารีตัวแข็งทื่อเล็กน้อยมันหัวเราะอย่างป้าคลั่งเพื่อเย้ยหยันตัวเอง
“ฮ่าๆๆๆๆ!เทพอสูรผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าต้องมาถูกมนุษย์ต่ำต้อยจองจำเรอะ! ช่างลักลั่นนัก!”
เมื่อมันกำลังจะเป็นบ้าอยากความโกรธเสียงอันใจเย็นของซือหยูดังขึ้น
“ไม่ยากถ้าเจ้าอยากจะออกไปจากคุก!”
หา?มังกรวารีไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“เจ้าหมายความว่าจะปล่อยข้าไปรึ?”
“ไม่ใช่แน่นอน!”   ซือหยูพูดอย่างไม่ลังเล
“เจ้ามีเรื่องบาดหมางกับข้าหรือไม่?”
มังกรวารีส่ายหน้าตอบ
“ไม่!”
“ข้าเคยล่วงเกินเจ้าหรือ?”
ซือหยูถามอีกครั้ง
“ไม่!”
“แล้วทำไมข้าต้องจองจำเจ้าเล่า?”
ซือหยูตอบ
เงียบไปไม่นานมังกรวารีก็มีสายตาเจ้าเล่ห์
“เรามิใช่ศัตรูกักขังข้าไปก็เปล่าประโยชน์ เจ้าจะปล่อยข้าใช่ไหม?”
“ไม่!”
ซือหยูตอบอย่างไม่ลังเล
เมื่อได้ฟังมังกรวารีตัวแข็งทื่ออีกครั้ง มันถามอย่างเคร่งเครียด  “เจ้าเล่นตลกกับข้าเรอะ?”
“ไม่!”
ซือหยูชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว
“อย่างแรกการขังเจ้ามันไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ข้าก็ไม่ได้อะไรในการปล่อยเจ้าไปเหมือนกัน! อย่างวที่สอง ข้าชำระส่วนหนึ่งของคุกเทวะห้าธาตุมาแล้ว เจ้าเป็นเจ้าของมัน เจ้าจะต้องฆ่าข้าหลังจากออกมาแน่นอน นอนนี้ข้ายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับเทพอย่างเจ้า!”
เมื่อได้ยินมังกรวารีครุ่นคิดครู่หนึ่ง มันพูดช้า ๆ
“ข้อสองข้าจะทำสัญญาเทพกับเจ้า ข้าจะให้สัญญาว่าจะไม่มีวันฆ่าเจ้า ไม่มีใครทำลายสัญญาเทพได้ เจ้าสบายใจได้เลย! ส่วนข้อแรก เจ้าต้องการอะไรหากจะปล่อยข้า?”
มันรู้ว่าซือหยูมาเพื่อต่อรอง
“อย่างแรกข้าไม่รู้จักสัญญาเทพ ข้าไม่เชื่อสิ่งที่เจ้าพูด! ส่วนอย่างที่สอง ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งใดเลย เจ้าเพียงแค่ต้องช่วยข้าฝ่าความยากลำบากไปก่อนที่ข้าจะแข็งแกร่งกว่าเจ้า!”
ซือหยูบอกเงื่อนไขที่เขาเตรียมมาเนิ่นนาน
“ไม่มีวันซะหรอก!”
มังกรวารีปฏิเสธอย่างไม่ลังเล
มันคือเทพผู้ยิ่งใหญ่มันจะไม่ยอมรับใช้มนุษย์ต่ำต้อยราวกับทาสเป็นอันขาด!
คำตอบของซือหยูก็ตามมาอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อยู่ในคุกต่อไปเถอะข้าหวังว่าเจ้าจะเจอคนที่เข้าใจอักษรอสูรร้อยตัวอย่างข้าได้ในไม่ช้า!”
มังกรวารีสีหน้าหม่นหมองทันทีหลังจากได้ยินมันคงจะไม่ต้องติดอยู่ในนี้มาเป็นแสนปีหากอัจฉริยะอย่างซือหยูสามารถพบเจอได้ง่าย  และซือหยูเองก็จะไม่ยอมให้คนอื่นหาคุกเทวะห้าธาตุเจอง่ายๆ เช่นกัน! มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะซ่อนคุกเทวะห้าธาตุเอาไว้ยังจุดที่ไม่มีใครไปถึง!
หลังจากไตร่ตรองมังกรวารีพบว่าตนไม่มีแต้มต่อที่จะต่อรองกับซือหยู
“ฃแล้วข้าจะช่วยเจ้าได้ยังไง?”
มังกรวารีถาม
ซือหยูตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ยาก!เจ้าแค่ทำให้ข้ามีชีวิตรอด! การทำให้ข้ารอด เจ้าต้องทำสองอย่าง อย่างแรกคือช่วยเพิ่มพลังให้ข้าอย่างต่อเนื่อง! อย่างที่สอง เจ้าต้องช่วยข้าแก้วิกฤติ อย่างเช่น…วิกฤติที่ข้ากำลังเจอในตอนนี้…”
มังกรวารีรู้สึกเหมือนถูกหลอกเมื่อเห็นรอยยิ้มของซือหยูดูเหมือนว่าซือหยูจะเตรียมการมาเป็นเวลานานแล้ว!
แต่มังกรวารีก็ไม่มีทางเลือก
“วิกฤติอันใดกัน?ข้าติดอยู่ที่นี่และควบคุมมันได้แค่สามในสิบส่วน แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ข้าจัดการคนที่พลังน้อยกว่าเซียนได้ไม่ยาก!”
มังกรวารีกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
ซือหยูตอบ
“น่าเสียดายคนที่ข้ากำลังจะเผชิญหน้าไม่ใช่แค่เซียนธรรมดา แต่เป็นเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเซียนทั้งหมด!”
มังกรวารีชักสีหน้ามันถามด้วยความโกรธ
“มนุษย์อ่อนแออย่างเจ้าไปท้าทายศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนั้นได้ยังไง?”
“แค่บอกวิธีที่เจ้าจะช่วยข้ามาถ้าเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะซ่อนคุกเทวะห้าธาตุเอาไว้ในที่ที่ไม่มีใครหาเจอไปอีกล้านปีในเวลาที่ข้ายังเหลืออยู่!”
ซือหยูขู่
มังกรวารีกลอกตาราวกับกำลังวางแผน
“ข้าว่าเจ้าหยุดวางแผนก่อนจะดีกว่าเจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีจากเซียนเช่นนั้นได้ง่าย ๆ หรือ? มีโอกาสมากที่เจ้าจะถูกใช้สร้างเป็นสมบัติ! เพราะวิญญาณเทพอสูรอย่างเจ้าน่ะล้ำค่าทีเดียว!”
มังกรวารีถอนหายใจแรงมันเลิกคิดแผนการเพราะคำพูดซือหยู
“คุกเทวะห้าธาตุไม่แข็งแกร่งพอที่จะขังเซียนได้ตลอดไปแต่มันก็มีพลังพอที่จะหยุดได้สักวันสองวัน!”
หนึ่งถึงสองวันรึ?ซือหยูตาลุกวาว! เท่านั้นก็มากพอแล้ว!
หลังจากตกลงกับมังกรวารีซือหยูเดินออกมาจากถ้ำ
เมื่อเขามาถึงทางเข้าถ้ำเขาพบตงฟางอวี่ยืนอยู่มองดูภายในถ้ำอย่างกังวลใจ
“นายหญิง!”
ซือหยูเดินไปหานาง
ตงฟางอวี่มองซือหยูราวกับไม่เต็มใจที่จะแยกจากเขาจากนั้นนางก็หยิบของสองสิ่งออกมา หนึ่งคือวิหคไม้ที่เจ้าตำหนักใต้ริบไป ส่วนอีกชิ้นคือชุดค่ายกลที่ทำมาอย่างพิถีพิถัน
“เจ้าบินหนีได้ด้วยสมบัติเจ้าแต่เจ้าจะต้องถูกท่านแม่กับท่านอาจับตัวกลับมาแน่! สิ่งนี้คือค่ายกลมิติที่ท่านยายทำให้ข้า มันถูกออกแบบเพื่อช่วยชีวิตข้าเพื่อที่ข้าจะหนีได้ในยามฉุกเฉิน ถึงจะไม่ดีเท่าประตูมิติเทวะ มันก็เทียบได้กับประตูมิติขั้นสุดยอด มันจะพาเจ้าไปยังอีกเขตได้อย่างสะดวกสบาย!”
“แม่นางตงฟางเจ้า…”
ซือหยูตกใจเพราะเขารู้ว่าค่ายกลนี้ล้ำค่าเพียงใด
แม้แต่เซียนก็ต้องใช้เวลาเป็นอันมากเพื่อที่จะสร้างค่ายกลนี้ขึ้นมามันมิอาจหาซื้อได้เลย
ตงฟางอวี่พูดด้วยความรู้สึกผิด
“ขอโทษด้วยท่านซือ!โปรดรับมันไว้แทนคำขอโทษจากข้าที่ตระกูลบูรพารั้งตัวท่านไว้เถิด ตอนนี้ท่านยายกำลังปิดประตูฝึกตน หนีไปตอนนี้เถอะ!”
ซือหยูรับวิหคไม้และค่ายกลมิติมาเขาพูดด้วยความขอบคุณ
“แม่นางอวี่เอ๋อเจ้าเป็นคนมีเหตุผลนัก! ข้าติดหนี้เจ้าหนหนึ่ง!”
“ลาก่อน!”
ซือหยูใช้วิหคไม้เพื่อหนีออกจากตระกูลบูรพา
เมื่อได้ฟังตงฟางอวี่หน้าแดงเล็กน้อย
นางดีใจที่ซือหยูเรียกนางว่า‘แม่นางอวี่เอ๋อ’ นางจดจำเอาไว้ในใจ อย่างที่คิดเลย…นี่คือหนทางที่ถูกต้อง!
ครึ่งวันต่อมา…
รอยแยกมิติขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าเมืองที่กลางทวีปบูรพาสั่นสะเทือน
สองคนพุ่งออกมาจากห้องลับตระกูลบูรพาพวกนางคีอเซียนขาวและดำแห่งตระกูล
ทั้งสองจ้องมองรอยแยกมิติที่ศัตรูไร้เทียมทานจะมาในอีกไม่นาน
ไม่นานก็มีแสงสีทองลอดออกมาจากรอยแยกมิติ
“ใครที่ขวางทางข้าต้องตาย!”
ชายหนุ่มสวมชุดสีทองก้าวเท้าออกมา
ร่างกายของเขาที่ปกคลุมไปด้วยสีทองสามารถมองเห็นได้ด้วยอสูรเนรมิตรเท่านั้น!
จ้าวเทวะทั่วไปมิอาจมองเห็นใบหน้าเขาได้!
คำพูดของเขานั้นทำให้เกิดจุดรอยแยกมิติในอากาศ
เหล่าเซียนสามารถใช้พลังมหาศาลเช่นนี้ได้อย่างง่ายดายแต่เขาเป็นคนแรกที่ทำให้เกิดรอยแยกมิติได้ด้วยคำพูด!
เซียนขาวดำจ้องมองเขาอย่างเคร่งเครียดราชาเขตกลางนั้นไร้เทียมทานกว่าคำบอกเล่า!
“ส่งซือหยูมาแล้วเจ้าจะรอด!”   ราชาเขตกลางจ้องเซียนขาวดำและยืนมือไพล่หลัง
“อยากได้ซือหยูก็ต้องข้ามศพพวกข้าไปก่อน!”
เซียนขาวดำประสานสายตาร่างกายทั้งสองถูกปกคลุมด้วยพลังอสูรอ่อน ๆ คู่เขาสีดำงอกออกมาจากศีรษะ พวกนางดูเหมือนกับอสูร
ราชาเขตกลางยิ้มตอบ
“ข้าเคยได้ยินว่าพวกเจ้าเป็นลูกหลานอสูรมันคือเรื่องจริงสินะ!”
ต่อมาแสงสีทองในร่างกายเขาได้เปล่งประกายจ้ายิ่งกว่าเดิมและปกคลุมไปทั่วฟ้า
ใครก็ตามที่ถูกแสงสีทองนี้ซัดคนผู้นั้นจะกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที
เซียนขาวดำชักสีหน้าและต่อต้านแสงสีทองด้วยพลังของเทพอสูร
แต่เมื่อพยายามรับมือกับแสงสีทองสองฝ่ามือก็พุ่งออกมาจากแสงสีทองซัดใส่ลำตัวของพวกนางอย่างรุนแรง
ร่างกายพวกนางถูกปกคลุมด้วยเพลิงสีทองมันเผาลำตัวพวกนางทันที
“วิบัติเทพอัคคีรึ?”
เซียนขาวดำตกใจมากและรีบก้าวถอยหลังพร้อมกับใช้พลังทั้งหมดเพื่อหยุดเพลิงสีทองไม่ให้ไหม้ทั้งร่างกาย
แต่เมื่อใช้พลังดับไฟพวกนางก็ถูกฝ่ามืออีกสองฝ่ามืออีกครั้ง!
พวกนางรู้ว่ามันเป็นการโจมตีจากราชาเขตกลางแต่พลังทั้งหมดของพวกนางกำลังถูกใช้ดับเพลิงวิบัติเทพอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่พวกนางจะป้องกันการโจมตีใหม่
ต่อมาร่างของพวกนางก็ถูกซัดจนเป็นหมอกโลหิตด้วยฝ่ามือ
แม้แต่หมอกโลหิตของพวกนางก็ถูกเพลิงเทวะสีทองแผดเผา
หมอกโลหิตลอยเข้าไปก่อตัวเป็นร่างเซียนขาวดำอีกครั้งในอีกระยะหนึ่ง  ร่างของเซียนสามารถก่อขึ้นใหม่ได้ทุกเมื่อมันคือเหตุผลที่การสังหารเซียนมักจะเป็นเรื่องยาก!
“เอาซือหยูมาให้ข้าแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้าข้าจะไม่พูดอีกแล้ว!”
ราชาเขตกลางพูดอย่างไม่แยแสเขายืนมือไพล่หลัง
เขาพูดมันด้วยความมั่นใจ!
เซียนขาวดำหวาดกลัวพวกนางรู้ว่าพลังของราชาเขตกลางเพิ่มขึ้นมากหลักจากที่เขาก้มหัวให้กับเซียนมณี
แต่พวกนางไม่เคยคิดว่าเขาจะมีพลังในระดับที่น่ากลัวเช่นนี้
พวกนางเองก็เป็นเซียนแต่พวกเขามิอาจหยุดราชาเขตกลางได้เลย!
เซียนขาวดำตกตะลึงและไม่พอใจ
ดูเหมือนว่าเป็นความคิดที่ไม่ดีนักในการคุ้มครองซือหยู
พวกนางประเมินตัวเองสูงเกินไปและประเมินราชาเขตกลางต่ำไป
หลังจากประสานสายตาเซียนขาวดำทำใจในทันที
ความตายมิใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกนางแต่พวกนางยังต้องดูแลตระกูลบูรพา!
“เพื่อตระกูลเราต้องยอมเสียเขาไป!”
เซียนขาวถอนหายใจจากนั้นนางก็ชี้ไปที่เขาห้าธาตุ
“เขาอยู่ในถ้ำ!”
The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset