The Great Geneticist in Apocalypse
ตอนที่ 56 ได้กอดแล้วสิ
“ฮับ!” เอลลี่ยื่นมือออกไปเก็บผลสัมมาสองสามผลใส่ กระเป๋าเป้
“ไปกันต่อ” เบลซพูดแล้วทั้งคู่ก็เดินสํารวจต่อไป
“ระวัง!” หลังจากเดินเข้าไปอีกซักพักประสาทสัมผัสของเบลซตื่นตัวเขารู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหว
“ซิกซิก ซิกซิก” พุ่มไม้รอบๆสั่นไหวไปมาแมงปองตัวหนึ่งเดินออกมาเปลือกของมันเป็นสีฟ้าระยิบระยับตัวยาวประมาณศอกนึ่ง เข็มพิษที่ปลายหางชูช่อเตรียมพร้อมที่จะซัดใส่ศัตรูตลอดเวลา
“ประเมิน”
“แมงปองคริสตัล(ขาว)ระดับ8”
“ระวังด้วยหละเจ้านี้ที่พิษ” เบลซเตือน ในชิพก็มีข้อมูลของมัน มันเป็นสัตว์อสูรที่ไร้ธาตุแต่ว่ามีพิษร้ายแรง ถ้าคนธรรมดาถูกพิษของมันเข้าจะตายภายใน3-5นาทีต้องให้เป็นผู้วิวัฒนาการสีขาวก็ตายภายในสองสามชั่วโมง ส่วนที่สิ่งมีชีวิตสีเขียวอ่อนจะทําให้รู้สึกเจ็บร้อนเฉยๆแต่ไม่ถึงตาย ส่วนสูงกว่านั้นพิษ ระดับต่ําพวกนี้ล้วนไม่มีผล
“แคร้ง!” เอลลี่พุ่งเข้าไปสะบัดดาบที่เคลือบด้วยพลังธาตุลมด้วยความเร็วสูงไปยังเปลือกของมัน เกิดรอยสีขาวลึกและรอยปริแตกรอบๆแต่ว่าก็ยังไม่สามารถทะลวงเข้าไปได้ จําเป็นต้องซ้ําอีกรอบถึงจะทําลายเปลือกของมันได้
“ซีบ” แมงปองคริสตัลซัดปลายหางออกไปโดยเล็งไปที่เอลลี่
“หมับ!” เบลซพุ่งเข้าไปจับเหล็กในที่ปลายหางของมัน มือลุกท่วมไปด้วยเพลิงส้มแดงประกายเขียวอ่อนไหม้ปลายหางเป็นเถ้าถ่าน
“กวีซซซซซซซซซซ” แมงปองคริสตัลร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่จะเอาก้อมโตๆทั้งสองข้างหนีบไปที่ขาทั้งสองข้างของเบลซ
“ไม่เจ็บเลยแฮะ” เบลซพึมพัมหลังจากเข้าวิวัฒนาการเป็นสีเขียวอ่อนระดับสีขาวแทบจะไม่ต่างจากสัตว์ทั่วๆไปในสายตาของเขา โครงสร้างทางร่างกายมันต่างกันลิบลับ เขารู้สึกว่าก้ามขนาดยักษ์ที่กําลังหนีบขาเขาอยู่ เหมือนกับกําลังนวดให้ขาของเขามากกว่า
“เธอจัดการได้เลยนะ” เบลซบอกกับเอลลี่
“อื้อ! แครก แครก ฉีก ฉีก ฉีก” เอลลี่กระหน่ําแทงไปที่หัวของแมงปองคริสตัลสี่ห้าที่ก่อนที่มันจะตาย
“มันน่าจะมีตัวอื่นอยู่รอบๆนี้นะ” เบลซพูด
“งั้นไปสํารวจต่อเถอะ” เอลลี่พูดก่อนจะรวบรวมความกล้า จับมือเบลซไว้ด้วยความเหนียมอายพลางหลบหน้า
เบลซรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย “วันนี้เอลลี่ทําตัวแปลกแต่ก็ดูน่ารักดีแฮะ” เบลชคิดก่อนที่จะไปสํารวจกันต่อ
หลังจากนั้นเบลซกับเอลลี่ก็เข้าไปสํารวจต่อแล้วก็เจอโพรงขนาดใหญ่พอที่จะเดินเข้าไปได้พวกเขาเห็นแมงปองคริสตัลสองสามตัวเข้าๆออกๆบริเวณปากโพรง
เบลซและเอลลี่เคลื่อนไหวเบาไปแอบในพุ่มไม้แล้วสอดส่องทันที
“เราจะเข้าไปกันดีมั้ย” เอลลี่ถาม
“ก็ต้องเข้าไปนั้นแหละอาจจะได้เจอของดีๆข้างในก็ได้” เบลซพูดจากเซ้นส์ของตัวเค้าเองบอกได้เลยว่าข้างในยังมีอะไรแน่ๆ และมันก็ไม่ค่อยดีที่จะมาอยู่ใกล้ๆกับฐานของเค้า เค้าจะต้องลองเข้าไปดูว่ามีอะไร
“จะว่าไปวันนี้เหมือนพวกมันเลื่อนระดับจากเมื่อวานพอสมควรระวังตัวด้วยหละ” เบลซกระซิบ
“อื้อ!”
“เถาโลหิต” เบลซเรียกเถาพิษโลหิตออกมาก่อนจะควบคุม ให้มันมุดไปใต้ดินตรงกับตําแหน่งของแมงปองคริสตัลทั้งสามตัวพอดี
“ฉีก ฉีก ฉีก” เถาพิษโลหิตแทงขึ้นมาจากพื้นดินไปยังหัวของพวกมันสามตัวแน่นอนว่าเถาพิษโลหิตระดับเขียวอ่อนซุ่ม โจมตีระดับขาวสามตัวพวกมันตายในทันที
เบลซและเอลลี่ช่วยกันเก็บคริสตัลและเลาะเปลือกที่เหมือนกับเกราะคริสตัลมาเก็บไว้
ในช่องเก็บของแล้วก็เข้าไปสํารวจในถ้ําต่อ “รอตรงนี้แปปนึงนะ” เบลซพูดพลางตบไหลเอลลี่
“จ๊ะ” เอลลี่ตอบเสียงใสและจริงจังก่อนจะมองรอบๆอย่างระมัดระวัง
ในขณะเดียวกันเบลซหยิบคริสตัลไฟที่มีประกายสีเขียวอ่อนออกมาก่อนจะ “ดูดซับ”
“ท่านดูดซับคริสตัลไฟ(เขียวอ่อน) ได้ค่าวิวัฒนาการ+9และ
หลังจากที่ส่องไปทําให้เบลซเห็นว่ายังมีทางข้างหน้าอยู่อีก และแสงยังส่องไปไม่ถึงปลายถ้ํา
“ทีนี้เราจะสํารวจหรือไม่สํารวจดี?” เบลซคิดตอนนี้พวกเขามีกันแค่สองคนถ้าเกิดว่ามีพวกแมงปองหรือสัตว์อสูรอะไรก็แล้วแต่ ที่มีจํานวนเยอะเค้าอาจจะไม่รอดได้ถ้าหนีไม่ทันและมันก็เป็นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“แต่ว่าถ้าเกิดว่ามีไม่กี่ตัวพาเพื่อนมาเยอะๆก็ไม่คุ้มเสียอีก แถมถ้ําก็แคบสู้พร้อมกันหลายๆคนไม่ได้” เบลซพิจารณาในใจ
“วันนี้เป็นวันที่สองของยุคมืดพวกสัตว์อสูรธรรมดาน่าจะเพิ่มระดับจะ1-5มาเป็นราวๆ1-7 ส่วนพวกตัวที่มีธาตุหรือพิเศษหน่อย ก็น่าจะยังไม่เกิน15 ถ้าไม่ไหวจริงๆก็น่าจะหนีได้ งั้นลองไปดูก่อนนิดหน่อยก็ไม่เสียหาย” หลังจากคิดไปคิดมารวมถึงเหตุผลและสถานะการณ์เข้าด้วยกันแล้วเบลซถึงตัดสินใจได้ “งั้น เราไปกันต่อดีว่าแต่ว่าต้องระวังหน่อยนะ”
“อื้อ” เอลลี่พยักหน้าแล้วค่อยๆเดินตามเบลซไป
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในถ้ําต่อ ด้วยระดับที่สูงและขั้นวิวัฒนาการสีเขียวอ่อนทําให้เบลซเดินจัดการแมงป่องที่เขาเห็นตามทางได้สบาย โดยให้เอลลี่เป็นคนโจมตีปลิดชีพจะได้แบ่งแต้มเลื่อนระดับให้เอลลี่มากหน่อยพวกแมงปองคริสตัลธรรมดาไม่ค่อยมีผลในการเลื่อนระดับของเบลซแล้ว
“จะว่าไปในที่แบบนี้ จําได้ว่าเมื่อคืนเราได้ทักษะระดับเขียวอ่อนมาหนิ ใช่!ทําไมเราถึงพึ่งนึกได้ตอนนี้!” เบลซอดไม่ได้ที่จะต้องกุมขมับถ้าเกิดเขาดูดซับทักษะภูตเงาเพลิงมาก็จะสามารถเข้าไปสํารวจได้ง่ายขึ้น
“รอตรงนี้แปปนึงนะ” เบลชพูดพลางตบไหลเอลลี่
“จ๊ะ” เอลลี่ตอบเสียงใสและจริงจังก่อนจะมองรอบๆอย่างระมัดระวัง
ในขณะเดียวกันเบลซหยิบคริสตัลไฟที่มีประกายสีเขียวอ่อนออกมาก่อนจะ “ดูดซับ”
“ท่านดูดซับคริสตัลไฟ(เขียวอ่อน) ได้ค่าวิวัฒนาการ+9และทักษะ”
“ระบบ”
ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ เหรียญชีวิต94เหรียญ
ระดับ13
สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน(61/100) 4ธาตุบวกค่าสถานะ75%
พลังธาตุ
อาชีพ ไม่มี
อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน
ฉายา
Strength(แรงกาย) : 38[(15)+11.5]
Agility(ความว่องไว) : 34.25[(13)+11.5]
Vitality(พละกําลัง) : 30.75[(11)+11.5]
Stamina(ความทรหด) : 33/36[(14)+11.5]
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 44.25/46.5[(20)+11.5]
ทักษะ
ทําให้ร่างกายปกคลุมไปด้วยออร่าแห่งไฟ เมื่อหยุดเคลื่อนที่พลังลึกลับจะทําให้คุณกลมกลืนไปกับพื้นที่รอบๆ ใช้Spirituality 2 แต้มทุก1นาที เมื่อโจมตีครั้งแรกด้วยธาตุไฟ จะยกเลิกการซ่อนตัวและทําให้แรงขึ้นอีกเท่าตัว
สัตว์อสูรสงคราม
ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)
ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก)(กําลังวิวัฒนาการ) ระดับ12
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 22
Agility(ความว่องไว) : 24
Vitality(พละกําลัง) : 36
Stamina(ความทรหด) : 21/22
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 8/8
ทักษะ
ใช้เพลิงจากนรกได้เพลิงแรงขึ้น7596)
พืชปรสิตดอกเถาพิษโลหิต ระดับ10
สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน (สามธาตุ+สถานะ50%)
พลังธาตุ ระดับเขียวอ่อน
Strength(แรงกาย) : 1.5(1)
Agility(ความว่องไว) : 1.5(1)
Vitality(พละกําลัง) : 70.5(47)
Stamina(ความทรหด) : 1.5(1)
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1.5(1)
ทักษะ
+4.5(3×50%)
“เอาหละได้มาแล้ว!” เบลซพูดอย่างดีใจก่อนจะลองใช้ทักษะดู
“วูซซซ” ร่างของเบลซปกคลุมไปด้วยแสงจางๆสีส้มแดง ก่อนจะหายตัวไป
“เบลซ !นายหายไปไหน?! เบลซซซ!” เอลลี่ตะโกนหาด้วยท่าทางตกใจและร้อนรน
“ช่ว! ให้ตายสิเงียบๆหน่อยสิเธอ ขอโทษด้วยละกันนะที่ฉันลืมบอกอะ”
เบลซกระโจนออกมาปิดปากเอลลีก่อนจะพูดเบา
“นายทําฉันกลัวนะ” เอลลี่พูดด้วยท่าทางแง่งอนปนน่าสงสาร
“ขอโทษนะ แต่รอบนี้ฉันจะขอลองทักษะหน่อยนะ” เบลซ พูดด้วยเสียงเบาๆนุ่มๆ
“ได้แต่นายต้องปลอบฉันก่อน” เอลลี่พูดเธอมองเบลซด้วยตากลมโตที่น่าหลงใหล
“ให้ตายเถอะจะสวยเกินไปแล้ว เราก็เขินเป็นนะเฮ้ย!” เบลซอดไม่ได้ที่จะหน้าแดงก่อนจะหลบตาเล็กน้อยแล้วถามว่า “แล้วจะปลอบยังไงหละ”
“กะ กอดฉันหน่อยได้ไหม?” เอลลี่พูดพลางทําหน้าเขินอาย
“เขินจะตายอยู่แล้ว คุณเธอจะมาต้องการความอบอุ่นอะไรตอนนี้” หน้าของเขาตัวแดงกว่าเดิมก่อนจะพูดอย่างสั่นๆว่า “กะ-ก็ได้”
“อิ่ม หมับ” เอลลี่พยักหน้าก่อนจะกอดเบลซใบหน้าสัมผัสถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากอกของเบลซ ความจริงตั้งแต่เกิดหายนะนี้ขึ้นมันทําให้เธอกดดันมากและความรู้สึกนี้ก็มีมาตั้งแต่แรกแล้ว เธอรู้ตัวตั้งนานแล้วแต่ว่าเธอนั้นไม่กล้าเอง และเธอก็ไม่อยากเก็บมันไว้อีกต่อไป เมื่อความรู้สึกที่กลัวว่าอาจจะไม่มีโอกาสอีกในอนาคตกับเพื่อนๆของเธอหลายๆคนที่กําลังจะเป็นคู่แข่งอีก ความรู้สึกที่เก็บเอาไว้ของเธอมันระเบิดออกมา ในอนาคตที่ไม่แน่นอน อย่างน้อยๆตอนนี้เธออยากจะเก็บมันไว้เป็นความทรงจําดีๆก็พอ
เบลซใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดเอลลี่ไว้แม้แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น จริงๆแล้วมันเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์ที่ตัวของเขาเองก็บอกไม่ถูกแต่ว่า มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับ
อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นเด็กกําพร้าก็ได้นี้เป็นความรู้สึกที่พิเศษมากๆสําหรับตัวเค้าเอง