The Rise of Otaku – ตอนที่ 34

บทที่ 34 รายงาน

ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้ซึ่งถือได้ว่าเป็นอนิเมชั่นดังเดิมอย่าง “ภูเขาเพลิง” แทบจะไม่ได้รับคำตอบรับใดๆ เลย มีเพียงการแสดงตัวออกมาสั้นๆในเว็บไซต์แบ่งปันวิดีโอแล้วก็หายไปอย่างสมบูรณ์ในทะเลของวิดีโออื่นๆ

ท้ายที่สุดโจวหยูก็ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงอะไร และเขาก็ไม่ได้ทำการโปรโมตด้วยซ้ำ แม้ว่าคุณภาพของภาพยนตร์อนิเมชั่นนี้จะสูงมาก แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้มากนัก

แต่หากเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์นี้ได้รับการเผยแพร่โดยโจวชูวหยูหรือเหอหยวนหยวน ผลลัพธ์ก็อาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มีผลลัพธ์จะออกมาเป็ยแบบนี้ ดังนั้นโจวหยูจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจของเขา ท้ายที่สุดตราบใดที่เขามีความสุขกับอนิเมชั่นที่เขาทำ เขาก็ไม่สนใจว่าคนอื่นจะชอบมันไหม

อย่างไรก็ตามบางครั้งสิ่งต่างๆก็ไม่ใช้อย่างที่คิดเสมอไป เมื่อโจวหยูเกือบลืมเกี่ยวกับอนิเมชั่นนี้ไปแล้วนั้น กลับกันอนิเมชั่นของเขากับทำให้เกิดความตื่นเต้นอย่างมากในอุตสาหกรรมอนิเมชั่นจีนขึ้นมา

ลูฮันเชงเป็นอนิเมเตอร์อาวุโส แต่ตอนนี้เขาได้เกษียณตัวออกมาแล้ว และเขามักจะอยู่บ้านดูแลหลานสาวของเขาเสมอ เมื่อเขาว่างเขาอาจจะวาดบางสิ่งบางอย่างเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับตัวเองเป็นบางครั้ง

เขานั้นชอบวาดชุดซุนวูกงมากที่สุด และมันต้องเป็นอนิเมชั่นรุ่นเก่าที่ทุกคนอาจรู้จัก

วันนี้เขาก็ยังได้ส่งหลานสาวไปโรงเรียนตามปกติ เมื่อเขารู้สึกว่าเขาต้องการวาดภาคอะไรบางอย่างอยู่นั้น เขาก็ได้ยินใครบางคนที่ร้องตะโกนเรียกเขาอยู่ด้านนอกบ้าน “ อาจารย์! คุณอยู่บ้านไหม?”

ฟังจากเจ้าของเสียงแล้ว ลูฮันเชงก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่เรียกเขานั้นคือนักเรียนของเขา ไท่หลิน

‘ตอนนี้เขาเป็นถึงหัวหน้าแผนกแล้ว! ทำไมเขาถึงยังไม่รู้วิธีสงบสติอารมณ์ของตัวเองกันนะ?’ เขาคิดว่าขึ้นมา.

หลังจากนั้นไม่นานลูฮันเชงก็ได้ไปเปิดประตูและให้ไท่หลินเข้าข้างในบ้านของเขา “ อาจารย์! คุณดูที่นี่สิ!”

ขณะที่ไท่หลินเดินผ่านประตูเข้ามา เขาไม่ได้พูดทักทายหรืออะไรที่เป็นมารยาทตามปกติ เขากับทำเพียงเล่นวิดีโอบนโทรศัพท์มือถือของเขาทันทีจ ซึ่งตัวอนิเมชั่นที่เขาเปิดนั้นก็คือ ‘ภูเขาเพลิง’ ที่ผลิตโดยบริษัทอนิเมชั่นของโจวหยูนั้นเอง

ดูพวกกราฟิกที่คุ้นเคยและฟังเพลงที่คุ้นเคยแล้ว เพียงไม่กี่นาทีลูฮันเชงก็รู้ได้ทันทีว่านี้เป็นอนิเมชั่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา เขาที่คุ้นเคยกับทุกรายละเอียดของมัน เขาถึงกับตกตะลึงเป็นอย่างมากที่เขาจะได้เห็นอนิเมชั่นชุดนี้ที่สมบูรณ์แบบ

ทั้งสองต่างก็ไม่ได้คุยกันมากนัก พวกเขากับทำเพียงดูอนิเมชั่นนี้ทั้งเรื่องอย่างเงียบๆเท่านั้น หลังจากพวกเขาดูจบแล้ว ก็เป็นลูฮันเชงที่เป็นคนพูดว่า“ นี้! … อนิเมชั่นนี้ใช้บริษัทของนายทำเหรอ?”

ไท่หลินได้ส่ายหัวออกมา ก่อนที่เขาจะจุดบุหรี่“ อาจารย์หยุดพูดให้หน้าผมเถอะครับ! ถึงแม้ว่าการสร้างภาพยนตร์ประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ใครจะให้ทุนกับภาพยนตร์ประเภทนี้กัน? แค่ตัวดนตรีอย่างเดียวก็ไม่มีใครรู้ว่ามีนักดนตรียอดเยี่ยมจำนวนเท่าใดที่ถูกว่าจ้างให้สร้างสรรค์เพลงให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าผมนั้นไม่มีความสามารถแบบนั้นในการเชิญนักดนตรีเหล่านั้นอีกด้วย”

แน่นอนมันเป็นอนิเมชั่นที่สามารถทำได้หลายทศวรรษมาแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับพวกเขาที่จะทำอนิเมชั่นระดับนี้ขึ้นมาในตอนนี้ แต่ที่พวกเขาตกใจไม่ใช้เรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่ว่าในปัจจุบันนั้นมันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับเงินทุนจากนักลงทุนสำหรับผลิตภาพยนตร์ประเภทนี้ และถ้าพวกเขาต้องการสร้งอนิเมชั่นให้ได้ในระดับนี้ มันจำเป็นจะต้องใช้ต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าปกติเป็นอย่างมาก เพียงแค่เชิญผู้เชี่ยวชาญดนตรีจำนวนมากมา นี้ก็เป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเขาแล้ว

ดังนั้นลูฮันเชงจึงเข้าใจถึงความยากลำบากในการสร้างอนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาทำได้เพียงถอนหายใจและถามอย่างสงสัย“ ใครเป็นคนทำอนิเมชั่นนี้ขึ้นมากัน? นี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์อยู่แล้วทำไมไม่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ของอาจารย์ ไท่หลินได้กระตุกไปสองสามวินาที “ นี่!…มันแปลกมากครับ คนนั้นทำเพียงปล่อยอนิเมชั่นนี้ในช่องทางฟรี! เขาไม่ได้คิดค่าใช้จ่ายอะไรเลย!”

‘ฟรี? มีคนทำงานรั่วไหลออกมาหรือเปล่า? ‘

นี่เป็นความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของลูฮันเชง เพราะไม่ว่าเขาจะดูอนิเมชั่นเรื่องนี้ยังไง มันก็เป็นอนิเมชั่นที่ยอดเยี่ยมมาก นอกจากนี้การสร้างอนิเมชั่นระดับนี้ได้มันก็จำเป็นที่จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการทำแน่นอน แล้วแบบนี้มันจะใครบ้างที่ต้องการปล่อยมันฟรีๆ? และถ้าหากว่ามีคนทำงานนี้รั่วไหลออกมาจริงๆ นี้จะถือว่าคดีอาญาร้ายแรงได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตามแม้ว่าบุคคลนั้นจะถูกจับได้ แต่อนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ได้รับการเผยแพร่ออนไลน์ไปแล้ว มันไม่มีทางที่ใครจะสามารถหยุดยั้งไม่ให้มันไหลเวียนบนอินเทอร์เน็ตได้ และนั้นอาจจะทำให้บริษัทที่เป็นผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเรียกเงินที่พวกเขาลงทุนกลับคืนมาก หรือไม่พวกเขาอาจถึงขั้นล้มละลาย

มันช่างน่าเสียดายสำหรับอนิเมชั่นที่ยอดเยี่ยมเรื่องนี้

เมื่อดูที่การแสดงออกของอาจารย์ของเขา ไท่หลินก็รู้ว่าอาจารย์ของเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงพูดต่อว่า“ เราเองก็สงสัยเช่นกันว่าอาจจะมีคนทำงานรั่วไหลออกมาโดยเจตนา ดังนั้นเราจึงพยายามติดต่อบริษัทผู้ผลิตและบอกให้พวกเขาติดต่อไปยังเว็บไซต์แบ่งปันวิดีโอโดยเร็วที่สุด”

“อย่างไรก็ตามเราไม่พบข้อมูลติดต่อเกี่ยวกับบริษัทนี้เลย! เราจึงได้ลองตรวจสอบรายการรอการตรวจสอบ (1) ในเว็บไซต์ของรัฐบาลดู และเรายังไม่สามารถหาอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้จากรายการอีกด้วย”

‘เป็นไปไม่ได้! พวกเขาไม่ได้ส่งมันไปยังรัฐบาลเพื่อตรวจสอบเหรอ? นี้พวกเขากำลังทำอะไรอยู่กัน!’ ลูฮันเชงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวบริษัทถึงไม่นำอนิเมชั่นที่พวกเขาทำเสร็จสมบูรณ์แล้วตรวจสอบจากรัฐบาล

อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดก็คือ“ ภูเขาเพลิง” นี้เป็นเพียงภาพยนตร์ทดลองเท่านั้น ดังนั้นโจวหยูจึงไม่ต้องการทำกำไรจากมัน

หลังจากคุยกันไปซักพักแล้ว ทั้งคู่ตัดสินใจที่จะหาบริษัทผลิตนี้ให้เจอ แม้ว่าบริษัทนี้จะล้มละลายลง แต่พวกเขาก็ยังต้องการค้นหาคนที่เข้าร่วมโครงการและจ้างพวกเขาทั้งหมด และลูฮันเซิงก็ใจร้อนมากขึ้น เขาเพิ่งไปที่เว็บไซต์แบ่งปันวิดีโอและรายงานวิดีโอนี้ทันที

………………………………

วันนี้เป็นวันเสาร์และตามข้อตกลงกับเหล่าเด็กซน มันเป็นวันที่พวกเขาจะได้ดูหนังเรื่องใหม่

โจวหยูไม่คาดหวังว่าการฉายภาพยนตร์จะเป็นที่นิยมมากขนาดนี้ บ่ายสี่โมงก็เริ่มมีเด็กๆมาบ้านของเขาแล้วเริ่มทำการบ้าน หลังจากตรวจสอบการบ้านของพวกเขาเสร็จ พวกเขาก็เริ่มที่จะจับจองนั่งเก้าอี้ตัวเล็กๆของตัวเองทันที

แน่นอนโจวหยูจะไม่ทำการตรวจสอบการบ้านพวกนี้เอง เขาที่เป็นคนขี้เกียจมากอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดอยากเป็นครูในตอนนี้ และถือว่าเขายังพอมีโชคอยู่บ้าง เขาได้พบเด็กบางคนที่เก่งด้านการเรียน เขาจึงขอให้พวกนั้นช่วยตรวจการบ้านแทน

ความต้องการนั้นง่ายมาก ตราบใดที่เหล่าเด็กๆทำการบ้านเสร็จ แม้ว่าพวกเขาจะทำผิดก็ไม่เป็นอะไร แน่นอนว่าคนที่ไม่ทำการบ้านอย่างถูกต้อง จะถูกขอให้ทำการบ้านที่บ้านโจวหยูให้เสร็จก่อนที่จะได้ดูหนัง

และแน่นอนว่าผู้ปกครองเด็กๆทุกคนชอบวิธีการนี้มาก โดยเฉพาะผู้ปกครองเด็กซน เพื่อเป็นการขอบคุณโจวหยูพวกเขาจึงได้นำอาหารบางอย่างมาให้โจวหยูเป็นครั้งคราว

อาจกล่าวได้ว่าความประทับใจของพวกเขาที่มีต่อโจวหยูนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ในตอนนี้พวกเขาต่างก็มองว่าเด็กหนุ่มโจวนั้นมีทักษะที่ดีและมีจิตใจที่ดีเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ชอบพูดมากก็ตาม แต่นี้มันก็เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น

ครูโรงเรียนประถมอย่างครูหู ผู้ซึ่งเคยไปที่บ้านของโจวหยูเมื่อครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาของการจักนิทรรศการทางทหารที่ใกล้จะถึงนี้ มันทำให้เขาจำเป็นจะต้องมาที่บ้านของโจวหยูในครั้งนี้

ในช่วงวันนั้นโจวหยูได้ให้สัญญากับเขาว่าจะมอบของเล่นทหารให้แก่โรงเรียนเป็นเวลาสองวัน ตั้งแต่โรงเรียนเริ่มขึ้นแล้วและวันชาติจีนก็จะมาเร็วๆนี้ ดังนั้นนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการจัดนิทรรศการทางทหาร

แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเห็นพวกเด็กๆของหมู่บ้านทั้งหมดที่นี่ มันทำให้สถานที่นี้แออัดราวกับว่ามันเป็นโรงเรียนขนาดย่อมๆก็ว่าได้

เมื่อเดิมเข้ามาใกล้มากขึ้น เขาก็สังเกตเห็นเด็กๆจากหมู่บ้านใกล้เคียงด้วย! นี้มันเป็นบ่ายห้าโมงแล้วทำไมพวกเขายังคงอยู่ที่นี่อีก? พวกเด็กลืมเวลาที่จะกลับบ้านแล้วหรือไง?

หรือจะเป็นเพราะชายหนุ่มคนนั้นอีกกัน?

อาจารย์หูสับสนเป็นอย่างมากเมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นเด็กๆทุกคนกำลังตรวจสอบการบ้านของกันและกันอยู่นั้น เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีหมูบินอยู่บนท้องฟ้าในตอนนี้

โชคดีที่หัวหน้าหมู่บ้านเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เขาช่วยให้ครูหูหยวนหายจากความสับสนนี้ หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่หน้าจอสีขาวใต้ต้นไทรต้นใหญ่ “ ครูหู! เด็กน้อยหยูได้สร้างโรงภาพยนตร์เล็กๆขึ้นมา เขาจะเล่นหนังทุกวันเสาร์ และก็เฉพาะเด็กๆที่ทำการบ้านเสร็จเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ดูภาพยนตร์นี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำเด็กๆเหล่านี้ถึงมีความประพฤติดีแบบนี้ ตอนนี้พวกเขาเริ่มทำการบ้านทันทีหลังจากเรียนจบ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่จากหัวหน้าหมู่บ้าน มันก็ทำให้ระดับความเป็นมิตรที่หูหยวนมีต่อโจวหยูนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก การใช้เงินของตัวเองเพื่อเสริมสร้างกิจกรรมหลังเลิกเรียนของเด็กๆ ไม่ว่าจะมองจากมุมมองไหน เขาก็เป็นชายหนุ่มที่ดีอย่างมาก

ครั้งล่าสุดที่อีกฝ่ายถามเขาว่าจะให้ตอบแทนยังไง เขาก็ได้พูดติดตลกว่าถ้าอีกฝ่ายหาเงินได้ก็อย่าลืมเด็กๆ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คาดหวังว่าชายหนุ่มคนนี้จะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง

แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือโจวหยูยังไม่ได้รับเงินจากเกมเลย และเครื่องฉายหนังนี้เองก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียอะไรเลยเช่นกัน ในแง่ของค่าใช้จ่ายในการสร้างภาพยนตร์มันเป็นเพียงแค่เวลาและเหรียญโมเท่านั้น

หลังจากนั้นครู่หนึ่งโจวหยูก็ออกมาจากบ้านของเขา และสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คืออาจารย์หูอยู่ในบ้านของเขาตอนนี้

ครูหูหยวนได้พูดชมเชยเขาในสิ่งที่เขาทำ นั้นทำให้โจวหยูรู้สึกอายเล็กน้อย จากนั้นพวกเขาก็คุยกันเรื่องนิทรรศการทหาร

ตั้งแต่เขาได้สัญญาไว้แล้ว และมันยังเป็นแค่การยืมเพียงสองวันเท่านั้น โจวหยูจึงตกลงอย่างง่ายดาย แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าครูหูหยวนจะถามเขาอีกอย่างว่า“ เด็กน้อยหยู! เนื่องจากงานนี้เป็นฝีมือของเธอทั้งหมด ดังนั้นฉันคิดว่าทำไมเธอถึงไม่ออกไปพูดอะไรซักหน่อยในวันเปิดงานละ?”

หลังจากที่โจวหยูได้ยินแบบนี้ มันก็ทำให้เขารู้สึกงุนงงทันที ก่อนที่เขาจะส่ายหัวอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการปฏิเสธ

นี้อีกฝ่ายกำลังล้อเล่นกับเขาใช้ไหม? การพูดต่อหน้าหลายๆคนเหรอ? แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเด็กแต่มันก็ยังเป็นเรื่องน่าอายอย่างยิ่งที่เขาต้องทำมัน! นอกจากนี้เขาไม่ได้ทำแบบจำลองเหล่านั้นด้วยตัวเอง การยืนบนเวทีเพราะสิ่งนี้ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นอาชญากรยังไงไม่รู้ …

เมื่อเห็นว่าโจวหยูปฏิเสธอย่างเด็ดขาด อาจารย์หูก็ไม่ได้ถามอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหันความสนใจไปยังโรงหนังกลางแจ้งต่อไป และเขาวางแผนที่จะตรวจสอบว่าภาพยนตร์ประเภทไหนกันที่จะทำให้เด็กๆเหล่านั้นประพฤติตัวดีได้

The Rise of Otaku

The Rise of Otaku

The Rise of Otaku
Score 7.8
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง The Rise of Otaku เรื่องย่อย โจวหยูเป็นโอตาคุที่รักสันโดษ ซึ่งเขานั้นเป็นคนที่ไม่ชอบออกจากบ้านของตัวเอง แต่เขาก็ถูกบังคับให้ออกจากบ้านโดยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในวันหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset