the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 228 หมาป่าเปิดปัญญา

หลินชีกับทหารนายอื่นถึงได้รู้ว่าหัวหน้าโจวมีปัญหา เขาน่าจะแบกอุปกรณ์ชาร์จนาโนแมชชีนแบบไร้สายอยู่ข้างหลังแน่

และคงเป็นเพราะอุปกรณ์ชาร์จ นาโนแมชชีนของหัวหน้าโจวถึงยังมีพลังงานเต็มเปี่ยมอยู่ ขณะที่ของคนอื่นพลังงานใกล้หมดกันแล้ว

ช่วงวิกฤตแบบนี้ พวกหลินชีก็อยากจะชาร์จนาโนแมชชีนของตัวเองเช่นกัน เพราะถ้าได้ชาร์จ โอกาสรอดของตัวเองก็จะเพิ่มขึ้นมาก หลังจากสบตากัน พวกหลินชีก็คิดจะเอ่ยปากถามขอกระเป๋าสะพายหลังมาจากหัวหน้าโจว

แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้เอ่ยปากถาม ป่าข้างหลังก็เกิดความสับสนอลหม่านราวกับมีสัตว์ร้ายตัวมโหฬารเคลื่อนตัวอยู่

“ฉิบหาย ฝูงหมาป่าตามมาทันแล้ว” หัวหน้าโจวคำราม “วิ่ง!”

ช่วงเวลาแบบนี้จะเอาเวลาไหนไปถาม ได้แต่ต้องหนีเอาชีวิตรอด!

พอเห็นว่าหมาป่าตามพวกตนมาทันแล้ว แถมยังขนาบข้างพวกตนแล้วด้วย ทุกคนก็กัดฟันวิ่งให้เร็วกว่าเดิมด้วยกลัวว่าจะโดนหมาป่าตามถึงตัว

นาโนแมชชีนของทหารหลายนายพลังงานเกือบหมดแล้วจึงอยู่รั้งท้ายกลุ่ม แต่กระนั้นก็ไม่มีเพื่อนทหารคนใดคิดจะช่วยพวกเขา

ยิ่งวิ่งไปพวกเขายิ่งสิ้นหวัง จนถึงจุดที่ลืมไปเสียแล้วว่ายังมีปืนให้ปกป้องตัวเองจากการจู่โจมของหมาป่า

เริ่นเสี่ยวซู่ซ่อนตัวมองอยู่บนเนินเขาแห่งหนึ่งไปพลางถอนหายใจไปพลาง สมาคมตระกูลหลี่ส่งพวกเขามาตายจริงๆ ด้วย ถ้ากลุ่มคนพวกนี้เป็นทหารนาโนแมชชีนจากกองกำลังของสมาคมตระกูลหลี่เอง ระหว่างหนีคงมีระเบียบกว่านี้ ไม่ใช่ยุ่งเหยิงไปหมด

สุดท้ายแล้วคนพวกนี้ก็ไม่ต่างไปจากคนธรรมดาที่บังเอิญควบคุมนาโนแมชชีนได้

บางคนถึงกับจิตใจไม่แข็งแกร่งพอเท่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ

เริ่นเสี่ยวซู่ล่ะสงสัยนักว่าทหารนาโนแมชชีนชั้นยอดของสมาคมตระกูลหลี่ที่แท้จริงเป็นเช่นไรกันแน่

“อะ?” เริ่นเสี่ยวซู่พบว่าหัวหน้าโจวมีอะไรแปลกๆ พลังงานนาโนแมชชีนของเขาดูไม่ได้อ่อนลงเลย

ทำไมกันน่ะ

ทันใดนั้นหมาป่าที่ขนาบข้างอยู่ก็เริ่มโจมตี พวกมันบังคับแยกกลุ่มหลบหนีของทหารเป็นสองส่วน ตอนนี้เองพวกทหารภายใต้การจู่โจมถึงตระหนักได้ว่าตนเองพกปืนอยู่ พวกเขาเปิดยิงพวกหมาป่าทันที แต่ก็ต้องกลับกลายเป็นคนโง่งม พวกเขาลืมปลดเซฟตี้ปืน!

คนจำนวนหนึ่งชักดาบออกมา ดาบเป็นอาวุธระยะประชิดที่สมาคมตระกูลหลี่มอบให้ทหารนาโนแมชชีนโดยเฉพาะ เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็จะใช้พละกำลังเหนือมนุษย์กับดาบ

สำหรับทหารนาโนแมชชีน ดาบนั้นใช้งานในการต่อสู้ระยะประชิดได้ดีกว่าปืนมาก

เริ่นเสี่ยวซู่มองดาบในมือพวกเขา ก่อนสังเกตเห็นว่าใบดาบเป็นสีส้ม แต่ว่าคมดาบเป็นสีเงินเหมือนพวกนาโนแมชชีน

ตอนที่ดาบเหวี่ยงใส่หมาป่า คมดาบสีเงินก็ฉายแสงราวกับจะมีคลื่นดาบพุ่งออกมา

เริ่นเสี่ยวซู่คิดว่าคมดาบน่าจะมีนาโนแมชชีนอยู่

ตอนที่ดาบของทหารคนหนึ่งตวัดโดนตัวหมาป่า ท้องของมันก็ถูกผ่าออกราวกับโดนคมดาบเพลิง!

ฝูงหมาป่าเห็นพลังของอาวุธแล้ว ก็หยุดโจมตีซึ่งหน้าและหันมาลอบโจมตีจากข้างหลังแทน!

หัวหน้าโจว หลินชี และคนอื่นๆ ไม่คิดหันกลับมามอง เพียงวิ่งหนีต่อไป ถ้าพวกเขาหยุดคิดอะไรสักนิด คงได้ตายแน่ไม่ต่างกัน แม้กระทั่งหัวหน้าโจวที่พลังงานนาโนแมชชีนยังเต็มเปี่ยมอยู่ยังไม่อาจวิ่งหลุดจากฝีเท้าของหมาป่าได้!

“ใครมีระเบิดลูกปรายบ้าง ส่งมา!” หัวหน้าโจวคำราม ชีวิตเขาอยู่บนเส้นด้าย เสียงสั่งการจึงดุดันขึ้นมา

ทหารนายหนึ่งได้ยินคำสั่งนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี “แต่เพื่อนเรายังอยู่ข้างหลังนะ!”

ยังมีปืนยิงอยู่ในฝูงหมาป่า หมายความว่าคนที่โดนหมาป่าล้อมยังมีชีวิตอยู่!

หัวหน้าโจวแค่นเสียง “ถ้าสงสารพวกเขามากก็ไปช่วยพวกเขาซะสิ ไม่ต้องมาแสแสร้งต่อหน้าฉัน พวกเราทิ้งเพื่อนทหารไว้เพื่อให้ตัวเองรอดก่อนไม่ใช่เหรอไง”

ไม่มีใครปริปาก แต่กระนั้นก็ยังมีคนอดเอ่ยไม่ได้ “แต่คุณพยายามระเบิดเพื่อนทหารพวกเราเองนะ”

“เพื่อนทหาร?” หัวหน้าโจวแค่นเสียงด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ “พวกแกทุกคนไม่เหมาะจะเรียกฉันว่าเป็นเพื่อนทหาร! หน่วยเรามีระเบิดลูกปรายเหลืออีกสิบลูก ส่งมาให้หมด”

จากนั้นก็มีคนควักระเบิดหลายลูกจากกระเป๋าสะพายหลังส่งให้เขา

เริ่นเสี่ยวซู่เห็นภาพนี้จากไกลๆ ก็ใจสั่น พวกเขามีระเบิดลูกปรายด้วย!

ถึงหมาป่าจะรับกระสุนได้ไม่เลว แต่คงต้านทานระเบิดไม่ไหวหรอก ถ้าเกิดมีหมาป่าโดนระเบิดตายขึ้นมา ภารกิจของเริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่สำเร็จน่ะสิ?

คิดแล้วก็สั่งให้ร่างแยกเงากระโจนเข้าไปสนามรบ เริ่นเสี่ยวซู่พุ่งไปยังหลังราชาหมาป่าและกระซิบเสียงดัง “เลิกตามล่า อันตรายเกินไป!”

หมาป่าส่วนใหญ่ชะงักร่างทันที แต่หมาป่าตัวหนึ่งอยู่ในภาวะบ้าเลือดแล้ว หลังจากกัดทหารนาโนแมชชีนตายไปหลายคน มันก็พุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง หมาป่าตัวนี้มีสถานะเป็นรองจากราชาหมาป่า เริ่นเสี่ยวซู่มักเห็นมันยืนเป็นองค์รักษ์อยู่ข้างราชาหมาป่า คงจะเป็นรองจ่าฝูง

ทำให้ร่างแยกเงาต้องทะยานไปตัดหน้าหมาป่าที่กำลังโจนออก ร่างแยกเงาคว้าตัวมันและวิ่งกลับเข้าฝูงหมาป่า เจ้าหมาป่ามีโทสะและคำรามอย่างบ้าคลั่ง แต่ร่างแยกเงาไม่สนใจรีบแบกมันกลับทันที!

ราชาหมาป่าเห็นร่างแยกเงาแบกหมาป่ามาเช่นนี้ก็สีหน้าเปลี่ยน เจ้านี่แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?

หัวหน้าโจวและพวกทหารดึงสลักระเบิดเตรียมจะขว้างใส่ฝูงหมาป่าที่ตามมาข้างหลัง แต่พวกเขาก็ต้องตะลึงที่เห็นว่าพวกหมาป่าหยุดร่างไม่ไล่ตามต่อแล้ว แถมหนึ่งในหมาป่าที่กำลังกระโจนมาหาพวกตนนั้นก็โดนร่างแยกเงาแบกกลับไปทิศตรงข้ามด้วย…

พวกหลินชีมองภาพนี้ด้วยความตื่นตะลึง นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมพวกมันไม่ไล่ตามต่อแล้วล่ะ

แล้วทำไมเจ้าเงานั้นถึงห้ามไม่ให้หมาป่ากระโจนมา

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไร้ประสบการณ์ทั้งไม่เคยเจอหมาป่ามาก่อน แต่ภาพเบื้องหน้านั้นมันน่าขันเกินไป ทหารส่วนหนึ่งมองระเบิดลูกปรายที่มีควันลอยออกมาแล้วถาม “พวกเรายังต้องขว้างอยู่ไหม”

“ขว้างระเบิด” จากนั้นหัวหน้าโจวก็ขว้างระเบิดในมือใส่พวกหมาป่า ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงได้ระเบิดตัวเองแล้ว…

แต่แม้ขว้างไปแล้ว ก็ระเบิดหมาป่าไม่ได้สักตัว! เจ้าหมาป่าพวกนี้เปิดปัญญา[1]แล้วหรือยังไงกัน

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วขุนเขา นกบินแตกรังราววงเมฆครึ้ม

ราชาหมาป่ามองควันไฟ กิ่งไม้ ใบหญ้าปลิ่วว่อนจากแรงระเบิด มันรู้จักอาวุธปืนและระเบิดของมนุษย์ จึงไม่ได้แปลกใจอะไรนัก

มันหันมาพยักหน้าให้เริ่นเสี่ยวซู่เป็นเชิงขอบคุณ ถ้าไม่ได้เริ่นเสี่ยวซู่ห้ามไว้ได้ทันการณ์ ฝูงหมาป่าคงได้บาดเจ็บล้มตายมากทีเดียว

แน่นอนว่าเริ่นเสี่ยวซู่พูดไม่ได้หรอกว่าที่ตนเองเข้ามาขวางเพราะกะจะทำภารกิจ แต่จริงๆ แล้วต่อให้ไม่มีภารกิจ เริ่นเสี่ยวซู่ก็ไม่มีทางยืนมองพวกมันตายอย่างหน้าตาเฉยได้อยู่ดี อย่างไรพวกเขาก็เป็นพันธมิตรกันแล้ว

เขามองทหารนาโนแมชชีนที่โดนหมาป่าฆ่าไป นาโนแมชชีนสีเงินไหลออกจากร่าง เริ่นเสี่ยวซู่นับแล้วมีทหารเก้านายถูกสังหาร การล้อมจู่โจมของหมาป่าได้ผลไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่พวกหลินชีฉวยโอกาสใช้ระเบิดลูกปรายจนหนีไปได้

[1] เปิดปัญญา (成精) หมายถึงสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญาหรือมีสติปัญญาต่ำเกิดสำนึกเปิดสติปัญญาขึ้นมา เช่นจากก้อนหินธรรมดากลายเป็น ภูตหิน เป็นต้น

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
Status: Ongoing
ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู “ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset