The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1275 – แมลงวิญญาณอันตราย

  ซือหยูขมวดคิ้วเบาๆ บอกตามตรง เขากลัวที่จะอยู่ใกล้องค์หญิงหก

  นางไม่เพียงหลักแหลมแต่นางยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย!

  ก่อนหน้าเมื่อเทพพ่อค้ารับมือกับนาง เขาไม่มีโอกาสเอาชนะนางได้เลย!

  ลำพังจากพลังการต่อสู้นางน่าจะรับมือกับฑากิณีได้

  ไม่รู้ว่าเป็นคำสาปหรือฟ้าประทานพรที่มีนางอยู่ข้างกาย

  แต่นี่เป็นการตัดสินใจจากเหล่ารัชทายาทซือหยูไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับ

   ตกลง!วันที่ก่อกบฏจะเป็นวันที่ข้าเดินทางไปยังเมืองหลวง 

  ทางเดียวในการหนีจากแดนอสูรก็คือผ่านแท่นบูชาโบราณที่อยู่ในเมืองหลวง

  พวกเขาจะไปพบกันที่นั่น  หลังจากส่งรัชทายาทกลับไปแล้วก็เหลือองค์หญิงหกที่อยู่ที่นี่

   หึหึเจ้ากำลังจะได้หนีตามรัชทายาททุกคนไปแล้วนะ 

  องค์หญิงหกพูดแหย่นางยิ้มอย่างสดใส

  ซือหยูถามนาง

   เจ้ามั่นใจรึว่าเจ้าจะแพ้?ข้าไม่คิดเช่นนั้น ตัดสินใจก่อกบฏแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะอยู่เฉยไม่ทำสิ่งใด 

  องค์หญิงหกยิ้ม

   แน่นอนว่าข้ามีแผนแต่ข้าไม่บอกเจ้าหรอก! 

  นางย่างเท้าไปที่หน้าเจ้าหมาราวกับกวางด้วยรอยยิ้มแต่เจ้าหมากลับแยกเขี้ยวตอบกลับ

  หลายเดือนก่อนองค์หญิงหกต้องการที่จะดับลมหายใจของเจ้าหมา

  ซือหยูไม่สนใจว่ารัชทายาทวางแผนอะไรมีเพียงเรื่องเดียวที่เขาต้องการรู้   องค์หญิงหกเมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำอยู่กับเจ้างั้นรึ? 

  ซือหยูหันไปถามนางตรงๆ

  องค์หญิงหกหลอกตาด้วยความตกใจเล็กน้อยนางยิ้มตอบ

   เรียกข้าว่าจิงเสวียนสิ 

  ซือหยูตอบ

   นั่นมันเรื่องเล็กข้าไม่ได้ล้อเล่นเจ้าอยู่น… 

   ข้าอยากได้ยินเจ้าเรียกข้าว่าจิงเสวียน 

   องค์หญิงหกเจ้าจริงจังให้มั… 

   เรียกข้าว่าจิงเสวียน! 

   จิง…เสวียนเมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ… 

   ฮี่ฮี่แน่นอน ข้ามี! เจ้าอยากได้รึ? 

  ซือหยูไม่ค่อยสบายใจกับองค์หญิงขี้เล่นเช่นนี้เขาพูด

   ใช่!ข้าอยากจะแลกมันกับสิ่งอื่นที่เจ้าอยากได้… 

   ขอปฏิเสธ! 

  องค์หญิงหกวางมือไพล่หลังนางยิ้มปฏิเสธเสียงแข็ง

  ซือหยูคาดเดาไว้แล้วมันคือเมล็ดของต้นไม้วิเศษแห่งโลกอสูร เหลือเพียงเมล็ดเดียวบนโลก มันจะแลกกับสิ่งอื่นได้ง่าย ๆ รึ?

   ไม่เป็นไร 

  เมล็ดจะเปลี่ยนเงื่อนไขบางประการได้เท่านั้นมันจะไม่มีผลต่อการต่อสู้สุดท้าย

  หากมีมันก็ดีแต่ถ้าหากไม่มีก็ไม่เป็นไรเช่นกัน

   เจ้ามาหยิบเองสิ! 

  องค์หญิงหกฉีกยิ้มด้วยแววตาซุกซน

   เมล็ดที่กำลังจะตายไม่มีค่าใดถ้าอยากได้ก็มาหยิบเองซะ 

  เอ๋?ซือหยูตาลุกวาว องค์หญิงหกไม่ได้น่ารังเกียจอย่างที่เขาคิด   ที่ไหนล่ะ? 

   ตรงนี้! 

  องค์หญิงหกแอ่นอกชี้หน้าอกคู่ขนาดเท่ากำปั้นของนาง

  ที่ลำคอขาวราวหิมะมีสร้อยสีแดงบางสวมอยู่ สร้อยห้อยลงไปถึงหน้าอกของนาง

  เมล็ดอยู่แนบกายนางมาโดยตลอด

  เห็นเช่นนี้ซือหยูถึงกับปวดหัวเพราะนางนางกำลังแหย่เขาอีกแล้วรึ?

   ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไรข้าจะหยิบล่ะนะ 

  ซือหยูเดินเข้าใกล้เขาจับไหล่นางด้วยมือข้างเดียว ขณะที่มืออีกข้างตรงไปที่คอของนางอย่างไม่ลังเล

  องค์หญิงหกคิดจะไม่ให้มันกับเขานางไม่คิดว่าเขาจะเด็ดเดี่ยวเช่นนี้

  นางผงะนางเอามือปิดอกและถอยหลังกลับด้วยความเขินอายและโมโห

   เจ้ากล้าดียังไ…     เจ้าไม่ได้อนุญาตให้ข้าหยิบมันเองหรอกเรอะ? 

  องค์หญิงหกรู้สึกขัดแย้งในใจนางดึงสร้อยออกและขว้างให้ซือหยูจากระยะหลายสิบศอก นางไม่กล้าเข้าใกล้ซือหยูอีกแล้วเพราะกลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสนางอีกครั้ง

  หลังจากโยนสร้อยนางกระทืบเท้าและเตือนซือหยูขณะที่เดินออกไป

   ข้าจะจับตาดูเจ้าอย่าคิดว่าจะรอดพ้นสายตาข้าได้! 

  ซือหยูคว้าสร้อยที่ลอยอยู่กลางอากาศมันยังมีความอบอุ่นจากกายและกลิ่นอันหอมหวานจากนางหลงเหลืออยู่ด้วย

  เขาทุบสร้อยและนำเมล็ดสีเหลืองทองออกมา

  พลังชีวิตในเมล็ดอ่อนแอมากหากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็แทบจะสัมผัสไม่ได้

   มันเสียหายถึงขนาดนี้แล้วรึ? 

  ซือหยูขมวดคิ้วเขาเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยกและฝังมันลงในดินเพาะบ่มชั้นสูง

  ซือหยูสังเกตมันสักครู่และโล่งใจขึ้นบ้างเมื่อพลังของเมล็ดเริ่มกลับมามันส่งสัญญาณการเจริญเติบโต

   โชคดีที่ยังไม่สายเกินแก้หากช้ากว่านี้ไม่กี่วัน ต่อให้ดินเพาะบ่มก็ช่วยอะไรไม่ได้ 

  ซือหยูโชคดีมากดูจากการเติบโต มันน่าจะใช้งานได้ในอีกครึ่งเดือน

  ซือหยูให้จางตี๋เก้อดูแลเมล็ดและไม่ให้ผีเสื้อโกลาหลเข้าใจผิดว่ามันคืออาหารจากนั้นจึงกลับสู่กายหยาบ

  ทันทีที่ลืมตาขนปุยก็อยู่ตรงใบหน้าเขา

  ซือหยูตกใจ

   ทำอะไรของเจ้า? 

  ซือหยูเคาะหัวเจ้าหมาด้วยความรำคาญ

  เจ้าหมาลูบหัวและพูดเบาๆ

   ไม่มีอะไร! 

  เจ้าหมาเห็นองค์หญิงหกยั่วซือหยูและได้เห็นว่าซือหยูเล่นตามนางอีกด้วยเจ้าหมารู้สึกว่าองค์หญิงหกแย่งสิ่งที่เป็นของมันไป

  ความรู้สึกไม่สบายใจนี้เป็นความรู้สึกที่ประหลาดมากสำหรับเจ้าหมา

  เมื่อวิญญาณของซือหยูออกจากร่างมันก็เข้ามาหาซือหยูด้วยความสงสัย แต่ก็ตกใจเมื่อซือหยูลืมตาตื่น

  ซือหยูมองเจ้าหมาไม่นานก่อนจะยืนขึ้นคลื่นพลังเทพสั่นไหวต่อหน้าเขา

   อสูรขนนกทำไมเจ้าถึงไม่ไปหามเหสี? เวลาผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว 

  เสียงเย็นชาของไค่หลินดังขึ้นนางยังคงยิ้มดว้ยความใจดี แต่เทียบกับคราวก่อน นางระแวงขึ้นเล็กน้อย

  รัชทายาทรวมตัวกันที่นี่แต่องค์หญิงหกยังคงอยู่ไม่ไปไหน นั่นทำให้นางเคลือบแคลงสงสัย

  ซือหยูถาม

   ท่านไค่หลินกลับมาเร็วขนาดนี้เลยหรือ? 

  เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าตนโดนล้อม

  ไค่หลินแสยะยิ้มเทพอสูรเนตรม่วงค้นหาตัวตนของพวกนางทั้งสี่มาแล้ว พวกนางจะไม่รู้ได้อย่างไร?

  เมื่อเห็นว่าซือหยูทำเป็นไม่รู้เรื่องไค่หลินถอนหายใจแรง ดูเหมือนว่าเขาจะรู้และระวังตัวต่อนางแล้ว!

   ท่านมเหสีสั่งเจ้าให้ไปพบนางที่เมืองหลวงเดี๋ยวนี้ 

  ไค่หลินเร่งเร้า

   ขอบอกท่านตามตรงมีเรื่องสำคัญที่ข้าต้องจัดการเสียก่อน ข้ายังไม่มีเวลาไปเมืองหลวง 

   เรื่องสำคัญอะไรกัน?แดนจิงหยูสงบสุขแล้ว ภาระในเมืองมีอสูรจันทร์ผ่องรับมือ ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว เจ้าต้องไปกับข้าเดี๋ยวนี้ 

  ใบหน้าของไค่หลินไม่มีความเป็นมิตรอีกแล้ว

  ซือหยูกล่าว

   ข้าต้องบ่มเพาะพลัง!ข้าเพิ่งจะเป็นเซียน พลังข้ายังไม่มั่นคงพอ ถ้าหากข้าไม่รีบ ข้าเกรงว่าพลังของเขาจะเสื่อมสลายไป มันคือเรื่องอนาคตของข้า ไม่ใช่ความตั้งใจของข้าที่จะรีรอ โปรดอภัยให้ข้าด้วย 

  ไค่หลินหัวเราะในโลกอสูรแห่งนี้ หากมเหสีหยุนเซี่ยต้องการพบใคร ใครกันที่จะกล้าปฏิเสธ!

  มีเพียงซือหยูจากธารดาราเท่านั้น!

  แต่มเหสีหยุนเซี่ยเองก็ย้ำนางว่าไม่ให้บังคับซือหยูนัก

  แม้นางจะไม่พอใจไค่หลินก็ไม่ฝืนเขาต่อ นางถามอย่างไร้อารมณ์

   อีกนานเท่าไหร่? 

   อืม…ครึ่งปีเห็นจะได้ 

   นานเกินไป!ท่านมเหสีรอนานขนาดนั้นไม่ได้หรอก!     ถ้าอย่างนั้นข้าขอสามเดือน 

  ไค่หลินคิดครู่หนึ่ง

   สองเดือนไม่นานไปกว่านี้! 

   ก็ได้! 

  ไค่หลินจ้องซือหยูตาเขม็ง

   เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็แล้วกัน! 

   ฮื่ม!หยาบคายนัก! 

  เจ้าหมาจ้องนางที่กำลังกลับไป

  ซือหยูแววตาเย็นชา

   อดทนไปก่อนเมื่อถึงเวลา เราจะได้เอาคืนกับนาง 

   เจ้าไม่ต้องไปไหนข้าจะบ่มเพาะพลังในช่วงเวลานี้ 

  ซือหยูบอกเจ้าหมา

  เหล่ารัชทายาทกำลังจะทำการยึดอำนาจโลกอสูรแล้ว

  ไม่แน่ใจนักว่าจะมีรัชทายาทและเจ้าเมืองกี่คนที่เข้าร่วมคณะปฏิวัติไม่ต้องพูดถึงกองทัพเล็กที่จะเข้าร่วมด้วย

  สิ่งเดียวที่มั่นใจได้ก็คือโลกอสูรแห่งนี้กำลังจะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง!

  ทีแรกซือหยูคิดจะสร้างความวุ่นวายในโลกอสูรด้วยตัวเอง เพื่อยื้อเวลาให้กับฝ่ายธารดารา แต่ไม่คิดเลยว่าโลกอสูรจะปั่นป่วนวุ่นวายอยู่แล้ว

  เมื่อการยึดอำนาจเริ่มขึ้นไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แดนอสูรจะต้องเปลี่ยนแปลงราวพลิกฝ่ามือ

  ถ้าหากภายในไม่มั่นคงโลกอสูรจะไม่มีทางบุกไปยังพันธมิตรบูรพา นั่นจะทำให้พวกเขามีเวลาเตรียมการ

  ซือหยูเข้าห้องลับและเริ่มบ่มเพาะพลัง

  ซือหยูที่บ่มเพาะพลังมิอาจใช้สมบัติจากแดนจิงหยูได้อีกแล้ว

  เมฆาอสูรให้กะโหลกแดงกับเขาซึ่งมันสามารถเลียนแบบสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้

  ส่วนเจ้าเมืองอีกคนก็ให้แหล่งพลังเทพบริสุทธิ์กับเขามา

  และยังมีแมลงวิญญาณมรณะมาอีก!

  ทั้งสามเป็นของล้ำค่าโดยเฉพาะแหล่งพลังเทพบริสุทธิ์และแมลงวิญญาณมรณะ

  ซือหยูดูดซับแหล่งพลังเทพเข้าสู่ร่างอย่างเชื่องช้าพลังได้แบ่งเป็นสองส่วนหลอมรวมกับวิถีเทพของซือหยูในแต่ละด้าน

  แหล่งพลังเทพขนาดเท่าเมล็ดข้าวเติบโตเป็นห้าเท่ามันกลายเป็นสิ่งที่โคจรรอบธารดาราในขนาดดัชนี

  พลังเซียนมหาศาลถูกดูดเข้าสู่แหล่งพลังเทพทั้งสองและปลดปล่อยพลังเทพกลับคืนมา

  ว่าที่เทพทั่วไปมีแหล่งพลังเทพเดียวแต่ซือหยูมีถึงสอง เขาสามารถปลดปล่อยพลังเทพออกมาได้เป็นสองเท่า

  แม้เขาจะยังไม่เป็นเทพพลังของซือหยูก็อยู่ในระดับของว่าที่เทพขั้นสูงแล้ว

  ตอนนี้หากไร้ของวิเศษช่วยเหลือ ซือหยูสามารถต่อสู้กับว่าที่เทพขั้นสูงได้ด้วยตัวคนเดียว

   สมบัติของพวกมันยอดเยี่ยมนักประหยัดเวลาบ่มเพาะข้าได้เป็นปี! 

  ซือหยูยิ้ม

  ต่อมาคือแมลงวิญญาณมรณะมันมีหนอนโบราณผนึกเอาไว้ในน้ำแข็งก้อนนี้!

  เขาจำได้ดีว่าเมฆาอสูรกับเทพอีกคนหวาดกลัวมันมาก

  ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาเห็นแมลงตัวนี้ หม้อเก้ามังกรยังส่งสัญญาณเตือนมาถึงเขา

  แม้จะอยู่ต่อหน้าเทพหม้อเก้ามังกรก็ไม่เคยส่งสัญญาณเตือนเช่นนั้นมาก่อน!

  สมบัติที่ดีที่สุดของซือหยูคือแมลงตัวนี้!

  ซือหยูถือน้ำแข็งในมือเขาคิด…เจ้าแมลงนี้จะแข็งแกร่งเพียงใดกัน?

  ทันทีที่เขาคิดเขาปล่อยสายพลังวิญญาณเข้าสู่น้ำแข็งเพื่อทดสอบหนอน  แต่ในขณะเดียวกันหม้อเก้ามังกรสั่นอย่างแรงเพื่อเตือนเขา

  ที่หน้าผากเงาดำของเทพปีศาจปรากฏออกมา มันรีบพูด

   ปลดปล่อยดวงวิญญาณของเจ้าเร็วเข้า! 

  ทั้งหม้อเก้ามังกรและเทพปีศาจเตือนพร้อมกันซือหยูตกใจและสละวิญญาณออกจากร่าง

  ทันทีที่ถอยออกมาซือหยูสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่ปล่อยออกมาจากหนอนวิญญาณมรณะ

  เขารู้สึกราวกับเป็นกระต่ายขาวที่ถูกพยัคฆ์ตัวใหญ่จ้องมอง

  อึก!

  ซือหยูตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

   มันอันตรายแค่ไหนกันแน่? 

  ซือหยูบ่มเพาะมาเนิ่นนานไม่มีอะไรที่ทำให้ดวงวิญญาณของเขาหวาดกลัวเช่นนี้  เทพปีศาจถอนหายใจด้วยความโล่งอกและจ้องมองแมลงในน้ำแข็งโบราณเทพปีศาจมองซือหยูด้วยสีหน้าหม่นหมอง

   เจ้าประมาทเกินไป!เจ้าเกือบตายอยู่แล้วเชียว! โชคดีที่เจ้าถอยออกมาทัน! มิเช่นนั้น ต่อให้อาจารย์เจ้าอยู่ที่นี่ อาจารย์เจ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้! 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset