สุดท้ายเจ้าก็กลับมา
ซือหยูหัวเราะแห้งๆ อย่างหมดท่า เขาไม่คิดว่าเทพปีศาจจะยังคงอยู่หลังจากได้จิตวิญญาณเทพไปแล้ว เทพปีศาจติดตามซือหยูมาโดยตลอดและได้ช่วยเขาในเวลาสำคัญ
เทพปีศาจกล่าว
พูดอะไรของเจ้า?หมายความว่ายังไงที่ข้ากลับมา? ข้าก็แค่หลงทางและบังเอิญมาเจอเจ้า
ซือหยูหัวเราะในใจเขารู้สึกขอบคุณ ซือหยูเรียกหอกพลังปีศาจออกมา
เอาไปสิพลังปีศาจกับเจ้าเป็นของคู่กันไม่ใช่รึ?
เทพปีศาจรับหอกพลางเงยหน้าพูด
อย่าเข้าใจผิดล่ะข้าแค่ไม่ชอบเทพดำนั่นเท่านั้น พอไล่มันไปแล้ว ข้าจะไปจากเจ้า
เมื่อพูดจบเทพปีศาจกับเทพไม้ก็ลงมือพร้อมกัน
ตลอดเวลาเกินสี่เดือนที่ผ่านมาเทพปีศาจได้หลอมจิตวิญญาณเทพเข้ากับพลังที่ซือหยูให้ ดูจากพลังในขณะนี้ เทพปีศาจยังคงห่างไกลกว่าระดับของเทพ แต่ถ้ามีหอกของซือหยู เทพปีศาจจะปล่อยพลังที่แข็งแกร่งพอ ๆ กับเทพไม้ได้!
เทพรากษสเลิกคิ้วเทพรากษสตะโกนเมื่อจ้องมองเทพปีศาจ
เจ้ามันเป็นเทพแบบใดกัน?
สัตว์ประหลาดตรงหน้ามิได้มีพลังของเทพแต่มันกลับทำให้เทพรากษสหวาดกลัวอย่างแปลกประหลาด
ข้าคือจักรพรรดิเทพที่สังหารมาทั้งฟ้าดิน!
เทพปีศาจหัวเราะและพุ่งเข้าใส่ด้วยหอกยาวที่คาบเอาไว้
เทพไม้กัดฟันสีเงินของนางต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเทพปีศาจ เมื่อรวมพลังกันจากพ่ายแพ้ก็กลายเป็นสูสี
แม้จะยังเสียเปรียบและบาดเจ็บกว่าเดิมเมื่อเผชิญหน้ากับเทพรากษสแต่ทั้งคู่ก็ยื้อเวลาได้พอสมควร
ทั้งสองกระวนกระวายเทพเซียนคันฉ่องฉวยโอกาสนี้เข้าถึงตัวซือหยูพร้อมกับตะโกน
ไปลงนรกซะ!
ซือหยูสัมผัสได้ว่ามีเทพหลายคนกำลังมาหากเทพเหล่านั้นมาถึง เทพเซียนคันฉ่องจะไม่มีโอกาสลงมืออีกแล้ว!
ซือหยูหายไปยังส่วนลึกสุดของเขาห้าธาตุอย่างไม่ลังเลเขาไปถึงที่หน้าม่านพลังเซียน
พลังมหาศาลของเขาห้าธาตุนั้นแบ่งแยกจากสัมผัสของเทพมันสามารถป้องกันพลังจากเทพได้
เทพเซียนคันฉ่องตามเขาเข้าไปในภูเขาติดๆ ด้วยความไม่พอใจ พลังเขาห้าธาตุข้างในไม่มีผลกับเทพอย่างนางเลย นางเพียงแค่ต้องพาตัวเองไปให้ถึงซือหยู
เมื่อเห็นม่านพลังตรงหน้าเทพเซียนคันฉ่องเปล่งเสียงออกมา
ม่านพลังแข็งแกร่งนักแข็งแกร่งพอ ๆ กับของโลกสุสานเทพ
นางตกตะลึงเล็กน้อยกับเรื่องที่ซือหยูสามารถเข้ามายังอีกฟากของเขาห้าธาตุไปยังส่วนที่ลึกกว่าเดิม
ฮื่มมันถึงทางตันแล้ว!
เทพเซียนคันฉ่องตามล่าซือหยูในเขาห้าธาตุต่อไปในพื้นที่ที่ถูกแช่แข็งโดยการเวลา
เทพเซียนคันฉ่องมาถึงส่วนลึกสุดที่มืดสนิทในไม่กี่ลมหายใจ
ณจุดลึกสุดนั้นมีประตูมิติเทวะที่หยุดทำงาน ที่มุมด้านหนึ่งของประตูมิตินั้นมีโครงกระดูกหยกนั่งสมาธิอยู่
โครงกระดูกเทพอสูรมังกรวารีรึ?
เทพเซียนคันฉ่องแปลกใจมังกรวารีเผ่าอสูรมิได้อยู่ที่พันธมิตรบูรพา
และดูจากกลิ่นอายพลังในโครงกระดูกเทพอสูรตนนี้นับว่าแข็งแกร่งขณะที่ยังมีชีวิต
ในขณะเดียวกันนางก็ได้พบซือหยูอยู่กับโครงกระดูกมังกรวารีเขายืนหน้าโครงกระดูกด้วยความนับถือ
ขอให้คนตายช่วยขณะที่ตัวเองกำลังจะตายเรอะ?น่าขัน…
เทพเซียนคันฉ่องกล่าวแต่นางก็จะได้ว่าซือหยูได้คารวะสุสานเทพทุกคนระหว่างงานชุมนุมเทพ
จากนั้นเจตจำนงเทพมากมายก็ได้กระโดดออกจากหลุมศพมาช่วยปกป้องซือหยูอีกทั้งยังกำจัดเจตจำนงของเทพตำราจนสิ้นซาก
ไม่นะ!เทพเซียนคันฉ่องชักสีหน้าเมื่อรู้ความตั้งใจของซือหยู
แต่ซือหยูก็คารวะจนเสร็จเขามองโครงกระดูกตรงหน้า พลังสายโลหิตของกังต้าเหล่ยมาถึงร่างกายของซือหยู แม้จะเป็นการลอกเลียนพลัง มันก็สามารถหลอกเจตจำนงของเทพได้
หวังว่าข้าจะคิดถูก…
ซือหยูคิดในใจ
เทพเซียนคันฉ่องมาถึงแล้วนางไม่ให้ซือหยูได้มีโอกาสเตรียมตัวก่อนจะใช้ฝ่ามือที่มีพลังเทพซัดใส่แผ่นหลังของซือหยู
แรงปะทะจะทำลายทั้งร่างกายและดวงวิญญาณของเขา!
ตู้ม!
ฝ่ามือนางมิได้ถึงตัวซือหยูมันถูกกระดูกขาวที่ตายไปนานคว้าเอาไว้
แม้จะมีพลังเทพในมือเทพเซียนคันฉ่องก็มิอาจเป็นอิสระจากมือกระดูกขาวได้
ดูที่เบ้าตาโครงกระดูกมังกรวารีมีเพลิงมรกตกำลังลุกโชนสว่างไสว เห็นถึงเจตจำนงเทพที่กำลังจะสลายหายไป มันบังคับโครงกระดูกให้จับมือของเทพเซียนคันฉ่องเอาไว้ ปล่อยข้านะ!
เทพเซียนคันฉ่องตะโกนพลังเทพทั้งหมดของนางไหลไปที่แขนราวกับจะพยายามกำจัดโครงกระดูกและเจตจำนงเทพแม้จะไร้ผล
แต่นางก็ต้องหวาดกลัวกว่าเดิมเมื่อมือกระดูกขาวกำมือนางแน่นขึ้น!
เป็นไปได้ยังไง?
เทพเซียนคันฉ่องเศร้าหมองไม่มีทางที่โครงกระดูกจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ต่อให้มีเจตจำนงเทพ โครงกระดูกเทพก็ได้ตายไปแล้ว
เช่นเดียวกับฑากิณีโครงกระดูกนั้นเป็นบรรพบุรุษในอดีตของเหล่าเทพที่มีเจตจำนงเทพอยู่ แน่นอนว่าย่อมไม่แข็งแกร่งเท่าตอนที่พวกเขายังมีชีวิต!
แต่จากที่เทพเซียนคันฉ่องสัมผัสได้โครงกระดูกที่จับมือนางเอาไว้ตอนนี้ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าฑากิณีเลย! ถ้าเช่นนั้นแล้วมังกรวารีขณะที่มีชีวิตจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน?
ละ…ลูก…
โครงกระดูกมังกรวารีขาวบริสุทธิ์ลุกขึ้นช้าๆ ดวงตามรกตจ้องมองซือหยูอย่างล้ำลึก เจตจำนงแสดงถึงความรักและความโศกเศร้าจับใจ
นี่คือความรู้สึกของผู้เป็นแม่ที่มีให้บุตรของตนที่ไม่ได้พบมาเป็นเวลานาน
ซือหยูรู้สึกผิดโครงกระดูกขาวร่างนี้คือมารดาของกังต้าเหล่ยตามที่เขาคาด จึงไม่แปลกใจที่เขาปลุกเจตจำนงของนางขึ้นมาได้ผ่านการลอกเลียนพลังสายโลหิตของกังต้าเหล่ย
ในอดีตผู้เฒ่าจิวพบทารกหัวมังกรวารีและมีร่างกายมนุษย์ ผู้เฒ่าจิวจึงได้ชุบเลี้ยงเด็กคนนั้นขึ้นมา
ซึ่งในประตูมิติที่ผู้เฒ่าจิวได้พบนั้นมันได้เชื่อมเส้นทางกับภายในภูเขาห้าธาตุ ก่อนหน้านี้ซือหยูคิดว่าโครงกระดูกคือคนในตระกูลของกังต้าเหล่ย และน่าจะเป็นมารดา
ในอดีตเทพอสูรมังกรวารีควรจะหนีไปกับกังต้าเหล่ยได้ แต่สุดท้ายนางก็ส่งตัวกังต้าเหล่ยออกไปและอยู่ต่อเพื่อจัดการกับอะไรบางอย่าง
นางน่าจะต่อสู้กับมังกรวารีอีกตนที่ตายอยู่ใต้ภูเขานั่นคือมังกีวารีตัวสีเขียวเข้ม
คนประเภทใดกันที่จะสละตัวเองได้เพื่อทารกแรกเกิด?
นอกจากความรักอันไม่เห็นแก่ตัวของมารดาก็คงจะไม่มีสิ่งอื่นใดใช่หรือไม่?
ขออภัยแต่ข้าไม่ใช่ลูกท่าน
ซือหยูใช้ความคิดเขาเปิดหอคอยเรียกกังต้าเหล่ยออกมา
ยังเหลือเวลาอีกหกลมหายใจก่อนที่เวลาจะหยุดเดินณ ที่แห่งนี้ ซึ่งมากพอที่แม่ลูกจะได้พบกัน กังต้าเหล่ยปรากฏตัวด้วยสีหน้าสับสน
น้องชายเจ้าเรียกข้าออกมาทำ…
เขาหยุดและจ้องมองโครงกระดูกมังกรวารีตรงหน้าเขาพูดโดยไม่รู้ตัว
พลังนี้คุ้นเคยแต่ทำไมข้าถึงจำไม่ได้ว่ามันมาจากที่ใด?
กังต้าเหล่ยเกาหัวด้วยความสับสน
โครงกระดูกมังกรวารีหันไปมองกังต้าเหล่ยโครงกระดูกมังกรวารีสัมผัสได้ถึงความเชื่อมต่อทางสายเลือด โครงกระดูกสั่นเบา ๆ กระดูกมือขาวยื่นลูบหัวกังต้าเหล่ย
กังต้าเหล่ยมองแต่ก็ไม่ได้หลบสัญชาตญาณบอกเขาว่าโครงกระดูกตรงหน้ามิได้มีความประสงค์ร้ายต่อเขา
เมื่อฝ่ามือสัมผัสศีรษะกังต้าเหล่ยตัวสั่น น้ำในตาเจิ่งนอง
แปลกเหลือเกินใยถึงรู้สึกอบอุ่นเช่นนี้…เดี๋ยวสิ ทำไมข้าถึงร้องไห้กัน? ข้าไม่คิดว่าข้าจะต้องไห้! กังต้าเหล่ยแปลกใจ
นี่คือการตอบสนองทางกายแม้กังต้าเหล่ยจะไม่เข้าใจ ร่างกายของเขาก็ตอบสนองออกมา
ลูก…
เจตจำนงมังกรวารีในโครงกระดูกพูดเสียงสั่น
กังต้าเหล่ยตัวสั่นในทันทีที่คิดได้เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ท่านเป็นมารดาข้าหรือ?
เขานึกได้แล้วว่าพลังที่คุ้นเคยจากนางมาจากที่ใดเพราะมันคือพลังที่ติดตัวเขามาทันทีที่เขาเกิด
ลูกเอ๋ย…
ดัชนีมังกรวารีแตะหน้าผากกังต้าเหล่ยส่งผ่านสายพลังสีทองสืบทอดให้
ซือหยูอิจฉากังต้าเหล่ยผู้มีมารดาเป็นเทพเจตจำนงเทพกำลังจะส่งมอบทุกสิ่งที่นางมีให้กับเขา เป็นความจริงที่ว่าคนเราไม่ควรเปรียบเทียบกับใครสินค้าย่อมไม่ควรนำไปเทียบกับสินค้าชิ้นอื่น มิเช่นนั้นก็คงจะถูกทิ้งขว้างไป!
เทพเซียนคันฉ่องได้โอกาสนางตัดแขนตัวเองทิ้งขณะที่มังกรวารีกำลังส่งมอบพลังสืบทอดแก่บุตรชาย นางเรียกพลังออกมาสังหารซือหยู
แต่อย่างไรก็ตามโครงกระดูกมังกรวารีเพียงแค่หันมามองเทพเซียนคันฉ่องเท่านั้น
ฉั่วะ!
ภาพที่ได้เห็นทำให้ซือหยูแทบลืมหายใจดวงวิญญาณเทพเซียนคันฉ่องทำไม่ได้แม้แต่หนีก่อนที่จะสลายไปต่อหน้าต่อตา!!
โครงกระดูกมังกรวารีนี่มันอะไรกัน?เหตุใดถึงได้น่ากลัวเช่นนี้? แค่เจตจำนงที่ทิ้งเอาไว้ก็สามารถกำจัดเทพได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากฟื้นคืนชีพนางกลับมา นางจะไม่ทำลายล้างทั้งพันธมิตรบูรพาหรือ?
ในระหว่างที่ซือหยูกำลังทึ่งอยู่นั้นเองโครงกระดูกมังกรวารีก็ได้ถ่ายทอดพลังสำเร็จ
เจตจำนงของนางอ่อนแอยิ่งกว่าเดิมมันกำลังจะสลายหายไป
ในระหว่างที่นางถ่ายทอดพลังกังต้าเหล่ยหลับตาช้า ๆ น้ำตาไหลเป็นทาง เขากระซิบ
ท่านแม่…
เมื่อจบการถ่ายทอดเขาได้เข้าสู่การหลับใหล
โครงกระดูกมังกรวารีหันมองซือหยูนางยกมือขึ้น พลังห้าธาตุที่สามารถสังหารเซียนได้สลายไป
ขอบคุณ…ที่พา…ลูกมา…ให้ข้า…
โครงกระดูกมังกรวารีกล่าว
ซือหยูตอบ
ข้าฉวยโอกาสใช้ความรู้สึกท่านให้สังหารศัตรูข้าข้ามิอาจรับคำขอบคุณท่านได้
โครงกระดูกพูด ไม่เป็น…ไม่เป็นไร…ความหวังเดียวก่อนข้าตายคือการได้พบลูกข้าอีกครั้ง…เพื่อถ่ายทอดวิถีเทพให้กับเขาและเพื่อบอกว่าเกิดอะไรขึ้น…แต่เจตจำนงเทพของข้ากำลังจะสลายไป ข้ารอจนกว่าเขาจะตื่นขึ้นมาอีกไม่ได้…
ซือหยูคิด
‘กังต้าเหล่ยเติบโตในโลกเฉินหลงหลังจากถือกำเนิดเขากลับมาที่นี่เองได้ยังไง?’
แต่เขาก็กลับมาหลังจากความตายกลับมาหาโครงกระดูกผู้เป็นมารดา
น่าเสียดายนักที่โครงกระดูกก่อนซือหยูคืนชีพของเขาไร้ซึ่งพลังสายโลหิตดังนั้นเจตจำนงเทพของโครงกระดูกมังกรวารีจึงไม่ตื่นขึ้นมา
ดังนั้น…ขอบคุณเจ้ามาก…ที่พาเขามาหาข้า…
โครงกระดูกมังกรวารีหยุดพูดไป
ส่วนเครื่องหมายแทนคำขอบคุณ…ภูเขาห้าธาตุลูกนี้…จักกลายเป็นของเจ้า…
ผนึกลอยมาจากระหว่างคิ้วของโครงกระดูกและหายเข้าไปยังหน้าผากของซือหยู
ซือหยูกับภูเขาห้าธาตุได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
เซียนขาวดำเคยศึกษาเรื่องเขาห้าธาตุมาหลายปีแต่ก็ไม่เคยชำระล้างเป็นของตัวเองได้เหตุผลอยู่กับผนึกเจ้าของ
ผนึกคือสิ่งเดียวที่จะทำให้คนได้เป็นเจ้าของภูเขาห้าธาตุ
ขอบคุณท่านผู้อาวุโส!
ซือหยูดีใจมาก