The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1315 – ความผิดปกติของพันธมิตรบูรพา

ตอนที่ 1315 – ความผิดปกติของพันธมิตรบูรพา

  ที่ตำหนักเจ้าพันธมิตรในโถงใหญ่…

  ซือหยูนั่งบนบัลลังก์เจ้าพันธมิตรมันทำจากทรายแก้วฟ้าจากธารดารา มันมีพลังสะสมอยู่

  มันยังส่งผลดีต่อการบ่มเพาะพลังอีกด้วย

  เพียงแค่สิบวันซือหยูที่เป็นเซียนขั้นสามได้กลายเป็นเซียนขั้นสี่ อีกก้าวเดียวเขาจะได้เป็นว่าที่เทพแล้ว

  ในขณะนี้เขากำลังอ่านตำราโบราณที่เก็บไว้ในตำหนักเจ้าพันธมิตร

  ตำราโบราณเหล่านี้เป็นบันทึกของทั้งธารดาราที่มีอยู่ฉบับเดียวเท่านั้นไม่มีทางหาได้จากที่อื่นอีกแล้ว

  มันส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่นจากหลายพันยุคสมัยของพันธมิตรมันคือตำราที่แก่เก่าที่สุดบนโลก  และมีเพียงเจ้าพันธมิตรที่จะมีสิทธิ์อ่านตำราโบราณเหล่านี้

  เนื้อหาหลายอ่างที่บันทึกไว้เกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีต

  แม้เนื้อหาตำราโบราณจะสะเปะสะปะมันก็ไม่ยากที่จะคาดเดาว่ายุคโบราณของธารดารานั้นเจริญรุ่งเรืองเพียงใด

  ในยุคนั้นโอสถเดียวสามารถทำคนธรรมดาให้กลายเป็นเทพได้ในทันทีทันใด วิชาบ่มเพาะทำให้คนธรมดาต่อสู้กับสิ่งที่แข็งแกร่งกว่าได้

  ในยุคนั้นเหล่าเทพในธารดารามีนับไม่ถ้วนดั่งดวงดาว ทั้งธารดาราและโลกทุกใบเชื่อมต่อกัน แสงเทพของเหล่าเทพเปล่งประกายจนทั่วธารดารา!

  ในยุคนั้นมีผู้ไร้เทียมทานมากมาย ทันทีที่โลกถูกทำลาย เพียงแค่คิด หยินหยางก็ไหลย้อนกลับคืนดังเดิม

  แต่ยุคสมัยนั้นไม่มีอยู่อีกแล้ว  สาเหตุไม่มีบันทึกไว้ในตำราราวกับว่ามีบางอย่างได้ลบล้างหลักฐานไปอย่างไร้ร่องรอยหรือบันทึกอดีต

  ว่ากันว่ายุคโบราณนั้นถูกทำลายในข้ามคืน

  ผู้ปกครองจักรวาลหายตัวไปผู้แข็งแกร่งตายไปตาม ๆ กัน โลกของเหล่าเทพย่อมแตกสลายอย่างเลี่ยงไม่ได้

  ธารดาราที่เคยกระจ่างใสดำสนิทและเงียบกริบในพริบตา

  มีเพียงสองพันธมิตรใหญ่ที่อยู่รอดได้จนถึงวันนี้ซึ่งมันเป็นเพียงเศษเม็ดทรายถ้าเทียบกับยุครุ่งเรือง

  อะไรกันที่ทำให้ยุคสมัยอันเจิดจรัสถูกทำลายในชั่วข้ามคืน?

  ซือหยูศึกษาตำราอย่างตั้งใจแต่ก็ไร้เบาะแส

  เขาเห็นเพียงสามคำจางๆ จากโลหิตเทพของเทพโบราณในตำราที่เก่าจนเปื่อย   แดนเทพโบราณ! 

  ตำรานี้ชื่อว่า บันทึกประวัติศาสตร์  และมีเนื้อหาเน้นไปที่ประวัติศาสตร์ของธารดารา

  คำว่า แดนเทพโบราณ  นั้นเป็นสามคำสุดท้ายที่บันทึกอยู่ในตำราเล่มนี้

  จากนั้นเนื้อหาดูเหมือนถูกลบไปโดยพลังบางอย่าง

  ถ้าหากไม่ได้เขียนด้วยโลหิตเทพคำสามคนนี้ก็คงจะถูกลบหายไปด้วย

   แดนเทพโบราณคำนี้อีกแล้ว… 

  ซือหยูพึมพำเขารู้จากรัชทายาทอสูรถึงการมีตัวตนของแดนเทพโบราณ แต่เหล่ารัชทายาทก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดหรือเป็นฝ่ายใด

  ก่อนที่ยุคสมัยรุ่งเรืองจะเลือนหายคำสุดท้ายในบันทึกคือ ‘แดนเทพโบราณ’

  หรือว่าการทำลายล้างในยุคสมัยนั้นจะเกี่ยวข้องกับแดนเทพโบราณ?

  หลังอ่านจบซือหยูครุ่นคิดเป็นเวลานาน  ธารดารามีประวัติศาสตร์อันไม่ชัดเจน

  เจ้าพันธมิตรในอดีตทิ้งร่องรอยไว้ในตำราโบราณและกำลังบอกว่ายุคสมัยในอดีตไม่ต่างกับตำนานเล่าขาน

  พวกเขาแสดงความโหยหาและเสียใจคร่ำครวญถึงเรื่องที่พวกเขาไม่ได้เกิดในยุคสมัยนั้น

  น่าเสียดายที่ทุกอย่างถูกลบล้างหายไปอย่างลึกลับและเหลือเพียงสองพันธมิตรที่สืบทอดมาจนถึงยุคปัจจุบัน

  ซืหยูถอนหายใจด้วยจิตใจอันว่างเปล่า

  เมื่อเทพเจิ้งเทพกระบี่ และเจิ้งหยวนชิงเดินเข้ามา ทั้งสามก็มองไปยังชายที่นั่งบนบัลลังก์และกำลังอ่านตำราโบราณด้วยความตั้งใจ

  ตำราบดบังใบหน้าทั้งสามไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่ทั้งสามบอกได้ว่าชายผู้ครองใต้หล้าผู้นี้อายุน้อยมาก

  เทพกระบี่จ้องเทพเจิ้ง   เทพเจิ้งถ้าหากเขามิได้จงใจปิดบังอายุตัวเอง เขาคงจะอายุราวยี่สิบปีใช่ไหม? 

  เทพกระบี่ถามเสียงเบา

  เทพเจิ้งแปลกใจมากไม่ต่างกัน

   เขายังอ่อนวัยมากเจ้าแน่ใจรึว่านี่คือเจ้าพันธมิตร? 

  ผู้ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวไม่น่าจะอ่อนวัยถึงเพียงนี้

  แต่ฉีเหมินเจี้ยนกับหลินหลางฟานก็คุกเข่าลง

   รายงานเจ้าพันธมิตร!พวกเรานำเชลยมาตามที่ขอแล้ว 

  เขาคือเจ้าพันธมิตรตัวจริง!เทพเจิ้งกับเทพกระบี่สะพรึงกลัว เจ้าพันธมิตรจะมีอายุน้อยเช่นนี้ได้ยังไง?

   โอ้! 

  ซือหยูปิดตำราช้าๆ กลับสู่ความเป็นจริง

  เทพเจิ้งกับเทพกระบี่กลั้นหายใจมองซือหยูขณะที่ได้เห็นหน้า

  ทั้งสองสงสัยถึงที่สุดว่าจักรพรรดิน้อยผู้นี้จะเป็นใคร

  เมื่อตำราปิดลงทั้งใบหน้าของซือหยูได้เผยออกมา

  เส้นผมสีเงินยาวปลิวไสวอย่างงดงามใบหน้าหล่อเหลาของเขาแสดงความมั่นใจ

  เทพเจิ้งและเทพกระบี่ตัวแข็งทื่อทั้งสองแทบขยับตัวไม่ได้

  ทั้งสองจ้องหน้าซือหยูตาไม่กระพริบมิอาจเข้าใจในสิ่งที่ได้เห็น

  ความคิดแปลกๆ แล่นเข้าสู่สมอง พวกเขากำลังคิดว่าถูกวิชามายาบางอย่างที่ทำให้เห็นซือหยูอยู่บนบัลลังก์

  แต่เจิ้งหยวนชิงได้ตะโกนร้องลบล้างความสงสัยในใจเทพทั้งสอง

   ซือหยู!เจ้า…เจ้ายังไม่ตาย! 

  นางทั้งตกใจและดีใจความหม่นหมองทั้งหมดที่นางมีถูกลบหายไป แทนที่ด้วยความตื่นเต้น

   อวดดีนัก!กล้าดียังไงมาเรียกเจ้าพันธมิตรด้วยนาม! 

  ฉีเหมินเจี้ยนตำหนิ

   ยังไม่คุกเข่าขออภัยอีกเรอะ? 

  เสียงตะโกนของฉีเหมินเจี้ยนนั้นดุดันจนเจิ้งหยวนชิงเข่าอ่อน

   หยวนชิงข้าไม่ได้เจอเจ้ามานานแล้ว 

  ซือหยูวางตำราเขายิ้มอย่างอ่อนโยน

  เทพเจิ้งกับเทพกระบี่อ้าปากค้างทั้งสองพูดไม่ออก

  ซือหยูที่ตายไปแล้วในโลกอสูรจะมาเป็นเจ้าพันธมิตรประจิมและเป็นผู้ครองใต้หล้าที่ธารดาราไม่เคยมีได้ยังไง?

   ฉีเหมินเจี้ยนหลินหลางฟาน เจ้าออกไปก่อน 

  ฉีเหมินเจี้ยนกับหลินหลงฟานเดินออกไปด้วยความนับถือ  เมื่อเหลือเพียงสี่คนซือหยูยิ้มออกมาอีกครั้ง

   หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้เจอพวกท่านเป็นอย่างไรกันบ้าง? 

  เทพเจิ้งแทบจะพูดแบบเดิมไม่ได้

   พะ…พวกเราไม่เป็นอะไร… 

  เทพกระบี่พูดตะกุกตะกัก

   พวกเราสบายดีไม่ได้เจอกันนานนะ… 

  เจิ้งหยวนชิงตาเป็นประกายใบหน้านางมีแต่ความดีใจเมื่อมองซือหยู

   มานั่งสิ 

  ซือหยูผายมือ

  เทพเจิ้งกับเทพกระบี่ยังคงยืนนิ่ง

   ไม่ไม่เป็นไร พวกข้ายืนก็ได้ 

  จากนั้นทั้งสองจึงคุกเข่าลงทันที

   คารวะเจ้าพันธมิตรซือ! 

  ซือหยูถอนหายใจ   พวกเรารู้จักกันดีอยู่แล้วใยห่างเหินนักเล่า? 

  ทั้งเทพเจิ้งและเทพกระบี่ไม่กล้ามองซือหยูเป็นตัวแทนเทพน้อยๆ แห่งพันธมิตรบูรพาอีกแล้ว

  ทั้งสองนั่งลงอย่างลำบากใจ

  ตรงกันข้ามเจิ้งหยวนชิงที่จิตใจบริสุทธิ์นั่งลงด้วยรอยยิ้ม

   ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องไม่ตายง่ายๆ หึ เจ้ามันเจ้าเล่ห์ที่สุดแล้ว! ทุกคนบอกว่าเจ้าที่ตกไปยังโลกอสูรจะต้องตาย แต่ข้าเชื่อว่าเจ้ายังไม่ตาย! นอกจากเจ้าจะรอดชีวิตแล้ว เจ้ายังได้มาเป็นเจ้าพันธมิตรประจิมอีก! 

  เจิ้งหยวนชิงถามเขาต่อไปโดยไม่สนใจใบหน้าแข็งกร้าวของเทพเจิ้งและเทพกระบี่ที่ส่งสัญญาณให้นางหยุด

   เล่าเรื่องในโลกอสูรให้ข้าฟังหน่อยสิอยู่ที่นั่นเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รัชทายาทอสูรสามคนมารับใช้ เจ้าทำได้ยังไง? แล้วเจ้าหนีออกมายังไง? 

  ซือหยูหัวเราะเขาอธิบายเรื่องที่พบเจอในโลกอสูรสั้น ๆ กับนาง

  เจิ้งหยวนชิงตาเป็นประกายราวกับกำลังฟังเรื่องเล่าในตำนานนางกลั้นหายใจในทุกครั้งที่เกิดเหตุพลิกผันในเรื่องราว

  เมื่อนางได้ยินถึงการที่ซือหยูพลิกอันตรายเป็นชัยชนะนางก็ชื่นชมเขาอย่างจริงใจ

  การผจญภัยในโลกอสูรของซือหยูไม่ต่างกับการเดินบนแผ่นน้ำแข็งบางที่ผิดพลาดครั้งเดียวคือความตาย

  มันยิ่งเกินกว่าความประทับใจที่เขาใช้เพียงพลังของตนเองเขาได้พลิกผันโชคชะตาในโลกอสูรโดยไม่มีใครช่วยเหลือ

  เมื่อซือหยูพูดจบทั้งสามหายใจเข้าลึก

  เรื่องเล่านั้นน่าตื่นเต้นน่าติดตามยิ่งกว่าเรื่องแต่ง

   เลิกพูดเรื่องนี้ก่อนเถอะถึงเวลาแล้วที่สองพันธมิตรจะได้ร่วมมือกัน… 

  ซือหยูกล่าว

  เทพเจิ้งกับเทพกระบี่ดีใจมากวันที่ทั้งสองรอมานานได้มาถึงแล้ว

  การเจรจาร่วมมือกันดำเนินมาครึ่งปีปัญหาหมดไปแล้ว เพราะทั้งหมดก็คือเทพกงซุนที่คอยขัดขวาง

  เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกันข้อตกลงการร่วมมือถึงได้เกิดขึ้นในไม่นาน

  ทั้งสองจะก่อตั้งพันธมิตรล้างอสูรผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว

  ส่วนผู้ที่จะออกคำสั่งในพันธมิตรล้างอสูรนั้นสองพันธมิตรจะต้องส่งตัวแทนมา ทั้งสองจะนำทัพด้วยกัน

  แน่นอนว่าซือหยูได้ตัดสินใจที่จะขยับทั้งพันธมิตรประจิมไปรวมกับพันธมิตรบูรพา

  การตัดสินใจครั้งใหญ่นี้ย่อมทำให้เทพในพันธมิตรประจิมไม่พอใจ

  แต่เรื่องนี้คือสิ่งจำเป็น  พันธมิตรประจิมใกล้แดนอสูรเกินไปถ้าหากแดนอสูรใช้กำลังทั้งหมดมาทำสงคราม พันธมิตรประจิมจะแตกดับในหนึ่งวัน

  ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายตำแหน่งแม้ว่าจะมีการต่อต้าน

  หลังจากหารือกันต่อไปทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมพันธมิตรกัน

  เทพเจิ้งและเทพกระบีที่ทำภารกิจสำเร็จดีใจเป็นอย่างมาก

  ซือหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกการร่วมมือของสองพันธมิตรหลักถือเป็นสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จะเกิดสงครามกับอสูร

  ขั้นแรกลุล่วงแล้ว!

  ซือหยูที่กำลังสบายใจนึกถึงบางอย่างได้และถามด้วยเสียงเย็นชา

   เทพเจิ้งเทพกระบี่ ข้าอยากถามท่านสองคนว่าใครที่ตัดสินใจส่งสหายเก่าจากจิวโจวของข้ากลับมายังพันธมิตรประจิม? สหายเก่าข้าคือกงซุนหยาและลูกสาว    เทพเจิ้งกับเทพกระบี่ตัวแข็งทื่อทั้งสองหวาดกลัว

  ทั้งสองเกือบลืมเรื่องของพ่อลูกกงซุนไปแล้ว

  เมื่อเห็นว่าทั้งสองเงียบซือหยูกล่าว

   ท่านสองคนคิดว่าความผิดทั้งหมดจะถูกลืมหลังจากเราร่วมมือกันรึ? 

  คำพูดของซือหยูแสดงถึงความไม่พอใจของเขา

  เทพเจิ้งกับเทพกระบี่มิอาจปิดบังซือหยูได้ทั้งสองตอบ

   เป็นคำสั่งของฑากิณี 

   ฝีมือเจ้าฑากิณีจอมยุ่งอีกแล้ว! 

  ซือหยูเดาได้อยู่แล้วเมื่อได้รู้ความจริง เขากลั้นจิตสังหารเอาไว้ไม่ได้

  ซือหยูจ้องเทพทั้งสองที่พยายามหลบตาซือหยูตอบอย่างเย็นชา

   นางทำอะไรที่เกี่ยวกับข้าอีกบ้าง?บอกข้ามาให้หมด! พวกเจ้ารู้ว่าข้าเป็นคนแบบไหน หลอกข้าจะยิ่งทำให้เรื่องมันเลวร้ายขึ้นไปอีก! 

  เทพเจิ้งยิ้มแหยเรื่องที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นแล้ว

  ซือหยูไม่เพียงมีชีวิตรอดกลับมาแต่ยังได้ตำแหน่งเจ้าพันธมิตรประจิมมาด้วย ชะตาของพันธมิตรบูรพาแขวนอยู่บนเส้นด้าย

   เจ้าพันธมิตรซือฟังแล้วใจเย็นลงก่อน ฑากิณีทำหลายเรื่องที่ต่อต้านท่าน หากอยากให้พวกเราพูด หวังว่าท่านจะเตรียมใจเสียก่อน 

  เทพเจิ้งถอนหายใจยาว

  ซือหยูถอนหายใจแรง

   ว่ามา!ฑากิณีทำอะไรไปบ้าง! 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset