The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 49 ยึดฐานแล้วสิ

ตอนที่49 ยึดฐานแล้วสิ
 
ด้านทีมรถบัส
 
“นี้ Spiritualityของฉันใกล้จะหมดแล้วนะ” จางม่พูดพลางเอามือก่ายหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแต่เขาก็ยังคงยิงศรปราณต่อไปเนื่องจากเป็นทักษะที่ไม่ใช้พลังจิตวิญญาณแต่ว่าต้องรอเวลาในการควบแน่นพลังงานรอบๆมาสร้างเก็บไว้
 
จางมู่มองไปไกลๆเขายังเห็นกิ้งก่าเอล์ลิเกเตอร์แม็กซิกันยักษ์ไล่ตามมาอีกเกือบสิบตัวส่วนตัวที่มีพลังธาตุนั้นต่างก็ถูกไฟร์เออร์บอลของเอมิเลียกับศรปราณเคลื่อบพิษอัมพาตชั่วคราวของจางมู่จนไม่สามารถไล่ตามมาได้ ส่วนบางตัวที่เหลือก็ถูกหนามศิลาจากรถ กระบางหนามศิลา ของชินหวดเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ๆจนน็อคไปหรือไม่ก็บาดเจ็บจนตามมาไม่ทัน ส่วนเอลลี่เธอไม่ค่อยเหมาะกับการป้องกันเท่าไหร่นอกจากใช้ดาบที่เคลือบพลังธาตุลมฟันกิ้งก่าที่เข้ามาใกล้ๆแล้วก็แทบจะไม่ได้ทําอะไรเลย
 
แน่นอนว่าเกราะหนามศิลาที่ติดไว้รอบคันรถบัสแตกและหลุดออกไปหลายส่วนแล้วเหมือนกัน
 
“ถ้าฝั่งนั้นยังโจมตีไม่สําเร็จในเร็วๆนี้จะไม่ไหวแล้วนะ” ทั้งชิ้น จางม่เอมิเลียต่างก็เห็นพ้องต้องกันเพราะพวกเขาต่างก็ 
ใช้spiritualityไปเยอะมากอีกไม่นานก็ต้องหมดและพวกเขาก็จะยังสลบไปอีกด้วยแถมเอลลี่ก็ยังไม่เหมาะกับการป้องกันอีกถ้าเธออยู่บนพื้นดินลงไปสู้กับพวกมันก็ว่าปอย่างแต่การป้องกันรถบัสที่กําลังวิ่งอยู่มันไม่เหมาะกับเธอเลย 
 
ทีมจู่โจม
 
“เท่านี้ก็พอจะได้แล้ว” เบลซพูดหลังจากเถาพิษโลหิตดูดเลือดแอ่งหนึ่งมาฟื้นฟูให้เขามาส่วนนึงพอที่จะทําให้เขาขยับตัวอย่างคล่องแคล่วได้
 
เบลซขี่เจ้าดาบน้อยไปยังแกนกลางฐานโดยมีเรย์ลินสเกียและเหมียนเหมียนตามมา
 
เบลซมาถึงบริเวณที่เกิดเสาแสงใน เขาเห็นคริสตัลขนาดยักษ์สี่หลักเรียงเป็นรูปแบบสีเหลี่ยมโดยเรียงตามความสูงที่ปักอยู่บนพื้นดินมันเป็นหลักคริสตัลทั้งสี่นี้เองที่รวบรวมแสงไว้แล้วส่งขึ้นท้องฟ้าเป็นเสาแสงขนาดย่อมๆโดยหลักที่สูงที่สุด สูงราวๆ2.1เมตรหลักที่เตี้ยที่สุดสูงราวๆหน้าท้องของเขา 
 
แกนกลางฐาน!
 
เบลซเดินเข้าไปยังแกนกลางฐานเขาต้องทําจะทําตามข้อมูลที่ได้มาจากชิพนั้นก็คือเพียงแค่แตะไปที่คริสตัล
 
เค้ารู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่ปล่อยออกมาแต่เค้าก็ยังฝืนก้าวไปข้างหน้าที่ละก้าวที่ละก้าว
 
ตอนนี้เบลซอยู่ห่างกับมันแค่5ก้าวเท่านั้น!
 
“ตึก” หนึ่งก้าว
 
“ตึก” สองก้าว
 
“ตึก ตึก” สามก้าวสี่ก้าว
 
“ตึก!” ก้าวสุดท้ายเบลซมาถึงตรงหน้าแกนกลางฐานแล้วแรงกดดันตรงนี้มากกว่าตอนที่เริ่มเดินมาหลายเท่า
 
เบลซค่อยๆขยับมือของเขาที่ละนิด ทีละนิดอย่างยากลําบาก
 
“ย้ากกกก” เบลซตะโกนลั่นเค้นแรงออกมาเต็มร้อย! 
 
“แปะ” ฝ่ามือของเบลซสัมผัสกับหลักคริสตัลหลักที่เตี้ยที่สุดแล้วแล้ว
 
“ท่านได้พบกับแกนกลางฐาน”
 
“เงื่อนไขที่1 ล้มหัวหน้าเขต สําเร็จ!”
 
“เงื่อนไขที่2 ท่านมีระดับมากกว่า10 สําเร็จ”
 
“ยินดีด้วยท่านได้ยึดฐานสําเร็จ!”
 
“วูบบบบบบ” ทันใดนั้นหลักคริสตัลทั้งสี่ได้ลอยขึ้นและรวมตัวกันเป็นคริสตัลเพียงชิ้นเดียวมันดูดแสงสีขาวเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดเสาแสงก็หายไป
 
มันรวมกลายเป็นคริสตัลก้อนเดียว
 
จากนั้นละอองสีฟ้าก็รวมตัวเข้าไปในคริสตัลเรื่อยๆ
 
จุดแสงสีฟ้าปริศนาที่เกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่ามากขึ้นเรื่อยๆเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดรูปร่างของคริสตัลกค่อยๆเปลี่ยนไปเช่นกันมันค่อยๆถูกบีบอัดลดขนาดลงเรื่อยๆจนรูปร่างคล้ายๆกับหยดน้ําที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมและเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเหมือนกับแสงที่มันดูดเข้าไป
 
“วิ่งงงงง”
 
ทันใดนั้นคริสตัลได้ส่องแสงสีฟ้าออกมาจุดแสงสีฟ้าที่ออกมากความว่างเปล่าได้หายไปเหมือนไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรกเหลือเพียงคริสตัลสีฟ้าอ่อนมันเปล่งคลื่นแสงออกมาเป็นโดมทรงกลมรอบบริเวณรัศมี200เมตร
 
ถูกแล้วมันเหมือนกับบาเรียตอนแรกที่วันแห่งหายนะเกิดขึ้นแต่ว่าเป็นสีฟ้าและกินบริเวณกว้างนั้นเอง
 
นี้คือฐาน!
 
นอกจากนี้ฐานยังมีฟังก์ชั่นอีกมากที่แตกต่างจากการสร้างที่มั่นขึ้นมาเอง
 
“เอาหละก่อนอื่นก็ต้องบอกก่อนว่าสําเร็จไปได้ด้วยดี”เบลซพูดด้วยความดีใจ
 
ทีมป้องกัน
 
“ฉันใกล้จะไม่ไหวแล้ว” จางม่พูดสั้นๆ แม้ว่ามันจะสั้นแต่ว่าก็สื่อความหมายได้ชัดเจนที่สุดอาการมึนหัวอย่างหนึกกําลังรุมเร้าเข้ามาในขณะที่ยังมีกิ้งก่ายักษ์ไล่ตามพวกเขา มาอยู่ห้าหกตัว
 
“ขอโทษด้วยจริงๆแต่ฉันไม่สามารถใช้ได้มากกว่านี้แล้ว” เอมิเลียพูดเพราะว่าเธอขับรถบัสอยู่เธอไม่สามารถใช้ไฟร์เออร์บอลจนตัวเธอปวดหัวได้ไม่งั้นมีปัญหาต่อการขับรถแน่
 
“เราควรให้มันเข้ามาใกล้อีกหน่อยก่อนที่จะจัดการไหม?” ชินพูดแต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่ได้รับภาระหนักสุดเพ ราะว่าเขาต้องคอยหวดกิ้งก่าที่เข้ามาใกล้แล้วก็ยังต้องซ้อมเก ราะหนามศิลาที่ติดอยู่บนตัวรถด้วยแม้ว่าจะซ้อมแต่ว่ามันก็ยัง เสียหายเรื่อยๆจนหายไปครึ่งนึงแล้ว
 
“วิ่งงงงง” ทันใดนั้นแสงสีฟ้าได้ขยายตัวออกจากบริเวณแกนกลางฐานเป็นรูปโดมเหมือนกับบาเรียที่ป้องกันบ้านในตอนช่วงแรงของวันนี้เลย
 
“ดูเหมือนจะสําเร็จแล้วนะไปเร็ว” เพิ่งหยิ่งหยิงพูดด้วยท่าทางดีใจสุดโต่งก่อนที่จะ
 
“โฮกกกกกกก” กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันยักษ์คํารามด้วยความเกรี้ยวกราดมันไม่รู้ว่าแสงสีฟ้านี้คืออะไรแต่สัญชาตญาณของพวกมันบอกว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ดีอย่างแน่นอนพวกมันเร่งความเร็วขึ้นจนแทบจะติดกับท้ายรถบัสแล้ว
“เร่งความเร็ว เร็วเข้า!” ชินพูด
 
“โครม!” กิ้งก่าเอล์ลิเกเตอร์แม็กซิกันยักษ์ตัวหนึ่งกระโจนพุ่งเข้าชนเกราะหนามศิลาจังๆเนื่องจากหนามนั้นแตกเสียหายไปเยอะแล้วครั้งนี้มันจึงกระโจนพร้อมกับกรงเล็บสองข้างตะปบเกราะหนามศิลาส่วนท้ายรถบัสหลุดไปทั้งชิ้น
 
“หยุนเฟย นายจะทําอะไรหนะ!” เพิ่งหยิ่งหยิงตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจปนผวา
 
“ก็โยนเธอลงไปยังไงเล่า! พวกมันจะได้กินเธอในขณะที่พวกเราจะอยู่รอด” หยนเฟยพูดด้วยท่าทางวิปริต เหมือนคนสติแตก
 
“นายจะตายก่อนนั้นแหละ” ชินพูดพลางจ้างกระบองหนามศิลาจะฟาดแต่หยุนเฟยก็เอาตัวเมิ่งหยิ่งหยิงมาบังตัวเอง เอาไว้
 
“ไอเวรนี้” ชินอดไม่ได้ที่จะสบท
 
“ปล่อยนะ ปล่อย!” เมิ่งหยิ่งหยิงพยายามดิ้นแต่ว่ามีหรือที่หญิงสาวตัวเล็กๆที่ข้อเท้าแพลงอยู่จะสู้แรงหยุนเฟยได้อย่างไร?
 
“แบ็ก” หยุนเฟยเดินลงไปชั้นหนึ่งเปิดประตูรถบัสเตรียมจะโยนเพิ่งหยิ่งหยิงลงไป
 
“ไม่นะ ฮือๆ” หยิ่งหยิงพยายามดิ้นรนสุดแรงเกิดแต่ก็ไม่ห ลุด
 
“หยุนเฟยอย่าทําอะไรบ้าๆนะ!” อิฟฟรากับอิโนะตะโกนถ้าเขาสองคนรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้พวกเขาจะไม่ขอให้เบลซไปรับหยุนเฟยมาแน่นอน
 
“หยุนเฟยถ้าแกโยนเธอลงไปฉันจะถีบแกลงไปด้วย”ชินพูด
 
“แน่จริงก็ถีบลงไปเลยเซ่ ฉันกับแม่นี้จะได้ลงไปตาย พร้อมกันมีสาวสวยตายตามข้าไปในนรกด้วยแค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว” หยุนเฟยพูดด้วยสีหน้าน่าเกลียดก่อนจะเตรียมโยนเพิ่งหยิ่งหยิงลงไปแต่ในใจกลับคิดว่า “ถ้าฉันโยนแม่นี้ลงไปคนพวกแกก็จะต้องลงไปช่วยแล้วมันก็จะเป็นโอกาสในการยึดรถบัสของฉัน!”
 
“ฉีบ” ทันใดนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเอลลี่กระโดดลงมาจากบันไดชั้นสองลงมาถือดาบเคลือบพลังลมในทิศทางปลายดาบปักลงพื้นไปทางแขนของหยุนเฟย
 
“ฉัวะ” แขนข้างที่จับเพิ่งหยิ่งหยิงขาดออกจากร่างกายเอลลี่รีบคว้าตัวเธอทันทีและถีบหยุนเฟยลงไปแทน
 
“ม่ายยยยยยยย” หยุนเฟยกรีดร้องด้วยความไม่ยินยอมในขณะที่รถบัสค่อยๆเคลื่อนที่ห่างจะตัวของเขาไป
 
“อ้ากกกกกกกกกกกก” เสียงน่าสยดสยองดังขึ้นหลังจากรถบัสไปได้ไม่นาน ในขณะที่รถบัสได้ขับเข้าไปในม่านบาเรียสีฟ้า

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset