The Rise of Otaku – ตอนที่ 113

บทที่ 113 การอัพเกรดบริษัทแอนิเมชั่น

 

ผลของการทําให้โลกทั้งโลกตกตะลึงด้วยประโยคเดียวอาจจะเป็นแบบนี้ โจวหยุไม่ต้องการให้ลูกสาวตัวน้อยอย่างมู่ลี่ออกจากหมู่บ้าน แน่นอนว่าก่อนที่เขาจะพูดประโยคนี้ออกมาเขาได้ถามความคิดเห็นของมู่ลี่น้อยมาก่อนเป็นที่เรียบร้อย และคําตอบที่เขาได้มาก็คือเธอไม่ต้องการจากไป

 

นี่อาจเกี่ยวข้องกับบุคลิกของเธอเล็กน้อย แม้ว่าอาชีพของเธอจะเป็นไอดอล เธอก็เกิดอาการอายโดยธรรมชาติและชอบเก็บตัวเล็กน้อย เธอดูเหมือนจะมีความลังเลเกี่ยวกับอาชีพในอนาคตของเธอ ขนาดการตัดสินใจครั้งนี้เธอยังได้ถามความคิดเห็นของโจวหยูก่อนการตัดสินใจ

 

โจวหยูรู้ดีว่าถึงแม้ลูกสาวคนนี้จะเป็นคนขี้อายและเก็บตัวอยู่เล็กน้อย แต่มันก็เป็นเพียงแค่อุปสรรคเล็กน้อยเท่านั้น เขามั่นใจว่าในอนาคตนี้เขาจะทําลายอุปสรรคนี้ให้เธอเอง

 

ถึงแม้ว่ามู่ลี่จะซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋าหน้าของพ่อตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่ก็มีบ้างที่เธอจะแอบนมาดูฝูงชนตรงหน้าเป็นครั้งคราว ซึ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเธอเองก็ยังรู้สึกสนใจเรื่องนี้เช่นกันข

 

ถ้าหมู่บ้านมินิลู่หัวไม่ได้พัฒนามากพอในช่วงหนึ่งปีมานี้ โจวหยูเองก็ไม่ลังเลเลยที่จะสนับสนุนให้ลูกสาวตัวน้อยคนนี้ออกไปผจญภัยข้างนอกแบบพี่ชายของตัวเอง

 

เพราะยังไงเธอก็ยังสามารถกลับมาเยื่อมบ้านได้เป็นครั้งคราว แต่เนื่องจากตอนนี้เขามีความสามารถมากพอที่จะจัดการเรื่องต่างๆได้เองแล้ว มันจึงเป็นเรื่องไม่จําเป็นที่จะต้องปล่อยให้ลูกตัวเองออกไปยังที่ห่างไกลแบบนั้น

 

ไม่ว่าบริษัทเหล่านั้นจะดีแค่ไหน แต่มันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิธีที่พ่อปฏิบัติต่อลูกสาวของตัวเองได้อยู่ดี แน่นอนว่าเรื่องนี้ถูกตัดสินใจจากอารมณ์ส่วนตัวด้วยเช่นกัน

 

ในห้องประชุมหลังจากที่โจวหยูประกาศเรื่องนี้ออกไป มันก็เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง แต่สําหรับบริษัทจัดการขนาดเล็กกลับรู้สึกโล่งใจอย่างลับๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะแต่เดิมความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถรับสมัครบุคคลตรงหน้าก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว มันทําให้พวกเขาทําได้เพียงมองดูบริษัทยักใหญ่ได้ตัวเธอไปเท่านั้น แต่ตอนนี้บุคคลตรงหน้ากับตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมบริษัทจัดการใดๆ และเลือกที่จะทําหน้าที่เป็นนักแสดงอิสระแทน มั่นช่างเป็นอะไรที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนจริงๆ

 

เซี่ยฮวนเองก็มีความสุขเมื่อเกิดสถานการณ์นี้เช่นกัน เพราะคิดตามเหตุผลแล้วเขามี ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับโจวหยูและหมู่บ้านมินิลู่หัวมาโดยตลอด ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายๆกับเขาถ้าต้องการที่จะร่วมมือกับอีกฝ่ายในอนาคต และการที่มู่ลี่กลายเป็นนักแสดงอิสระนั่นก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสําหรับเขาเช่นกัน แม้ว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นโจรสลัดผลไม้จะสามารถทํากําไรให้กับบริษัทได้เป็นจํานวนมาก แต่มันก็ยังไม่มากพอที่เขาจะนํามาใช้จ่ายครั้งละหลายแสนเหรียญได้อยู่ดี

 

เมื่อมีคนที่ดีใจก็ย่อมมีคนที่ต้องเสียใจ บริษัทที่เสียใจอย่างมาเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ก็คือบริษัทจางกวานแห่งหนานโถว ด้วยความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของพวกเขามันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นในการเซ็นสัญญาในจํานวนหลายแสนเหรียญ แต่เมื่อเขาได้ฟังคําตอบจากอีกฝ่ายเมื่อเร็วๆนี้มันก็ทําให้เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาเขาไม่เคยคิดเลยว่ามนุษย์ตรงหน้าจะเป็นคนที่แปลก เป็นอย่างมากถึงแม้ว่าบริษัทของเขาจะเป็นบริษัทที่ทรงพลังมากในโลกACG แต่มันก็ต้องยอมรับว่าเขาเองก็ไม่สามารถแข่งขันกับมนุษย์จากโลกแห่งความจริงได้อยู่ดี

 

ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะทําให้บางคนผิดหวังและบางคนโล่งใจ แต่ยังไงงานแถลงข่าวก็ยังค งดําเนินต่อไป

 

หมู่บ้านมินิลู่หัวได้พูดว่าแผนต่อไปในอนาคตนั้นพวกเขาจะทําการสร้างสตูดิโอภาพย นตร์เป็นของตนเองและยังจะสร้างทีมงานไอดอลเป็นของตัวเองอีกด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับบริษัทจัดการอื่นๆในเรื่องการเผยแพร่ในโลกแห่งความจริง แต่ยังไงก็ตามมันก็ยังคงมีกา รหารือเกี่ยวกับสิทธิในการเผยแพร่ในโลก ACG เช่นกัน

 

หลังจากคําอธิบายนี้ของโจวหยูจบลงงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นอย่างรวดเร็วก็ได้จบลงด้วยดีก่อนการจัดงานแถลงข่าวนี้ขึ้นมาเขาไม่ได้เตรียมอะไรเลย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะพยายามข้ามขั้นตอนอื่นๆนอกเหนือจากการประกาศจุดยืนของตัวเอง และรีบปล่อยให้คนเหล่านั้นกลับไป

 

ฝูงชนที่แออัดอยู่ในห้องประชุมก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆหายไปเหมือนพายุมาอย่างรวดเร็ว

 

แน่นอนว่ามีบริษัทจัดการหลายแห่งที่ไม่ต้องการยอมแพ้ง่ายๆ พวกเขาต่างก็เข้ามาหาโจวหยูและมอบช่องทางการติดต่อของตัวเองให้ก่อนที่พวกเขาจะเดินจากไป โดยที่พวกเขาหวังว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจในอนาคต

 

โจวหยูเห็นว่าคนจํานวนมากได้จากไปแล้ว เขาก็ได้เดินตรงไปยังเซี่ยฮวนและมิเนียนตัวน้อยทันที

 

เมื่อเขาได้เห็นลูกชายคนโตอีกครั้ง มันก็ทําให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหตุผลหลักก็คือสถานะของเขาที่แย่เป็นอย่างมาก ถ้าเกิดว่าเจ้าลูกชายคนนี้เกิดในช่วงเวลาเดียวกับลูกสาวคนโตละก็ เขามั่นใจว่าค่าสถานะโดยรวมของเจ้าตัวนั้นจะต้องสูงกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

 

ก่อนหน้านี้มันก็ยังถือว่าเป็นเรื่องโอเคอยู่ แต่เมื่อมีคนที่ใช้เปรียบเทียบอย่างมู่ลี่ มันก็ยิ่งทําให้เขารู้สึกผิดเกี่ยวกับลูกชายคนโตคนนี้มากขึ้น มันทําให้เขารู้สึกเหมือนกับติดหนี้อีกฝ่ายและจําเป็นต้องหาวิธีชดใช้มัน

 

เมื่อเกิดความคิดนี้ขึ้นมาโจวหยูก็คิดว่าบางทีหลังจากที่เขาการสร้างสตูดิโอภาพยนตร์และมีเงินทุนมากพอแล้ว เขาจะดึงตัวลูกสาวคนนี้กลับมา แม้ว่ามิเนียนตัวน้อยคนนี้จะมีคุณสมบัติที่ต่ําแต่เขาก็ไม่นํามันมาใส่ใจ เพราะยังไงผู้ที่ตัดสินใจทั้งหมดก็ยังเป็นเขา แล้วแบบนี้เขาจะยังกังวลอะไรอีกที่จะผักดันให้ลูกชายตัวเองรับบทบาทเป็นพระเอกในอนาคตนอกจากนี้แล้วสิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับครอบครัวคือต้องมีความสมบูรณ์และอยู่ร่วมกัน เขาไม่สามารถปล่อยให้ลูกชายคนโตคนนี้ เอาไว้ข้างนอกได้ตลอด

 

เมื่อเห็นมู่ลี่ตัวน้อยที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของพ่อตัวเอง มิเนียนในฐานนะพี่ชายก็ทําหน้าที่พี่ชายเป็นอย่างดี เขาได้เดินไปหาเธอและลูบหัวเธอเบาๆเป็นการทักทาย เขาไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเกลียดน้องสาวที่มีค่าสถานะสูงคนนี้เลย เขายังคงทําตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีตลอดเวลาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ ฮ่าฮ่า! นี้ต้องพูดว่าพ่อของเรายังคงมีโชคอยู่บ้างพอถึงกับต้องใช้เวลาหนึ่งปีกว่าถึงจะหาน้องสาวที่น่ารักคนนี้ให้พี่ได้”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ยังได้มอบของขวัญเล็กๆให้แก่มู่ลี่เช่นกัน และนั้นทําให้คนที่ได้รับของขวัญจากพี่ชายเป็นครั้งแรกก็ถึงกับกระโดดไปรอบๆอย่างมีความสุข

 

เมื่อพูดถึงการแสดงออกจากใจจริง โจวหยุยอมรับว่าเขานั้นไม่สามารถสู้ลูกชายคนโตของตัวเองได้

 

เซี่ยฮวนเองก็ยังอยู่ไม่ได้ไปไหน แต่เขาเลือกที่จะไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจตลอดเวลาการพูดคุยในครั้งนี้ อาจจะเป็นเพราะเขาจงใจให้เป็นอย่างนั้น ไม่ใช้ว่าโจวหยูจะไม่รู้เรื่องนี้แต่เขาก็คิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทํานั้นก็ค่อนข้างนี้เช่นกัน

 

ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง “โจรสลัดผลไม้” นั้นได้รับความนิยมอย่างมากในโลกแห่งความเป็นจริง มันสามารถกวาดรายได้ในประเทศไปได้จํานวนมากเมื่อเร็วๆนี้ โจวหยูเคยได้ยินมาว่าทางบริษัทเพนกวินและบริษัทเกมโอตาคุต้องการนําภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ไปยังตลาดตะวันตกอีกด้วย

 

โจวหยูเป็นคนที่ไม่เคยใส่ใจในการดําเนินธุรกิจอยู่แล้ว เขาสนใจแต่ผลลัพธ์อย่างเดียวเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามในโลก ACG ภาพยนตร์เรื่องนี้กับได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ระดับ B เท่านั้นถึงแม้ว่าจะมีการใช้ผู้กํากับระดับตํานานพร้อมกับเชิญนักร้องมาทําเพลงประกอบ แต่ท้ายที่สุดแล้วภาพยนตร์ก็ยังคงจัดอันดับด้วยการดูจากการแสดงของนักแสดงเป็นส่วนสําคัญ มันจึงเป็นไม่ใช้เรื่องแปลกที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะถูกจัดอันดับอยู่ในระดับB

 

อย่างไรก็ตามก็ตามทางบริษัทของเซี่ยฮวนก็ยังคงได้รับเงินจํานวนมากจากภาพยนตร์เรื่องนี้และมันยังมีผลพร้อมได้อย่างการเพิ่มชื่อเสียงเล็กๆน้อยๆให้กับตัวบริษัทอีกด้วย ดังนั้นเมื่อดําเหตุการณ์ทั้งหมดมาหักลบกลับนี้แล้ว มันก็ยังคงทําให้เสี่ยฮวนรู้สึกได้กําไรจากเรื่องนี้อยู่ดี

 

เมื่อเซี่ยนฮวนได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด โจวหยูก็เกิดความคิดที่ว่าการทํางานกับคนที่คุ้นเคยนั้นดีกว่าการทํางานกับคนแปลกหน้า อย่างน้อยพวกเขาก็เคยมีความร่วมมือกันมาก่อน และการร่วมือกันระหว่างพวกเขาก็เป็นอะไรที่น่าพอใจมาโดยตลอด

 

ดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายได้พูดถึงการร่วมมือกันในอนาคตขึ้นมา โจวหยูก็ตัดสินใจที่จะพูดถึงการสร้างสตูดิโอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นของตัวเองให้อีกฝ่ายฟังเช่นกัน ถึงแม้ว่าโครงการนี้มันอาจจะฟังดูดี แต่อันที่จริงแล้วมันกับมีปัญหามากมายซ่อนอยู่ ปัญหาอันดับแรกเลยก็คือปัญหาเกี่ยวกับงนักแสดง แม้ว่าบริษัทแอนิเมชั่นของเขาจะมีทีมงานพร้อมสับ แต่ในตอนนี้มันกับมีนักแสดงเพียงคนเดียวนั้นก็คือมู่ลี่ลูกสาวของเขานั้นเอง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแสดงคนเดียวตลอดทั้งเรื่องปัญหาที่สองก็คือการมีสคริปต์ภาพยนตร์ที่ดี ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักแต่งนิยายมาก่อนแต่มันเป็นคนละเรื่องเลยระหว่างการแต่งนิยายกับการเขียนบทสคิรงภาพยนตร์

 

ดังนั้นเมื่อคิดถึงปัญหาจํานวนมาก มันจึงเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าจะร่วมมือกับใครสักคนที่มีประสบการในเรื่องนี้ ในแง่ของการกระจายสิทธิ์ของภาพยนตร์นั้นก็ง่ายมาก เขาจะยกสิทธิ์ทั้งหมดในโลก ACG ให้กับเซี่ยฮวน ส่วนสิทธิ์ในโลกแห่งความจริงนั้นจะเป็นเขาที่ตัดสินใจ

 

ถ้าโจวหยุต้องการสร้างสตูดิโอภาพยนตร์เป็นของตัวเอง ขั้นตอนแรกคือการอัพเกรดบริษัทอนิเมชั่นก่อน ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางสร้างผลงานให้ดีกว่านี้ไปได้ ถึงแม้ว่าเงิน 5,000 เหรียญโมจะค่อนข้างแพง แต่ด้วยความร่วมมือกันระหว่างเซี่ยฮวนและบริษัทจัดการอื่นๆที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ให้ ดังนั้นเรื่องเงินนี้จึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

 

เมื่อปัญหาเรื่องเงินถูกจัดการแล้ว โจวหยูก็ไม่รอช้าที่จะคลิกที่บริษัทแอนิเมชั่น จากนั้นคลิกที่ตัวเลือก ‘อัปเกรด” จากนั้นก็จะปรากฏเครื่องหมายเงื่อนไขทั้งหมดสําหรับการอัปเกรดขึ้นมาเมื่อทําการตรวจสอบว่าเงื่อนไขทั้งหมดนั้นครบถ้วน เขาก็ยืนยันการอัปเกรดทันที

 

ในขั้นต้นเขาคิดว่ามันจะเสร็จทันที แต่ไม่คิดว่ามันจําเป็นจะต้องใช้ช่างไม้บีเวอร์ช่วยในการอัพเกรดครั้งนี้ด้วยเช่นกัน หลังจากที่ช่างไม้บีเวอร์เห็นรายละเอียดงานทั้งหมดแล้ว เขาก็ได้บอกกับโจวหยูว่าการอัพเกรดครั้งนี้จําเป็นต้องใช้เวลา 24 ชั่วโมง

 

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ช่างไม้บีเว่อร์ก็กลับมา อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าการอัพเกรดเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ขั้นตอนสุดท้ายจําเป็นต้องทําให้โดยเจ้าของบริษัทเอง

 

ขั้นตอนสุดท้ายนี้ก็คือการตั้งชื่อ

 

บริษัทอนิเมชั่นในอดีตไม่มีชื่อ ดังนั้นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ผลิตออกมาจึงมีเพียงรายชื่อนักแสดงเท่านั้น ตัวอย่างเช่น “จัดทําโดยสตูดิโอ XXX ” ดังนั้นหลังจากมีการตั้งชื่อเสร็จแล้วในอนาคตช่วงท้ายของเคคิตจะปรากฏชื่อของสตูดิโอขึ้น ซึ่งนี้มันก็หมายความว่าเขาจําเป็นจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการผลิตภาพยนตร์มากขึ้นในอนาคต หากเขาไม่ระวังมากพอเขาอาจทําลายตราสินค้าของเขาเองได้ง่ายๆ

 

ซึ่งนั้นเป็นเรื่องของอนาคต แต่ในตอนนี้สิ่งที่โจวหยุรู้สึกกังวลไม่ใช้เรื่องพวกนั้น แต่เป็นชื่อที่เขาจะใช้มันต่างหาก

 

The Rise of Otaku

The Rise of Otaku

The Rise of Otaku
Score 7.8
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง The Rise of Otaku เรื่องย่อย โจวหยูเป็นโอตาคุที่รักสันโดษ ซึ่งเขานั้นเป็นคนที่ไม่ชอบออกจากบ้านของตัวเอง แต่เขาก็ถูกบังคับให้ออกจากบ้านโดยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในวันหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset