The Last Of Hero : ผู้กล้าคนสุดท้าย – ตอนที่ 8

“มานาคือพลังที่สามารถสร้างเวทมนตร์ได้ และมานามีอยู่ในทุกสรรพสิ่ง” เสียงของมารีน่าเอ่ยขึ้นมาพลางจ้องมองผมด้วยสีหน้าจริงจัง

“มานาก็เหมือนการถ่ายทอดพลังงาน เวลาที่เรากินอาหารหรือแม้กระทั่งหายใจ ก็เป็นการรับมานาเข้าไปทั้งสิ้น”

“และการควบคุมมานาและแปลงออกมาเป็นรูปลักษณะหรือพลังที่มองเห็นได้ นั่นคือเวทมนตร์”

เธออธิบายให้ผมฟังและใช้นิ้วชี้ของเธอชี้ไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งในบริเวณใกล้ๆ

“กระสุนวารี” ทันทีที่สิ้นเสียงก็ได้มีกลุ่มก้อนของน้ำปรากฏขึ้นตรงปลายนิ้วของเธอ และเพียงไม่กี่วินาที กลุ่มก้อนของน้ำนั้นก็พุ่งตรงไปยังต้นไม้และทำให้ต้นไม้เกิดรูขึ้นทันที

ผมตกใจไปชั่วขณะ สิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่ไม่สามารถอธิบายได้เลยในโลกเดิมที่เขาจากมา

“และการที่จะใช้เวทมนตร์ได้นั้น มีด้วยกันสามแบบ”

“อิมเมจ (Image) การควบคุมมานาในร่างกายและจินตนาการรูปลักษณ์ออกมาด้วยสมาธิที่แน่วแน่ โดยส่วนมากแล้วจะใช้คำบางคำเพื่อกำหนดรูปลักษณ์และเป็นการเตือนสติตัวเองในตอนใช้ว่าเราต้องการให้ออกมาในรูปแบบไหน”

“วงแหวน การวาดวงแหวนเวทลงในพื้นผิวที่ใดที่หนึ่งเพื่อเป็นตัวกลางในการใช้เวทด้วยสูตรโบราณ ไม่มีใครเข้าใจว่ามันก่อให้เกิดเวทได้อย่างไร แต่วงแหวนเวทจะมีความหมายของมันในการวาด และหากวาดได้สัมพันธ์กัน ก็จะเกิดเป็นเวทมนตร์และมักจะทำให้เวทที่ใช้รุนแรงขึ้นอย่างมาก”

“อาวุธเวท การใช้อาวุธเป็นสื่อกลางในการรวมพลังไปที่อาวุธและปลดปล่อยมันออกมาในรูปแบบเวทมนตร์ แต่จะมีผลตามอาวุธที่ถูกสร้างเช่นกัน บางอาวุธก็ใช้รวบรวมเพื่อระเบิดพลังเวท บางอาวุธก็ใช้เพื่อเสริมการโจมตีปกติ”

“และไม่ว่าอันไหน คุณก็ต้องฝึกการควบคุมการไหลเวียนมานาทั้งนั้น”

ผมตะลึงกับสิ่งที่มารีน่าพูดออกมา ผมไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เหนือธรรมชาติอย่างเวทมนตร์จะสามารถอธิบายได้ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยากเกินที่ผมจะเข้าใจอยู่ดี การที่ต้องจินตนาการในสิ่งที่เหนือสามัญสำนึกมันฟังดูแปลกสำหรับผมจริงๆ

“ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันจะสอนคุณเอง” มารีน่ายิ้มเล็กน้อยให้ผมและเดินมาจับมือของผมเบาๆ

“จำความรู้สึกนี้ไว้นะคะ” มารีน่าเอื้อมมาจับมือของผมไว้แน่นก่อนจะมีความรู้สึกบางอย่างเข้ามาในตัวของผม ความรู้สึกเหมือนกับเส้นเลือดกำลังถูกกระตุ้น มีบางอย่างพุ่งเข้ามาผ่านมือและกระจายเข้าไปทั่วร่างกาย ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ที่แขนอย่างมาก ไม่นานนักความรู้สึกประหลาดๆ นั้นก็จางหายไป

“ฉันได้ทำการกระตุ้นการไหลเวียนมานาของคุณไปค่ะ จดจำความรู้สึกนั้นไว้ให้ดีและพยายามสัมผัสถึงมันให้ได้นะคะ”

การไหลเวียนมานา? ผมไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย ถึงจะพยายามเข้าใจว่ามันคืออะไรสักอย่างที่พุ่งเข้ามาผ่านมือของผมก็ตาม แต่ผมก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอะไรหลังจากนั้นเลย

“นี่มัน… ไม่ยากเกินไปหน่อยเหรอครับ”

“ที่จริงแล้วการควบคุมมานาเป็นพื้นฐานสำหรับเด็กอายุสิบสองปีเลยนะคะ ถ้าคุณเข้าไปเรียนที่โรงเรียนสอนเวทมนตร์ คุณก็คงอยู่ห้องเดียวกับเด็กพวกนั้นแน่นอนค่ะ” มารีน่าพูดออกมาโดยที่เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันแทงใจดำผมขนาดไหน นี่ผมอ่อนแอกว่าเด็กอายุสิบสองงั้นเหรอ?

“ถ้ายังไงแล้ว โปรดสัมผัสให้ได้ถึงมานาภายในเร็ววันด้วยนะคะ เพราะหากคุณทำไม่ได้ ก็คงเริ่มขั้นต่อไปไม่ได้เช่นกัน”

แม้เธอจะพูดแบบนั้นก็ตาม ผมก็ยังไม่เข้าใจเรื่องมานาอยู่ดี สัมผัสเหรอ? รู้สึกถึงเหรอ? มันต้องเป็นยังไงกันแน่นะ…

“ฉันลืมบอกไปค่ะ เพื่อที่ให้คุณจะได้ไม่ลืม ฉันจะทำการกระตุ้นการไหลเวียนมานาของคุณทุกๆ หนึ่งชั่วโมงนะคะ” หลังจากที่เธอพูดจบเธอก็เดินไปนั่งที่บริเวณทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งและอ่านหนังสือบางอย่างที่ดูขนาดหนาเตอะ

“มานางั้นเหรอ…” ผมมองไปที่มือของตัวเองข้างที่ถูกเธอจับก่อนหน้า การไหลเวียนของมานา… สิ่งที่เข้ามา… กระจายไปทั่วร่าง…

“แล้วผมจะรู้ได้ยังไงว่าผมสัมผัสถึงมันได้เหรอครับ” ผมเอ่ยถามเธอออกไปก่อนที่จะเลิกมองมือของตัวเองและเบนสายตาไปมองที่เธอ

“คุณจะรู้เองค่ะ” เธอตอบผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มใจดีขัดกับคำตอบของเธอที่ไม่ช่วยอะไรผมเลย

 

 

ผ่านมานานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าลงทุกทีแล้ว ผมโดนเธอกระตุ้นมานาทุกชั่วโมงจริงๆ แขนของผมตอนนี้จะรู้สึกปวดเล็กน้อย นี่อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการที่เธอกระตุ้นแขนของผมด้วยมานาของเธอก็เป็นได้

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนไหมคะ? ” มารีน่าเอ่ยถามออกมาก่อนจะปิดหน้าหนังสือที่อ่านไว้

“ก็ได้ครับ…” ผมตอบกลับเธอและกุมแขนของตัวเองไว้

“ผมมีคำถามครับ…”

“สงสัยอะไรงั้นเหรอคะ? ”

“ผมมีมานาอยู่ในตัวจริงๆ เหรอครับ? ”

“ถามอะไรแปลกๆ นะคะ มานามีอยู่ในตัวของเราทุกคนอยู่แล้ว แถมหัวหน้ากิลด์เองก็บอกฉันมาว่าคุณมีระดับมานาที่สูงมาก คุณควรดีใจไว้นะคะ”

ผมเกือบลืมไปสนิทว่าหัวหน้ากิลด์ก็เคยบอกกับผมไว้ตอนเข้ากิลด์ครั้งแรกว่าผมนั้นมีระดับมานาที่สูงมาก แต่ผมก็แอบท้อใจนิดๆ ที่ผมยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงมันเลยยกเว้นตอนที่ถูกมารีนากระตุ้นการไหลเวียนของมานา

 

 

ในขณะที่ผมเดินเข้ากิลด์ไป พนักงานของกิลด์ก็ได้เอ่ยทักผมขึ้นมา

“นี่ คุณเวล ไปทำอะไรให้คริสติน่าโกรธอีกรึเปล่าเนี่ย” พนักงานกิลด์สาวคนนี้มีชื่อว่าซอนย่า (Zonya) เธอเป็นคนที่ทำเรื่องการลงทะเบียนเป็นนักผจญภัยให้กับผม ทรงผมของเธอสีน้ำตาลสั้นชี้ฟูเล็กน้อย รับกับผิวขาวเหลืองน่ารักอ่อนหวานดูเป็นธรรมชาติ และเธอนั้นซุกซนขัดกับที่เห็นภายนอก

“เปล่านี่…” ผมตอบออกไปและมุ่งตรงขึ้นไปชั้นสองเพื่อไปยังห้องของตัวเอง

“ฉันเห็นวันนี้เธอมารับภารกิจคนเดียวน่ะ ไม่ใช่ว่าปกติแล้วนายกับเธอไปทำภารกิจด้วยกันบ่อยๆ หรอกเหรอ” เสียงของซอนย่าไล่หลังผมมา แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจก่อนที่จะขึ้นห้องไปนอนพักผ่อน

 

 

วันรุ่งขึ้นผมก็ได้ไปฝึกกับมารีน่าต่อ และวันนี้ก็เป็นเช่นเดิม ผมก็ยังไม่สามารถที่จะรู้สึกถึงอะไรได้เลยนอกเสียจากตอนที่มารีน่ากระตุ้นการไหลเวียนของมานาของผม

“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรอครับ…” ผมถามเธอออกไปในขณะที่ผมนอนแผ่บนทุ่งหญ้า

“วิธีนี้ปลอดภัยที่สุดแล้วค่ะ คุณเองก็ไม่ต้องรีบนักก็ได้ เพราะบางคนต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสัมผัสถึงมานาได้เหมือนกัน”

“ตอนแรกผมคิดว่าทุกคนสามารถใช้เวทมนตร์ได้หมดนะเนี่ย”

“ไม่หรอกค่ะ มันก็เหมือนวิชาดาบ หากไม่มีการฝึกฝนหรือพรสวรรค์ ก็คงไม่สามารถใช้มันได้ดีหรอกค่ะ”

ผมนอนอยู่สักพักก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออก

“คุณบอกว่าวิธีนี้ปลอดภัยที่สุดใช่ไหมครับ… แสดงว่ามีวิธีที่ไม่ปลอดภัยงั้นเหรอครับ? ” ผมถามออกไปเพราะรู้สึกสงสัยประโยคที่เธอพูดก่อนหน้า

“ก็มีนะคะ… แต่ฉันไม่แนะนำ เพราะมีผลกระทบกับร่างกายเป็นอย่างมาก” เธอพูดจบก็ปิดหนังสือลงและเก็บไปในกระเป๋า

“แต่ถ้าหากคุณต้องการ ฉันก็ทำให้ได้ค่ะ แต่หลังจากนี้คุณอาจจะขยับตัวไม่ได้สักพัก”

ผมลังเลกับคำพูดของเธออย่างมาก มันฟังดูอันตรายและดูไม่ควรทำอย่างยิ่ง แต่ผมกำลังลังเลระหว่างความอันตรายกับทางลัดน่ะสิ

“ถึงตายไหมครับ…”

“โดยปกตินะคะ แต่ฉันสัญญาว่าจะระวังให้มากที่สุด”

“ถ้าอย่างนั้น… ช่วยใช้วิธีนั้นกับผมทีนะครับ”

 

 

ในอีกด้านนั้น ณ กิลด์ที่ตั้งอยู่ในประเทศบราเวเนีย (Bravenia) ที่มีชายแดนเหนือติดกับประเทศเลโอเนีย ซึ่งเป็นกิลด์ที่เวลอยู่ ได้มีชายแก่คนหนึ่งกำลังสนทนากับพนักงานกิลด์อยู่

“จะดีเหรอคะที่ให้คุณมารีน่าเป็นครูฝึกให้คุณเวลน่ะ” ซอนย่าถามคำถามกับชายแก่คนนั้นที่มียศเป็นถึงหัวหน้ากิลด์

“ถึงจะเห็นแบบนั้น เธอเป็นถึงอาจารย์ในโรงเรียนเวทมนตร์เลยนะแถมยังเป็นอดีตสมาชิกกิลด์ระดับดราก้อนแฟงอีก ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ซอนย่าจัง”

“แต่ว่านะคะหัวหน้ากิลด์…” ซอนย่ายังไม่ทันพูดจบหัวหน้ากิลด์ก็ได้พูดตัดขึ้นมา

“ยังไงเจ้านั่นก็ไม่ตายหรอก เชื่อฉันสิ”

“แต่ฉันกลัวนี่คะ… คุณมารีน่าน่ะ… เป็นคนซาดิสม์มากเลยนะคะ… ถ้าคุณมารีน่าไม่ทำอะไรเสี่ยงๆ ก็คงดี”

“ไม่หรอกน่าซอนย่าจัง ฉันน่ะบอกกับเธอไว้แล้วว่าห้ามสอนอะไรแปลกๆ ให้เจ้านั่นเองโดยที่เจ้านั่นไม่ได้ขอ”

“ไม่ได้ขอเหรอคะ…? ตายแน่ๆ ค่ะ…”

“อ๊ะ… ลืมไปเลย… หวังว่าเจ้านั่นจะไม่ขอร้องอะไรแปลกๆ นะ…”

 

 

ในฝั่งของเวลและมารีน่า ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างบริเวณหน้าเมืองไกลๆ

“แล้วผมต้องทำยังไงบ้างครับ”

“นั่งลงและมองไปข้างหน้าค่ะ” มารีน่าพูดออกมาและค่อยๆ เดินเข้ามาข้างหลังของผมในขณะที่ผมนั่งลง

“อยู่นิ่งๆ และตั้งสมาธิไว้นะคะ… ” ทันทีที่เธอพูดจบและผมกำลังสงสัยในคำพูดของเธออยู่ เธอก็ได้โรยผงสีขาวที่เหมือนกับปูนขาวออกมาจากหลอดแก้มให้เป็นรูปวงแหวนบริเวณรอบตัวผม จากนั้นเธอก็ใช้นิ้วของเธอวาดวงแหวนเพิ่มจากกองผงและเขียนคำบางคำที่ผมอ่านไม่ออก น่าแปลกเพราะตั้งแต่ที่ผมมาในโลกแห่งนี้ผมก็อ่านภาษาของโลกนี้ได้เข้าใจดีทุกอย่าง แต่อักษรที่เธอเขียนผมกลับอ่านไม่ออกเลย

“คุณเวล… ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตั้งสติไว้ดีๆ นะคะ…” ทันทีที่เธอพูดจบเธอก็หยิบแท่งไม้เล็กๆ ออกมาและชี้มาที่ตัวของผม

“เวทโอนย้ายมานาขั้นสูงแห่งวงแหวนของโซโลม่อน…” ทันทีที่เธอพูดจบ ความเจ็บปวดมากมายได้ถาโถมเข้ามาในตัวผม แสงสีฟ้าที่ส่องสว่างออกมาจากวงแหวนได้ล้อมรอบตัวผม จากนั้นแสงนั่นก็ค่อยๆ เริ่มเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ พร้อมกับความเจ็บปวดที่มากขึ้น

“อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!” ตอนนี้ผมไม่สามรถทำอะไรได้นอกจากกรีดร้องออกมาและพยายามออกไปจากวงแหวนนี้ แต่ผมกลับไม่สามารถออกไปไหนได้เลย ทันทีที่ผมพยายามจะออกจากนอกวงแหวน มันก็เหมือนกับมีกำแพงใสๆ กั้นเอาไว้อยู่

ผมกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายรู้สึกเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ผมสังเกตเห็นเส้นเลือดของผมที่ปูดขึ้นมา น้ำตาของผมเริ่มไหลเป็นสายออกมา แต่พอผมสังเกตของเหลวที่ออกมาจากตาของผมบนพื้นดีๆ แล้ว มันกลับเป็นเลือดข้นๆ ที่ออกมาจากตาของผมแทน และนอกจากนั้นก็ยังมีเลือดข้นๆ เช่นเดียวกันไหลออกมาจากหูของผมด้วย

“อุแหวะ…” ผมอาเจียนออกมาเป็นเลือดเต็มพื้น และล้มตัวนอนกองหมดสภาพไปกับพื้นในทันทีหลังอาเจียน

“อ่า… สุดยอดที่สุด… เสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่ม” เสียงสยองขวัญของมารีน่าดังแว่วเข้ามาในหูของผม

ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอกำลังช่วยผมอยู่… มันเหมือนกับเธอกำลังพยายามฆ่าผมอยู่มากกว่า…

ตอนนี้ตาของผมเริ่มพร่ามัวและกำลังจะปิดลงในไม่ช้า และสุดท้ายผมก็รับรู้ได้เพียงแค่ความมืดรอบตัวเท่านั้น

The Last Of Hero : ผู้กล้าคนสุดท้าย

The Last Of Hero : ผู้กล้าคนสุดท้าย

Status: Ongoing
อ่านนิยาย The Last Of Hero : ผู้กล้าคนสุดท้ายอะแฮ่มๆ สวัสดีครับ ผมกาน้อยโรมันเอง *เชิดอกพูดอย่างภูมิใจ* จริงๆคิดว่าไม่ได้จะชี้แจงอะไรนักเท่าไหร่ แต่กลัวคนอ่านไม่ไหวกันก่อน ก่อนอื่นขอแจ้งเรื่องเนื้อเรื่องกันก่อนนะครับ ตอนนี้ผมได้วางบทเอาไว้ประมาณ 8 ช่วงใหญ่ๆ และตัวละครผู้กล้าเองก็ต่างมีภูมิหลังในแบบของตัวเอง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset