The Great Geneticist in Apocalypse
ตอนที่ 53 กลางคืนว่างๆแล้วสิ
เมื่อความมืดมาเยือนโดยสมบูรณ์ เบลซและคนอื่นๆต่างก็ทํากิจกรรมต่างๆของตัวเอง อย่างเรย์ลินกับเซลินตอนนี้ก็ยังเดินจับมือหวานแหววกันอยู่
“ชูววววววว” เบลชอาบเดินเข้าห้องอาบน้ําเดี่ยวเข้าเตรียมแค่สบู่แชมพูเสื้อเปลี่ยนและผ้าเช็ดตัวส่วนพวกถังน้ํากับขันตักเขาไม่ต้องใช้เพราะว่าตัวเองเสกน้ําออกมาได้
“ชูววววววว” หลังจากขัดถูตัวทําความสะอาดเรียบร้อยแล้วเบลชก็อดไม่ได้ที่จะยืดแขนขาก่อนจะพูดออกมาอย่างผ่อนคลาย “สดชื่น-” หลังจากนั้นเค้าก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็กลับมาที่ห้องนอน
อีกด้านหนึ่ง
“ย้าฮูววววว” เพิ่งหยิ่งหยิงตะโกนเสียงดังก่อนจะปินอ่างแล้วก็กระโดดลงอ่างน้ําดัง “ตู้มมมมมมมม”
“เดี๋ยวเถอะนั้นมันน้ําที่ใช้ร่วมกันนะ” รินดุ
“พวกเธอก็มาแช่ด้วยกันสิสบายดีออก” เพิ่งหยิ่งหยิ่งไม่รู้สึกว่าตัวเองทําอะไรผิดแม้แต่น้อยแล้วโบกมือเรียกคนอื่นๆมาแช่ด้วย
“งั้นไม่เกรงใจหละนะ” ช่วยไม่ได้ยังไงในเมื่อเห็นอ่างแช่ข้างหน้าพวกผู้หญิงก็อดไม่ได้ที่จะลงไปแช่
“งั้นฉันด้วย” เอลลี่ตอบก่อนจะลงไปตาม
“ฉันด้วยค่ะ” เอมิเลียตามมาอีกคน
ตอนนี้ในอ่างมีสี่สาวกําลังแช่อยู่แต่เวลาถูสบู่สระผมก็จะลุกออกมาข้างนอกเพราะว่าไม่อยากให้น้ําสะอาดเปื้อนสบู่และแชมพูแล้วมันก็เปลืองด้วยที่จะเอาสบู่กับแชมพูลงไปตีฟองในน้ํา
“จะว่าไปวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงกันบ้างนะ” เมิ่งหยิงหยิงกล่าวตัวความกังวล
“ไม่เป็นไรหรอกน่ามีหมอนั้นซะอย่าง” เอลลี่ตอบพลางเอามือตีหัวหยิ่งหยิ่งเบาๆ
“พวกเธออาบน้ํากันหมดแล้วหรอ? ไม่ชวนฉันเลย!” เซลินพูดด้วยท่าทางน้อยใจ
“ก็ไปสวีทกับเรย์ลิ่นไม่ใช่หรอ” เพิ่งหยิ่งหยิงตอบด้วยท่าทางหยอกๆพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ไม่ใช่ซะหน่อย!” เซลินทําท่าอึดอัดก่อนจะอายม้วนแล้วพูดต่อ
“จะว่าไปเอลลี่จ้า ช่วยสอนดาบให้ฉันหน่อยนะๆๆๆ” เซลินจับแขนเอลลี่แกว่งไปแกว่งมาพลางพูด
“ได้สิถ้าเธอมีดาบอีกเล่มนะ”
“ฉันไม่มีหรอกแต่ว่ามีดาบไม้ในอาคารผู้ฝึกสอนหละ” เซลินพูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
“งั้นไปด้วยก็ได้หยิงหยิงขอน้ําราดหัวหน่อย”
“ซูววววว” เมิ่งหยิ่งหยิงแบมือเหนือศีรษะของเอลลี่แล้วเสกสายน้ําออกมาจากฝ่ามือเหมือนก๊อกน้ํา
หลังจากเอลลี่ล้างผมเสร็จแล้วเธอก็แต่งตัวจากนั้นพวกเธอทั้งสองคนก็ไปอาคารผู้ฝึกสอน
ที่อาคารผู้ฝึกสอน
“สวบ สวบ สวบ” จางมู่กําลังฝึกยิงธนูพร้อมกันสามดอกอยู่ในขณะที่มีโฮมุนครูสนักธนูกําลังสอนเขาอยู่
“นายต้องยิงให้แม่นกว่านี้! ธนูนัดที่อยู่ตรงกลางดีแล้วแต่ลูกที่สองกับสามมันช่างโหลยโท่ย! เพิ่มความสมดุลของนิ้วเข้าไปแบบนี้แล้วนายเรียนของฉันฝันไปเถอะ!ของจริงมันต้องแบบนี้” โฮมุนครูสนักธนูกล่าวก่อนจะน้าวสายด้วยนิ้วโป้ง ชี้ กลางนางศรปราณทั้งสามปรากฏขึ้นและยิงออกไปศรปราณทั้งสามโดนตรงกลางเป้าทั้งหมดดูต่อไป
จางมู่ยังคงฝึกต่อไปด้วยความพยายามปนหัวร้อน
“แล้วก็อย่าลืมจ่ายค่าจ้างด้วยหละ”
“ค็อกคอก” จางมู่ที่กําลังพยายามถึงกับสตั้นจนสําลักน้ําลายถ้าเกิดว่ามีน้ําอยู่ในปากหละก็คงพ่นออกไปแล้ว
จากนั้นเอลลี่กับเซลินก็มาถึงอาคารฝึกสอน พวกเธอเดินไปหาโฮมุนครูสที่เป็นนักดาบมือเดียวที่ยืนอยู่ตรงลานหุ่นฟาง
“ พวกเจ้าต้องการเป็นนักดาบร?”
“ใช่แล้วค่ะ” เซลินตอบด้วยความกระตือรือร้น
“เสียใจด้วยเจ้ายังใช่ดาบไม่เป็นเลยไปฝึกก่อนไป”
“งั้นขอยืมลานฝึกหน่อยนะคะ”
“ได้สิชั่วโมงละ20เหรียญชีวิต แต่คงต้องไปหาก่อนหละนะ” โฮมุนครูสนักดาบตอบเนื่องจะถูกสร้างจากระบบพวกเขาสามารถเห็นเหรียญของผู้วิวัฒนาการได้แน่นอนว่าเซลินที่พึ่งดูดซับคริสตัลมาเมื่อกี้ยังไม่มีซักเหรียญ ถ้าหากเป็นพวกโฮมุนครูสพ่อค้าหละก็คงไล่ตะเพิดกลับไปแล้ว
“งั้นฉันให้ยืมก่อนละกันนะ” เอลลี่พูดแล้วหันไปพูดกับโฮมุนครูสนักดาบ “ใช้เหรียญของฉันแทนก็ได้ค่ะ”
“ได้สิ” โฮมุนครูสตอบแล้วเหรียญชีวิต20เหรียญก็ถูกหักไปจากหน้าจอระบบของเอลลี
“ขอบใจนะ”
“จ่ะ”
“นี่เธอหนะมีแววใช้ได้หนิ” โฮมุนครูสนักดาบพูดกับเอลลีก่อนจะเสนอ “เธออยากลองเรียนทักษะไหมหาก ว่าเธอผ่านนอกจากจะได้ทักษะแล้วยังจะได้เข้าใจความลึกซึ้งของดาบเพิ่มด้วยนะไม่แน่อาจจะได้เลื่อนจากนักดาบฝึกหัดเป็นนักดาบก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะขอสอนเพื่อนก่อน” เอลลี่พูดแล้วก็เข้าไปในลานฝึกกับเซลิน
“ถ้าว่างๆ ก็ค่อยมาก็ได้นะ” โฮมุนครูสนักดาบพูดก่อนจะกลับไปซ้อมดาบเหมือนเดิม
อีกด้านหนึ่ง
“เจ้าดาบน้อยจะเป็นยังไงบ้างนะไปดูดีกว่า” เบลซคิดก่อนจะตัดสินใจออกไปดู
“กลายเป็นไข่อีกละ” เบลซมองไปที่ไข่สีส้มอมแดงขนาดเท่ากับโต๊ะทํางานซักตัวเข้าไม่รู้ว่าครั้งนี้มันจะวิวัฒนาการเป็นตัวอะไรแต่คิดว่ามันน่าจะบินได้เพราะว่าตรงแขนมันมีขนนกคล้ายๆกับปีกแต่ว่ามันเล็กไปเลยทําให้บินไม่ได้แล้วก็ยังมีหลายทฤษฎีที่คาดว่าไดโนเสาร์วิวัฒนาการเป็นนกแต่ว่าถ้าเอาระบบในยุคนี้มาคิดด้วยอะไรก็ได้แล้วหละ
“มันอาจจะวิวัฒนาการเป็นนกยักษ์ไม่ก็ไดโนเสาร์ตัวใหญ่ๆมั้งจะเป็นตัวอะไรนะ?” เบลซคิดแต่ว่าคิดไปก็เท่านั้นตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรทํา
“ไปดูที่อาคารผู้สอน ร้านปรุงยาแล้วก็ร้านตีเหล็กดีกว่า”เบลซคิดแล้วก็ไปเลยในทันทีโดยเริ่มจากร้านปรุงยาก่อน
“คุณลูกค้าเชิญๆ ไม่ทราบว่าต้องการอะไร” ทันทีที่เข้ามาเบลซก็เจอกับโฮมุนครูสชายแก่สวมผ้าคลุมยาวถึงพื้นแน่นอนว่าเขาเป็นนักปรุงยาและเขาก็สัมผัสได้ถึงเงินจํานวนหนึ่งของเบลซได้ในทันทีจึงต้อนรับเขาเหมือนลูกค้ารายสําคัญ
“ผมอยากจะดูสินค้าหน่อยหนะครับ”
“เนื่องจากว่านี้เป็นช่วงแรกๆเรามีน้ํายาฟื้นฟูจิตวิญญาณขนาดเล็กและน้ํายาฟื้นฟูขนาดเล็กขวดละ25เหรียญชีวิตไม่ทราบว่าต้องการเท่าไหร่?”
“เอิ่มมม เอาอย่างละขวดครับ”
“ได้เลย” โฮม็นครูสยืนขวดแก้วขนาดเล็กที่เขาสามารถดื่มน้ําจากในนั้นหมดได้ในสองสามอีก ขวดหนึ่งเป็นน้ํายาสีแดงอีกขวดเป็นสีฟ้าแล้วเหรีญชีวิต50เหรียญก็ถูกหักจากหน้าจอระบบของเบลซ
“ประเมิน
“น้ํายาฟื้นฟูระดับ5(ขาว) ฟื้นฟู Stamina5หน่วยทันทีที่ดื่มหมดขวดและรักษาอาการบาดเจ็บทางกายภาพเล็กน้อย”
“น้ํายาจิตวิญญาณระดับ5(ขาว) ฟื้นฟูSpirituality 5แต้มทันทีที่ดื่มหมดขวด”
“ขอบคุณครับ” เบลซพูดก่อนออกจากร้านไปและตรงไปยังร้านตีเหล็กที่อยู่ข้างๆ
“แล้วมาอีกน่ะ” โฮมุนครูสนักปรุงยากล่าวทิ้งท้าย
เบลชมาถึงที่ร้านตีเหล็กเมื่อเห็นว่าใต้ถุนบ้านที่เปิดโล่งไม่มีใครอยู่เบลชจึงเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
“แอ๊ดด” ทันทีที่เปิดเข้ามาเบลซก็เจอกับชายมีเคราคนหนึ่งกําลังนั่งดื่มเบียซึ่งไม่รู้ว่าเอามาจากไหนเขาเดินเข้ามาถามเบลซว่า “นายอยากอะไรหรอเดินดูก่อนได้” แล้วก็ชี้ไปที่ผนังทั้งสองฝั่งที่เต็มไปด้วยอาวุธต่างๆไม่ว่าจะเป็นดาบหอกขวานและของใช้ทั่วๆไปอย่างเข็ม พลั่ว อีเต้อ พลั่วขุดเหมือง) ค้อนตอกตะปูตะปู ฯลฯ ก็มีขายเช่นกันแต่บอกได้เลยว่าโคตรแพง เข็มเล่มละ1เหรียญชีวิต ดาบเหล็กเล่มละ180เหรียญชีวิตแพงเกิน
“คือว่าผมอยากให้ปรับปรุงไอนี้ให้หน่อยหนะครับ”เบลซหยิบง้าวกรีดนภาและเปลือกของหิงห้อยประกายเพลิงออกมา
“ของดีนะเนี่ย! เธออยากให้ฉันหลอมพวกมันเข้าด้วยกันใช่ไหม?”
“ครับ”
“งั้นฝากไว้ได้เลยเดี๋ยวมารับพรุ่งนี้เช้า ราคา150เหรียญชีวิต”
“ฝากด้วยนะครับ” แล้วเหรียญชีวิตของเบลซก็ลอยหายไป อีก150เหรียญ
The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 53 กลางคืนว่างๆแล้วสิ
Posted by ? Views, Released on December 7, 2021
, The Great Geneticist in Apocalypse
The Great Geneticist in Apocalypse
เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ
แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น
“พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment