The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1182 – อิสรภาพของเทพไม้

DND.

  เจิ้งหยวนชิงพูดด้วยรอยยิ้ม

   เขาแข็งแกร่งพอตัวเชียวล่ะ!มิเช่นนั้นเทพสัตว์อสูรอย่างเทพกระเรียนคงไม่มีวันแต่งตั้งมนุษย์ให้เป็นตัวแทนเทพแน่! ข้ารู้ว่าเขาฉลาดมากหลังจากที่ได้เจอกับเขา! เหมือนกับว่าเขาคาดเดาได้ทุกอย่าง มันเหลือเชื่อไปเลย! 

  ปู้หลูยี่เริ่มไม่พอใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเจิ้งหยวนชิงพูดชมซือหยูไม่หยุด

  เขาเคารพต่อเจิ้งหยวนชิงที่กำลังจะได้เป็นเทพและเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาลูกหลานเทพด้วยกันอย่างมากเจิ้งหยวนชิงคือเรือนตะเกียงสำหรับเขา

  แต่เจิ้งหยวนชิงกำลังพูดชมชายอื่นด้วยการยอมรับเป็นอย่างมากปู้หลูยี่ที่ไม่คล้อยตามพูดด้วยรอยยิ้ม

   หยวนชิงเจ้าพูดเกินไปแล้ว! ตัวแทนน่ะไม่มีอะไรหรอก! หากเหอหลูจูที่เป็นผู้นำตระกูลเทพกระเรียนตอนนี้พยายามชิงตำแหน่ง ซือหยูก็จะถูกปลดจากตำแหน่งตัวแทนเทพทันที เจ้านั่นไม่ควรค่าแก่การพูดถึงด้วยซ้ำ! 

  เจิ้งหยวนชิงหันหน้าไปอีกทาง

   แต่เทพจิงบอกว่าเขาคือเก้ามังกรที่กลับมาเกิดใหม่!เขาจะไร้พลังได้ยังไง? 

  แต่อย่างไรก็ตามทีการกลับมาเกิดใหม่ของเก้ามังกรคืออะไรกัน? พวกนางไม่เคยได้ยินมันมาก่อนเลย

   หึ!ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนั้น! อย่าบอกนะว่าวันหนึ่งเขาจะกลายเป็นมังกรน่ะ! 

  ปู้หลูยี่ไม่เห็นด้วย

  เจิ้งหยวนชิงขมวดคิ้วเพราะนางรู้สึกว่าปู้หลูยี่ดูถูกซือหยูเกินไปนางจึงเบือนหน้าหนี

  ปู้หลูยี่ยิ่งร้อนรนเมื่อสังเกตเห็นว่าเจิ้งหยวนชิงเปลี่ยนสีหน้าเก้ามังกรกลับมาเกิดใหม่เรอะ? ตัวแทนเทพเรอะ? หึ! หึ! ขอข้าดูพลังเจ้าหน่อยก็แล้วกัน!

  …

  ที่ตระกูลเทพกระเรียนห้องฝึกของเทพกระเรียนถูกซือหยูยึดอย่างชอบธรรม พลังวิญญาณในห้องนี้ไม่ได้เข้มข้นนักเพราะเทพไม่ต้องการพลังวิญญาณในการบ่มเพาะ แต่อย่างไรก็ตาม เทพกระเรียนได้บ่มเพาะในห้องนี้มานานหลายปี พลังของเขายังคงเหลืออยู่ในห้องนี้

  เทพกระเรียนที่บ่มเพาะในห้องนี้มานานทิ้งพลังเอาไว้กับทุกสิ่งในห้อง

  สำหรับซือหยูพลังของเทพในห้องนี้สร้างแรงกดดันให้เขาเป็นอย่างยิ่ง

  เขาเติบโตอย่างรวดเร็วจากการบ่มเพาะภายใต้แรงกดดันนี้

  การบ่มเพาะวิชาร่างมังกรที่เขาอาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีได้สำเร็จในไม่นานเขาบ่มเพาะมันถึงขั้นกลางแล้ว

  ซือหยูถอนหายใจโล่งอกจากนั้น เขาแปลงร่างเป็นมังกรสีทองในระยะเวลาสั้น ๆ

  ประกอบกับดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาเกือบจะถึงขอบเขตวิญญาณมายาชั้นสูงแล้ว

  หลังจากเป็นอสูรเนรมิตรขั้นสองซือหยูพยายามจะทะลวงขั้นสาม ต้องขอบคุณทรัพยากรมากมายในโลกเทพกระเรียนและจิตวิญญาณแปดรูของเขาด้วย ซือหยูเติบโตอย่างก้าวกระโดด!

  หลังจากบ่มเพาะเสร็จสิ้นซือหยูเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยก ที่นี่ที่เคยเต็มไปด้วยเผ่าผีนั้นว่างเปล่า ซือหยูพบเพียงไม่มากเท่านั้น

  เทพไม้กำลังชี้แนะให้จางตี๋เก้อเมื่อเห็นซือหยู จางตี๋เก้อรีบวิ่งมาหาเขาและหลบที่ด้านหลัง นางร้องไห้อย่างน่าเวทนา

   เทพไม้เจ้ายังมีความเป็นเทพอยู่หรือไม่? ทำไมถึงทำนางร้องไห้อีกแล้วล่ะ? 

  ซือหยูมองเทพไม้ที่อยู่ตรงหน้า

  เทพไม้ยังคงติดอยู่บนบัลลังก์ด้วยหอกที่เสียบทะลุจนมิอาจขยับตัวได้แต่นางก็ไล่ตามจางตี๋เก้อด้วยการขยับบัลลังก์ไปพร้อมกับนางแทน

   ฮื่ม!แม่สาวน้อยนั่นไม่รู้จักพอ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเป็นอสูรเนรมิตรขั้นหกในไม่นานหากไม่ได้ข้าช่วย! 

  เทพไม้ตอบตรงๆ

  ถ้าจักรพรรดิผีไม่บอกความจริงกับซือหยูก็เป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูจะรู้ว่าจางตี๋เก้อมีร่างกายหายากถึงจะไม่ได้ทรงพลังเท่ากับลูกหลานเทพ มันก็ยังล้ำค่าเพราะมันมีการหลอมรวมพลังของผีและอรหันต์ ซึ่งพลังที่ตรงกันข้ามกันอย่างสุดขั้วนี้ได้ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง

  ตามที่จักรพรรดิผีบอกผู้ที่มีร่างกายลักษณะนี้มักจะตายตั้งแต่เกิด ผู้รอดชีวิตเช่นนางคือสิ่งที่หาได้ยาก

  เมื่อเทพไม้รู้นางก็อาสาเป็นอาจารย์ให้จางตี๋เก้อเพื่อที่นางจะได้ชี้แนะจางตี๋เก้อในการใช้ร่างกายหายากให้เต็มประสิทธิภาพ ด้วยความช่วยเหลือจากเทพไม้ จางตี๋เก้อได้เติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากผ่านความยากลำบากที่มิอาจบอกได้ นางเติบโตเร็วยิ่งกว่าซือหยูที่มีจิตวิญญาณแปดรูด้วยซ้ำ! ตอนนี้นางเป็นอสูรเนรมิตรขั้นหก อีกก้าวเดียวเท่านั้นก่อนที่นางจะเป็นเซียน!

  ดังนั้นจึงง่ายสำหรับจางตี๋เก้อที่จะเป็นเซียนด้วยคำชี้แนะจากเทพไม้

   เทพไม้ข้ามาที่นี่เพื่อลองดูว่าข้าจะดึงหอกบนตัวเจ้าออกมาได้ไหม! 

  ซือหยูพูดอย่างจริงจังหลังจากปลอบใจจางตี๋เก้อ

   อะไรนะ? 

  เทพไม้ที่มักจะไร้กังวลอยู่เสมอถามอย่างตั้งใจ

   เจ้าจะบอกว่าเจ้าหาทางดึงมันได้แล้วรึ? 

  ซือหยูพยักหน้า

   ข้าว่าข้าดึงมันได้ง่ายๆ ด้วยทรายดาราทางช้างเผือก! 

  ทรายดาราทางช้างเผือก?เทพไม้ส่ายหน้าเบา ๆ

   เจ้าเคยลองแล้วพลังในหอกเป็นกำลังของเทพ ถึงทรายดาราจะเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ มันก็ใช้พลังได้แค่หนึ่งในสิบส่วน มันดูดซับพลังของเซียนได้เท่านั้น มันดูดซับพลังเทพไม่ได้หรอก! 

   นั่นมันเมื่อก่อน! 

  ซือหยูพูดพลางโบกมือแสงดาวพุ่งออกมาจากฝ่ามือ

  แสงอันตระการตาของธารดาราลอยล่องสว่างทั้งหุบเขาในมุกวิญญาณเก้าหยก

  ดวงดารานับไม่ถ้วนในธารดารารวมตัวเป็นกระเรียนขาวโบยบินซึ่งคือร่างของเทพกระเรียน

  เทพไม้ทั้งตกใจและดีใจ

   เทพไม้หลอมรวมกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์เป็นจิตวิญญาณสมบัติรึ? 

  ซือหยูพยักหน้า

   ใช่แล้ว!ข้าใช้พลังเกือบทั้งหมดของทรายดาราได้แล้ว ข้าอยากจะลองอีกครั้ง! 

  เทพไม้พยักหน้าด้วยความดีใจ

  จากนั้นซือหยูจับหอกยาวที่ทะลวงร่างเทพไม้ด้วยทรายดารา!

  ทรายดาราเริ่มโคจรในเวลาต่อมาหอกยาวที่เคยยากในการดึงถูกดูดซับอย่างช้า ๆ

  เทพไม้ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อพลังปีศาจค่อย ๆ สลายไป ร่างกายของนางที่เคยแข็งทื่อเริ่มยืดหยุ่นขึ้นเรื่อย ๆ เทพไม้ถึงกับดีใจจนเนื้อเต้น

  ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาไม่คิดว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่มีจิตวิญญาณสมบัติจะแข็งแกร่งขนาดนี้

  หนึ่งเดือนต่อมาหอกยาวได้ถูกดึงออกมาจากร่างเทพไม้

  เทพไม้ได้รับอิสระกลับมาแล้ว!

   เทพไม้ข้าดึงหอกให้เจ้าแล้ว! เจ้าเป็นอิสระแล้ว! 

  ซือหยูพูด

  เทพไม้กระโดดลงจากบัลลังก์และเดินอย่างเริงร่าราวผีเสื้อนางพูดด้วยรอยยิ้ม

   ยังหรอก!ข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องทำ! 

  ซือหยูแปลกใจกับคำตอบของนางเขาถาม

   อะไรล่ะ? 

  นางไม่คิดจะล้างแค้นศัตรูในทันทีหรือ?

   ข้าจะแต่งงานกับเจ้า! 

  เทพไม้พูดพลางจ้องซือหยู

   ไม่มีทางซะหรอก! 

   เฮ้!ข้าเป็นเทพนะ! เทพน่ะล้ำค่ารู้ไหม? เจ้าปฎิเสธข้าแบบนี้ได้ยังไง? ข้าเสียใจนักที่เจ้าทำร้ายความรู้สึกข้า! 

   สายตาเจ้าไม่ได้มีความคิดดีๆ อยู่เลย ข้าเห็นนะ! 

   ไม่เอาสิ!ข้าได้ยินว่าหากคนสองคนแต่งงานกัน ทุกสิ่งที่เป็นของอีกฝ่ายจะถูกแบ่งครึ่งหลังหย่าร้าง! เจ้ามีสมบัติล้ำค่าตั้งมากมาย! ต่อให้ข้าเอาไปสักครึ่งเจ้าก็คงไม่เป็นอะไร ใช่ไหม? 

   เจ้ามันหน้าด้าน! 

   หน้าด้านก็ยังดีกว่าจนนะ!ไม่เอาน่า! มาแต่งงานแล้วหย่ากันเถอะ ข้าจะได้เอาสมบัติเจ้าไปสักหน่อย! 

  ซือหยูพูดไม่ออก

  ซือหยูไม่สนใจเทพหน้าด้านน่ารำคาญและออกจากมุกวิญญาณเก้าหยก

  เทพไม้จะออกไปเมื่อใดก็ได้เพราะมุกวิญญาณเก้าหยกนั้นหยุดนางไม่ได้ซือหยูไม่สนใจว่านางคิดจะอยู่ในนั้นต่อไปหรือไม่ เพราะถ้าหากเขาไม่อนุญาต นางก็เอาดินเพาะบ่มชั้นสูงไปไม่ได้แม้แต่กำมือเดียว!

   เทพขนนกท่านมีแขก! 

  เสียงจางยี่หมิงดังมาจากด้านนอกเขาคือคนที่รับผิดชอบเมื่อตอนแลกตัวประกันกับซือหยู เขาที่เป็นรองหัวหน้าหน่วยผู้คุมกฎเทพกระเรียนในเวลานี้รับหน้าที่รับใช้ซือหยู

  ซือหยูถาม

   ผู้ใดกัน? 

   ปู้หลูยี่เขาเป็นลูกหลานเทพกระบี่ เป็นผู้คุมกฎอาวุโสอันดับสอง! 

  จางยี่หมิงพูดอย่างเลื่อมใสปู้หลูยี่เป็นดั่งตำนานสำหรับเขา

  และจางยี่หมิงเองก็ตกใจอยู่ภายในที่แม้แต่ปู้หลูยี่ยังมาหาซือหยูที่เคยเป็นคนต่างแดนมาก่อน

  ซือหยูตอบ

   บอกให้เจ้าตระกูลรับแขกข้ากำลังปิดประตูฝึกตน ข้าจะไม่พบแขกสักระยะ 

  คนมากมายและหลากหลายสำนักมักมาหาซือหยูอยู่บ่อยครั้งรวมถึงยอดฝีมือขึ้นชื่อในพันธมิตรบูรพาด้วย

  แต่ซือหยูก็ขอให้เหอหลูจูรับแขกเหล่านั้น

  เหอหลูจูรู้สึกขอบคุณเขาซือหยูยังคงให้เขาดูแลภาระในตระกูล หมายความว่าซือหยูให้ความเคารพต่อเขา

   ตามท่านปรารถนา! 

  จางยี่หมิงตอบพลางคิดในใจซือหยูไม่ใช่คนนอกอีกแล้ว! เขาถึงกับปิดประตูใส่หน้าแขกคนสำคัญ!

  เมื่อจางยี่หมิงเดินออกไปซือหยูพูด

   ส่งข่าวทั้งหมดที่เจ้ารวบรวมมาให้ข้าโดยเฉพาะเรื่องของตระกูลเทพตำรา! 

  นอกห้องฝึกภูติผีมากมายปรากฏตัวพร้อมกับสิ่งที่เตรียมไว้ให้ซือหยู

  ภูติผีเหล่านี้คือสมาชิกในหน่วยข่าวกรองของซือหยู

  เมื่อซือหยูได้ตราเทพจากสองเทพมาเขาได้ก่อตั้งหน่วยข่าวกรองของตัวเองซึ่งเทพทั้งสองไม่รู้ และข้อมูลต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นของซือหยูแต่เพียงผู้เดียว

  ด้วยหน่วยนี้ซือหยูสามารถหาวารีพิษเย็น กระจายข่าวลือ และแอบชี้นำความเห็นของคนส่วนมากได้

  เมื่อเขาได้เป็นตัวแทนเทพหน่วยข่าวกรองของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วปกคลุมกว่าครึ่งของพันธมิตรบูรพา แน่นอนว่ามีสายลับมากมายถูกส่งไปยังโลกเทพตำรา

  สายลับเหล่านี้รวบรวมข้อมูลเรื่องตระกูลเทพตำราตั้งแต่จำนวนคน รูปลักษณ์ และเพศของคนในตระกูล

  หลังจากอ่านข้อมูลที่ได้ซือหยูส่ายหน้าเบา ๆ หน่วยข่าวกรองที่เขาเพิ่งก่อตั้งยังทำงานได้ดีไม่พอ สายลับของเขาพลาดข้อมูลสำคัญไปมากมาย

  ตามข้อมูลที่ได้รับมามันดูเหมือนว่าตระกูลเทพตำรากำลังไร้การเคลื่อนไหว

  แต่ความนิ่งเงียบเช่นนี้ทำให้ซือหยูระแวง

  ซือหยูไม่เชื่อว่าตระกูลเทพตำราจะไม่ทำอะไรเมื่อเขาเป็นตัวแทนเทพแต่หน่วยข่าวกรองก็ล้มเหลวในการสืบ เหตุผลเดียวก็คือสายลับของเขาถูกหลอก

  เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลเทพตำราจะไม่เคลื่อนไหวแต่เขาไม่รู้ว่าแผนของตระกูลเทพตำราที่แน่ชัดเป็นอย่างไร

  จากนั้นจางยี่หมิงก็กลับมา

   เทพนกขนท่านมีแขกคนสำคัญอีกคนแล้ว! 

   ให้เหอหลูจูรับแขกนอกจากจะมีเทพมาพบข้า! 

  ซือหยูตอบ

  จางยี่หมิงตอบ

   ท่านเทพแขกผู้นี้บอกว่ามีสิ่งที่ท่านอยากจะรู้ในเวลานี้ 

  อะไรนะ?ซือหยูเลิกคิ้ว คนคนนี้รู้ว่าเขากำลังสอดส่องตระกูลเทพตำรา นั่นหมายความว่าหน่วยข่าวกรองของเขาดีกว่าซือหยูอยู่มากโข

  ซึ่งมีเพียงคนเดียวที่ฉลาดพอและมีเครือข่ายข่าวที่มากพอในโลกใบนี้ ซือหยูรู้จักเพียงคนเดียว…หยางไท่!

  ซือหยูไม่อยากจะมีสายสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายคนนี้หยางไท่ชี้นำให้ตระกูลเทพกระเรียนตามล่าเขา นั่นทำให้เกิดรอยแผลในใจของซือหยู

  แต่หยางไท่ที่รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วเลือกที่จะมาหาเขาพร้อมกับข้อมูลที่ซือหยูต้องการซือหยูจึงรู้ความตั้งใจของเขา

   แขกที่เจ้าว่าคือหยางไท่สินะ?พาไปที่ห้องโถง ให้เขารอข้าที่นั่น! 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset