บทที่ 66 ความฝัน
โจวหยูกำลังเฝ้าดูการแสดงเวทมนต์นี้ด้วยเช่นกัน แต่ระยะห่างของเขาใกล้กว่าคนอื่นมาก ดังนั้นเขาจึงเห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมากมาย เหนือเวทีไปมีสมาชิกกลุ่มปฏิบัติการหลายคนกำลังร้องเพลงเวทมนต์ด้วยเสียงต่ำและเมื่อเวทมนตร์มีผลด้ายไหมที่พันรอบนิ้วแต่ละนิ้วของสมาชิกในกลุ่มก็เริ่มเคลื่อนไหวและจัดการหุ่นกระบอกด้านล่างทำให้พวกมันทำทุกท่าทางของการเคลื่อนไหว
และทั้งสองด้านของเวทีที่ผู้ชมมองไม่เห็นสมาชิกอีกคนหนึ่งกำลังเล่นเครื่องดนตรีหลากหลายประเภทในขณะที่สมาชิกอีกฝั่งกำลังถือต้นฉบับคัดลอกการแสดงผ่านไมโครโฟน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ในกลุ่มให้เสียงพากย์ นอกจากนั้นยังมีนักมายากลอีกหลายคนที่สวมใส่เสื้อผ้าแฟนซีและดูดีกว่ามากกำลังแสดงการระเบิดของแสงต่างๆอยู่ใต้เวที
การระเบิดของแสงอาจจะเปรียบได้กับการทำงานของเอฟเฟกต์แสงฉากและเอฟเฟกต์เวทมนตร์อื่นๆ เมื่อหุ่นเข้าสู่ฉากต่อสู้เอฟเฟกต์พิเศษจะทำให้เด็กเหล่านั้นตะลึงทันที
หลังจากที่ตัวเอกตะโกนออกมาเสียงดังก็มีเปลวไฟมังกรที่เหมือนของจริงถูกยิงใส่ศัตรู และจากนั้นมันก็ถูกทำลายโดยนักมายากลชั่วร้ายที่ตอบโต้กลับไป จากนั้นการต่อสู้ในระยะประชิดเองก็แสดงได้เหมือนคนแสดงจริงเป็นอย่างมาก มันทำให้พวกเด็กๆรู้สึกเหมือนว่านี้เป็นคนแสดงจริงๆไม่ใช้หุ่นกระบองที่ถูกควบคุมโดยสาย
ถึงแม้ว่าเรื่องราวนี้จะยังคงเป็นเรื่องราวตามปกติ ที่เจ้าชายไปช่วยเจ้าหญิง แต่ด้วยการแสดงเอฟเฟคพิเศษมากมายมันก็ยังทำให้พวกเด็กๆต่างก็รู้สึกตกตึงและส่งเสียงเชียร์อย่างต่อเนื่องราวกับว่าพวกเขากำลังดูภาพยนตร์ 3 มิติ
พูดตามตรงโจวหยูเองก็ตกใจเช่นกัน
เขาไม่ได้คาดหวังว่าการแสดงมายากลของคณะเที่ยงคืนจะสมจริงแบบนี้ ฉากทุกชนิดเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมากและช่วงการเปลี่ยนฉากเองก็เป็นอะไรที่ราบรื่นเป็นอย่างมาก ในส่วนของสิ่งมีชีวิตในโลกอื่นที่น่าอัศจรรย์พวกนั้นเองก็มีความกระตือรือร้นและมีความสัมพันธ์ราวกับว่าพวกมันยังมีชีวิตอยู่จริงๆ
มีสนามรบหลายรูปแบบทั้งบนบก ทางอากาศ หรือใต้น้ำ สนามรบสองแห่งแรกนั้นเด็กๆต่างก็ทำความเข้าใจได้ง่าย แต่อันสุดท้ายทำให้ทุกคนตกใจจริงๆ เมื่อเปลี่ยนฉากทิวทัศน์น้ำขนาดใหญ่ก็ไหลออกมาจากหลังเวที ปรากฎว่านักมายากลระดับสูงสองคนกำลังใช้เวทมนต์น้ำเพื่อเปลี่ยนทิวทัศน์
เจ้าหนูน้อยโจวเฮาและเด็กคนอื่นๆต่างตกใจกับน้ำพวกนี้ เมื่อพวกเขาต้องการวิ่งหนีออกไปพวกเขาก็สังเกตเห็นว่าน้ำพวกนั้นไม่สามารถออกจากเวทีได้ ราวกับว่ามีบางสิ่งที่ขวางกั้นไม่ให้มันรั่วไหลออกมา
‘มันอาจจะมีกระจกแก้วติดตั้งเอาไว้’ เด็กๆคิดว่า
หุ่นกระบอกพวกนั้นสามารถว่ายน้ำและต่อสู้ใต้น้ำได้ โดยปกติแล้วสิ่งนี้ไม่สามารถทำได้ แต่มันก็ได้เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขาอย่างชัดเจน บอสมังกรปีศาจสุดท้ายนั้นยิ่งเป็นอะไรที่สุดยอดเป็นอย่างมาก จากมังกรที่มนุษย์สร้างขึ้นจนกลายเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่มีเกล็ดและกรงเล็บ เสียงคำรามของมังกรยังทำให้พวกเด็กๆถึงกับสั่นด้วยความกลัว
หลังจากการต่อสู้กับเวทมนตร์อย่างต่อเนื่อง เจ้าชายและพรรคพวกของเขาก็ประสบความสำเร็จในการฆ่ามังกรในที่สุด และเจ้าหญิงก็ได้รับการช่วยเหลือเช่นกัน มันยังคงเป็นฉากจบที่สวยงามตามเดิม
พวกเด็กๆที่เห็นแบบนั้นต่างก็ปรบมืออย่างต่อเนื่อง นี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาชอบการแสดงมายากลนี้มากขนาดไหน และโจวหยูเองก็ยังได้รับของขวัญที่ไม่คาดคิดเช่นกัน
“ คุณได้สังเกตการแสดงที่ไม่เหมือนใคร มันช่วยให้คุณเข้าใจถึงความหมายของชีวิต คุณได้เรียนรู้ทักษะ – ‘ชีวิตในฝัน’”
หลังจากตัวอักษรสีแดงตัวบางๆลอยไปที่หน้าโจวหยู ช่องทักษะก็ปรากฏที่มุมล่างซ้ายของมุมมองของโลก ACG หลังจากเปิดมันมีเพียงทักษะเดียวเท่านั้น ชีวิตในฝัน: “สามารถใช้งานได้วันละครั้ง สามารถใช้ทักษะของตัวละครจากโลกACG ได้ล่วงหน้า เวลาที่มีประสิทธิภาพคือ 1 ชั่วโมงและแต่ละอาชีพสามารถเลือกได้ 2 ครั้งเท่านั้น เมื่อใช้ไปแล้วทักษะนี้จะหายไปโดยอัตโนมัติหลังจากที่ทุกอาชีพหมดลง
‘อืม! ทักษะนี้มีการจำกัดจำนวนครั้งที่สามารถใช้งานได้ด้วย? แต่ก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้ละนะ ถ้าทักษะดีๆแบบนี้ใช้ได้ตลอดมันก็คงจะดูทำลายระบบเกินไป งั้นตอนนี้ฉันก็ควรจะรีบตรวจสอบก่อนว่ามันมีอาชีพอะไรบ้าง ‘
ทักษะ – ชาวนาผู้มีอำนาจทุกอย่าง: “สามารถใช้จอบทั่วไปในการปลูกเมล็ดพันธุ์ของโลก ACG ได้ทุกชนิด
สัตว์นักล่าอัจฉริยะ:” มีความน่าจะเป็น 60% ที่สัตว์ขนาดเล็กจะยอมแพ้โดยไม่ต้องต่อสู้
นักพูดที่แข็งแกร่งที่สุด: “สามารถโน้มน้าวตัวละครในโลก ACG ให้เข้าร่วมทีมโดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดใดๆ ยกเว้นผู้ที่มีความสามารถพิเศษอัตราความสำเร็จจะแตกต่างกันเมื่อพยายามโน้มน้าวตัวละครเหล่านั้น;
ผู้โชคดี ; แม้ว่าจะนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ แต่โชคดีก็ยังคงพุ่งเข้าชนคุณ “
เมื่อโจวหยูมองดูอาชีพที่สี่ก็เกิดสายตาระยิบระยับทันที เห็นได้ชัดว่าทักษะทุกอาชีพที่เขามีนั้นเป็นของดีทั้งหมด แต่เมื่อเขาคิดไปถึงจำนวนครั้งที่สามารถใช้ในแต่ละอาชีพได้ ใบหน้าของเขาก็ไม่หน้ามองทันที ‘พระเจ้า! มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อใดก็ตามที่ฉันได้รับสิ่งที่ดีๆมา มันจะต้องมีข้อจำกัดอยู่เสมอ และการใช้ได้สองครั้งมันก็เป็นอะไรที่น้อยมากเกิดไป มันควรให้ฉันได้ใช้อย่างน้อยสิบครั้งถึงจะถูก ‘
น่าเสียดายที่เขาไม่มีวิธีการต่อรองอะไรได้ อย่างไรก็ตามการใช้เงินไปมากถึง 1,000 เหรียญโมเพื่อแลกเปลี่ยนทักษะที่ดีแบบนี้ มันก็ถือว่าคุ้มค่า
ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่ามันคงถึงเวลาที่จะกลับแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้เดินออกไปจากหลังเวทีและแอบเข้าไปหาพวกเด็กๆด้านหลัง
พวกโจวเฮาและเด็กคนอื่นๆยังคงตบมืออยู่ อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของพี่ชายหยูทำให้พวกเขาตกใจกลัวพร้อมกับวิ่งไปทุกที่ เด็กหญิงตัวน้อยบางคนที่เห็นแบบนั้นก็เกิดกลัวและร้องไห้ออกมาทันที จนกระทั่งโจวหยูได้เปิดไฟมันจึงทำให้พวกเขาก็สงบลง
“ เอาละ! พวกเธอมีความคิดยังไงบ้างกับโรงละครเล็กๆนี้? มันสวยงามไหม?”
“พี่ชายหยูเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก! ผมอยากดูมันอีก!”
เจ้าหนูน้อยโจวเฮารู้สึกตื่นเต้นมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่าพี่ชายหยูเองก็รู้วิธีควบคุมหุ่นกระบอกด้วย และเห็นได้ชัดว่าการแสดงของเขานั้นมันดีกว่าที่เขาเคยเห็นในทีวีเสียอีก แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพี่ชายหยูทำเอฟเฟคพวกนั้นได้ยังไง แต่ในตอนนี้มันก็ไม่ได้สำคัญอีกต่อไป
อย่างไรก็ตามเจ้าหนูน้อยโจวเฮาไม่ได้คาดหวังคือพี่ชายหยูจะมองตัวเองด้วยความสับสนและพูดว่า “เธอหมายถึงอะไร? หมายความว่าอะไรที่บอกว่าฉันมีความสามารถบังคับหุ่นกระบอกได้? … “
เด็กทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นก็แสดงสีหน้าสับสนออกมาอย่างมาก เมื่อพวกเขามองย้อนกลับไปที่โรงละครขนาดเล็กอีกครั้ง แสงสีก่อนหน้านี้ก็ได้หายไปแล้ว ทัศนียภาพที่สวยงามก่อนหน้านี้เองก็หายไปเช่นกัน ในตอนนี้มันกลับเหลือเพียงหุ่นกระบอกเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่อยู่ในท่าทางต่างๆ มีเจ้าชาย เจ้าหญิงและมังกร แต่พวกมันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้และพวกมันก็เป็นเพียงหุ่นกระบอกธรรมดาเท่านั้น
“ พี่ชายหยูอย่าแกล้งพวกเราเลย! ถ้าพี่ไม่ใช้คนควบคุมมันแล้วจะมีใครที่ทำกัน?”
เป็นเจ้าหนูน้อยโจวเฮาที่พูดออกมาด้วยอาการสั่นอย่างรุนแรง ในตอนนี้เขาทำตัวเหมือนว่ากำลังจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกหุ่นกระบอกนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างสมบรูณ์แบบ และไหนจะพวกแสงสีเสียงและดนตรีประกอบอีก ตอนแรกเขาคิดว่าคนที่กำลังชักใยอยู่นั้นเป็นพี่ชายหยูทำเสียอีก แต่ทำไมตอนนี้พี่ชายหยูกับพูดออกมาแบบนั้นกัน? ถ้าไม่ใช่พี่ชายหยูเป็นคนทำแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาดูอะไรกัน? เป็นไปได้ไหมว่า … พวกเขาเพิ่งเห็นผีมา
เด็กทุกคนเริ่มคิดเรื่องนี้และเกือบจะในเวลาเดียวกันใบหน้าเล็กๆของพวกเขาก็เริ่มที่จะซีดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามโจวหยูดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เขายังได้พูดต่อไปว่า “ใช้แล้ว! เมื่อกี้ฉันพึ่งจะไปเข้าห้องน้ำมาและฉันก็เพิ่งกลับมาถึงเร็วๆนี้เอง และที่สำคัญที่สุดคือฉันไม่รู้วิธีควบคุมหุ่นหระบอกด้วยซ้ำ ถ้าพวกเธอไม่เชื่อ ฉันสามารถแสดงให้พวกเธอดูได้”
หลังจากที่โจวหยูพูดจบ เขาก็ได้เดินไปเปิดม่านหลังเวทีทันที เด็กที่ไม่เชื่อก่อนหน้านี้เองก็ได้ตามเขาไปที่ด้านหลังเวทีเช่นกัน และแน่นอนว่าไม่มีใครอยู่ข้างในอย่างที่โจวหยูพูดเอาไว้
นั้นทำให้คราวนี้ใบหน้าของเด็กๆได้ซีดลงกว่าเดิมไปมาก เด็กๆถึงกับได้ลากโจวหยูออกมาและพูดกระตุ้นให้เขาออกจากโรงเรียนนี้ทันที และหลังจากนั้นมาพวกเด็กๆต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำเกี่ยวกับการแสดงหุ่นกระบอกอีกเลย
ความฝันที่เต็มไปด้วยเวทย์มนตร์และองค์ประกอบสยองขวัญบางอย่างนี้ถือว่าเป็นของขวัญที่โจวหยูได้มอบมันให้กับเด็กๆเหล่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพวกเด็กๆจะชอบมันหรือไม่ บางทีเมื่อพวกเขาโตขึ้นพวกเขาอาจจะยังจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนี้ นี่อาจเป็นหนึ่งในความทรงจำวัยเด็กอันมีค่าของพวกเขาในช่วงชีวิตนี้
แต่ยังไงก็ตามในวันพรุ่งนี้ เขายังคงต้องกลับมาที่นี้อีกครั้งและเริ่มที่จะถอดแยกชิ้นส่วนโรงละครนี้