The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1217 – ใจดีต่อผู้คนที่ได้พบ

   ไม่มีทางอื่นแล้วเราต้องลักพาตัวคนพวกนั้นมา 

  เรื่องที่ไม่คาดคิดกำลังจะทำให้ซือหยูเกิดปัญหาแต่ซือหยูโชคดีที่รู้เรื่องก่อนเป็นคนแรก เขายังพอที่จะกอบกู้สถานการณ์ได้

  วิหคเพลิงทมิฬนั้นเชี่ยวชาญการหายตัวและการลอบสังหารด้วย

  ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่านางในการสังหารแต่นางไม่เหมาะกับการช่วยคน

   ข้าจะไปกับท่าน 

  ต่อมาซือหยูกับวิหคเพลิงทมิฬตามกลุ่มคนมาทัน คนที่ถูกจับตัวมีทั้งสิ้นเก้าคนซึ่งไม่เหมาะจะใช้ประตูมิติ การเดินทางของพวกเขาจึงช้าลง

   เจ้าจัดการอาซันข้าจะจัดการที่เหลือเอง อย่าให้ใครจำเจ้าได้ 

  ซือหยูสั่ง  วิหคเพลิงทมิฬพยักหน้ากล้ามเนื้อบนใบหน้านางบิดเบี้ยว นางเปลี่ยนรูปลักษณ์ในทันที ชุดดำยาวที่นางสวมได้เปลี่ยนเป็นสีชมพูราวบุพผา นางแตกต่างจากตัวเองโดยสิ้นเชิง

  วิหคเพลิงทมิฬกลายเป็นเงามืดและรีบเข้าไปหาอาซัน

  อาซันเองก็เป็นว่าที่เทพแม้วิชาล่องหนของวิหคเพลิงทมิฬจะยอดเยี่ยม แต่มันละรอดสัมผัสของเขาไปได้หรือ?

   ใครน่ะ? 

  อาซันตะโกนเขาหันมองด้านหลังด้วยสายตาเฉียบคม

  คนที่เขาจับตัวมานั้นไม่เห็นอะไรเลยอาซันเป็นเพียงคนเดียวที่สัมผัสได้ และเขาก็เห็นสตรีในชุดสีชมพูอยู่ที่ด้านหลังเขา

  สตรีในชุดสีชมพูไม่ได้พูดอะไรแต่ดวงตานางนั้นเยือกเย็น นางพุ่งเข้าใส่เขาด้วยมีดอาบพิษในมือ  วิชานางว่องไวและโหดร้ายอาซันไม่กล้าประมาท

   หัตถ์อาซัน! 

  พลังแปลกๆ ถูกปลดปล่อยออกมาจากมือของเขา สตรีใจชุดสีชมพูหวาดกลัวเล็กน้อย

  ว่ากันว่าอาซันมาจากโลกประหลาดที่คนบนโลกชอบลูบก้นด้วยมือซ้ายเมื่อเวลาผ่านไป มือซ้ายของพวกเขาจะมีกลิ่นเหม็นอันน่ากลัว และอาซันเองก็มีกลิ่นแรงที่สุดด้วย เมื่อฝึกฝนฎีกาสวรรค์แล้วเขาจึงได้กลายมาเป็นว่าที่เทพ

  ฟึ่บ!

  แม้สตรีในชุดสีชมพูจะถอยแต่เข็มพิษของนางก็ถูกซัดเข้าไปทะลวงฝ่ามือของอาซัน

  พิษเข้มข้นทำให้อาซันตัวสั่นเขาพยายามกดและสลายพิษด้วยพลังเทพ

  วิหคเพลิงทมิฬใช้โอกาสนี้เข้าใกล้เขาอีกครั้งและซัดมีดใส่เขาราวกับเงา  อาซันร้อนใจนางคนนี้มีฐานพลังเท่ากับเขาแต่ยากที่จะสลัดให้พ้น แม้แต่อาซันที่เป็นโจรสลัดที่คุ้นเคยกับการต่อสู้ยังหนีได้ยาก เขาต้องต่อสู้กับนางด้วยพลังทั้งหมดที่มี

  แต่อาซันไม่รู้ความตั้งใจของนางเขาสั่งด้วยความระแวง

   พาคนไปที่ประตูมิติเดี๋ยวนี้หาคนคุ้มกันแถวนี้มาด้วย ไป! 

  เซียนขั้นสี่สามคนนำคนตระกูลโท่ป๋ารีบไปยังประตูมิติ

  ไม่นานพวกเขาก็หายไปจากระยะสายตาของอาซันแต่ทันใดนั้นเอง ซือหยูก็ลงมือ

  คลื่นพลังห้าธาตุหล่นลงจากฟ้าพลังมหาศาลหยุดเซียนขั้นสี่ทั้งสามคนเอาไว้ ไม่มีใครในระยะขยับตัวได้

  ไม่นานลมแรงได้พัดผ่านก่อนที่พวกเขาจะเห็นหน้าตาของคนลงมือ คนตระกูลโท่ป๋าก็ถูกพาตัวหายไปแล้ว

  วิหคเพลิงทมิฬได้รับคำสั่งจากซือหยูในใจและแทงอาซันด้วยมีดนางสลายกลายเป็นควันหายตัวไป

  อาซันไม่กล้าไล่ตามนางและรีบไล่ตามกลุ่มเดิมแทนแต่เขาก็ได้เห็นกับสภาพอันยุ่งเหยิง

  ที่มุมมืดร้างแห่งหนึ่งซือหยูมองกลุ่มคนที่ยืนรวมกัน ชุดของพวกเขาเปื่อยยุ่ยและขาดราวกับถูกทรมานมาอย่างยาวนาน

  ถ้าอาซันไม่พาตัวพวกเขามาเองก็ยากที่จะเชื่อว่าคนเหล่านี้เคยเป็นคนตระกูลเทพมาก่อน

   พวกเจ้าคือคนตระกูลโท่ป๋าใช่หรือไม่? 

  ซือหยูถาม

  ส่วนใหญ่พวกเขาไม่ได้มีพลังมากนักคนที่พลังสูงสุดเป็นเพียงเซียนขั้นสาม เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม

  เขาค่อนข้างมีพรสวรรค์

  เมื่อได้ยินซือหยูชายหนุ่มก้าวออกมาด้านหลังและเตรียมพูด แต่ชายแก่ที่อยู่ข้าง ๆ ที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอดก็ดึงเสื้อของชายหนุ่มและส่ายหน้าให้ชายหนุ่มเงียบ

  ชายหนุ่มอายุราวสิบห้าปีแม้เขาจะตัวเล็ก เขาก็ฉลาดมาก เขาพูด

   หากคนผู้นี้คิดสังหารเราเขาคงไม่ช่วยเราตั้งแต่แรก ใช่แล้ว เราคือคนตระกูลโท่ป๋า ขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตพวกเรา 

  ซือหยูไม่เคยหน่ายในการพูดคุยกับคนฉลาดเขายิ้ม

   เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาซันจับเจ้าเพราะเหตุใด? 

  เขาตอบ

   ข้ารู้ข้าได้ยินมันคุยกับข้ารับใช้เทพของเทพโจรสลัดในระหว่างทาง มันพูดว่ามีกลุ่มคนแสร้งเป็นอาของข้า และพวกเราต้องถูกพาตัวไปพิสูจน์ตัวตนของคนเหล่านั้น 

  ซือหยูแปลกใจเล็กน้อย

   โอ้?เจ้าเป็นลูกของของนายน้อยคนที่สองรึ?     ข้ามีนามว่าโท่ป๋าชิงหยุนข้าเป็นหนึ่งในลูกหลานทายาทคนที่สองของตระกูลโท่ป๋า บิดาข้านามโท่ป๋าหลิวหยุน พี่น้องคนอื่นของข้าล้วนถูกลุงฆ่าตายในตอนที่พวกเราหนีมา ข้าคือคนเดียวที่รอดชีวิต คนเหล่านี้คือผู้ภักดีที่คอยปกป้องข้า 

  ซือหยูตอบ

   เป็นเช่นนั้นเองพวกเจ้าคงจะลำบากในโลกเสี้ยววิญญาณ 

  แม้อายุยังน้อยโท่ป๋าชิงหยุนก็มีความเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เข้ากับอายุ

   พวกเราอยู่ใต้ชายคาเรือนคนอื่นเราไม่มีผู้ใดสนับสนุน เราเป็นแค่เศษเนื้อในสายตาคนโลกเสี้ยววิญญาณ 

   ยามที่เรามาที่นี่เมื่อสามปีก่อนพวกเรามีกันร้อยคน แต่พวกเราเหลือกันเพียงเท่านี้ คนที่เหลือไม่ถูกขายก็ตายไปแล้ว เด็กสาวในตระกูลล้วนถูกลักพาตัว พวกเราไม่ได้ยินข่าวคราวเลย     เราเหลือกันเพียงหยิบมือเดียวเรากำลังเสื่อมถอยลงในทุกวัน ร่อนเร่บนถนนไร้ที่พักพิงอาศัย รอเพียงเวลาให้สายเลือดสุดท้ายของพวกเราแตกดับ 

  มันค่อนข้างโหดร้ายแต่ก็แน่นอนว่ามันไม่ใช่ธุระกงการของซือหยู

  วิหคเพลิงทมิฬแววตาเยือกเย็นนางถาม

   นายท่านเราจะฆ่ามันหมดเลยหรือไม่? 

  ตัวตนของคนเหล่านี้คือวิกฤติของซือหยูและเทพอื่นทุกคน

  โท่ป๋าชิงหยุนกัดปากอย่างแรงเรารู้แล้วว่าสองคนตรงหน้าคือคนที่เขาจะต้องยืนยันตัวตน

  เพื่อความปลอดภัยตัวตนของพวกเขาตระกูลโท่ป๋าถือเป็นภัยร้าย

  ดังนั้นพวกเขาจะต้องถูกฆ่าตายแน่นอน!

   ผู้ช่วยชีวิตข้าเรายินดีเป็นผู้ติดตามท่าน 

  ซือหยูอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ เขาช่างคิดอ่านได้รวดเร็วนัก! เขากำลังจะเอาชีวิตรอดด้วยการพูดแบบนี้รึ?

  ซือหยูเหลือบมองทุกคนทุกคนตัวสั่นด้วยความหวาดผวา ดวงตาแต่ละคนน่าเวทนาถึงที่สุด

  ไม่มีใครอยากตายแม้ว่าจะต้องอยู่อย่างแร้นแค้นยากลำบากและทุกข์ทรมาน แต่พวกเขาตระกูลโท่ป๋ากำลังดิ้นรน

   ฮ่าๆๆๆไม่ต้องหรอก 

  ซือหยูพูดและหัวเราะเบาๆ

  โท่ป๋าชิงหยุนใจหายแววตาเต็มไปด้วยความเศร้า ซือหยูยังคิดจะสังหารพวกเขาทุกคนอยู่หรือ?

  กริ๊ง!

  เสียงดังเบาๆ ซือหยูโยนแหวนมิติออกมา

   เจ้าต้องทรมานโดยไม่จำเป็นเพราะข้าข้าไม่ได้คิดจะสังหารพวกเจ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ข้าก็ปล่อยให้พวกเจ้าปรากฏตัวในโลกข้างนอกไม่ได้เช่นกัน เสี่ยงนักหากเทพโจรสลัดรู้เข้า 

   แหวนนี้มีทรัพยากรที่จะใช้ได้นานมากพอก่อนที่ทรัพยากรจะหมด จงหาที่ลับตั้งรกรากพักฟื้นเสีย 

  ซือหยูกล่าว

  เขามิใช่คนกระหายเลือดเขาจะสังหารคนบริสุทธิ์ได้อย่างไร?

  ซือหยูเห็นภาพตัวเองในตัวโท่ป๋าชิงหยุนในอดีต เมื่อเขาอยู่ในเขตเซี่ยนหยู เขาเองก็ได้รับชะตาที่ไม่ต่างกันนัก

  ความเฉลียวฉลาดของโท่ป๋าชิงหยุนยังทำให้ซือหยูถูกใจซือหยูจึงให้แหวนมิติวงนั้นเป็นของขวัญ

  โท่ป๋าชิงหยุนแทบไม่เชื่อหูตัวเองเขาคิดว่าเขาจะถูกฆ่าตายไปเสียแล้วแต่กลับได้ทรัพยากรมากมายมาแทน ซึ่งมันมากพอที่จะทำให้พวกเขาซ่อนตัวได้

  โท่ป๋าชิงหยุนประทับใจกับสิ่งที่ได้

  มิใช่ว่าคนประเภทนี้ไม่มีอยู่แต่สถานที่อย่างโลกเสี้ยววิญญาณเต็มไปด้วยอันตรายและภัยร้ายทุกหนแห่ง คนใจดีได้กลายเป็นซากศพและโครงกระดูกที่ข้างถนนหมดแล้ว

  โท่ป๋าชิงหยุนรู้สึกขอบคุณในโชคชะตาที่ได้พบกับซือหยู

  ซือหยูจากไปอย่างสง่างามก่อนจะไป เขาเตือน

   จงจำเอาไว้อย่าแสดงตัวต่อโลกภายนอก 

   ย่อมได้! 

  โท่ป๋าชิงหยุนโค้งคำนับแสดงความขอบคุณพวกเขาได้เจอกับผู้มีพระคุณแล้วในวันนี้

  …

  ไกลออกไปวิหคเพลิงทมิฬถอนหายใจเบา ๆ

   นายท่านเมตตาเกินไปแล้วแม้คนตระกูลโท่ป๋าจะเคยใจดี พวกเขาก็ผ่านประสบการณ์สามปีในโลกเสี้ยววิญญาณ เท่านี้ก็มากพอที่จะเปลี่ยนพวกเขา โลกเสี้ยววิญญาณคือโลกที่ไร้น้ำใจ 

  ซือหยูตอบกลับ

   ข้ารู้ 

  อะไรนะ?ท่านรู้หรือ? วิหคเพลิงทมิฬตกใจ นางมิอาจเข้าใจเหตุผลของซือหยูได้เลย เขาปล่อยให้อันตรายลอยนวล ซึ่งมันจะเป็นภัยทั้งกับตัวเขาเองและเหล่าเทพอื่น ๆ

  แต่เมื่อได้ติดตามซือหยูมาจนถึงตอนนี้วิหคเพลิงทมิฬก็รู้ว่าซือหยูมีเหตุผลในเบื้องหลังของการกระทำอยู่เสมอ

  แม้เขาจะแสดงความเมตตาแก่คนเหล่านั้นในวันนี้เขาจะต้องคิดแผนล่วงหน้ามาแล้ว มิเช่นนั้นเขาจะไม่มีทางทำกับคนตระกูลโท่ป๋าเช่นนั้น

  …

  ณที่ลับแห่งหนึ่ง คนตระกูลโท่ป๋าได้ที่พักแห่งใหม่ มันปราศจากสายตาผู้คนและปลอดภัย ที่นี่เหมาะสำหรับการซ่อนตัว   นายน้อยวันนี้พวกเราได้เจอคนดีเข้าแล้ว 

  ชายชราที่เป็นข้ารับใช้โท่ป๋าชิงหยุนพูดติดตลก

   อยู่โลกเสี้ยววิญญาณมาสามปีนี่คือครั้งแรกที่ข้าได้พบคนมีเมตตา 

   ใช่!วันนี้พวกเราโชคดีมาก! 

   พอเขาช่วยชีวิตพวกเราเขาก็ปล่อยตัวเราแล้วยังให้ของมีค่ามาอีก! 

  หลายคนรู้สึกขอบคุณซือหยูแม้จะเป็นเพียงแค่ของมีค่าเล็กน้อย แต่มันก็คือสิ่งล้ำค่าในยามที่โลกทั้งใบมืดมิดสำหรับพวกเขา

   นายน้อยข้ามีความคิด! 

  อสูรเนรมิตรร่างผอมแห้งคนหนึ่งที่มีแผลเป็นบนใบหน้าจากการทรมานพูดขึ้น

  โท่ป๋าชิงหยุนมองเขาด้วยความเชื่อใจ

   โท่ป๋าจิงเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว คิดอย่างไรก็พูดมาเถอะ    โท่ป๋าจิงเหลือบมองคนในตระกูลและพูดเบาๆ

   ทุกคนเคยคิดหรือไม่ว่าชีวิตเราจะเปลี่ยนไปหรือไม่หลังจากที่ของที่ชายคนนั้นให้หมดลง? 

  ไม่เลย!พวกเขาจะต้องกลับมาใช้ชีวิตเยี่ยงคนไร้ที่ซุกหัวนอนและตกเป็นเหยื่อของทุกคนอีกครั้ง พวกเขาไม่เคยหวังที่จะได้พักผ่อนไปตลอดชีวิต

   เวลานี้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จอยู่ตรงหน้า ใยเราปล่อยหลุดมือไปเล่า? 

  โท่ป๋าจิงถาม

  หืม?คนในตระกูลเข้าใจสิ่งที่โท่ป๋าจิงสื่อในทันที

   เทพโจรสลัดต้องการเราให้ชี้ตัวพวกที่อ้างเป็นคนโท่ป๋าใยเราไม่เป็นฝ่ายไปช่วยเขาแทนเล่า? ว่ากันว่าเทพโจรสลัดมีความยุติธรรมในเรื่องรางวัลและบทลงโทษ ถ้าเราทำความดีความชอบ เราจะได้รับรางวัล     เราจะขอเรือกระดูกเทพจากเขาและหนีจากโลกเสี้ยววิญญาณไปสู่พันธมิตรบูรพาที่ไกลห่างออกไปมันดีกว่าอยู่ที่โลกเสี้ยววิญญาณจนตัวตายเป็นไหน ๆ 

  พวกเขาผ่านความทุกข์ยากมามากพอแล้วในโลกเสี้ยววิญญาณพวกเขาเสียใจที่ตัดสินใจเดินทางมาที่นี่

  ถ้าหากพวกเขาได้หนีไปยังพันธมิตรบูรพาเรื่องราวคงจะต่างออกไปอย่างมาก อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องย่ำแย่อย่างเช่นในตอนนี้

  หลายคนคล้อยตามเว้นแต่โท่ป๋าชิงหยุนที่ใบหน้าเศร้าหมอง

   เราอยู่ที่นี่ถึงสามปีทุกคนพยายามกลืนกินเราทั้งเป็น แต่เราก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับอันตรายของพวกเราเอง! 

   จนถึงวันนี้มีคนเมตตาต่อเรา แต่เรากลับจะนำพาอันตรายไปสู่เขา! เราจะแตกต่างอะไรจากคนโลกเสี้ยววิญญาณหากทำเช่นนั้น?     ต่อให้เรายากจนข้นแค้นโลหิตตระกูลโท่ป๋ายังคงอยู่ในสายโลหิตเราไม่เสื่อมคลาย ข้าเชื่อว่าเทพโท่ป๋าในยุคก่อนไม่ต้องการเห็นเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองลงเอยเป็นเช่นนั้น! 

  โท่ป๋าชิงหยุนจ้องโท่ป๋าจิงด้วยความเย็นชา

   ไม่ต้องหารือเรื่องนี้ต่อแล้วมิเช่นนั้นจงอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ! 

  โท่ป๋าจิงเงียบไปแต่ในใจเต็มไปด้วยความแค้น

  ‘พลังเจ้าสูงสุดเจ้าคือคนที่มีฐานะสูงสุดในหมู่เรา เจ้าเคยต้องทรมานเมื่อใดกัน? เจ้าก็แค่พูดให้สูงส่งเท่านั้น!’

  เขาคิด

  เขาไม่พูดอะไรแต่ในแววตานั้นมีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวอยู่

  วันนี้จะเป็นวันที่เขาได้เป็นอิสระจากทะเลแห่งความสิ้นหวังเขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอย ส่วนเรื่องน้ำใจของซือหยู ฮื่ม! การมีเมตตาในโลกเสี้ยววิญญาณเป็นเรื่องโง่เขลา เขากำลังรนหาที่ตาย!

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset