ตอนที่13 ได้เวลาออกจากบาเรียแล้วสิ
“เอาหละระบบ!”
ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ ระดับ2
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ ระดับ ขาว (0/100)
อาชีพ ไม่มี
อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน
ฉายา นายแห่งอสูรอเวจี (+5ทุกค่าสถานะ เพิ่มความแรงธาตุไฟ และ เพิ่มอัมพาตธาตุสายฟ้า 50%)
Strength(แรงกาย) : 13+8
Agility(ความว่องไว) : 12+8
Vitality(พละกำลัง) : 8+8
Stamina(ความทรหด) : 17/9+8
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 28/20+8
ทักษะ ไม่มี
สัตว์อสูรสงคราม
ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)
ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก) ระดับ1
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 19
Agility(ความว่องไว) : 20
Vitality(พละกำลัง) : 35
Stamina(ความทรหด) : 19
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 7
ทักษะ
ด้วยสายเลือดแห่งนรกอเวจีทำให้ใช้เพลิงที่จากนรกได้(เพลิงแรงขึ้น75%)
พืชปรสิตดอกเถาโลหิต ระดับ1
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ พืช โลหิต ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 1
Agility(ความว่องไว) : 1
Vitality(พละกำลัง) : 38
Stamina(ความทรหด) : 1
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1
ทักษะ
+3ทุกสถานะของโฮสต์ และ โฮสต์สามารถเรียกเถาออกมาช่วยโจมตีหรือป้องกันได้โดยจะมีค่าสถานะทุกอย่างเท่ากับโฮสต์ ยกเว้นVitality ในขณะเดียวกัน เถาโลหิตต้องได้รับพลังงานทุกวันจากโฮสต์
แบ่งพลังธาตุพืชให้โฮสต์ใช้ชั่วขณะ ผ่านเถาวัลย์
ดูดเลือดหรือพลังงานมาฟื้นฟูให้โฮสต์
เบลซยิ้มออกมาแวบนึงแล้วกลับมาจริงจังอีกครั้งความพึงพอใจเพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่ได้ต่อสู้เลิศเลออะไรขนาดนั้นการมีสิ่งเหล่านี้ก็เหมือนกับพลังที่ทำให้เขาสามารถอยู่รอดต่อไปได้
เบลซออกจากแล็ปโดยมีซีฟอสตามมาติดๆ
เบลซแง้มหน้าต่างเล็กน้อย
“อ๊ากกกก”
“ช่วยฉันด้วย!”
“หลีกไป!หลีกไป!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนและชุลมุนดังออกมาบนถนน เบลซมองไปในทิศทางของเสียงกรีดร้อง
ตรงถนนไกลๆผู้คนหนีกันจ้าละหวั่น เขาเห็นหญิงสาวเสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อนคนหนึ่งถูกล้อมไปด้วยหนูตัวใหญ่เท่าหมาป่า2ตัว พูดตามตรงมันคล้ายๆกับที่ผมได้รับการทดสอบจากชิพเลยแค่ตรงหน้าผากไม่มีดวงจันทร์แล้วก็ฟันกับกรงเล็บแลดูไม่คมเท่าไหร่หรือโดยรวมคือเหมือนหนูที่ตัวใหญ่พอๆหมาป่าเฉยๆ กำลังกัดแทะร่างของหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง เลือดสดๆเปื้อนเสื้อผ้าของเธอ หญิงสาวดิ้นรนและกรีดร้อง แต่ไม่มีทางที่จะหลบหนี
เห็นฉากที่น่ากลัวนี้ในระยะทางไกลใจของเบลซรู้สึก เหมือนมีแรงบีบเกิดขึ้นในใจ เขาหยิบกล้องส่องทางไกลที่ไม่ได้ใช้มานานแล้วมองไปที่นั่นอีกครั้ง
ผ่านกล้องส่องทางไกลเบลซเขาสามารถเห็น สถานการณ์ได้ชัดเจน
สัตว์เดรัจฉานบ้าคลั่งกัดไปที่ร่างกายของเธออย่างต่อเนื่อง ฉีกชิ้นเนื้อสดและกลืนกินมัน
ช่างเป็นฉากที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง มันยิ่งทำให้เบลซ รู้สึกคลื่นไส้และจมไปกับความกลัว
แม้ว่าเขาจะรู้สึกกลัวแต่ก็ยังพยายามที่จะสังเกต อย่างใจเย็น
หนูทั้ง2ตัวก็ยังคงกัดสาวเสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อนจนร่างกายขาดรุ่งริ่ง ร่างของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลชิ้นเนื้อขาดหายไปจำนวนมาก หลังจากที่พวกมันกินไปพักนึงพวกมันก็หยุดกัดและเริ่มกระจายออกไปล่าคนอื่น ความเร็วในการเดินของมันค่อนข้างช้ามากแต่ดูเบามากเหมือนพยายามจะไม่ทำให้เหยื่อรู้ตัวว่าพวกมันเข้ามาใกล้ๆ และพวกมันเคลื่อนที่ไปเป็นกลุ่มเล็กๆสองสามตัว มีบางส่วนที่ไปตัวเดียว และ ส่วนน้อยไปเป็นกลุ่มหลายตัวและล้อมรอบบ้านที่มีบาเรียของคนที่แอบอยู่ในบ้าน ผมคาดว่าพวกมันคงไล่คนเหล่านั้นและพวกเขาก็โชคดีหนีเข้าไปในบาเรียได้แต่พวกหนูก็ยังคงเฝ้าอยู่รอบๆบ้าน ถ้าเขาออกไปแล้วถูกล้อมรอบหากไม่มีพื้นที่ให้หนีอาจจะโดนรุมเหมือนสาวคนนั้น
เบลซมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆในขณะที่คิดว่า
“นี่คือความโหดร้ายที่เกิดขึ้นของยุคหายนะสินะ แต่ว่านี้คงแค่พึ่งจะเริ่ม”
เบลซเริ่มวางแผนเขาก็มีความคิดว่าจะขี่เจ้าดาบน้อยออกไปข้างนอกตามแผนที่วางคร่าวก่อนวันหายนะเขาจะต้องไปช่วยๆเพื่อนๆและรวบรวมคนจำนวนหนึ่งยึดฐานขนาดเล็กก่อน
แต่สถานการณ์หนักกว่าที่เขาคิดนึดหน่อย พวกหนูยักษ์เยอะเกินไปถ้าเขาออกไปตอนนี้คงโดนรุมแน่ๆ จากที่นี้ไปถึงมหาลัยประมาณ15กิโลเมตร เจ้าดาบน้อยวิ่งไปเร็วที่สุดคือประมาณ65 กม./ชม. แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะวิ่งด้วยความเร็วสสูงสุดเพราะจะทำให้เสียงดังและลากพวกมันมากันเป็นโขยง แต่ช้าไปก็ไม่ดี คงให้วิ่งแค่ราวๆ 40 กม./ชม. เพราะว่าเขาไม่มีอานและมันก็กำลังดีถึงจะทำให้ดึงดูดหนูยักษ์รอบข้างแต่ก็คงจะมีแค่บางส่วนที่มาไล่จริงๆ เพราะส่วนใหญ่คงเฝ้าคนที่หลบอยู่ในบาเรียมากกว่า มาไล่ตามเราที่ขี่และวิ่งเร็วแน่ๆ
เบลซเรียกง้าวกรีดนภาออกมาจากช่องเก็บของแล้วก็เปิดประตูเบาๆออกมากับเจ้าดาบน้อย
เบลซค่อยๆย่อง ค่อยๆย่อง จนมาถึงหน้าบาเรีย แล้วก็ขึ้นขี่เจ้าดาบน้อยตั้งท่าให้มั่นมือนึ่งยึดตัวเองให้มั่นอีกมือนึงถือง้าวกรีดนภามั่น
“ไป” เบลซตบเบาแล้วกระซิบไป
เบลซและเจ้าดาบน้อยออกมาจากพื้นที่บาเรียและเริ่มวิ่งไปบนถนน
“ครึ่กครึก ครึ่กครึก ครึ่กครึก”