The King of War – ตอนที่ 269 ใครกล้าทำร้ายเธอ

หยางเฉินขมวดคิ้ว และรีบเหยียบเบรกทันที รถค่อยๆ จอดลงที่ข้างทาง

ถนนเส้นนี้ ถูกสายขึ้นมาเพื่อยอดเมฆาโดยเฉพาะ สองข้างของถนน มีไปแสงสว่างริบหรี่จากไฟส่องสว่างอยู่

หยางเฉินก้าวลงจากรถ มองไปยังใบหน้าที่รู้สึกคุ้นเคยนิดหน่อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ชอบใจว่า “คิดว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณจริงๆ ใช่มั้ย?”

จิตสังหารอันแรงกล้า แผ่ออกมาจากร่างกายของหยางเฉิน

นี่เป็นถนนเพียงเส้นเดียวที่สามารถไปยังยอดเมฆาได้ การที่อีกฝ่ายมาขวางเขาอยู่ที่นี่ สำหรับเขา มันก็ทำให้เขารู้สึกโกรธไปแล้ว

ที่นี่เป็นสถานที่ส่วนตัวของเขา วิลล่าที่อยู่บนยอดเขานั้น มีคนที่สำคัญของเขาพักอยู่

“ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่น คืนมีดให้ฉัน แล้วฉันก็จะจากไป!”

จู่ๆ เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น

ผู้หญิงคนนี้องอาจสมคำร่ำลือ ก่อนหน้านี้ที่เมืองโจวเฉิง เฉินอิงจวิ้นก็จ้างเธอให้มาฆ่าหยางเฉินที่ภูเขาห้าธาตุ

หยางเฉินคิดว่าเธอน่าจะเป็นผู้สืบทอดของยินเลียแห่งชายแดนเหนือ จึงได้ไว้ชีวิตเธอ แล้วยึดมีดทรราชไปเท่านั้น

ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะตามมาถึงที่นี่เจอได้เร็วขนาดนี้

หยางเฉินขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ “คุณน่าจะเข้าใจดี ว่าคุณนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมเลย แล้วคุณไม่กลัว ผมจะฆ่าคุณเหรอครับ?”

ทายาทแห่งมีดทรราชพูดด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยว่า “สำหรับฉันแล้ว การตายมันเป็นแค่การหลุดพ้นอย่างหนึ่ง! แต่มีดทรราชนั้น ต้องคืนฉันมา!”

พูดจบ เธอก็เดินเข้าหาหยางเฉินทีละก้าว สีหน้าไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ความแน่วแน่เท่านั้น

หยางเฉินที่อยากที่จะฆ่าเมื่อกี้ ตอนนี้ก็ได้เก็บจิตสังหารนั้นลง แล้วจ้องมองผู้หญิงที่แน่วแน่อย่างถึงที่สุดคนนี้

เธอไม่ได้ดูสวยจนต้องยอมศิโรราบ แต่รวมๆ ยังนับว่าสวยอยู่ แววตาที่ค่อนข้างเย็นชา สีหน้าก็ดูเฉยชาอย่างถึงที่สุด

“เอามีดทรราช คืนมา!”

พอเดินถึงจุดที่ห่างจากหยางเฉินประมาณสองเมตร จู่ๆ เธอก็หยุดเดิน แล้วมองหยางเฉินด้วยนัยน์ตาที่ดำจนน่ากลัว

“แล้วถ้าผมไม่ยอมคืนล่ะ?” หยางเฉินถาม

ในตอนที่คำพูดของเขาสิ้นสุดลงนั่นเอง ทายาทแห่งมีดทรราชก็ได้พุ่งเข้าใส่เขา

เดิมที่ระยะห่างของทั้งคู่ก็ใกล้กันมากๆ และความเร็วของเธอนั้นสูงมาก ราวกับว่าเพียงพริบตาเดียว เธอก็ถีบใส่หยางเฉินไปแล้ว

“พรึบ!”

หยางเฉินโบกมือ แล้วจับข้อเท้าของทายาทแห่งมีดทรราชเอาไว้

“ปล่อยนะ!”

ขาข้างหนึ่งของทายาทแห่งมีดทรราชยกขึ้น ถูกหยางเฉินจับมันไว้สูงๆ ท่านี่มันไม่น่าดูเอาซะเลย เธอจึงรู้สึกโกรธจากความอับอายทันที

“ผมเคยพูดไปแล้ว ว่าคุณไม่คู่ควรกับมีดทรราช รอคุณคู่ควรแล้ว ค่อยกลับมาใหม่!”

ทันทีที่หยางเฉินพูดจบ เขาก็ออกแรงผลัก ทายาแห่งมีดทรราชต้องถอยหลังไปหลายก้าวถึงตั้งหลักได้

แต่ทันทีที่ตั้งหลักได้ เธอก็พุ่งใส่หยางเฉินอีกครั้ง

แววตาที่เย็นชาไม่แสดงให้เห็นความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย ราวกับไม่มีความรู้สึกกลัวตายอยู่เลย แต่สำหรับเธอนั้น มีดทรราชมันสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเธอมาก

เพราะเหตุผลนี้ หยางเฉินถึงไม่ลงมือสังหารเธอ

“ป้าบ!”

หยางเฉินกำหมัดของทายาทแห่งมีดทรราชที่ซัดเข้ามาได้อีกครั้ง แล้วพูดออกไปอย่างใจเย็นว่า “คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม ทุกอย่างที่ทำมันก็สูญเปล่า”

“ต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมคืนมีดทรราชให้ฉัน?”

หลังจากที่หยางเฉินปล่อยมือ ทายาทแห่งทรราชก็ไม่ได้ลงมือต่อ และถามด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

ผู้หญิงคนนี้ได้รับบาดเจ็บมาก่อน มีผ้าพันแผลพันอยู่ที่แขนขวา เมื่อกี้ตอนที่โจมตีใส่หยางเฉินแผลมันก็เปิด ตอนนี้เลือดได้ย้อมผ้าพันแผลจนกลายเป็นสีแดงไปแล้ว

“คุณชื่ออะไร?” หยางเฉินถาม

“หันซวน!” ทายาทแห่งมีดทรราชตอบ

“สำหรับคุณแล้ว มีดทรราชมันสำคัญขาดนั้นเลยเหรอ?” หยางเฉินถามต่อ

หันซวนนั้นเย็นชาเหมือนกันกับชื่อของเธอ เธอกัดฟันพูด “มีดทรราชเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่ปู่ของฉันเหลือทิ้งไว้ให้! ต่อให้ต้องตาย ฉันก็ต้องเอามันคืนมาให้ได้!”

“ปู่ของคุณคือมีดทรราชอย่างนั้นเหรอ?” หยางเฉินทำหน้าตกใจ

เขารู้ดีว่ามีดทรราชนั้นสำคัญต่อหันซวนมาก แต่ไม่นึกเลยว่า ผู้หญิงคนนี้จะเป็นหลานสาวของมีดทรราชซะได้

หันซวนพยักหน้า เรื่องที่หยางเฉินรู้จักมีดทรราชนั้นเธอไม่ได้สนใจเลยสักนิด เธอแค่อยากได้มีดคืนเท่านั้น

“ปู่ของคุณคือยินเลียแห่งชายแดนเหนือ เมื่อก่อน เขาใช้มีดเล่มนี้ สังหารศัตรูไปนับไม่ถ้วน และมีแค่เขา ที่คู่ควรกับมีดทรราชเล่มนี้!”

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

ที่ชายแดนเหนือนั้น มีสถานที่ที่ชื่อหอยินเลียอยู่ ใครก็ตามที่สละชีวิตให้ชายแดนเหมือ ก็จะถูกจารึกไว้ในนั้น

หยางเฉินกับมีดทรราชนั้นไม่ใช่คนในยุคเดียวกัน เขาแค่เคยเห็นชื่อของมีดทรราชจากในหอยินเลียเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงรู้จักประวัติของมีดทรราชได้เป็นอย่างดี

เขายังพูดต่ออีกว่า “มีดทรราช ชื่อที่แท้จริงนั้นไม่ชัดเจน เป็นผู้ชาย คนฮั่น เสียชีวิตตอนอายุห้าสิบสาม เป็นทหารที่อายุมากที่สุด สมญานามว่ายอดดาบชายแดนเหนือ ได้รับเหรียญกล้าหาญระดับหนึ่งสองครั้ง เหรียญกล้าหาญระดับสองอีกห้าครั้ง……”

กับความสามารถของมีดทรราชนั้น หยางเฉินได้จดจำอยู่ในใจไปนานแล้ว ตอนนี้ เขาก็ได้เล่าตำนานของมีดทรราชที่เกิดขึ้นในชายแดนเหนือด้วยสีหน้าที่จริงจังไปรอบหนึ่ง

“ผู้อาวุโสมีดทรราช ตอนที่อายุห้าสิบสามปี ยังต่อสู้กับศัตรูอยู่ในสนามรบได้อย่างห้าวหาญ โดยใช้มีดเพียงเล่มเดียวเท่านั้น! เขาสังหารศัตรูไปนับไม่ถ้วน สุดท้าย ก็สิ้นชีพลงที่สนามรบ ต่อให้หมดลมหายใจไปแล้ว เขาก็ยังยืนหยัดไม่ยอมล้ม!”

“ส่วนคุณ คนที่เป็นถึงหลานสาวของมีดทรราช กลับใช้มีดเล่มนี้ ไว้ฆ่าคน!”

“แล้วคุณไม่รู้สึกผิดต่อคุณปู่ของคุณบ้างรึไง?”

“แล้วไม่รู้สึกผิดกับตัวเองบ้างเลยเหรอ?”

“คู่ควรกับมีดของยินเลียแห่งชายแดนเหนือมั้ย?”

หยางเฉินพูดอย่างมีอารมณ์ ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งดัง พูดถึงตอนท้าย เขาก็ถึงกับตะโกนออกมาเลย

ในที่สุดใบหน้าที่เย็นชามาโดยตลอดของหันซวน ก็มีการเปลี่ยนแปลงสักที

ดวงตาทั้งสองข้างของเธอนั้นแดงก่ำ สีหน้าดูรู้สึกผิด เธอกัดฟันแน่น ก้มหน้าแล้วไม่พูดอะไรสักคำ

หยางเฉินหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง

ผ่านไปพักใหญ่ จู่ๆ เขาก็ถามออกมาว่า “นี่คุณไปเจอเรื่องลำบากอะไรมาใช่มั้ย? ถ้าเกิดว่ามี ก็บอกผมมา เดี๋ยวผมจะช่วยคุณเอง!”

เขาไม่เชื่อ วีรบุรุษที่ยอมตายในสนามรบเพื่อประเทศชาติได้นั้น จะมีทายาทที่ฆ่าคนเพื่อดำรงชีวิตจริงๆ

หันซวนทำหน้าขัดขืน จากการแสดงออกของเธอ หยางเฉินก็สามารถมองออกว่าเธอนั้นเจอปัญหาอะไรเข้าแล้วจริงๆ

เพียงแต่ สุดท้ายเธอก็ยอมบอกอะไร หันหลังแล้วเดินจากไป

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

หยางเฉินตะโกนออกมาด้วยความโมโห

ขาของหันซวนหยุดชะงัก แต่ไม่ได้หันกลับมา และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาดังเดิม “ที่คุณพูดมามันถูกแล้ว ฉันมันไม่คู่ควรกับมีดของคุณปู่เลย!”

“ด้วยเหตุนี้ คุณจึงเลือกที่จะเดินหนีอย่างนั้นเหรอ?” หยางเฉินถาม

“คุณอยากคิดยังไงก็คิดไป จากนี้ไป ฉันเองก็หวังว่าคุณจะดูแลมีดทรราชให้ดีแล้วกัน!”

หันซวนพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

พูดจบ ก็เดินจากไป

จู่ๆ หยางเฉินก็รู้สึกเหมือนชกกำปั้นใส่สำลี ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย

ผู้หญิงคนนี้ ช่างน่าสนใจจริงๆ

ดูแล้วอายุของเธอก็น่าจะราวๆ ยี่สิบสี่ยี่สิบห้า แต่กลับมีความสามารถที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ไม่เสียแรงที่เกิดเป็นหลานสาวของมีดทรราช

แต่ว่า ทุกๆ การโจมตีของผู้หญิงคนนี้ มันมีแต่ท่าที่ใช้สังหารทั้งนั้น

ต่อให้เป็นนักฆ่าระดับทั่วไป มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลย

“หันซวน เราตามหาเธอมานานแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะหนีไปไหนอีก?”

ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเงาของชายที่สวมชุดดำสี่คนออกมายืนล้อมหันซวนเอาไว้

พอเห็นคนพวกนี้ สีหน้าของหันซวนก็เปลี่ยนไปทันที

“พวกแกนี่มัน ตามจองเวรไม่ยอมเลิกจริงๆ เลยนะ!”

หันซวนพูดพร้อมกัดฟันแน่น

“กลับไปกับเรา ไม่แน่หัวหน้าอาจจะให้โอกาสเธออีกครั้งก็ได้ ไม่อย่างนั้น เธอก็มีแต่ต้องตายเท่านั้น!”

หัวหน้าของผู้แข็งแกร่ง พูดออกด้วยความเย็นชาอย่างถึงที่สุด

“ไม่มีทาง!”

พอหันซวนพูดจบ ขาของเธอก็ขยับ ร่างกายเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ราวกับต้องการฝ่าออกจากวงล้อมไป

แต่ว่าอีกฝ่ายนั้นมีกันถึงสี่คน ฝีมือก็แข็งแกร่งมาก ส่วนแขนขวาของเธอก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ แล้วจะหนีออกไปได้ยังไงล่ะ?

“ตุบ!”

หัวหน้าของผู้แข็งแกร่งได้ซัดกำปั้นใส่หันซวน จนเธอนั้นกระเด็นออกไป

“เธอแน่ใจแล้วเหรอ ว่าจะไม่กลับไปกับเรา?”

ทั้งสี่คนเข้ามาล้อมหันซวนนเอาไว้อย่างรวดเร็ว หัวหน้าของผู้แข็งแกร่งนั้นพูดกับเธออย่างไม่สบอารมณ์ว่า “หัวหน้า(สาขา)บอกว่า ถ้าเธอดึงดันที่จะไม่กลับไป ก็ให้ฆ่าเธอทิ้งซะ!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าฉันซะเถอะ!”

ทันใดนั้น หันซวนก็หลับตาทั้งสองข้างลง ไม่แม้แต่จะขัดขืนเลยแม้แต่น้อย

“เมื่อเธออยากตาย งั้นก็โทษใครไม่ได้แล้ว!”

หัวหน้าผู้แข็งแกร่งกัดฟันแน่น เมื่อเสียงพูดสิ้นสุดลง เขาก็เตะใส่หัวของหันซวนอย่างแรงทันที

“ถ้าใครกล้าทำร้ายเธอ ฉันเอามันตายแน่!”

และในตอนนั้นเอง น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารก็ได้ดังขึ้น จากนั้น ก็เห็นหยางเฉินค่อยๆ เดินเข้ามาหาคนกลุ่มนี้อย่างช้าๆ

โดยเล่นหินก้อนเล็กก้อนหนึ่งอยู่ในมือ โยนมันออกไป แล้วรับมันไว้

The King of War

The King of War

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

Options

not work with dark mode
Reset