the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 242 เริ่นเสี่ยวซู่คนสามตัวตน

ตอนที่เส้นสีเงินปรากฏบนหน้าของนายทหาร หลิวไท่อวี่ผู้บัญชาการแห่งกองพันเหล็กก็แข็งค้างไป เขาก้มหัวลงต่ำ ไม่กล้าโต้เถียงต่อ เขารู้ดีว่าหน่วยทหารชั้นยอดสุดของสมาคมตระกูลหลี่ ก็คือทหารนาโนแมชชีนนั่นเอง!

สนามรบหลักของสมาคมตระกูลหลี่แบ่งเป็นสองพื้นที่ พื้นที่แรกเป็นแนวหน้าเผชิญสมาคมตระกูลชิ่งที่เขาเฟิ่งอี๋ อีกแห่งคือแนวหน้าที่เขาผิงซานที่เผชิญหน้าอยู่กับสมาคมตระกูลหยาง ระยะระหว่างสองสนามรบนี้ห่างกันหลายร้อยกิโลเมตร

หลิวไท่อวี่ได้รับข้อมูลมาก่อนหน้านี้ว่าพวกทหารนาโนแมชชีนกำลังเดินทางไปยังเขาผิงซานเพราะสมาคมตระกูลหยางเป็นศัตรูหลักของสมาคมตระกูลหลี่ กลับกันสมาคมตระกูลชิ่งนั้นมาฉวยโอกาสเฉยๆ ไม่คิดเลยว่าพวกทหารนาโนแมชชีนจะโผล่มาที่นี่ได้

พวกเขาคิดจะโจมตีสมาคมตระกูลชิ่งตอนที่เผลอสินะ ทางสมาคมถึงเก็บเรื่องนี้ให้รู้กันเฉพาะภายใน?

หลิวไท่อวี่เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีก็ใจสั่นหวาดผวา แนวหน้าเขาเฟิ่งอี๋ที่เขาถูกส่งไปประจำการณ์ได้กลายเป็นสนามรบเปิดกระดานแน่นอน!

แต่พวกทหารนาโนแมชชีนไม่มียานพาหนะของตัวเองได้อย่างไรกัน พวกเขามักได้รับอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ดีที่สุด ทุกคนไม่ต้องขึ้นรถบรรทุกทหารด้วยซ้ำ ต่างมีรถออฟโรดประจำตัว

หลิวไท่อวี่กระซิบถาม “ไม่ทราบว่ารถพวกท่านอยู่ไหนเหรอครับ”

พูดแล้วก็มองไปที่ตราทหารบนแขนที่เผยให้เห็นคำว่า ‘กองพันเทพยนต์’ นอกจากนี้ยังมีรูปแมงมุมนาโนสีขาวด้วย

เป็นกองพันเทพยนต์แห่งสมาคมตระกูลหลี่ในตำนาน

นายทหารแห่งกองพันเทพยนต์ใช้หางตามองหลิวไท่อวี่แล้วว่า “รถของพวกเราจอดอยู่ข้างหน้า ฉันต้องการให้ทหารของนายลงจากรถบรรทุกมาใช้รถออฟโรดพวกเราแทน แล้วก็ให้ทหารกองกำลังส่วนตัวของนายถอดเครื่องแบบออกด้วย”

“ถ้าพวกเราถอดชุดตอนอากาศแบบนี้จะได้หนาวเอาตายนะครับ” หลิวไท่อวี่ตระหนก

นายทหารแห่งกองพันเทพยนต์ตอบกลับด้วยการพุ่งไปต่อยท้องของหลิวไท่อวี่ ทำเอาเขางอตัวล้มลงกับพื้น เปร่งเสียงอะไรออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ!

นายทหารกองพันเทพยนต์พูดเสียงนิ่ง “จะพูดอะไรเยอะแยะ”

รถบรรทุกทหารของหน่วยเริ่นเสี่ยวซู่อยู่ใกล้นายทหารของกองพันเทพยนต์ที่สุด เขาจึงได้ยินเสียงตลอดทั้งบทสนทนา ตอนที่เขาได้ยินว่านายทหารพวกนั้นอยากให้ทหารกองกำลังส่วนตัวถอดเครื่องแบบ เริ่นเสี่ยวซู่ก็รู้ทันทีว่าทหารนาโนแมชชีนพวกนี้มีแผนจะปลอมตัวออกเดินทางในคราบของทหารกองกำลังส่วนตัว

นาโนเทคโนโลยีของสมาคมตระกูลหลี่เป็นงานที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากมาตลอด ตอนนี้มันเอามาใช้งานบนสนามรบได้จริงแล้ว จึงนับว่าเป็นภัยใหญ่ของสมาคมตระกูลชิ่งและหยางอย่างแท้จริง

สมาคมตระกูลหลี่รู้ว่าในกองทัพของตนมีสายลับแฝงตัวอยู่ ดังนั้นกองพันเทพยนต์จึงหลบซ่อนตัว คิดจะโจมตีสมาคมตระกูลชิ่งทีเผลอ

ตอนที่ทหารของกองพันเทพยนต์เดินมาทางรถบรรทุกนั้น ทหารที่นำหน้าก็ตะโกนใส่พวกเริ่นเสี่ยวซู่ “ลงรถมานี่ แล้วถอดเครื่องแบบออก…” แต่พอคนที่พูดอยู่เห็นว่าพวกเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบก็ชะงักค้างไป

เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกขบขัน อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น เขายังไม่ได้รับมอบเครื่องแบบเลย…

นายทหารกองพันเทพยนต์ถาม “เครื่องแบบพวกนายอยู่ไหน”

เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างช้ำใจว่า “พวกเรายังไม่ได้รับมอบเครื่องแบบ ขนาดปืนยังไม่มีเลย…”

นายทหารกองพันเทพยนต์นิ่งงันไปพักหนึ่ง พวกเขาไม่เคยรู้จักมักจี่กับกองกำลังส่วนตัวมาก่อน ปัญหาพวกนี้ไม่เคยแวบเข้ามาในหัวด้วยซ้ำ!

นายทหารที่เพิ่งอัดหลิวไท่อวี่โมโหจนหัวเราะออกมา เขามองหลิวไท่อวี่ที่นอนอยู่บนพื้นพร้อมพูดว่า “ยักยอกอุปกรณ์เบี้ยเลี้ยงพวกเขาอย่างบ้าระห่ำไปไหม คิดว่าสมาคมตระกูลหลี่เลี้ยงดูแกให้มาเป็นปลิงงั้นเหรอ” จากนั้นก็เตะไปที่ศีรษะของหลิวไท่อวี่ด้วยความโมโหจนเขาสลบไป

พูดตามตรง ผู้บัญชาการของกองพันเทพยนต์ผู้นี้เชื่อมั่นว่าแผนการของตนต้องไปได้ด้วยดีแน่ พวกเขาจะปลอมตัวเป็นกองกำลังส่วนตัว เข้าใกล้สนามรบโดยที่พวกสายลับไม่ทันรู้ตัว หลังจากนั้นก็จะมุ่งขึ้นเขาไปลอบโจมตีพิฆาตปีกข้างของสมาคมตระกูลชิ่ง

สมรรถภาพของทหารนาโนแมชชีนนั้นแข็งแกร่งมาก พวกเขาสามารถใช้เส้นทางที่ทหารธรรมดาไม่อาจเดินทางไป เขาสามารถไปถึงจุดที่สมาคมตระกูลชิ่งคาดไม่ถึง

แผนนี้ทางศูนย์บัญชาการให้ไฟเขียวแล้ว ทุกคนคิดว่าสมาคมตระกูลหลี่กำลังเล็งเป้าไปที่สมาคมตระกูลหยาง ดังนั้นลอบจู่โจมสมาคมชิ่งทีเผลอย่อมได้รับชัยชนะแน่นอน

และถ้าสมาคมตระกูลชิ่งเกิดจุดอ่อนขึ้นมาจุดหนึ่ง สมาคมตระกูลหยางย่อมยินดีและใช้โอกาสนี้ชิงตักตวงด้วย

อย่างไรเสียที่สามสมาคมก่อสงครามก็เพราะเรื่องผลประโยชน์ ใครก็ตามที่กลายเป็นฝ่ายที่อ่อนแอที่สุดในสนามรบ ย่อมเผชิญกับการโจมตีอย่างดุดันจากอีกสองฝ่าย

แม้แผนการนี้จะไม่ถือว่าสมบูรณ์แบบ แต่ก็นับว่าเป็นแผนที่ดีมาก ทว่านายทหารของกองพันเทพยนต์ไม่ทันคิดเลยว่าแผนจะล่มตั้งแต่เริ่มแบบนี้

แค่มองเครื่องแบบของพวกเขา ใครๆ ก็รู้ว่ามาจากกองพันเทพยนต์ ต่อให้ขับรถของกองกำลังส่วนตัวไป ก็ยังไม่อาจบิดบังคนที่มองอยู่ได้หรอก

“พวกเราเอาไงดี” นายทหารของคนหนึ่งของกองพันเทพยนต์ถามขึ้น

ผู้บัญชาการของกองพันเทพยนต์กัดฟันกรอดแล้วว่า “ใส่ชุดพลเรือนของพวกเขาและให้พวกเขาใส่เครื่องแบบเราแทน ปล่อยให้พวกเขามุ่งไปแนวหน้าที่เขาเฟิ่งอี๋ต่อ ให้สายลับของศัตรูในกองทัพจับตาพวกเขาไป”

ดวงตาของเริ่นเสี่ยวซู่ทอประกาย ตอนนี้เขามีทั้งสิ้นสามตัวตนแล้วสิ เป็นทหารกองกำลังส่วนตัว เป็นนายทหารแห่งกองสืบสวนพิเศษ และก็เป็นสมาชิกในกองพันเทพยนต์ในเวลาเดียวกัน! เริ่นเสี่ยวซู่ไม่กลัวว่าจะมีตัวตนมากไปแม้แต่น้อย อย่างไรยิ่งมีตัวตนมากยิ่งจัดการอะไรๆ ง่ายขึ้น

ทหารกองพันเทพยนต์ตบหน้าเรียกสติหลิวไท่อวี่ หนึ่งในนั้นกระซิบ “เดินทัพไปให้ถึงแนวหน้าที่เขาเฟิ่งอี๋ภายในสิบวัน ถ้าไม่ถึงที่นั่นภายในสิบวัน ฉันจะจับนายขึ้นศาลทหาร ฉันจะส่งทหารนาโนแมชชีนห้านายให้อยู่กับนาย อย่าคิดตุกติกล่ะ”

ผู้บัญชาการของกองพันเทพยนต์ถึงกับติดตั้งกำไลข้อเท้าติดตามตัวที่หลิวไท่อวี่ แสงสีแดงสว่างวาบบนกำไลข้อเท้า ดูเหมือนว่ามันจะใช้ระบุที่อยู่ของหลิวไท่อวี่ได้ แต่ฟังก์ชันคงไม่ได้มีแค่การติดตามง่ายๆ เพียงอย่างเดียวแน่นอน ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะวางใจได้อย่างไรว่าหลิวไท่อวี่จะปฏิบัติตามคำสั่งจริงๆ

นอกจากอุปกรณ์ติดตามตัวแล้ว ยังส่งทหารนาโนแมชชีนติดตามกองกำลังส่วนตัวมุ่งไปแนวหน้าที่เขาเฟิ่งอี๋ด้วย นี่ถือเป็นมาตราการความปลอดภัยสองชั้นเพื่อรับประกันว่าแผนจะดำเนินได้ด้วยดี

ที่กองพันเทพยนต์ตัดสินใจจะรับบทบาทเป็นทหารกองกำลังส่วนตัวชั่วคราวก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนการ ทุกคนในสมาคมรู้ดีว่าพฤติกรรมของทหารกองกำลังส่วนตัวเป็นอย่างไร ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วจึงจะไม่วางสายลับไว้ในนั้น

อีกอย่างต่อให้พวกเขาจะพังแผนการรบของกองกำลังส่วนตัวได้ ก็มีผลกระทบน้อยนิดในภาพรวมอยู่ดี

ผู้บัญชาการกองพันเทพยนต์พูดเสียงเย็น “พวกนายตั้งแคมป์ที่นี่กันก่อน ค่อยเดินทางต่อพรุ่งนี้”

แต่เริ่นเสี่ยวซู่เกิดข้อสงสัยขึ้นมา กลุ่มคนตรงหน้าเขาคงไม่ใช่กำลังทั้งหมดของกองพันเทพยนต์ เขายังไม่เห็นหลิวชีกับหัวหน้าหน่วยโจวเลย เริ่นเสี่ยวซู่กำลังสงสัยอยู่ว่าตนเองจะมีโอกาสได้เก็บเกี่ยวนาโนแมชชีนไหมนะ

ตอนนั้นเอง หลี่ชิงเจิ้งก็ถาม “พวกเราจะเปลี่ยนไปใส่เครื่องแบบของกองพันเทพยนต์เหรอ”

เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้า “เป็นเรื่องดี”

หลี่ชิงเจิ้งเห็นความกระตือรือร้นในดวงตาของเริ่นเสี่ยวซู่ “เสี่ยวซู่มีแผนการแล้วสินะ บอกมาเร็ว”

“เปลี่ยนไปใส่เครื่องแบบของกองพันเทพยนต์” เริ่นเสี่ยวซู่ว่า “แล้วก็กลับไปกินอาหารดีๆ ที่ฐานปฏิบัติการที่เราเพิ่งเดินทางสักหน่อยไง!”

ทุกคนตะลึงพรึงเพริด ลำดับแรกที่ต้องทำหลังเปลี่ยนไปใส่เครื่องแบบกองพันเทพยนต์ คือกลับไปขโมยอาหารที่ศูนย์ปฏิบัติการหน้าเหรอ!

หลี่ชิงเจิ้งคิด ไม่ว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะได้ตัวตนอะไรมา เขาก็จะใช้มันได้อย่างเต็มที่จริงๆ…

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
Status: Ongoing
ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู “ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset