the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 184 ช่วยหยางเสียวจิ่น

ในที่สุดเขาก็มาถึงประตูทางเข้าของตึกสูง

เสียงยิงของปืนสไนเปอร์หยุดลงไปแล้ว พวกตัวทดลองน่าจะขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้าเรียบร้อย หยางเสียวจิ่นได้แต่เก็บปืนสไนเปอร์แล้วต่อสู้ระยะประชิดแทน

เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้ใช้บันได แต่เรียกร่างแยกเงามาแบก จากนั้นก็ปีนด้านนอกอาคารขึ้นไป

ระยะห่างระหว่างบนสุดกับจุดที่เขาอยู่ เส้นทางที่สั้นที่สุดคือทางกระจัด ถ้าเขาใช้บันได กว่าจะถึงบนนั้นหยางเสียวจิ่นคงไม่รอดแล้ว!

เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ถ้าเขาคัดลอกพลังของลั่วซินอวี่มาได้อย่างสมบูรณ์ เขาคงไม่ต้องลงทุนลงแรงขนาดนี้

ตอนที่ได้พลังประตูเงามาแรกๆ เขาให้เหยียนลิ่วหยวนกับเสี่ยวอวี้ไปซื้อไก่เป็นจากตลาดมาให้เขา ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะรับประทานเนื้อไก่อะไรหรอก แต่เขาอยากทดลองเสียหน่อยว่าเขาดึงคนเข้าประตูเงาเหมือนลั่วซินอวี่ได้หรือเปล่า

มันอันตรายเกินกว่าจะลองกับเหยียนลิ่วหยวน เขาเลยลองกับสัตว์เสียก่อน

หลังจากลองเสร็จ เริ่นเสี่ยวซู่ก็ต้องยอมแพ้ เพราะต่อให้เป้าหมายที่ผ่านประตูเงาเป็นเพียงไก่ตัวหนึ่ง มันก็ผ่านมาได้แค่ขาข้างเดียว ดึงมามากกว่านั้นไม่ได้แล้ว

คิดแล้วเริ่นเสี่ยวซู่ยังอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้

ทันใดนั้นเอง อาจเพราะเสียงคนปีนขึ้นตึก ตัวทดลองสองตัวจึงทุบกระจกจากชั้นเจ็ดแล้วปีนออกมา บังทางเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ไห้ขึ้นไป

เริ่นเสี่ยวซู่ขมวดคิ้ว “มาแค่สองตัวริอาจบังทางฉันงั้นเหรอ ไม่รู้เหรอไงว่าฉันฆ่าตัวทดลองไปมากน้อยขนาดไหน ไม่รู้เหรอว่าฉันคือ…”

แต่เจ้าตัวทดลองทั้งสองเพียงห้อยหัวลงมาจากนอกอาคาร ดวงตาจับจ้องเริ่นเสี่ยวซู่ไม่กะพริบ

เริ่นเสี่ยวซู่รำพึง “คงงั้น เหมือนฉันจะขู่พวกแกไม่ได้”

สิ้นเสียงเขา ร่างแยกเงาก็ถีบตัวขึ้นสุดแรง ร่างเงาองคาพยพไม่ชัดเจนแต่แข็งแกร่งราวจากเหล็กกล้า

เริ่นเสี่ยวซู่และร่างแยกเงาแยกกันกลางอากาศ แต่ทั้งสองร่างชักดาบทมิฬออกมาอย่างพร้อมเพรียง

ตัวทดลองทั้งสองทำเสียงฮึดฮัดในลำคอแล้วกระโจนลงมา แต่ก่อนที่มันจะทันคำรามก้อง สองคอของพวกมันก็ถูกตัดไปแล้ว

ร่างแยกเงาถีบไปที่ซากของตัวทดลอง ใช้เป็นที่รองเท้าพุ่งไปคว้ากรอบหน้าต่างเหล็กของอาคารด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างคว้าแน่นที่ข้อมือของเริ่นเสี่ยวซู่

เมื่อตัวทดลองทั้งสองเผชิญกับเริ่นเสี่ยวซู่กับร่างแยกเงา พริบตาเดียวก็เหลือแต่ซาก

ความเข้ากันของเริ่นเสี่ยวซู่และร่างแยกเงาไหลลื่นเป็นหนึ่ง

พอไม่มีตัวขวางแล้ว ร่างแยกเงาก็พาเริ่นเสี่ยวซู่ขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยการกระโจนในครั้งเดียว

ตอนที่ตัวทดลองที่กำลังล้อมหยางเสียวจิ่นเห็นมนุษย์อีกคนกระโดดขึ้นมาบนดาดฟ้า พวกมันก็หันมาจ้องเริ่นเสี่ยวซู่อย่างดุร้าย

เริ่นเสี่ยวซู่ยืนกวาดตามองรอบๆ อยู่บนขอบตึก ที่นี่มีตัวทดลองอยู่เจ็ดตัว หนึ่งในนั้นนอนแน่นิ่งบนพื้นไปแล้ว หยางเสียวจิ่นได้รับบาดเจ็บ บนร่างกายเต็มไปด้วยเลือด หลังชนราวดาดฟ้า หอบหายใจแรง มือหนึ่งถือมีดที่ดูแล้วไม่น่าจะทำจากเหล็กธรรมดา

เป็นครั้งแรกที่เริ่นเสี่ยวซู่ต้องรับมือกับสัตว์ประหลาดทีเดียวมากขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีร่างแยกเงาด้วย เขาคงได้ตายที่นี่ไม่ต่างกัน

เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของหยางเสียวจิ่นแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่ก็กล่าวกับร่างแยกเงาว่า “เสี่ยวสู่ จัดการพวกมันให้หมด!”

ไม่รู้ทำไม แต่เริ่นเสี่ยวซู่สัมผัสได้ว่าหยางเสียวจิ่นกำลังซ่อนรอยยิ้มน้อยๆ ในดวงตา แม้ตอนนี้เธอจะดูน่าสงสารมากก็ตาม

หยางเสียวจิ่นพูดอย่างอ่อนแรง “สูเสี่ยนฉู่อยู่ห่างจากที่นี่เป็นร้อยกิโลเมตร”

“ฮ่าๆๆๆ อย่างงั้นเหรอ” เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะเขินๆ

หยางเสียวจิ่นคร้านจะมีปากเสียงต่อ ร่างกายค่อยๆ ไหลลงไปนั่งบนพื้น ทุกบาดแผลบนร่างปวดแปลบ เลือดก็เสียไปเยอะมาก เธอแทบจะสิ้นสติอยู่แล้ว

เริ่นเสี่ยวซู่พูดเสียงนิ่ง “พักสักหน่อยนะ เดี๋ยวฉันพาออกไปจากที่นี่เอง”

“อืม” หยางเสียวจิ่นตอบเสียงเบา

ยิ่งเวลาในแลปทดลองผ่านไป ลั่วซินอวี่ยิ่งตระหนกมากขึ้นเท่านั้น ก่อนที่เธอจะมาที่นี่ เธอรู้อยู่แล้วว่าตัวทดลองกำลังจะโจมตีป้อมปราการ ถ้าเธอไม่ออกไปรับหยางเสียวจิ่นเดี๋ยวนี้ เพื่อนเธอต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวงแน่

แต่ทุกส่วนในห้องแลปที่ปิดตายนี้มีแต่แสงสว่างแสบตา เธอทำอะไรไม่ได้เลย

ลั่วซินอวี่พยายามยิงปืนใส่เพดาน ทว่าแม้แต่กระจกหลังคาก็ยังเป็นกระจกนิรภัย เธอลองใช้เสื้อคลุมของตัวเองบังแสงเป็นเงาลางๆ แต่เงาก็ยังไม่ใหญ่พอจะทำเป็นประตูได้อยู่ดี

นี่คือสิ่งที่ลั่วซินอวี่ต่างจากเริ่นเสี่ยวซู่ เพราะถึงประตูเงาของเริ่นเสี่ยวซู่จะเปิดให้ผ่านได้แค่แขนเดียว แต่เขาก็สามารถปรับขนาดประตูเงาได้ตามใจ ส่วนประตูเงาของลั่วซินอวี่นั้นมีขนาดที่แน่นอนอยู่แล้ว เธอไม่สามารถควบคุมอะไรได้

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงปืนยิงจากข้างนอก จากนั้นก็ได้ยินเสียงแผดร้องว่า “ฮี่ๆ ถ้ามีอะไรที่ฉันอยากได้ ฉันก็ต้องได้!”

ลั่วซินอวี่ดวงตาเป็นประกาย ใครจะไปนึกว่าหลัวหลานจะพูดอวดตนอะไรตอนนี้ ทันทีที่หลัวหลานเปิดประตูเข้ามา แสงไฟก็จะปิดลง และเธอก็จะใช้โอกาสนั้นเปิดประตูเงาหนี

เสียงของหลัวหลานดังมาจากข้างนอก “รีบใส่รหัสผ่านเปิดประตู ไม่งั้นฉันเป่าหัวแกกระจุยแน่”

เสียงของหลัวหลานเหมือนกับว่าเขาจับพนักงานของที่นี่เป็นตัวประกัน และกำลังสั่งให้พนักงานผู้นั้นเปิดประตูอยู่

เกิดเสียงครืดๆ ประตูค่อยๆ เลื่อนขึ้น พนักงานใส่รหัสถูกต้องแล้ว แต่เสียงปืนยังดังขึ้นอยู่ดี พนักงานของห้องแลปกรีดร้องหวาดกลัว แต่ร้องไปได้สักพักก็สัมผัสได้ว่าตัวเองยังอยู่ดี

“คะ คุณไม่ฆ่าผมเหรอ” พนักงานของแลปถามตัวสั่น

หลัวหลานหัวเราะหึๆ “ฉันไม่เคยกลับคำพูด นายคิดว่าระหว่างชีวิตไร้ค่าของนายกับชื่อเสียงของฉันอะไรสำคัญกว่ากันล่ะ ไสหัวไป!”

หลัวหลานรอให้ประตูยกถึงครึ่งหนึ่งก่อนถึงมุดเข้าไป แต่พอเขาเห็นลั่วซินอวี่อยู่ข้างในอยู่แล้วก็ชะงักไป

ตอนนั้นเองแสงสว่างโร่จนไม่มีเงาในห้องแลปก็ดับลง ขณะเดียวกันประตูเงาของลั่วซินอวี่ก็ก่อร่างเลือนลาง

ทว่าพอหลัวหลานเห็นเช่นนี้ ก็หยิบไฟฉายแรงสูงจากกระเป๋าคาดเอวฉายไปยังประตูเงาของลั่วซินอวี่ทันที ด้วยเหตุนี้ประตูเงาจึงมลายหายไปอีกครั้ง

เขาหัวเราะลั่น “ฉันยังไม่ล้างแค้นที่เธอตบหน้าผากฉันเลย กล้าขโมยของของฉันแล้วจะหนีไปอย่างนั้นเหรอ ดีนะฉันพกไฟฉายไปเผื่อไว้!”

หลังจากหลัวหลานโดนเริ่นเสี่ยวซู่ตบหน้าผากเมื่อครานั้น เขาก็เริ่มพกไฟฉายแรงสูงไว้ป้องกันตัวเอง แต่ว่าลั่วซินอวี่กลับทำหน้ามึนงง “ฉันตบอะไรนะ”

หลัวหลานคร้านจะพูด “ส่งข้อมูลมาแล้วฉันจะปล่อยเธอไป”

ลั่วซินอวี่แค่นเสียง “คิดว่าฉันจะเชื่อนายงั้นเหรอ ถอยหลังไป ไม่งั้นฉันทำลายเจ้าฮาร์ดไดรฟ์นี่ทิ้ง!”

หลัวหลานหัวเราะ “คู่หูเธอน่าจะอยู่บนตึกนั้น ตัวทดลองแห่เข้าป้อมมาหมดแล้ว ถ้ายังไม่ไปช่วย คู่หูเธอคงไม่รอดละมั้ง เอางี้เป็นไง ส่งฮาร์ดไดรฟ์มาให้ฉัน แล้วฉันจะปล่อยเธอไปช่วยเพื่อน”

ลั่วซินอวี่ไม่เชื่อว่าหลัวหลานจะปล่อยเธอไปจริงๆ แต่ถ้าเธอไม่รีบไปช่วยหยางเสียวจิ่นตอนนี้ทุกอย่างอาจจะสายไป

ดังนั้นลั่วซินอวี่จึงยอมเสี่ยง

เธอโยนฮาร์ดไดรฟ์ไปให้หลัวหลาน จากนั้นก็เตรียมพร้อมรับมือ

แต่ท้ายที่สุดพอหลัวหลานรับฮาร์ดไดรฟ์เสร็จก็หันตัวจากไป “รีบไปช่วยเพื่อนเถอะ ฉันหลัวหลานไม่เคยผิดคำสัญญา ไม่ต้องมาระวังตัวเหมือนฉันเป็นผู้ร้ายหรอกน่า ถ้าฉันอยากฆ่าเธอจริง คงไม่พูดมากขนาดนี้หรอก”

ลั่วซินอวี่มองเขา จากนั้นก็เปิดประตูเงาทันที พอก้าวเข้าไป เธอก็โผล่มาที่บนดาดฟ้าที่หยางเสียวจิ่นอยู่!

แต่ภาพที่เธอเห็นก็ทำให้เธอตาค้างไป เธอเห็นแต่เศษชิ้นส่วนของตัวทดลองเต็มไปหมด แต่หยางเสียวจิ่นหายตัวไปแล้ว

ใครมาช่วยหยางเสียวจิ่นไปนะ!

ลั่วซินอวี่ก้มสำรวจมองรอบๆ จากบนตึกสูง เธอเห็นแต่ตัวทดลองป้วนเปี้ยนล่าเหยื่ออยู่เต็มถนน เธอรู้สึกกังวลอยู่บ้าง ต่อให้มีคนช่วยหยางเสียวจิ่นไป พวกเขาก็ไม่น่าจะหนีไปจากป้อมปราการได้ง่ายนัก

คนผู้นั้นต้องพาหยางเสียวจิ่นไปซ่อนตัวแน่ๆ

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
Status: Ongoing
ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู “ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset