ตอนที่10 ได้สัตว์อสูรสงครามตัวแรกแล้วสิ
เบลซรีบกลับไปที่บ้าน
“ไข่ไข่ไข่ อยู่ไหนนะ” เบลซกวาดตาหาไปทั่วบ้าน
“ม่ายยย ไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง” เบลซพึ่งนึกได้ว่าตอนที่เข้าตื่นมาก็ตกใจกับข้อมูลที่ได้เลยเช็คหน้าจอสเตตัสแต่ไม่ไดสนไข่ที่อยู่บนหัวเตียงเลย
“ชิบหายลืมให้ความอบอุ่นจนไข่จะเย็นอยู่แล้ว” เบลซเอาไข่ไปห่อกับผ้าห่มแล้ววิ่งไปที่ห้องแล็บแล้วเอาไข่ไปเข้าเครื่องฟักไข่ทันที
แน่นอนว่าไข่มันขนาดใหญ่มากเลยต้องถอดชั้นทั้งหมดก่อนถึงจะใส่เข้าไปได้
“จะว่าไปในห้องแล็ปนี้…..มีหนู แมลง แล้วก็สัตว์ทดลองอีกเพียบเลยนี่หว่าถ้าถึงวันหายนะแล้วพวกนี้กลายเป็นสัตว์อสูรเพิ่มงานเปล่าฆ่าให้หมดเลยก่อนละกัน”
หลังจากคิดอย่างนั้นเบลซก็กำจัดสัตว์ทดลองทั้งหมดที่เหลือค้างในห้องแล็ปทิ้งทั้งหมดยกเว้นสิ่งที่ตัวเองเตรียมเก็บเกี่ยวของหายากไว้
จากนั้นเบลซก็ไปเก็บอุปกรณ์ตั้งแคมป์เข้าช่องเก็บของทำให้ตอนนี้ช่องเก็บของเหลือช่องว่างอีก7 ที่เหลือเต็มไปด้วย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เนื้อกระป๋อง ผักผลไม้อบแห้ง น้ำอัดลม กาแฟ ช็อกโกแล็ตแท่ง ง้าวกรีดนภา ของปฐมพยาบาล และ อุปกรณ์ตั้งแคมป์
แล้วก็อาชีพเสริมของเรายังเป็นนักตัดแต่งยีนงั้นก็เอาอุปกรณ์ทดลองพื้นฐานไปด้วยดีกว่า
หลังเก็บของเสร็จยังมั่นนั่งพัก เบลซก็รู้สึกได้ว่าไข่ยูท่าแร็พเตอร์กำลังจะฟักในอีกไม่นานแล้ว
ดังนั้นเบลซจึงไม่รอช้าลงไปที่ห้องแล็ปเพื่อรอการเกิดใหม่ของสัตว์ตั้งแต่ดึกดำบรรพนอกจากมันจะช่วยเบลซในการเอาตัวรอดแล้วมันก็เป็นความฝันของเบลซที่อยากจะขี่ไดโนเสาร์ด้วย
“แต่ว่าเหมือนมันจะได้รับยีนอย่างอื่นมาด้วยจะเป็นไรไหมนะ” เบลซกังวลเพราะในฐานะนักดัดแปลงพันธุกรรมเขารู้ดีว่ามันอันตรายมากการผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้มันไม่สามารถเกิดมาได้ “แต่ว่าเราได้มันมาจากระบบนี่นา” เบลซกลับไปมุ่งมั่นอีกครั้งแลมองไข่ที่กำลังเกิดรอยร้าวนิดๆ และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“แครก”
“แครก”
“แครก”
“แครก!!!” ในที่สุดก็มีกรงเล็บเล็กๆออกมาจากไข่ตรงแขนมีปีกเล็กๆคล้ายปีกนกหลังจากที่เปลือกไข่หลุดออกมาเรื่อยๆ สิ่งมีชีวิตข้างในพลิกตัวไปมาในไข่พยายามกะเทาะเปลือกเพิ่ม รูโหว่ที่ไข่ยังทำให้เห็นด้วยตาที่เป็นประกายและลวดลายที่อยู่บริเวณผิวหนัง
ในที่สุดมันก็กะเทาะไข่ออกมาให้พอจนผมช่วยอุ้มมันออกมาทำความสะอาดได้
“ไหนดูซิ” ผมดูลูกยูท่าห์แร็พเตอร์ขนาดของมันตอนนี้สูงแต่30เซนติเมตรยาวประมาณ70เซนติเมตร
ตัวของมันหุ้มไปด้วยหนังสีแดงอ่อนมีลายแต้มสีเขียวนึดๆ ตั้งแต่กลางกระหม่อมเป็นเส้นตรงไปจนถึงปลายหางและท้องแขนทั้งสองข้างเต็มไปด้วยขนนกสีแดงสดและแผ่พลังงานความร้อนอยู่ๆคลายเปลวเพลิงออกมา
เท้ามีกรงเล็บสามแฉกโดยแฉกที่อยู่ข้างหน้าใหญ่และเชิดขึ้นจนโดดเด่นอันเป็นลักษณะเฉพาะของยูทาห์แร็พเตอร์
และมีดวงตาสีแดงสดเหมือนกับสัตว์ที่มาจากนรกแต่ว่าพอผมมองไปที่ตาของมัน มันกลับส่งสายตากลับมาอย่างอ่อนโยน เรียกได้ว่ามันน่ารักมากๆแต่คงไม่ใช่กับศัตรูหละนะ
“แน่นอนว่าสัตว์จำพวกนี้มีปฏิกิริยาแรกกับสิ่งที่ขยับ มันจะคิดว่าเราเป็นพอมันรึปล่าวนะ” เบลซคิดไปสงสัยไปแต่แล้วก็ตัดสินใจว่าจะตั้งชื่อให้มันก่อนละกัน
“งั้นนายชื่อว่า ซีฟอส ละกันนะซีฟอสแปลว่าดาบ ฉะนั้นนายมีชื่อเล่นว่า เจ้าดาบน้อยละกัน”
“โกรูว โกรูว” ลูกยูทาห์แร็พเตอร์ร้องตอบเหมือนมันเข้าใจในสิ่งที่เบลซพูด
จะว่าไปเช็คความสามารถของนายหน่อยดีกว่า
ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ ระดับ1
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุไม่มี
อาชีพ ไม่มี
อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน
ฉายา นายแห่งอสูรอเวจี
Strength(แรงกาย) : 12+5
Agility(ความว่องไว) : 12+5
Vitality(พละกำลัง) : 8+5
Stamina(ความทรหด) : 14/9+5
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 25/20+5
สัตว์อสูรสงคราม
ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)
ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก) ระดับ1
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ เพลิง
Strength(แรงกาย) : 18
Agility(ความว่องไว) : 19
Vitality(พละกำลัง) : 34
Stamina(ความทรหด) : 19
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 7
ทักษะ เพลิงอเวจี ด้วยสายเลือดแห่งนรกอเวจีทำให้ใช้เพลิงที่จากนรกได้
“สุดยอดมีทักษะด้วย!” เบลซยิ้มด้วยความดีใจเพราะสัตว์อสูรปกติแล้วจะไม่มีทักษะ การที่สัตว์อสูรจะมีทักษะจะต้องวิวัฒนาการมาระยะหนึ่งก่อนการที่เกิดมาแล้วมีทักษะเลยแสดงว่ามันมีสายเลือดพิเศษและเมื่อวิวัฒนาการก็จะยิ่งแกร่งมากกว่านี้อีก นอกจากนั้นค่าสถานะก็ยังสูงกว่าสัตว์มากกว่าปกติด้วย
และที่สำคัญมันเป็นสัตว์อสูรสงครามของเรา!
“เอาหละกินซะนะ” เบลซเอาเนื้อสัตว์ที่แช่อยู่ในตู้เย็นมาวางใส่ถาดให้เจ้าดาบน้อย
“ฟูวววววว” ซีฟอสพ่นไฟสีม่วงออกมานึดเดียวเนื้อก็สุด และถาดก็ร้อนมาก
หลังจากทำให้สุกแล้วมันถึงอ่าปากแล้วก็กินเนื้อสุกเข้าไป
“รู้จักการทำอาหารให้สุกด้วย ฉลาดไม่เบานะเนี่ย จะว่าไปค่า Spirituality(จิตวิญญาณ) ตั้ง7ดูแล้วคงจะมีสติปัญญาเท่าเด็ก5ขวบหละมั้ง” เบลซคิดพลางทดสอบคำสั่งง่ายๆ เช่น อยู่นิ่งๆ มาทางนี้ กระโดด อะไรทำนองนี้ ซึ่งคำสั่งง่ายๆเจ้าดาบน้อยก็ทำได้เป็นอย่างดี
“เอาหละตามมานี้” เบลซสั่งเจ้าดาบน้อย เจ้าดาบน้อยก็เดินตามเบลซไปเหมือนลูกเดินตามป๊าป๋า ไปที่ห้องนอน
“เอาหละวันนี้ก็คือวันสุดท้ายที่สงบสุขได้เวลานอนเอาแรงแล้ว” จากนั้นเบลซล้มตัวลงนอนโดยมีเจ้าดาบน้อยนอนซุกอยู่ในผ้าห่มด้วยอีกตัว
.
.
.
.
.
ผมรู้ว่ามีคนอยากเห็นรูปเจ้าดาบน้อย อยากเห็นใช่มะ เอาไป
The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 10 ได้สัตว์อสูรสงครามตัวเเรกเเล้วสิ
Posted by ? Views, Released on October 12, 2021
, The Great Geneticist in Apocalypse
The Great Geneticist in Apocalypse
เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ
แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น
“พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment