The Last Of Hero : ผู้กล้าคนสุดท้าย – ตอนที่ 9

ผมรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่คุ้นเคย ผมเคยมาห้องนี้ในตอนที่ผมบาดเจ็บหลังจากสู้กับทินวูล์ฟ มันเป็นห้องพยาบาลในกิลด์

ผมเหม่อมองเพดานอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะหันไปทางข้างๆ เตียง สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมแปลกใจอย่างมาก เพราะผมเห็นคริสติน่าที่กำลังนั่งหลับฟุบหน้าลงเตียงอยู่ข้างๆ ผม

เท่าที่ผมจำความได้ ผมถูกมารีน่าใช้เวทบางอย่างทำให้ผมหมดสติไป ความรู้สึกเจ็บปวดในตอนนั้นผมยังสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจนแถมยังมีความรู้สึกแปลกๆ อยู่ภายในตัวผมอีกเช่นกัน แต่ผมไม่สามารถเข้าใจมันได้ มันเหมือนมีอะไรไหลเวียนในตัวผม มันไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันได้แน่ชัดนัก เพียงแต่ผมรู้สึกถึงมันได้จริงๆ

ผมลุกขึ้นจากเตียงอย่างระวังเพื่อไม่ให้คริสติน่าตื่น ผมเริ่มคิดแล้วว่าบางทีเธออาจจะเป็นห่วงผมจริงๆ ผมน่าจะได้รับการรักษาและหลับไปสักพัก เพราะเวลาตอนนี้ก็พลบค่ำแล้ว ผมควรจะลองเปิดใจให้เธอไหม ไม่ใช่การเปิดใจเพราะความสงสารแบบก่อนหน้านี้ แต่เป็นการเปิดใจจริงๆ โดยที่ผมคิดมาแล้ว

ผมเดินลงมาชั้นล่างของกิลด์ ที่ผมได้ยินมีเพียงเสียงพูดคุยของนักผจญภัยคนอื่นและเสียงพวกขี้เมาที่มากินเหล้าในกิลด์เท่านั้น

แต่แล้วจู่ๆ ภาพรอบๆ ตัวของผมก็ค่อยๆ มืดดับลง ผมร่วงลงกับพื้น จากนั้นก็มีเสียงเอะอะโวยวายก่อนที่ผมจะหมดสติไปอีกรอบ

ผมลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองกลับมาอยู่บนเตียงในห้องพยาบาลห้องเดิมอีกครั้ง

“เวล! ฟื้นแล้วเหรอ!” ผมจำเสียงนั้นได้ คริสติน่าพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงและยื่นหน้ามามองผมจากทางข้างเตียง

“โฮ๊ะโฮ๊ะโฮ๊ะ ดูเหมือนว่าจะฟื้นแล้วสินะ” เสียงของชายแก่คนหนึ่งพูดขึ้นมา หากผมจำไม่ผิด นั่นคงเป็นเสียงของหัวหน้ากิลด์อย่างแน่นอน

“ขอโทษจริงๆ นะคะ คุณเวล” เสียงของมารีน่ากล่าวขอโทษผม ผมมั่นใจเลยว่าเธอตั้งใจแน่ๆ

“ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ นะ จูเลียส (Julius) ” หัวหน้ากิลด์กล่าวขอบคุณใครบางคน

“ไม่เป็นไรครับ” เสียงทุ้มนุ่มที่ผมไม่คุ้นขานรับคำขอบคุณนั้น

ผมหันไปมองที่มาของเสียงที่ไม่คุ้นชินด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าใครที่เป็นเจ้าของเสียงนั้น

ชายที่อยู่ตรงนั้นคือคนที่ผมเคยเห็นแค่ผ่านๆ ในกิลด์ ผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเท่าไหร่นัก

เขาเป็นผู้ชายที่ดูเป็นมิตรตลอดเวลา ผมของเขาไม่ได้ยาวมากและดูหยักศกเล็กน้อย สีผมของเขาแม้จะเป็นสีเหลืองแต่ก็ดูทองเป็นประกายขัดกับสีคิ้วของเขาที่เป็นสีดำ ดวงตาสีทองที่ดูโดดเด่นนั่นทำให้ผมแอบคิดว่าเขาอาจจะเป็นชนชั้นสูงจากที่ไหนสักแห่ง

“เวล…” ผมได้ยินเสียงคริสติน่าเรียกชื่อผมอยู่สักครู่ก่อนจะรู้สึกถึงอ้อมกอดจากใครบางคน

คริสติน่าในตอนนี้กอดผมไว้แน่นและร้องไห้ออกมา ผมอึ้งไปสักพักก่อนจะถามเธอออกไป

“เธอร้องไห้ทำไม? “

“นายน่ะ… หลับไปตั้งสามวันเลยนะ…” คริสติน่าตอบออกมาปนกับเสียงร้องสะอื้นเล็กน้อย

ผมในตอนนี้เริ่มใจอ่อนลงไปอีกแล้ว นานแค่ไหนแล้วนะที่มีคนเป็นห่วงผมแบบนี้ แม้กระทั่งพ่อแม่ของผมก็ไม่เคยแม้แต่สนใจเป็นห่วงคนอย่างผมจนวินาทีสุดท้ายก่อนที่ผมจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง แต่ในโลกแห่งนี้ผมกลับเจอคนที่ร้องไห้ให้กับผม

ในวินาทีนั้น น้ำตาของผมก็ไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมสับสนกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้อย่างมาก ผมไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันคือความยินดีหรือโศกเศร้ากันแน่ ผมเคยคิดไว้ว่าผมไม่ได้มีค่าพอที่จะทำให้ใครร้องไห้ในตอนที่ผมตายได้ แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็มีหนึ่งคนที่ทำให้ผมรู้สึกมีค่าพอที่จะใช้ชีวิตอีกครั้ง อย่างน้อยในตอนนี้ก็มีคนเป็นห่วงผมอยู่

“โฮ๊ะโฮ๊ะโฮ๊ะ ขี้แงกันจังนะ แต่ว่านะเจ้าหนู ฉันขอขอโทษจากใจจริง ฉันไม่คิดว่ามารีน่าจะกล้าทำขนาดนี้” หัวหน้ากิลด์เดินเข้ามาใกล้ๆ ผมและกล่าวคำขอโทษออกมา

“แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ความทรมานนั่นฉันรู้ดี เวทโอนย้ายมานาขั้นสูงนั้นจะใช้กับผู้ที่อยากเป็นจอมเวทแต่ไม่สามารถรู้สึกถึงมานาได้แม้จะลองทำทุกวิธีแล้วเท่านั้น” หัวหน้ากิลด์มองมาที่ผมด้วยสีหน้ารู้สึกผิด เป็นสีหน้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

“ก็จริงอยู่ที่มันช่วยทำให้ผู้ที่ถูกใช้รู้สึกได้ถึงมานาอย่างแน่นอน แต่เพราะว่ามันส่งผลทำให้การไหลเวียนของมานาเกิดการปั่นป่วนขึ้นจนระเบิดต่างหาก นั่นเลยทำให้ส่งผลกระทบกับร่างกายอย่างมาก”

“แต่ก็ดีแล้วที่เจ้ารอดมาได้”

ผมเริ่มเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีละนิด ดูเหมือนว่าผมจะได้รับผลกระทบมากจริงๆ แม้ว่าแผลภายนอกของผมจะไม่มี แต่ผมก็ยังรู้สึกเจ็บปวดภายในร่างกายเล็กน้อย ตาของผมเริ่มค่อยๆ ปิดลงอีกครั้งและผมก็ผล็อยหลับไป

ผมใช้เวลาในการฟื้นตัวอยู่ประมาณห้าถึงหกวัน ในระหว่างนั้นมารีน่าก็แวะเข้ามาขอโทษผมอยู่เรื่อยๆ แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอผมก็ขนลุกอย่างบอกไม่ถูกอยู่บ่อยครั้ง หลังจากนั้นผมก็สนิทกับคริสติน่ามากขึ้นและพร้อมจะเปิดใจให้เธอมากขึ้น

สิ่งที่ผมต้องเจอหลังจากพักฟื้นจนหายดีแล้วคือการฝึกจากหัวหน้ากิลด์ แม้จะดูเป็นการฝึกทั่วๆ ไปอย่างเช่น ซิทอัพ วิดพื้น วิ่ง และกายบริหารอื่นๆ แต่สำหรับผมที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายแล้ว นั่นมันมากพอที่จะทำให้ผมหอบจนเกือบตายได้

“ถ้าทำไม่ครบ ฉันจะลงโทษเจ้าด้วยการให้อดข้าวเย็นนะ โฮ๊ะโฮ๊ะโฮ๊ะ” หัวหน้ากิลด์หัวเราะอย่างมีความสุขในขณะที่ผมกำลังหอบเป็นตายกับการวิดพื้นครั้งที่ยี่สิบสอง

“เร็วเข้าเจ้าหนุ่ม ใกล้จะถึงหนึ่งร้อยครั้งแล้ว” ใกล้ที่ไหนกันล่ะ ใครจะวิดพื้นเป็นร้อยได้กัน ถึงจะมีคนแบบนั้น แต่ไม่ใช่ผมอย่างแน่นอน

“โธ่เว้ย!!!!” ผมตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงก่อนจะวิดพื้นต่อไป

หลังจากที่ผมผ่านการฝึกสุดโหดมาสามวัน ผมก็ใช้วันหยุดไปกับการนอนปวดกล้ามเนื้อที่ห้องพัก แม้คริสติน่าจะพยายามช่วยใช้เวทรักษาให้ แต่ก็โดนหัวหน้ากิลด์ห้ามเอาไว้

“ทรมานจัง… ปวดจังเลยโว้ย!”

แต่เรื่องที่น่าดีใจอีกเรื่องสำหรับผมก็ได้เกิดขึ้นในวันรุ่งขึ้น

“ขอโทษเรื่องก่อนหน้าจริงๆ นะคะ คุณเวล” มารีน่าขอโทษผมอีกครั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้

“ผมไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ ยังไงแล้วผมก็เป็นคนขอเอง”

“งั้นเรามาเริ่มขั้นต่อไปกันเลยไหมคะ? ” ผมดีใจกับคำพูดของเธออยู่ในระดับหนึ่ง ต่อไปผมจะได้ใช้เวทแล้วสินะ ในที่สุดสิ่งที่น่าสนุกในต่างโลกอย่างเวทมนตร์ก็มาถึงแล้วสินะ ผมดีใจจนหุบยิ้มไม่อยู่เหมือนเด็ก

“หากใช้เวลาเพียงหนึ่งปี การใช้วงแหวนเวทคงไม่พอที่จะทำให้คุณเข้าใจได้หรอกค่ะ เพราะในโรงเรียนสอนเวทมนตร์แล้ว เรื่องวงแหวนใช้เวลาในการศึกษากันถึงหกปี”

“งั้นวันนี้เริ่มจากอะไรที่ง่ายที่สุดก่อนดีกว่าค่ะ” เธอพูดจบก็ได้นำบางสิ่งออกมาจากผ้าที่พันม้วนเอาไว้

ลักษณะสิ่งของที่อยู่ในผ้านั้นเหมือนกับมีดสั้นธรรมดาที่ไม่ได้ดูวิเศษอะไรนัก

“นี่คืออาวุธเวทค่ะ สื่อกลางในการรวมพลังไปที่อาวุธและปลดปล่อยมันออกมาในรูปแบบเวทมนตร์” เธอยื่นมีดสั้นนั้นมาให้ผมก่อนจะอธิบายเพิ่มเติม

“อาวุธเวทมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตามการผลิตและจุดประสงค์ในการใช้ ที่ฉันเอามาคืออาวุธเวทที่จะแสดงพลังเวทที่คุณถนัดออกมาในรูปแบบเวทมนตร์ ดังนั้นมันจะง่ายกว่าในการค้นหาเวทที่เหมาะสมกับคุณค่ะ”

“ซึ่งแน่นอนว่าคุณสามารถฝึกเวทอื่นได้ แต่ส่วนมากแล้วผู้ที่รู้สึกถึงมานาในตัวไม่ได้ ส่วนมากจะใช้เวทอื่นนอกจากที่ตนมีพรสวรรค์หรือถนัดแต่กำเนิดไม่ได้หรอกค่ะ”

“แล้วผมต้องใช้มันยังไง? ” ผมถามเธอออกไปและแกว่งมีดสั้นไปพลางๆ

“คุณในตอนนี้น่าจะสัมผัสได้ถึงมานาแล้ว และนั่นคือสิ่งที่ไหลเวียนในตัวคุณ หน้าที่ของคุณคือพยายามนึกภาพการไหลเวียนนั้นถูกส่งไปที่ยังฝ่ามือและส่งต่อผ่านมีดสั้นของคุณค่ะ”

นึกภาพ… ผมตั้งสมาธิไว้มั่นก่อนจะหลับตาลงและพยายามสัมผัสถึงมานาที่อยู่ในตัวผม ผมไม่แน่ใจว่านี่คือการไหลเวียนของมานาหรือไม่ แต่ผมสัมผัสถึงมันได้ตั้งแต่ที่ผมตื่นขึ้นหลังจากวันที่ทำการโอนย้ายมานา

การไหลเวียน… นี่เหรอ… วงกลม… การไหลเวียน… ส่งต่อ…

ผมนึกภาพไม่ค่อยถูกนัก แต่ก็พยายามเท่าที่จะทำได้ก่อนจะลืมตาขึ้น

มีดสั้นของผมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ผมกลับสังเกตเห็นอากาศโดยรอบมีดสั้นมีความผิดปกติเล็กน้อย มันเหมือนใบมีดถูกปกคลุมด้วยอะไรบางอย่างที่ผมมองไม่เห็น

“เวทลมเหรอคะเนี่ย? ” มารีน่าพูดออกมาในขณะที่ผมกำลังจ้องมองมีดสั้นนี้อยู่

“ลองฟันอากาศไปทางต้นไม้นั้นดูสิคะ มีดสั้นจะทำการปลดปล่อยพลังเวทออกไป และกลายเป็นคลื่นลมโจมตีต้นไม้นั้น”

มารีน่าอธิบายก่อนที่ผมจะหันไปหาต้นไม้บริเวณใกล้ๆ และลองทำตามที่เธอบอก แต่น่าแปลกที่มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มีเพียงแต่สิ่งที่ปกคลุมรอบใบมีดที่หายไป

“เอ๋…? น่าแปลกนะคะ โดยปกติแล้วมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้นี่นา…” มารีน่าทำหน้าตาสงสัยเล็กน้อย

“คุณเวลลองเดินไปฟันตรงๆ ดูไหมคะ? อย่าลืมควบคุมมานาแบบเดิมด้วยนะคะ”

ผมเดินไปยังต้นไม้ใกล้ๆ และลองนึกภาพของการไหลเวียนมานาอีกครั้ง คราวนี้ก็เหมือนมีอะไรมาปกคลุมใบมีดอีกครั้ง แต่ผมไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามันคืออะไร เพียงแค่รู้สึกได้ว่ามีอยู่ แล้วลองฟันต้นไม้นั้นตามที่มารีน่าบอก น่าแปลกจริงๆ ที่เพียงแค่มีดสั้นๆ ก็ทำให้ต้นไม้มีรอยลึกได้ แม้จะไม่แรงพอขนาดตัดต้นไม้ได้ แต่ก็สามารถฟันได้ลึกกว่าที่มีดสั้นปกติควรจะเป็น

“น่าแปลกจริงๆ นะคะเนี่ย… หรือว่าจะเป็นเวทเสริมแกร่งหรือเปล่านะ…? ” มารีน่ายืนพึมพำครุ่นคิดอะไรบางอย่างในขณะที่ผมกำลังรู้สึกอึ้งกับรอยมีดที่ผมสร้างขึ้น

“ฉันว่าบางทีคุณอาจจะมีเวทที่ไม่ใช่เวทธรรมชาติอยู่ค่ะ”

“เวทที่ไม่ใช่เวทธรรมชาติเหรอ? “

“เวทมนตร์มีหลายแบบค่ะ เวทธรรมชาติ เวทเสริมแกร่ง เวทสายควบคุม เวทอิสระ แล้วแต่เกณฑ์ที่ใช้จัด แต่ส่วนมากจะแยกเป็นเวทธรรมชาติและเวทไม่ธรรมชาติค่ะ”

“ยกตัวอย่างเช่นฉันที่ถนัดเวทน้ำเป็นต้น เวทน้ำก็คือเวทธรรมชาติค่ะ ส่วนคุณ… ฉันเดาว่าน่าจะเป็นเวทเสริมแกร่งค่ะ”

“เวทเสริมแกร่ง? ” ผมยกมีดสั้นขึ้นมามอง อย่างน้อยในตอนนี้ผมก็มีเวทเป็นของตัวเองแล้ว ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเวทที่แย่เท่าไหร่นัก

“น่าเสียดายที่เวทเสริมแกร่งทำได้เพียงเสริมความถึกทนของสิ่งของเท่านั้น ฉันจึงไม่สามารถสอนอะไรเพิ่มได้มากเท่าไหร่นัก หากเป็นเวทธรรมชาติ ฉันก็คงสอนอะไรเพิ่มเติมได้” มารีน่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่าค่ะ ฉันขอตัวไปปรึกษาหัวหน้ากิลด์ก่อน เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” เธอพูดจบก็เดินจากไปปล่อยให้ผมยืนคิดบางอย่างอยู่ตรงนั้น

เวทเสริมแกร่ง… เวทที่ผมได้มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ… ผมได้แต่คิดในใจ ทั้งๆ ที่มีเวทมนตร์แล้ว แต่กลับเป็นเวทที่ดูไร้ประโยชน์เสียอย่างนั้น เอาเถอะ มันต้องมีวิธีใช้อย่างแน่นอน ผมคิดอย่างนั้นและฝึกใช้มีดสั้นโดยใช้เวทเสริมแกร่งอยู่สักพักก่อนจะกลับกิลด์

The Last Of Hero : ผู้กล้าคนสุดท้าย

The Last Of Hero : ผู้กล้าคนสุดท้าย

Status: Ongoing
อ่านนิยาย The Last Of Hero : ผู้กล้าคนสุดท้ายอะแฮ่มๆ สวัสดีครับ ผมกาน้อยโรมันเอง *เชิดอกพูดอย่างภูมิใจ* จริงๆคิดว่าไม่ได้จะชี้แจงอะไรนักเท่าไหร่ แต่กลัวคนอ่านไม่ไหวกันก่อน ก่อนอื่นขอแจ้งเรื่องเนื้อเรื่องกันก่อนนะครับ ตอนนี้ผมได้วางบทเอาไว้ประมาณ 8 ช่วงใหญ่ๆ และตัวละครผู้กล้าเองก็ต่างมีภูมิหลังในแบบของตัวเอง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset