The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1274 – กบฏแดนอสูร

  แดนอสูรมีเมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำเพียงหนึ่งเดียวและเป็นที่รู้กันว่าอยู่ในมือของจักรพรรดิอสูร

   ตั้งแต่ที่พี่หกเกิด…ท่านพ่อให้มันแทนคำอวยพรการเกิดของนาง… 

  นี่เป็นความลับภายในตระกูลราชวงศ์ที่ไม่มีคนนอกล่วงรู้ได้

  เมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ…มันอยู่ในมือองค์หญิงหก!ซือหยูตกใจ!

  ซือหยูใช้ความคิดอย่างหนักแววตาของเขาเป็นประกาย หากเมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำถูกปลูกขยายพันธุ์ได้ สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้

  เทพอสูรเนตรม่วงส่งจดหมายที่ได้ให้กับรัชทายาททุกคน

  ซึ่งในคำพูดทางการนั้นคือ…องค์หญิงเก้าเอาตัวรอดจากยักษ์ทะเลขมได้และเชิญพี่น้องเพื่อจัดงานเลี้ยงฉลองไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

  แม้ข้ารับใช้ทั้งสี่จะกังวลแต่ทั้งสี่ก็หยุดไม่ได้

  องค์หญิงหกได้รับจดหมายเป็นคนแรกนางแปลกใจ

   โอ้?เจ้าซือหยูไม่คิดจะนิ่งเฉยสินะ? ถึงกับเชิญรัชทายาททุกคนรวมถึงข้าไปด้วย 

  เทพตำราขมวดคิ้วเล็กน้อย

   เจ้าจะไปหรือไม่? 

   แน่นอน! 

  องค์หญิงหกยิ้มเผยฟันขาวราวหิมะ

   เหลือเวลาอีกครึ่งปีก่อนพิธีสังเวยทะเลโอกาสที่พวกเราจะได้รวมตัวกันไม่มีอีกแล้ว และซือหยูยังเป็นผู้จัดงานเลี้ยงนี้ ทุกคนจะต้องไปแน่นอน 

   ทำไมกันเจ้าไม่อยากให้ข้าไปรึ? 

  องค์หญิงหกหันไปมองเทพตำรา

  เทพตำราส่ายหน้าด้วยสายตาประหลาดก่อนจะตอบ

   ไม่ 

  ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

  เหล่ารัชทายาทได้รับคำเชิญและตอบตกลงแก่เทพอสูรเนตรม่วง

  แต่ยกเว้นอยู่หนึ่งคน

   รัชทายาททุกคนเต็มใจมาตามคำเชิญยกเว้นองค์ชายเจ็ดงั้นรึ? 

  ซือหยูกระพริบตาหลังจากได้รับคำตอบของเทพอสูรเนตรม่วง

  องค์ชายเจ็ด…องค์ชายที่มีพลังอันยอดเยี่ยมผู้นั้นน่ะรึ?

  ในบรรดารัชทายาทแม้เขาจะอายุน้อย พลังของเขาก็มั่นคงและแข็งแกร่งเป็นสามอันดับแรก เป็นรองเพียงแค่องค์ชายหนึ่งและองค์หญิงหกเท่านั้น

  การปฏิเสธของเขานับว่านอกเหนือความคาดหมาย  แต่แม้จะไม่มีเขามันก็ไม่ส่งผลกระทบต่ออะไรมากนัก

  ครึ่งเดือนต่อมาเหล่ารัชทายาทได้มายังเมืองชมทะเลเพื่อเยี่ยมองค์หญิงเก้า

  ซือหยูปล่อยองค์หญิงเก้าออกมาเพราะนางจะกลายเป็นจุดสนใจนางนั่งบนที่นั่งเจ้าเมืองเพื่อทักทายรัชทายาทที่มาเยี่ยม

  เวลาดำเนินไปจนมื้อเที้ยงทุกคนถูกย้ายไปยังห้องใหญ่

  มีผนึกพิเศษในห้องนี้ซึ่งเป็นผนึกจากเทพอสูรเนตรม่วงจะไม่มีเทพใดลอบฟังได้

  เหล่ารัชทายาทตาลุกวาวพวกเขารู้ว่ากำลังถึงสิ่งที่ตนตั้งตารอแล้ว!

  ผู้นำงานเลี้ยงยังคงเป็นองค์หญิงเก้านางนั่งรอเหล่ารัชทายาทอยู่แล้ว

  แต่เมื่อเหล่ารัชทายาทเข้าสู่ห้องพวกเขาก็เป็นว่าองค์หญิงเก้าไม่ได้นั่งเก้าอี้หลักอีกแล้ว เป็นอสูรผมสีเงินที่นั่งแทนนาง

  องค์หญิงเก้าที่เป็นคนเชิญนอนหมอบแทบเท้าของเขาราวกับสัตว์วิญญาณ

  เหล่ารัชทายาทไม่รู้ว่าซือหยูเป็นใครแต่พวกเขารู้ว่าเขาเป็นผู้ที่มีองค์หญิงเก้าในมือ

  รัชทายาทบางคนไม่สนใจนักในขณะที่คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจกับภาพที่ได้เห็น

  บุตรสาวแห่งจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันของมเหสีหยุนเซี่ย ได้กลายเป็นสัตว์วิญญาณของอสูรตนอื่น

   อสูรขนนกมเหสีหยุนเซี่ยถูกใจเจ้า เราเข้าใจดี แต่วันนี้คือวันที่พี่น้องได้กลับมารวมตัวกัน ขอให้คนนอกหลีกทางไปจะได้หรือไม่? 

  องค์หญิงสองกล่าว

  ซือหยูเหลือบมองนางด้วยความชื่นชมเล็กน้อยท่ามกลางรัชทายาททั้งเก้า นางเป็นคนเดียวที่พูดเพื่อเจ้าหมา

   หึหึฝ่าบาท ข้าเชิญพวกท่านมาที่นี่เพื่อให้โอกาสได้หารือเรื่องความเป็นความตายต่อกัน มิเช่นนั้น พวกท่านก็คงจะหาข้ออ้างในการรวมตัวกันเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว 

  องค์หญิงสองขมวดคิ้ว

   เจ้ารู้เรื่องของพวกเรา!เจ้าไม่กลัวว่าเราจะฆ่าเจ้ารึ? 

   ปิดปากข้าน่ะรึ?ข้ารู้อยู่แล้ว แต่จะได้ประโยชน์อันใดเล่า? เพราะข้ารู้เรื่อง ข้าจึงเรียกรวมตัวในวันนี้เพื่อที่จะช่วยเหลือ… 

  ซือหยูกล่าวช้าๆ

  องค์หญิงสองยิ้มเยาะ

   เจ้าเมืองไร้อำนาจอย่างเจ้าจะไปทำอะไรได้? 

   แม้ตำแหน่งเจ้าเมืองของข้าจะไม่พอแต่ถ้าหากข้ามีอีกตัวตนหนึ่งเล่า? 

  หา?องค์หญิงหกแปลกใจ นางมองซือหยูด้วยความสงสัย

   อีกตัวตนรึ?หรือว่าเจ้าจะเป็นคนจากศาลอสูร? 

  ซือหยูยิ้มและส่ายหน้า   หากข้าเป็นศาลอสูรข้าจะถูกศาลอสูรมากล่าวโทษต่อหน้าทุกคนในเมืองหรือ? 

   หรือเจ้าอยู่ฝ่ายมเหสีหยุนเซี่ย?ไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะมาช่วยพวกเราไม่ใช่รึ? 

  องค์หญิงสองกล่าวด้วยความชิงชัง

   ฮ่าๆๆๆๆฝ่าบาท ข้าจะบอกว่าท่านมีคุณธรรม หยาบคาย หรือโง่เง่าดีล่ะ? ตอนท่านมา ท่านควรจะเห็นข้ารับใช้ทั้งสี่ของมเหสีหยุนเซี่ยที่จับตามองอยู่แล้วไม่ใช่รึ? ท่านคิดว่าพวกนางจับตาดูเมืองข้าเพราะกลัวว่าข้าจะเป็นหวัดหรือยังไง? 

  เหล่ารัชทายาทเงียบกริบตอนที่พวกเขามา พวกเขาสัมผัสข้ารับใช้เหล่านั้นได้ สถานการณ์ของอสูรตนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่ข่าวกล่าวมา

  มเหสีหยุนเซี่ยกำลังจับตามองเขา!

   ถ้าเช่นนั้นเจ้าเป็นใครกันแน่? บอกพวกเราเดี๋ยวนี้! 

  องค์หญิงสองถาม  ซือหยูหรี่ตา

   ข้าคือ…หึหึเทพขนนกแห่งพันธมิตรบูรพา! 

  ทันทีที่พูดทุกคนก็ตกตะลึง

  องค์หญิงหกแอบตกใจนางเป็นคนเดียวที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของซือหยู แต่นางไม่คิดว่าซือหยูจะกล้าประกาศออกมาต่อรัชทายาททุกคน!

   อะไรนะ?เจ้าเป็นชาวต่างถิ่นงั้นเรอะ! มาปะปนอยู่ในโลกอสูรของข้าและกลายเป็นเจ้าเมือง…เจ้าคิดจะทำเรื่องชั่วช้าอะไรกันแน่? 

  องค์หญิงสองหรี่ตามองซือหยูและจู่โจมเขาในทันที

   โอ้องค์หญิงสอง ใจเย็นลงก่อน 

  แสงสีม่วงแล่นผ่านหยุดนาง

   เทพอสูรเนตรม่วงเจ้า เจ้าทรยศโลกอสูรงั้นเรอะ? เจ้าไม่กลัวว่าสุดท้ายจะถูกศาลอสูรไล่ล่าเรอะ? 

  องค์หญิงสองตะโกนเสียงดัง  ซือหยูหรี่ตา

   ข้าคือ…หึหึเทพขนนกแห่งพันธมิตรบูรพา! 

  ทันทีที่พูดทุกคนก็ตกตะลึง

  องค์หญิงหกแอบตกใจนางเป็นคนเดียวที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของซือหยู แต่นางไม่คิดว่าซือหยูจะกล้าประกาศออกมาต่อรัชทายาททุกคน!

   อะไรนะ?เจ้าเป็นชาวต่างถิ่นงั้นเรอะ! มาปะปนอยู่ในโลกอสูรของข้าและกลายเป็นเจ้าเมือง…เจ้าคิดจะทำเรื่องชั่วช้าอะไรกันแน่? 

  องค์หญิงสองหรี่ตามองซือหยูและจู่โจมเขาในทันที

   โอ้องค์หญิงสอง ใจเย็นลงก่อน 

  แสงสีม่วงแล่นผ่านหยุดนาง

   เทพอสูรเนตรม่วงเจ้า เจ้าทรยศโลกอสูรงั้นเรอะ? เจ้าไม่กลัวว่าสุดท้ายจะถูกศาลอสูรไล่ล่าเรอะ? 

  องค์หญิงสองตะโกนเสียงดัง  เทพอสูรเนตรม่วงยิ้มตอบ

   ถ้าเช่นนั้นข้าขอบังอาจถามองค์หญิงสองที่ภักดีต่อโลกอสูร…สุดท้ายแล้วชะตาท่านจะจบเช่นใดรึ? 

   ข้า… 

  องค์หญิงสองพูดไม่ออกนางภักดีแต่สุดท้ายก็ถูกเลือกให้เป็นเครื่องสังเวยทะเลขมในครั้งหน้า

  นางมองรัชทายาทที่เหลือและก็ต้องตกใจที่ไม่มีใครมุ่งร้ายต่อซือหยูเลย

  เหล่ารัชทายาทกลับโล่งใจมากขึ้น

  ซือหยูในฐานะคนนอกนั้นน่าจะไม่ได้สมคบคิดกับมเหสีหยุนเซี่ยอย่างที่คิด

  พวกเขามีศัตรูคนเดียวกัน!

   เจ้าเข้าใจแล้วสินะ 

  ซือหยูยิ้มและเหลือบมองเหล่ารัชทายาทที่มา

   พวกเจ้าก่อกบฏส่วนข้าจะหาทางหนีให้กับพวกเจ้า! 

  เขาพูดสั้นๆ ได้ใจความ เพื่อนำประเด็นหลักในการรวมตัวครั้งนี้

   เจ้าจะหาทางหนีทีไล่ให้กับพวกเรารึ? 

  องค์หญิงสองถามและมองซือหยูหัวจรดเท้าอย่างไม่เชื่อสายตา

   เจ้ายังมีเทพพันธมิตรอีกหลายคนเพื่อช่วยในตอนนี้อีกหรือ? 

   ข้ามาคนเดียว 

   อะไรนะ!แล้วเจ้ากล้าพูดว่าจะทำการใหญ่แบบนี้ได้ยังไง เจ้าคิดว่าเจ้าจะช่วยพวกข้าได้เรอะ? 

  องค์หญิงสองส่ายหน้า

  เหล่ารัชทายาทอื่นดูใจเย็นและไม่คาดหวังมากนัก

  พวกเขารู้ดีว่ากุญแจในการหนีก็คือพลังราชวงศ์ของตัวเองหากยังมีพลังอยู่ ไม่ว่าจะหนีไปที่ใด พวกเขาก็มิอาจรอดชีวิตจากศาลอสูรได้   หึหึ 

  ซือหยูยิ้มจางๆ เขาอุ้มเจ้าหมาในอ้อมแขนและลูบขนนางด้วยมือขวา เขาลูบตั้งแต่หัวไปถึงเท้า

  เจ้าหมาตัวสั่นดวงตานางเปล่งแสง

  แต่ในตอนนั้นเองเจ้าหมาก็อุทาน

   อ๊ะ!ปราณ…ราชวงศ์ของข้า! 

  ใช่แล้ว!เสียงอุทานของนางทำให้เหล่ารัชทายาทหันมอง

  ฟึ่บ!

  เหล่ารัชทายาทลุกขึ้นด้วยความสะพรึงกลัวพวกเขาเบิกตากว้าง พวกเขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปราณราชวงศ์ของเจ้าหมาถูกลบหายไปโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย!

  เจ้าหมาดูไม่ต่างจากอสูรทั่วไปพวกเขาสัมผัสปราณราชวงศ์ไม่ได้เลย

  หาเป็นเช่นนี้หากพวกเขาหนีจากแดนอสูร นอกจากศาลอสูรจะพลิกหาทั่วทุกมุมธารดารา ก็จะไม่มีใครหาตัวพวกเขาเจอได้อีก!

  พวกเขาต่างหันมองซือหยูอย่างตื่นเต้นด้วยแววตาร้อนแรง

  แน่นอนว่ามันคือสายตาของความโลภ

  ทันทีที่เทพอสูรเนตรม่วงกลับมาได้สติเขาเข้าใกล้ด้านหลังของซือหยูเพื่อคุ้มกันและพูดเบา ๆ

   ลงมือตอนนี้จะไม่เร็วไปหน่อยรึ? 

  แต่การเตือนของเขาก็มิอาจหยุดความตื่นเต้นอันร้อนระอุของเหล่ารัชทายาทได้

  หากฝันร้ายจากทะเลขมพันธนาการพวกเขาเอาไว้พวกเขาจะต้องหวาดกลัวไปหลายสิบปี ความหวังเป็นเพียงฝันลม ๆ แล้ง ๆ

  ตอนนี้พวกเขาได้เห็นแสงแห่งความหวังแล้วแม้มันจะมาจากเจ้าเมืองเล็ก ๆ ก็ตาม!

  ซือหยูผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาเหล่านั้นจากรัชทายาท…เจ้าพวกอ่อนแอเอ้ย

   นั่งลง!    ในตอนนั้นเองเสียงอันน่าดึงดูดที่ไม่ดังนักก็ดังมาจากปากองค์ชายที่ไม่เคยลุกยืนขึ้นเลย

  ใบหน้าเขาสงบนิ่งแววตาสุขุมสดใส เขาดูพึ่งพาได้

  เมื่อเขาพูดเหล่ารัชทายาทเงียบและนั่งลงอีกครั้งด้วยความเคารพนับถือต่อองค์ชายผู้นี้

  ซือหยูมองชายคนนั้นหากสั่งการได้อย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาจะต้องเป็นองค์ชายตามคำร่ำลือ!

  เขามีคุณสมบัติดีที่สุดในการก้าวข้ามจักรพรรดิอสูร

  องค์ชายหนึ่งเงยหน้ามองซือหยูด้วยสายตาที่ลึกล้ำและเฉียบคม

  ซือหยูเจ็บเล็กน้อยที่ดวงตาเขาหรี่ตาแอบปล่อยพลังเทพเพื่อขจัดความเจ็บปวดจากสายตาเฉียบคมของฝั่งตรงข้าม

   เจ้ามีพลังในการเปิดทางหนีให้พวกข้าแล้วพวกข้าต้องแลกกับสิ่งใดล่ะ? 

  ซือหยูยิ้ม

   ในที่สุดก็ได้เจอคนที่รู้ว่าการแลกเปลี่ยนคืออะไร! 

   ข้าช่วยเจ้าขจัดปราณราชวงศ์และพวกเจ้าจะต้องช่วยข้าหนีจากโลกอสูร 

  ซือหยูตอบ

  องค์ชายหนึ่งคิดไม่นานเขาตกลงแทนเหล่ารัชทายาทที่เหลือ

   ย่อมได้!หากการยึดอำนาจสำเร็จ เจ้าจะอยู่หรือไปได้ตามใจอยาก แต่ถ้าหากเราล้มเหลว เราจะพาเจ้าหนีออกไปด้วยกัน ในเงื่อนไขที่เจ้าต้องขจัดปราณราชวงศ์ให้กับเรา 

   ตกลงตามนั้น! 

  องค์ชายหนึ่งพยักหน้าเขากับซือหยูแห่งพันธมิตรบูรพาร่วมมือกันแล้ว

  ต่อมาทั้งสองฝ่ายหารือกันในรายละเอียด  ซือหยูจะขจัดปราณราชวงศ์ให้ก็ต่อเมื่อเขาหนีจากแดนอสูรได้แล้วเท่านั้นดังนั้นก่อนที่จะหนี จะต้องมีรัชทายาทติดตามซือหยูทุกฝีก้าวเพื่อปกป้องและจับตาดูในขณะเดียวกัน

  ส่วนเรื่องคนที่จะรับหน้าที่นี้นั้นองค์หญิงสองเป็นผู้อาสา นางจ้องซือหยูตาเขม็ง

   ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้เจ้านี่มีโอกาสใช้อุบายไม้ใดกับพวกเรา! 

  เหล่ารัชทายาทมองหน้ากันและพูดคุยกันต่อไปองค์หญิงสองดูจะไม่ได้รับความเชื่อมั่นนัก

   ให้น้องหกจัดการ! 

  องค์ชายหนึ่งพูดเบาๆ

  องค์หญิงสองปฏิเสธ

   ข้าทำได้น่า! 

  องค์ชายหนึ่งมองนางและส่ายหน้า

   เจ้าอารมณ์ร้อนและรับมือกับซือหยูไม่ได้    เพียงการเผชิญหน้าไม่นานองค์ชายหนึ่งก็เดาทางของซือหยูออกว่าเขาจะต้องเป็นจอมวางแผน มีเพียงคนที่ฉลาดกว่าเขาเท่านั้นที่จะรับมือกับเขาได้

  ในบรรดารัชทายาทองค์หญิงหกนั้นขึ้นชื่อในความเฉลียวฉลาด เหมาะที่สุดที่จะให้นางรับหน้าที่นี้

   เจ้าบอกว่าข้าโง่ก็ได้! 

  องค์หญิงสองกำหมัดด้วยความโมโห

  องค์ชายหนึ่งมององค์หญิงหก

   น้องหกเจ้าว่าอย่างไร? 

   หึหึก็ได้ ข้าจะทำหน้าที่นี้เอง! 

  องค์หญิงหกหันมายิ้มราวกับบุพผาที่เบ่งบานนางมองซือหยูด้วยความเจ้าเล่ห์

   เจ้าคนไร้หัวใจดูเหมือนจะเจ้าสลัดข้าไม่พ้นนะ 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset