ในที่สุดเขาก็มาถึงประตูทางเข้าของตึกสูง
เสียงยิงของปืนสไนเปอร์หยุดลงไปแล้ว พวกตัวทดลองน่าจะขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าเรียบร้อย หยางเสียวจิ่นได้แต่เก็บปืนสไนเปอร์แล้วต่อสู้ระยะประชิดแทน
เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้ใช้บันได แต่เรียกร่างแยกเงามาแบก จากนั้นก็ปีนด้านนอกอาคารขึ้นไป
ระยะห่างระหว่างบนสุดกับจุดที่เขาอยู่ เส้นทางที่สั้นที่สุดคือทางกระจัด ถ้าเขาใช้บันได กว่าจะถึงบนนั้นหยางเสียวจิ่นคงไม่รอดแล้ว!
เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ถ้าเขาคัดลอกพลังของลั่วซินอวี่มาได้อย่างสมบูรณ์ เขาคงไม่ต้องลงทุนลงแรงขนาดนี้
ตอนที่ได้พลังประตูเงามาแรกๆ เขาให้เหยียนลิ่วหยวนกับเสี่ยวอวี้ไปซื้อไก่เป็นจากตลาดมาให้เขา ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะรับประทานเนื้อไก่อะไรหรอก แต่เขาอยากทดลองเสียหน่อยว่าเขาดึงคนเข้าประตูเงาเหมือนลั่วซินอวี่ได้หรือเปล่า
มันอันตรายเกินกว่าจะลองกับเหยียนลิ่วหยวน เขาเลยลองกับสัตว์เสียก่อน
หลังจากลองเสร็จ เริ่นเสี่ยวซู่ก็ต้องยอมแพ้ เพราะต่อให้เป้าหมายที่ผ่านประตูเงาเป็นเพียงไก่ตัวหนึ่ง มันก็ผ่านมาได้แค่ขาข้างเดียว ดึงมามากกว่านั้นไม่ได้แล้ว
คิดแล้วเริ่นเสี่ยวซู่ยังอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้
ทันใดนั้นเอง อาจเพราะเสียงคนปีนขึ้นตึก ตัวทดลองสองตัวจึงทุบกระจกจากชั้นเจ็ดแล้วปีนออกมา บังทางเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ไห้ขึ้นไป
เริ่นเสี่ยวซู่ขมวดคิ้ว “มาแค่สองตัวริอาจบังทางฉันงั้นเหรอ ไม่รู้เหรอไงว่าฉันฆ่าตัวทดลองไปมากน้อยขนาดไหน ไม่รู้เหรอว่าฉันคือ…”
แต่เจ้าตัวทดลองทั้งสองเพียงห้อยหัวลงมาจากนอกอาคาร ดวงตาจับจ้องเริ่นเสี่ยวซู่ไม่กะพริบ
เริ่นเสี่ยวซู่รำพึง “คงงั้น เหมือนฉันจะขู่พวกแกไม่ได้”
สิ้นเสียงเขา ร่างแยกเงาก็ถีบตัวขึ้นสุดแรง ร่างเงาองคาพยพไม่ชัดเจนแต่แข็งแกร่งราวจากเหล็กกล้า
เริ่นเสี่ยวซู่และร่างแยกเงาแยกกันกลางอากาศ แต่ทั้งสองร่างชักดาบทมิฬออกมาอย่างพร้อมเพรียง
ตัวทดลองทั้งสองทำเสียงฮึดฮัดในลำคอแล้วกระโจนลงมา แต่ก่อนที่มันจะทันคำรามก้อง สองคอของพวกมันก็ถูกตัดไปแล้ว
ร่างแยกเงาถีบไปที่ซากของตัวทดลอง ใช้เป็นที่รองเท้าพุ่งไปคว้ากรอบหน้าต่างเหล็กของอาคารด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างคว้าแน่นที่ข้อมือของเริ่นเสี่ยวซู่
เมื่อตัวทดลองทั้งสองเผชิญกับเริ่นเสี่ยวซู่กับร่างแยกเงา พริบตาเดียวก็เหลือแต่ซาก
ความเข้ากันของเริ่นเสี่ยวซู่และร่างแยกเงาไหลลื่นเป็นหนึ่ง
พอไม่มีตัวขวางแล้ว ร่างแยกเงาก็พาเริ่นเสี่ยวซู่ขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยการกระโจนในครั้งเดียว
ตอนที่ตัวทดลองที่กำลังล้อมหยางเสียวจิ่นเห็นมนุษย์อีกคนกระโดดขึ้นมาบนดาดฟ้า พวกมันก็หันมาจ้องเริ่นเสี่ยวซู่อย่างดุร้าย
เริ่นเสี่ยวซู่ยืนกวาดตามองรอบๆ อยู่บนขอบตึก ที่นี่มีตัวทดลองอยู่เจ็ดตัว หนึ่งในนั้นนอนแน่นิ่งบนพื้นไปแล้ว หยางเสียวจิ่นได้รับบาดเจ็บ บนร่างกายเต็มไปด้วยเลือด หลังชนราวดาดฟ้า หอบหายใจแรง มือหนึ่งถือมีดที่ดูแล้วไม่น่าจะทำจากเหล็กธรรมดา
เป็นครั้งแรกที่เริ่นเสี่ยวซู่ต้องรับมือกับสัตว์ประหลาดทีเดียวมากขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีร่างแยกเงาด้วย เขาคงได้ตายที่นี่ไม่ต่างกัน
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของหยางเสียวจิ่นแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ก็กล่าวกับร่างแยกเงาว่า “เสี่ยวสู่ จัดการพวกมันให้หมด!”
ไม่รู้ทำไม แต่เริ่นเสี่ยวซู่สัมผัสได้ว่าหยางเสียวจิ่นกำลังซ่อนรอยยิ้มน้อยๆ ในดวงตา แม้ตอนนี้เธอจะดูน่าสงสารมากก็ตาม
หยางเสียวจิ่นพูดอย่างอ่อนแรง “สูเสี่ยนฉู่อยู่ห่างจากที่นี่เป็นร้อยกิโลเมตร”
“ฮ่าๆๆๆ อย่างงั้นเหรอ” เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะเขินๆ
หยางเสียวจิ่นคร้านจะมีปากเสียงต่อ ร่างกายค่อยๆ ไหลลงไปนั่งบนพื้น ทุกบาดแผลบนร่างปวดแปลบ เลือดก็เสียไปเยอะมาก เธอแทบจะสิ้นสติอยู่แล้ว
เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงนิ่ง “พักสักหน่อยนะ เดี๋ยวฉันพาออกไปจากที่นี่เอง”
“อืม” หยางเสียวจิ่นตอบเสียงเบา
…
ยิ่งเวลาในแลปทดลองผ่านไป ลั่วซินอวี่ยิ่งตระหนกมากขึ้นเท่านั้น ก่อนที่เธอจะมาที่นี่ เธอรู้อยู่แล้วว่าตัวทดลองกำลังจะโจมตีป้อมปราการ ถ้าเธอไม่ออกไปรับหยางเสียวจิ่นเดี๋ยวนี้ เพื่อนเธอต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวงแน่
แต่ทุกส่วนในห้องแลปที่ปิดตายนี้มีแต่แสงสว่างแสบตา เธอทำอะไรไม่ได้เลย
ลั่วซินอวี่พยายามยิงปืนใส่เพดาน ทว่าแม้แต่กระจกหลังคาก็ยังเป็นกระจกนิรภัย เธอลองใช้เสื้อคลุมของตัวเองบังแสงเป็นเงาลางๆ แต่เงาก็ยังไม่ใหญ่พอจะทำเป็นประตูได้อยู่ดี
นี่คือสิ่งที่ลั่วซินอวี่ต่างจากเริ่นเสี่ยวซู่ เพราะถึงประตูเงาของเริ่นเสี่ยวซู่จะเปิดให้ผ่านได้แค่แขนเดียว แต่เขาก็สามารถปรับขนาดประตูเงาได้ตามใจ ส่วนประตูเงาของลั่วซินอวี่นั้นมีขนาดที่แน่นอนอยู่แล้ว เธอไม่สามารถควบคุมอะไรได้
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงปืนยิงจากข้างนอก จากนั้นก็ได้ยินเสียงแผดร้องว่า “ฮี่ๆ ถ้ามีอะไรที่ฉันอยากได้ ฉันก็ต้องได้!”
ลั่วซินอวี่ดวงตาเป็นประกาย ใครจะไปนึกว่าหลัวหลานจะพูดอวดตนอะไรตอนนี้ ทันทีที่หลัวหลานเปิดประตูเข้ามา แสงไฟก็จะปิดลง และเธอก็จะใช้โอกาสนั้นเปิดประตูเงาหนี
เสียงของหลัวหลานดังมาจากข้างนอก “รีบใส่รหัสผ่านเปิดประตู ไม่งั้นฉันเป่าหัวแกกระจุยแน่”
เสียงของหลัวหลานเหมือนกับว่าเขาจับพนักงานของที่นี่เป็นตัวประกัน และกำลังสั่งให้พนักงานผู้นั้นเปิดประตูอยู่
เกิดเสียงครืดๆ ประตูค่อยๆ เลื่อนขึ้น พนักงานใส่รหัสถูกต้องแล้ว แต่เสียงปืนยังดังขึ้นอยู่ดี พนักงานของห้องแลปกรีดร้องหวาดกลัว แต่ร้องไปได้สักพักก็สัมผัสได้ว่าตัวเองยังอยู่ดี
“คะ คุณไม่ฆ่าผมเหรอ” พนักงานของแลปถามตัวสั่น
หลัวหลานหัวเราะหึๆ “ฉันไม่เคยกลับคำพูด นายคิดว่าระหว่างชีวิตไร้ค่าของนายกับชื่อเสียงของฉันอะไรสำคัญกว่ากันล่ะ ไสหัวไป!”
หลัวหลานรอให้ประตูยกถึงครึ่งหนึ่งก่อนถึงมุดเข้าไป แต่พอเขาเห็นลั่วซินอวี่อยู่ข้างในอยู่แล้วก็ชะงักไป
ตอนนั้นเองแสงสว่างโร่จนไม่มีเงาในห้องแลปก็ดับลง ขณะเดียวกันประตูเงาของลั่วซินอวี่ก็ก่อร่างเลือนลาง
ทว่าพอหลัวหลานเห็นเช่นนี้ ก็หยิบไฟฉายแรงสูงจากกระเป๋าคาดเอวฉายไปยังประตูเงาของลั่วซินอวี่ทันที ด้วยเหตุนี้ประตูเงาจึงมลายหายไปอีกครั้ง
เขาหัวเราะลั่น “ฉันยังไม่ล้างแค้นที่เธอตบหน้าผากฉันเลย กล้าขโมยของของฉันแล้วจะหนีไปอย่างนั้นเหรอ ดีนะฉันพกไฟฉายไปเผื่อไว้!”
หลังจากหลัวหลานโดนเริ่นเสี่ยวซู่ตบหน้าผากเมื่อครานั้น เขาก็เริ่มพกไฟฉายแรงสูงไว้ป้องกันตัวเอง แต่ว่าลั่วซินอวี่กลับทำหน้ามึนงง “ฉันตบอะไรนะ”
หลัวหลานคร้านจะพูด “ส่งข้อมูลมาแล้วฉันจะปล่อยเธอไป”
ลั่วซินอวี่แค่นเสียง “คิดว่าฉันจะเชื่อนายงั้นเหรอ ถอยหลังไป ไม่งั้นฉันทำลายเจ้าฮาร์ดไดรฟ์นี่ทิ้ง!”
หลัวหลานหัวเราะ “คู่หูเธอน่าจะอยู่บนตึกนั้น ตัวทดลองแห่เข้าป้อมมาหมดแล้ว ถ้ายังไม่ไปช่วย คู่หูเธอคงไม่รอดละมั้ง เอางี้เป็นไง ส่งฮาร์ดไดรฟ์มาให้ฉัน แล้วฉันจะปล่อยเธอไปช่วยเพื่อน”
ลั่วซินอวี่ไม่เชื่อว่าหลัวหลานจะปล่อยเธอไปจริงๆ แต่ถ้าเธอไม่รีบไปช่วยหยางเสียวจิ่นตอนนี้ทุกอย่างอาจจะสายไป
ดังนั้นลั่วซินอวี่จึงยอมเสี่ยง
เธอโยนฮาร์ดไดรฟ์ไปให้หลัวหลาน จากนั้นก็เตรียมพร้อมรับมือ
แต่ท้ายที่สุดพอหลัวหลานรับฮาร์ดไดรฟ์เสร็จก็หันตัวจากไป “รีบไปช่วยเพื่อนเถอะ ฉันหลัวหลานไม่เคยผิดคำสัญญา ไม่ต้องมาระวังตัวเหมือนฉันเป็นผู้ร้ายหรอกน่า ถ้าฉันอยากฆ่าเธอจริง คงไม่พูดมากขนาดนี้หรอก”
ลั่วซินอวี่มองเขา จากนั้นก็เปิดประตูเงาทันที พอก้าวเข้าไป เธอก็โผล่มาที่บนดาดฟ้าที่หยางเสียวจิ่นอยู่!
แต่ภาพที่เธอเห็นก็ทำให้เธอตาค้างไป เธอเห็นแต่เศษชิ้นส่วนของตัวทดลองเต็มไปหมด แต่หยางเสียวจิ่นหายตัวไปแล้ว
ใครมาช่วยหยางเสียวจิ่นไปนะ!
ลั่วซินอวี่ก้มสำรวจมองรอบๆ จากบนตึกสูง เธอเห็นแต่ตัวทดลองป้วนเปี้ยนล่าเหยื่ออยู่เต็มถนน เธอรู้สึกกังวลอยู่บ้าง ต่อให้มีคนช่วยหยางเสียวจิ่นไป พวกเขาก็ไม่น่าจะหนีไปจากป้อมปราการได้ง่ายนัก
คนผู้นั้นต้องพาหยางเสียวจิ่นไปซ่อนตัวแน่ๆ