The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 930 – ชิงตาค่ายกล

DND.
“แล้วมัน…เหตุผลกลใดกัน?หรือว่าพวกมันจะกลัวค่ายกลป้องกัน?”
นายหญิงซือถูถาม
นางคืนความเยือกเย็นกลับมาแล้วซือหยูพูดถูก นางคือกระดูกสันหลังของตระกูลซือถู ใครจะหมดหวังก็ได้ แต่ไม่ใช่นาง!
ซือหยูมองค่ายกลและพยักหน้าเบาๆ
“ใช่แล้วมันจะต้องกลัวค่ายกล เพราะด้วยกำลังวิหคอสูรหมาศาลเช่นนี้กลับมีจ้าวเทวะระดับสี่ห้าตัวกับระดับห้าแค่ตัวเดียว มันน่าจะเป็นกลุ่มเดียวที่บุกค่ายกลเข้ามาได้ ส่วนที่เหลือก็เป็นแค่แมงเม่าบินเข้ากองไฟเท่านั้นหากจะเข้ามา!”
“เราก็แค่ระวังพวกมันหกตัวแล้วรับมือไว้จนกว่าศิษย์ในตำหนักโลหิตจะมาถึงแล้วพวกมันจะถอยกลับไปเอง”
นายหญิงซือถูใจเย็นขึ้นมากเมื่อได้ฟังแผนการ
“จริงของเจ้าถึงสิบคนนั้นจะตาย เงาผีซันก็ยังหนีไปได้ เขาน่าจะติดต่อเจ้าตำหนักคงฉานได้แล้ว!”
นางพูดต่อ
“ต่อให้นางช่วยเราไม่ได้นางก็ยังแจ้งตำหนักในและขอคนแข็งแกร่งมาได้!”
สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้ก็คือการคุ้มกันค่ายกลขณะที่รอกำลังเสริมเงาผีซันหนีไปแล้ว นั่นหมายความว่าเขาจะสามารถส่งข่าวให้เจ้าตำหนักคงฉานได้ หากพวกเขาต้านกำลังได้ พวกเขาก็มีโอกาสคว้าชัย!
วิหคทั้งหกตัวนี้มีพลังมากก็จริงแต่ด้วยกำลังที่ตระกูลซือถูเหลืออยู่ การรับมือนั้นเป็นไปได้ นายหญิงซือถูคิดเช่นนี้และหันไปมองซือหยู เมื่อได้พบความสุขุมเยือกเย็นของเขา นางก็สบายใจไปด้วยเช่นกัน
จากนั้นมือที่จับมือนางเอาไว้ก็คลายออกซือหยูปลบ่อยมือนางหลังจากแน่ใจแล้วว่านางใจเย็นลง
นางรู้สึกเขินอายและหันหน้าหลบด้วยความกระอักกระอ่วนนั่นไม่ใช่เพราะนางหลงรักซือหยู แต่นางรู้สึกอับอายที่คนเป็นผู้เฒ่าของตระกูลถูกคนที่อายุน้อยกว่าปลอบราวกับเป็นสาวน้อย
“ซือหยูเซี่ยนพูดถูกนี่ไม่ใช่เวลาถอยแต่เป็นเวลาคุ้มกันค่ายกล! พวกเรายังมีหวัง!”
นายหญิงซือถูที่ได้รับความเยือกเย็นกลับมาสั่งให้ยอดฝีมือทุกระดับในตระกูลตั้งทัพป้องกันวิหคทั้งหกจากการรุกล้ำเข้ามา
หลังจากจัดการทั้งหมดเรียบร้อยนางมองซือหยูกับอีกสองคนและพูด
“พวกเจ้าตามคนตามเด็กตระกูลซือถูไปหลบภัยในเรือนพวกข้าจัดการข้างนอกเอง”
เพราะถ้าหากศิษย์ชั้นเยี่ยมจากตำหนักนอกมาตายที่ตระกูลซือถูนางก็ไม่มีทางที่จะแก้ตัวเรื่องความสูญเสียนี้กับตำหนักโลหิตได้
“อะแฮ่มนายหญิงซือถู ดูหมิ่นหวูซื่อกับข้านั้นไม่เป็นไร แต่ไม่ดีแน่หากจะดูหมิ่นศิษย์น้องซือเช่นนี้ ท่านน่าจะรู้จักความยิ่งใหญ่ของเขาดี…”
ไป่ชานเหลียงกล่าว
นายหญิงซือถูตกใจนางมองซือหยูอีกครั้งและคิด…หรือว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับจ้าวเทวะระดับห้าได้จริงๆ? เขาจะต้องฝึกฝนวิชาที่แข็งแกร่งมาแน่นอน
นายหญิงซือถูครุ่นคิดและตอบ
“โปรดวางใจได้คนของข้ายังจัดการได้ ถ้าถึงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือเมื่อใด ข้าจะร้องขอเอง เช่นนี้เป็นอย่างไร?”
นายหญิงซือถูปฏิเสธอย่างสุภาพนางไม่คิดว่าพวกเขาทั้งสามจะช่วยได้มากนัก
เพราะในใจของนางศัตรูแข็งแกร่งเกินไป ภูติสามคนไม่น่าจะทำอะไรได้เลย! โดยเฉพาะซือหยูที่เป็นภูติระดับหก เขาไม่น่าจะทำอะไรกับพวกวิหคจ้าวเทวะได้
เมื่อนางพูดจบนางหันไปมองชายชุดม่วงด้วยแววตาเยือกเย็น นางตะโกน
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร!แต่ถ้าจะทำลายตระกูลซือถู เจ้าก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”
นางเป็นผู้จัดการดูแลตระกูลมาโดยตลอดตั้งแต่ที่สามีล่วงลับนางจะไม่ยอมให้ตระกูลซือถูแตกดับเพราะนาง คำพูดอันหนักแน่นของนางปลุกใจคนตระกูลซือถูได้ดี
แต่ชายชุดม่วงก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดเยาะเย้ย
“เจ้าจะมั่นใจค่ายกลของตระกูลเจ้าไปหน่อยแล้ว”
นายหญิงซือถูถอนหายใจแรง
“เจ้ากล้าก็เข้ามา!ตอนที่กำลังตำหนักโลหิตมาถึง เจ้าจะไม่มีแม้แต่โอกาสได้หนี!”
นางพยายามจะขู่โดยใช้คำว่าตำหนักโลหิตนางมิได้หวังพึ่งตำหนักโลหิตนักแต่ก็ดีที่อย่างนอนจะซื้อเวลาได้ ด้วยความเร็วของเหล่าศิษย์ใน หากข่าวไปถึง พวกเขาอาจจะเดินทางมาช่วยได้ในวันเดียว
“ฮ่าๆๆๆเจ้ายังหวังไอ้เงาผีซันอยู่อีกเรอะ?”
ชายชุดม่วงกลับตอกนางกลับจนนางตกใจ
นายหญิงซือถูอุทานด้วยความตกใจ
“เดี๋ยวก่อน!เจ้ารู้ได้ยังไงว่าคนที่หนีไปคือเงาผีซัน?”
ในตอนนั้นเองเสียงหัวเราะเย็นชาดังมาจากเบื้องล่าง
“ฮ่าๆๆๆนายหญิงของข้า ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
สายลมเย็นพัดผ่านเมื่อเสียงนี้ดังจากนั้น เส้นสีดำก็ได้พุ่งพรวดด้วยความเร็วเกินเสียงไปที่ด้านหลังนายหญิงซือถู
เขาอยู่ภายในค่ายกลของตระกูลซือถูนางกำลังสนใจกับสิ่งอื่นจึงไม่รู้ตัวเลย กว่านางจะได้ตอบสนองก็ถูกซัดที่หลังเข้าแล้ว
ความเจ็บปวดถึงหัวใจแผ่ไปถึงอวัยวะภายในนายหญิงซือถูบาดเจ็บหนัก นางกระอักเลือดออกมาและกระเด็นไปอีกทาง.Aileen-novel.
แต่มันยังไม่จบขณะที่นางกระเด็นไป เงาทมิฬนั้นก็ได้ชิงตราหยกรูปมังกรจากนางมา นี่คือสมบัติที่ใช้ควบคุมค่ายกลเพลิงของตระกูลซือถู
ตราหยกนี้เพียงแค่ต้องยิงไปหาตาค่ายกลจากนั้นค่ายกลก็จะปิดตัวเองลง ถึงตอนนั้นเพลิงก็จะหายไปด้วย
“ไม่นะ!”
นายหญิงซือถูหน้าเศร้านางซัดมือกลับไปทันทีที่กระเด็น
ฝ่ามือของนางมีพลังของจ้าวเทวะระดับสี่อากาศด้านหลังนางระเบิดตูมใหญ่ทันที แต่ฝ่ามือนางพบเพียงความว่างเปล่า
เงาทมิฬหลบอย่างคล่องแคล่วทิ้งระยะห่างจากนายหญิงซือถูพันศอกในพริบตา เขาถือตรามังกรหยกในมือและจ้องมองนายหญิงซือถู
นางมองไปที่เขาดวงตาสั่นเครือ
“นี่เจ้า!เงาผีซัน!”
นางเพิ่งจะให้เขาไปทำภารกิจสำคัญในการส่งข่าวแต่เขากลับแอบกลับมาและใช้โอกาสทำร้ายนาง อีกทั้งยังขโมยตรามังกรหยกที่ใช้ควบคุมค่ายกลไป! เงาผีซันเป็นคนทรยศ!
“ฮ่าๆๆๆนายหญิงคงจะไม่คิดว่าข้าไม่ได้เตรียมการตอนที่นำทัพวิหคอสูรมาหาพวกเจ้าสินะ?”
ชายชุดม่วงแสยะยิ้ม
นายหญิงซือถูใจหายนางจ้องเงาผีซันด้วยแววตาเคียดแค้น
“ทำไมเจ้าทำแบบนี้?ถึงเจ้าจะเป็นคนคุ้มกันตระกูลซือถู ตลอดมาตระกูลเราก็ไม่เคยทำไม่ดีกับเจ้า พวกข้าให้โอสถกับเจ้ามากมายแล้วยังช่วยเจ้าหาวิชาที่ดีที่สุดอีก เพราะซือถู เจ้าถึงได้เป็นเจ้าในวันนี้!”
นางไม่เคยคิดเลยว่ายอดฝีมือที่ตระกูลนางบ่มเพาะมาเองกับมือหลายปีจะหักหลังได้ในข้ามคืนเดียว!
“ฮ่าๆๆนายหญิงของข้า ซือถูดีกับข้าจริงๆ แต่ก็น่าเศร้านักที่ชีวิตข้าสำคัญกว่าความภักดี จะอย่างไรซือถูก็จะแตกดับอยู่แล้ว ใยข้าต้องเสี่ยงชีวิตกับท่านด้วยเล่า?”
เงาผีซันถามจิตใจของเขามิได้อยู่กับตระกูลซือถูอีกแล้ว
เขาพูดต่อ
“แล้วท่านก็คงไม่ให้คนนอกอย่างข้าปกป้องโลหิตของตระกูลซือถูด้วยชีวิตใช่ไหม?”
“เจ้าก็แค่อ้างไปเรื่อย!ถ้าค่ายกลยังคงอยู่ พวกวิหคก็เข้ามาไม่ได้ พวกเราจะสูญสิ้นไปได้ยังไง? เจ้าไม่ได้ปกป้องชีวิตตัวเอง เจ้าแค่กำลังทำให้ตระกูลซือถูของข้าต้องเสี่ยงตาย!”
คำพูดของนายหญิงซือถูนั้นดุร้าย
เงาผีซันถอนหายใจและส่ายหน้าเขาเหลือบมองคนซือถู
“ท่านไม่รู้ว่าใครกำลังจะทำลายพวกท่าน!กำลังวิหคแค่นี้เป็นกำลังแค่ปลายก้อยเท่านั้น!”
บนนภาชายชุดม่วงตะคอกอย่างเยือกเย็น
“เจ้าจะพูดเหลวไหลอะไรกับพวกมันอยู่อีก?ปิดค่ายกลได้แล้ว!”
เงาผีซันพยักหน้าและพุ่งพรวดกลายเป็นเงงสก่อนจะบินไปที่เหนือสุดของค่ายกลใหญ่ในนภาที่เต็มไปด้วยเพลิงมีช่องขนาดเท่าฝ่ามืออยู่ มันสามารถสอดตรามังกรหยกได้อย่างพอดิบพอดี
นั่นก็คือตาของค่ายกล!หากประทับตราหยกได้ ค่ายกลจะปิดตัวลง จากนั้นฝูงวิหคจะไร้สิ่งกีดขวาง พวกมันจะตรงเข้ามาบดขยี้ตระกูลซือถู
หากมันเกิดขึ้น…จะไม่มีใครในตระกูลซือถูรอดชีวิตไปได้เลยพวกเขาจะลงเอยด้วยการเป็นอาหารของวิหคเหล่านี้!
นายหญิงซือหยูเบิกตากว้างนางกรีดร้อง
“หยุดมัน!เร็วเข้า!”
เวลาชี้ชะตาตระกูลซือถูมาถึงแล้ว!แม้ว่านางจะบาดเจ็บสาหัส นางก็พยายามไล่ตามไปด้วยพลังทั้งหมดที่มี แต่เมื่อนางเป็นแค่จ้าวเทวะระดับสี่ วิชาการเคลื่อนไหวของนางจึงไม่ได้รวดเร็วนัก
ความแตกต่างของระยะทางห่างไกลขึ้นเรื่อยๆไม่นานนางก็ไม่มีทางหยุดได้อีก คนหลายร้อยคนไล่ล่าตามไปแต่ก็มิอาจตามได้ทัน พวกเขาได้แต่มองเงาผีซันที่ถือตรามังกรหยกในมือและเข้าใกล้ค่ายกลไปเรื่อยๆ!
ในตอนนั้นเองพวกเขารู้สึกราวกับไปอยู่ในคุกน้ำแข็ง ชะตาของพวกเขาถูกตัดสินแล้ว! การหักหลังของเงาผีซันทำให้ตระกูลซือถูสิ้นสายเลือด!
“ขออภัยด้วยนายหญิงซือถู”
เงาผีซันหันกลับไปมองคนตระกูลซือถูที่อยู่ไกลจากเขา
“อย่ามาโทษข้าข้าถูกบังคับ!”
แต่ในตอนนั้นเองมีบางอย่างที่อันตรายผ่านเข้ามา เขาต้องหันขึ้นไปมอง เขาสัมผัสความร้อนที่น่าสะพรึงกลัวได้ ความร้อนนั้นกำลังเข้าใกล้เขา
ไม่นานเขาก็ได้เห็นแสงสีแดงเพลิงปีกเพลิงห่างจากเขาเพียงสิบศอก! ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ความเจ็บปวดจากการถูกกระบี่แหลมเย็นแทงก็ได้แล่นมาถึงหัวใจแล้ว
กระบี่เล่มนั้นแทงทะลุเขาพร้อมกับแล่นกลับไปหาเจ้าของกระบี่โลหิตหยดจากปลายกระบี่กระหายเลือด เงาผีซันได้แต่มองบาดแผลของตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตาขณะที่ชีวิตกำลังจะดับหาย
“ใคร…”
เขาไม่เชื่อว่าจะมียอดฝีมือที่ฐานพลังไม่อ่อนแอไปกว่าเขาซ่อนตัวอยู่ในตระกูลซือถู!มันบดขยี้ความมั่นใจของเขาไป เขาเห็นแล้วว่าสิ่งที่ตนทำนั้นสูญเปล่า!
ก่อนจะปิดตาลงเขาพบใบหน้าแก่เฒ่า มันเป็นใบหน้าของศิษย์นอกแห่งตำหนักโลหิต!
ความกังขาในใจขยายใหญ่ขึ้น…ภูติระดับหกจะมาตามข้าทันได้ยังไง?
แต่เขาก็ได้แต่ตายลงไปด้วยความโศกเศร้าและคำถามในใจร่างอันไร้ชีวิตของเขาร่วงลงไปที่พื้น
“ถูกบังคับให้ทำลายตระกูลที่มีพระคุณงั้นรึ?มนุษย์เราช่างหาข้ออ้างได้ดียิ่งนัก…”
ซือหยูพูดย้อนอย่างดุเดือดเขายื่นมือคว้าตรามังกรหยกคืนมา
ไม่นานปีกเพลิงของซือหยูก็แล่นผ่านศพของเงาผีซันเสียงกรีดร้องจากดวงวิญญาณจ้าวเทวะดังก้องก่อนที่วิญญาณจะแตกดับไป
คนตระกูลซือถูตกตะลึงพวกเขากำลังจะได้เห็นตระกูลถูกบดขยี้ แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดก็หยุดลง พวกเขาคิดว่ามันจะจบแล้ว แต่ซือหยูได้ชิงตราหยกกลับมาในเวลาสุดท้าย!
แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ดีใจชายชุดม่วงใบหน้าดำมืดและจ้องมองลงมาจากฟ้า วิหคจ้าวเทวะระดับสี่ตัวหนึ่งส่งเสียงกรีดร้องและบินมาที่หน้าค่ายกลเพลิง มันพุ่งตรงไปหาซือหยูเพื่อที่จะชิงตราหยกกลับมา!
“ฝันไปเถอะ!”
นายหญิงซือถูเห็นทันนางพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับคนในตระกูล
ไป่ชานเหลียงหน้าซีดและพุ่งออกไปเช่นกันเขากระอักเลือดออกมาขณะที่บินและตะโกน
“ใครบังอาจรังแกศิษย์น้องข้า?ข้าจะพ่นเลือดให้เต็มหน้าเลย! อ๊ากกกก!”
ไป่ชานเหลียงอ้าปากโลหิตสีแดงเข้มที่กระอักออกมาได้กลายเป็นหมอกโลหิตขนาดใหญ่ มันกระจายไปทางวิหคจ้าวเทวะระดับสี่ทั้งห้าตัว
วิหคที่พุ่งเข้ามามิได้สนใจหมอกโลหิตพวกมันยื่นกรงเล็บเข้าใส่ไป่ชานเหลียงที่มาขวางทาง แต่พวกมันกรีดร้องออกมาก่อนที่จะได้ผ่านหมอกโลหิต!
เสียงแตกดังขึ้นจากทั้งร่างกายของมันร่างของมันกำลังถูกกัดกร่อน! วิหคตัวนั้นแหลกสลายไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ!
กว่ามันจะมาถึงไป่ชานเหลียงก็ได้กลายเป็นกองเลือดเนื้อไปแล้วเหลือแค่โครงกระดูกที่มีหยดโลหิตหยดออกมา!
หากมองใกล้ๆก็จะพบว่าแม้แต่โครงกระดูกยังถูกพิษกร่อน!สุดท้ายมันได้กลายเป็นแอ่งน้ำโลหิตโดยไม่เหลือแม้แต่เค้าโครงเดิม!

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset