ด้วยเสียงที่ค่อย ๆ เงียบลง อีกศพหนึ่งของผู้อาวุโสตระกูลซือกง ‘เฒ่ามารอสูร’ ก็ลงไปกองอยู่กับพื้นเหมือนกระสอบทรายซากมนุษย์
ทั้งลานของคฤหาสน์ตระกูลเย่ตกสู่ความเงียบงันอีกครั้งหนึ่ง
กระดูกทั้งหมดของมารอสูรถูกต่อยจนแหลกละเอียด นั่นทำให้ร่างกายของเขาดูเหมือนกองโคลน
แต่ดวงตาของเขายังคงเบิกกว้างราวกับว่าเขาได้รับความเจ็บปวดและความหวาดกลัวจากปีศาจก่อนที่จะตาย!
อึก!
เมื่อมองร่างของเฒ่ามารอสูร เย่หลงและซือกงจิงกลืนน้ำลายอย่างแรง พวกเขายังปัสสาวะรดใส่กางเกงเพราะความกลัว
‘พวก…พวกผู้มีพลังอำนาจทั้ง 4 ของตระกูลซือกงถูกฆ่าโดยมัน เพียงแค่การโจมตีหนึ่งครั้งต่อหนึ่งศพ! มัน…มันเป็นมนุษย์หรือว่าปีศาจกันแน่’
เย่หลงทรุดตัวนั่งลงไปพื้นอย่างอ่อนแรงขณะที่ยังคงตกตะลึงไม่หาย
เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง! เขาไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยแม้แต่น้อย!
ก่อนหน้านี้เย่เฟิงนั้นเป็นแค่ไอ้คนขี้ขลาด!
แต่ตอนนี้เย่เฟิงนั้นโหดเหี้ยมราวกับปีศาจ!
โคตรน่าเหลือเชื่อ!
จากนั้นเย่เฟิงก็ค่อย ๆ เดินมาทาง ซือกงทัว ซือกงจิง และเย่หลง
แต่ละก้าวที่เย่เฟิงใกล้เข้ามา สีหน้าของพวกเขาก็ซีดมากขึ้นเรื่อย ๆ !
“เย่เฟิง!”
จากนั้นซือกงทัวก็ก้าวออกมาข้างหน้าและบอกกับเย่เฟิงด้วยความหวาดกลัวอย่างมากว่า “พูดตามตรงแล้วนายนั้นแข็งแกร่งมาก! ในเมื่อนายฆ่าผู้ที่แข็งแกร่ง 4 อันดับแรกของตระกูลซือกง นายจึงมีคุณสมบัติพอที่จะทำให้ฉันสนใจ!”
จากนั้นซือกงทัวจึงหันไปมองซือกงจิงก่อนจะพูดว่า “แล้วถ้าเอาแบบนี้ล่ะ ? ตราบใดที่นายตกลง ที่จะไม่ทำร้ายพวกเรา นายสามารถแต่งงานกับซือกงจิงซึ่งจะทำให้นายเป็นลูกเขยของฉัน!”
‘อะไรนะ!’
หลังจากได้ยินคำแนะนำของซือกงทัว ใบหน้าของเย่หลงก็ดูซีดเซียวยิ่งกว่าเดิม
เขาไม่นึกว่าซือกงทัวกำลังคิดที่จะให้ลูกสาวของเขาแต่งงานกับเย่เฟิงและทอดทิ้งเขาในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายแบบนี้
จากนั้นซือกงทัวก็ยังคงพยายามจูงใจเย่เฟิงด้วยผลประโยชน์ “เย่เฟิงตราบใดที่นายเห็นด้วย ตระกูลซือกงจะช่วยให้นายประคับประคองตระกูลเย่! นอกจากนี้หลังจากที่ฉันตายไปนายสามารถสืบทอดตระกูลซือกงได้อีกด้วย นายคิดว่าดีไหม ?”
…
หลังจากได้ยินคำพูดของซือกงทัว ดวงตาของเย่หลงก็กลายเป็นสีแดงเลือด
เขาอิจฉาเกี่ยวกับข้อเสนอที่ซือกงทัวให้กับเย่เฟิง เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะเอาเย่เฟิงไปเป็นทายาทของตระกูลซือกง!
ใครก็ตามที่ถูกเสนอด้วยข้อตกลงนี้ต้องมีความรู้สึกราวกับขึ้นสวรรค์ ไม่ต้องพูดถึงเย่หลงเลย!
แต่คำตอบของเย่เฟิง ทำให้หน้าของซือกงทัวชาวาบไปในทันที “ตระกูลซือกง ? แล้วยังไง ?”
ยิ่งไปกว่านั้นเย่เฟิงจ้องไปที่หน้าของซือกงทัวแล้วพูดว่า “ในเมื่อแกฆ่าคนในตระกูลของฉัน แกก็สมควรที่จะต้องตาย! เมื่อแกทำให้คนในตระกูลของฉันบาดเจ็บ แกก็สมควรที่จะต้องตายเช่นกัน! แกจะไม่มีวันเดินจากไปแบบมีชีวิต!”
‘หืมม ?’
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ใบหน้าของซือกงทัวเปลี่ยนเป็นสีดำเนื่องจากเขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะปฏิเสธข้อตกลงที่ได้ผลประโยชน์ขนาดนี้ได้ลง
และเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความรุนแรงของพลังฉีของเย่เฟิง หน้าของซือกงทัวก็ชาไปในทันที
“เย่เฟิงดูเหมือนว่าแกชอบอะไรที่มันยาก ๆ สินะ! แกคิดว่าตระกูลซือกงได้แสดงความแข็งแกร่งทั้งหมดให้แกได้เห็นแล้วอย่างนั้นเหรอ ?”
‘หืมม?’
คำพูดที่ไม่แสดงถึงความกลัวของซือกงทัวทำให้ทุกคนต่างตกใจ!
“ตระกูลซือกง มีผู้มีพลังอำนาจสูงสุด 6 คน แม้ว่า 5 คนจะถูกแกฆ่าตายไปแล้ว แต่เราก็มีผู้ที่ปกป้องอย่างลับ ๆ อีกคนหนึ่ง!”
‘ว่าไงนะ!’
สมาชิกตระกูลเย่แต่ละคนขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะพวกเขาไม่นึกว่าตระกูลซือกงยังมีไพ่ลับอยู่อีกคน
ผู้ปกป้องคนสุดท้ายคือคนที่จะไว้ใจได้มากที่สุดของตระกูลซือกง!
แม้แต่ซือกงจิงและชายชรากู๋ก็ตกใจกับคำพูดของซือกงทัว
‘หรือ…หรือพ่อจะหมายถึง…เศียรอสูรหลังค่อมงั้นเหรอ ?’
ซือกงจิงตัวสั่นเทาราวกับว่าเธอเพิ่งจะเห็นผีตัวเป็น ๆ
ชายชรากู๋รู้สึกเหมือนขนเหนือหนังศีรษะลุกตั้ง ราวกับว่าชื่อนั้นหมายถึงสิ่งที่น่าหวาดกลัวจนยากจะต้านทานได้
ทั่วทั้งประเทศจีนมีตำนานหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มาก!
เมื่อมารทั้งห้าเดินไปด้วยกันแม้แต่เทพเจ้าก็จะหลบเลี่ยงไปให้ไกลจากพวกเขา!
มารทั้งห้านั้นได้กล่าวถึงคนห้าคนที่เป็นผู้มีพลังอำนาจลึกลับ ที่ไม่มีใครในประเทศจีนจะเทียบได้เลยมานานกว่า 20 ปีแล้ว
แปลกประหลาด!
กระหายเลือด!
บ้าคลั่ง!
พวกนี้เป็นสมญานามของพวกเขา!
ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาราวกับว่าคนที่เคยเห็นพวกเขานั้นเสียชีวิตไปแล้วทั้งหมด
เศียรอสูรหลังค่อมเป็น 1 ใน 5 อสูร!
เปลือกตาของชายชรากู๋กระตุกอย่างบ้าคลั่งด้วยความตกใจอย่างมาก ขณะที่เขาพูดพึมพำ “ตระกูลซือกง เคยช่วยเศียรอสูรหลังค่อม! ดังนั้นเศียรอสูรหลังค่อมจึงสัญญาที่จะช่วยเรา 3 ครั้ง! 8 ปีที่แล้ว ตระกูลใหญ่ 4 อันดับแรกในภาคเหนือของจีนร่วมมือกันเพื่อโจมตีตระกูลซือกง ซึ่งมีผู้มีพลังอำนาจมากกว่า 20 คน แต่ละคนนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าเฒ่าแยกร่างแปดชิ้น! ตระกูลซือกงใกล้จะถูกขุดรากถอนโคน!”
ชายชรากู๋ดูเหมือนจะจดจำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น ใบหน้าของเขาซีดเซียวลงอย่างน่ากลัว
“แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญนั้น เศียรอสูรหลังค่อมก็ปรากฏตัวขึ้น! เขาเป็นเหมือนปีศาจที่คร่าชีวิตของผู้คนจากในความมืด เขาทำลายล้างพวกผู้มีพลังอำนาจทั้ง 20 กว่าคนนั่นของตระกูลใหญ่ทั้ง 4 ด้วยกำปั้น หนึ่งหมัดต่อหนึ่งชีวิต! เขาเป็นเหมือนอาวุธที่รุนแรง ทุกที่ที่เขาเดินผ่านไปจะมีซากศพกองอยู่ทั่วพื้นดิน!”
หลังจากพูดแล้วชายชรากู๋ก็มองเย่เฟิงด้วยความสงสารแล้วพูดพึมพำต่ออีกว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าตระกูลซือกง จะได้เจอกับเขาอีกครั้งในตอนนี้! นี่มันจะเป็นครั้งที่ 2 ที่เขาจะช่วยเหลือตระกูลซือกง เด็กน้อยคนนี้คงจะไม่มีทางรอดชีวิตอีกแล้วในครั้งนี้!”
ถึงแม้ว่าชายชรากู๋จะพูดพึมพำแต่เย่หลงก็ได้ยินเรื่องนี้ทั้งหมดอย่างชัดเจน ขณะที่เขาเปิดเผยสีหน้าตกใจระคนมีความสุข!
“คนที่มีพลังอำนาจยิ่งกว่า ยังมีคนที่แข็งแกร่งอยู่อีกคน!” เย่หลงจับจ้องไปที่เย่เฟิงด้วยท่าทางที่เกรี้ยวกราดและดุร้าย เขาพูดว่า “ไอ้สารเลวตัวน้อย แกตายแน่! แกต้องตายอย่างแน่นอน!”
เย่หลงและซือกงจิงดีใจมาก
สมาชิกทุกคนของตระกูลเย่ หน้าพลันซีดลงอีกครั้ง!
พวกเขารู้ว่าพวกตระกูลใหญ่นั้นทรงพลังอย่างมาก!
ไม่ว่าเย่เฟิงนั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ไม่สามารถเทียบได้กับความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลซือกง
ในเสี้ยววินาทีนั้นเหล่า สมาชิกของตระกูลเย่แต่ละคนก็รู้สึกสิ้นหวัง!
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเบา ๆ ก็ดังก้องมาจากประตูหน้าของคฤหาสน์ตระกูลเย่
แม้ว่าเสียงจะไม่ดังมาก แต่ก็เหมือนเป็นเสียงฟ้าร้องในหูของคนทั่วทั้งลานนี้
ทุกคนจับจ้องไปที่ประตูด้วยสีหน้าตึงเครียดราวกับว่ากำลังจะมีผีปรากฏตัวขึ้นมา
ภายใต้ใบหน้าเครียดเคร่งของทุกคน แถวของคนแปลกหน้าในชุดสีดำ ก็เดินออกมาจากความมืดราวกับเป็นวิญญาณที่เย็นชาและกระหายเลือด
เมื่อใดก็ตามที่หัวหน้ากลุ่มก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พื้นก็จะสั่นสะเทือน ราวกับสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ เขาทำให้ทุกคนในลานของคฤหาสน์ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว!
ซือกงทัว ซือกงจิงและเย่หลงเผยสีหน้าดีใจอย่างมาก!
‘เศียรอสูรหลังค่อม!’
ชายคนนั้นเป็นผู้ปกป้องของพวกเขา!
ดังนั้นซือกงทัว ซือกงจิงและเย่หลงจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับไปที่หัวหน้าของกลุ่มคนในชุดสีดำพลางกล่าวทักทาย “ยินดีต้อนรับครับ ใต้เท้า! หวังว่าคุณจะสามารถช่วยพวกเราเป็นครั้งที่ 2 ! ฆ่ามันซะ!”
ซือกงทัวตะโกนและชี้ไปที่ เย่เฟิงราวกับว่าเขานั้นได้เห็นผลลัพธ์ที่สมเพชของเย่เฟิงเรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าของเย่เฟิงเปลี่ยนเป็นยุ่งยากใจ เมื่อเขาสัมผัสกับพลังฉีที่เต็มไปด้วยอันตรายจากหัวหน้าของกลุ่มคนในชุดสีดำ
‘ชายคนนี้ทรงพลังมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้เจอตั้งแต่ฉันกลับมาเกิดใหม่นี่’
‘เขามีพลังมากกว่าเฒ่าแยกร่างแปดชิ้นถึง 10 เท่า‘
ขณะที่เศียรอสูรหลังค่อมเดินต่อไปข้างหน้า ทั้งกลุ่มนั้นก็เดิมตามเขาเพื่อเข้าหาเย่เฟิง ทั้งกลุ่มนั้นดูทรงพลังและน่าเกรงขามอย่างท่วมท้น
ราวกับพวกเขาคือฝูงของวิญญาณชั่วร้าย มันให้ความรู้สึกหนาวเหน็บและน่าหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามาถึงตรงหน้าเย่เฟิงพวกเขาแต่ละคนคุกเข่าลงข้างหนึ่งขณะที่พวกเขาเอ่ยคำพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “ผมขอแสดงความเคารพต่อคุณ เจ้านาย!”