The Rise of Otaku – ตอนที่ 67

บทที่ 67 การสร้างสวนสนุก

เมื่อคณะเที่ยงคืนได้ออกจากโรงละครนี้ไป หุ่นกระบอกพวกนั้นต่างก็ได้ถูกแขวนอยู่บนเวทีเหมือนเดิมตลอดเวลา ถ้าใครเห็นมันภาพนี้ตอนกลางคืนมันก็มีความเป็นไปได้มากที่พวกเขาจะวิ่งหนีออกไปด้วยความกลัว

ด้านโจวหยูที่ได้ย้อนกลับมาเช้านี้เองก็จำเป็นที่จะต้องใช้เวลามากเพื่อแยกและนำพวกกลับไป ที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องจากของพวกนี้ไม่สามารถพื้นที่เก็บของที่ระบบมอบให้ได้ ไม่อย่างนั้นมันคงใช้เวลาน้อยกว่านี้มาก

กุญแจเข้าออกที่นี้เองก่อนหน้านี้เขาได้เข้าไปขอยืมมาจากรปภ.เฒ่าของโรงเรียน  และมันก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายนั้นส่งกุญแจให้เขาอย่างง่ายดาย แต่เดิมเขาคิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องใช้เวลานานในการอธิบายสิ่งต่างๆ

ทางด้านของเจ้าหนูน้อยโจวเฮาและพวกนั้น เห็นได้ชัดว่าความกลัวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะกินกินเวลาเพียงหนึ่งคืนเท่านั้น เพราะในเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเห็นคนอื่น พวกเขาจะบอกอีกฝ่ายถึง ‘ละครผี’ ที่พวกเขาเห็นที่โรงเรียนเมื่อคืนนี้

วิธีที่พวกเขาอธิบายเองก็เป็นอะไรที่สดใสและมีสีสันมาก จนทำให้ผู้คนเริ่มสงสัยว่ามันอาจจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงๆ แม้ว่าเจ้าหนูน้อยโจวเฮาจะสาบานในพระนามของพระเจ้าและมีพยานเป็นถึงคนกลุ่มหนึ่งยังไงก็ตาม มันก็มีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อพวกเขา เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันดูไม่สมจริงเกินไป

เมื่อพวกเขาขอให้พี่ชายหยูให้การเป็นพยานอีกคน พวกเขาก็ได้รับการปฏิเสธกลับมา แต่แม้แต่พี่ชายหยูเองก็ไม่ยอมช่วยพวกเขา อีกฝ่ายเพิ่งพูดว่าเขาไม่เห็นอะไรเลย? เห็นได้ชัดว่าพี่ชายหนูแค่ต้องการตัดจบความน่ารำคาญที่จะตามมาเท่านั้น! อย่างไรก็ตามเจ้าหนูน้อยโจวเฮาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงได้ใช้เวลาอีกสองคืนในบ้านของพี่ชายหยู ทุกครั้งหลังจาก 12 นาฬิกาเขาจะลุกขึ้นและออกไปตรวจดูโรงละครในสนาม อย่างไรก็ตามเขาไม่เห็นหุ่นกระบอกตัวไหนที่จะเคลื่อนไหวเลย

ในที่สุดโรงละครนี้ก็ยังคงเป็นสถานที่สำหรับให้เด็กๆได้เล่น แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้วิธีควบคุมหุ่นก็ตาม

ในช่วงเวลานี้เด็กบางคนที่โจวหยูเคยเห็นในช่วงวันหยุดฤดูร้อนก็ได้กลับมาที่หมู่บ้านเช่นกัน และพวกเขายังจำโจวหยูได้ดี สิ่งแรกที่พวกเขาทำหลังจากกลับมาที่หมู่บ้านคือการมารายงานให้โจวหยูรับรู้

เมื่อพวกเขาไม่ได้เห็นพี่ชายหยูเพียงสามเดือน มาในวันนี้กลับมีสิ่งแปลกประหลาดมากขึ้นในบ้านของพี่ชายหยู ในเรือนกระจกได้มีดอกไม้ที่สวยงาม มีหมู่บ้านเล็กๆที่งดงาม มีทุ่งผักที่เต็มไปด้วยผัก และโรงละครขนาดเล็กที่พวกเขาสามารถเล่นละครหุ่นได้ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจที่สุดก็คือพี่ชายหยูยังมีโรงภาพยนตร์กลางแจ้งอีกด้วย

ทุกคืนพวกเด็กๆในหมู่บ้านจะเชิญเพื่อนๆที่พึ่งกลัยมาจากในเมืองมาดูโรงภาพยนตร์กลางแจ้งที่บ้านของพี่ชายหยูกัน และถึงแม้ว่าอนิเมชั่นการ์ตูนที่พวกเขาดูนั้นจะเป็นเรื่องเดิม แต่เมื่อพวกเขาได้ดูกลับเพื่อนมันก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกสนุกไปกับมันได้ตลอดเวลา

เด็กๆที่กลับมาจากเมืองต่างก็ประหลาดใจกับอนิเมชั่นที่พวกเขาเห็น เมื่อพวกเขาเห็นมันเป็นครั้งแรก พวกเขาต่างก็ตกใจเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นอนิเมชั่นการ์ตูนที่ดีแบบนี้ในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ในเมืองมาก่อน

ในแง่ของโจวหยูผู้ซึ่งเป็นที่ชื่นชมเด็กๆในตอนนี้นั้น  กำลังทำงานในเรือนกระจกอย่างเอาเป็นเอาตาย

หลังจากเปิดใช้งานทักษะ “ชีวิตในฝัน” และเลือกอาชีพ – ชาวนาผู้มีอำนาจทุกอย่าง ในที่สุดเขาก็สามารถปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งนักผจญภัยและเมล็ดพันธุ์แห่งอุปกรณ์ ซึ่งเคยนอนอยู่ในพื้นที่เก็บข้อมูลมาเป็นเวลานานได้ ด้วยความกลัวว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นเหมือนกับผักในฤดูใบไม้ร่วงอีกครั้ง เขาจึงได้นำเมล็ดทั้งหมดมาปลูกไว้ในเรือนกระจกดอกไม้และพวกมันทั้งหมดต่างก็ถูกดูแลโดยเทียนเนียงและลุงกวนเอ๋ออย่างระมัดระวัง

ในช่วงเวลานี้ลุงกวนเอ้อเกือบจะกลายเป็นตกงาน เขาไม่สามารถเก็บเกี่ยวพืชผักได้ทันเวลาเพราะแม่ของโจวหยูต่างก็มาเก็บพวกมันไปก่อนเสมอ แลนั้นทำให้เจ้ามีดแมเชเทอร์ขนาดใหญ่ของลุงแย่เอ้อไม่ได้ลิ้มรสผักเป็นเวลานานแล้ว และนี้มันก็ยังส่งผลให้โรงเบียร์ถูกระงับชั่วคราวและผับเองก็ถูกปิดชั่วครามเหมือนกัน อาจจะพูดได้ว่าห่วงโซ่ธุรกิจทั้งหมดต่างก็ต้องหยุดทำงานเพราะแม่ของเขาเพียงคนเดียว

เกี่ยวกับปัญหานี้โจวหยูยังได้เชิญชาวบ้านจากหมู่บ้านมินิลู่หัวทั้งหมดมาเพื่อพูดคุยกัน เขารู้สึกว่าพวกเขาควรหาวิธีเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น ด้วยการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของหมู่บ้านในตอนนี้ มันจำเป็นต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่มากขึ้น และในอนาคตมันก็คงจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับโจวหยูในตอนนี้ ดังนั้นแผนการขยาดพื้นที่นี้จึงได้รับการเห็นชอบจากทุกคนทันที และหนึ่งในความคิดอันบรรเจิดที่สุดอย่างหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาในหัวสมองของเขา จะดีแค่ไหนถ้าเขาจะสร้างสวนสนุกของตัวเองขึ้นมา

เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นมา โจวหยูก็ได้ยึดความคิดนี้เป็นหลักทันที เขาไม่ได้สนใจว่าสวนสนุกนี้จะสามารถทำกำไรให้เขาได้หรือไม่? เพราะความจริงแล้วมันเป็นสวนสนุกของเขาเอง … ดังนั้นสิ่งเหล่านี้มันจึงเป็นอะไรที่ไม่สำคัญเลย และเขายังไม่มีความทะเยอทะยานใดๆในการสร้างอาณาจักรธุรกิจของตัวเอง

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคิดเท่านั้น ถ้าเขาต้องการที่จะบรรลุมันจริงๆ เขายังคงต้องผ่านปัญหามากมาย ขั้นตอนการอนุมัติการเช่าที่ดินทุกประเภท การอนุมัติ ฯลฯ ใครจะรู้ว่าเขาต้องไปเยี่ยมหน่วยงานของรัฐกี่แห่งและเจ้าหน้าที่จำนวนเท่าไรที่เขาต้องรับมือ และสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่โจวหยูไม่ชอบมากที่สุด

ถ้ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างก่อนหน้านี้ เขายังสามารถขอความช่วยเหลือจากลุงฟูได้ แต่ในตอนนี้มันดูไม่ดีเลยที่จะสร้างปัญหาให้ลุงฟูอีก ดังนั้นโจวหยูจึงตัดสินใจหาคนให้คนทางออนไลน์แทน มันอาจมีบางบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ

และมันก็มีอยู่จริงๆ ในเมืองมีบริษัทที่ปรึกษาชื่อ“รักคุณด้วยใจ บริการคุณด้วยรัก” พวกเขาให้บริการด้านต่างกับผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ ผู้ประกอบเล็กๆ รวมถึงการวิจัยก่อนทำตลาด, กรอบการจัดการธุรกิจ และการใช้เอกสารรับรองทุกประเภทในนามของบริษัทใหม่ สำหรับโจวหยูแล้วสิ่งเหล่านี้เป็นอะไรที่เขาต้องการมากที่สุด และดูประวัติของตัวบริษัทเองก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างดี ดังนั้นโจวหยูจึงติดต่อบริษัทนี้ไปทันที

……………………

โจวฟูเป็นคนแรกที่รู้ว่าโจวหยูต้องการเปิดสวนสนุกในหมู่บ้านนี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้รับข้อมูลจากที่ไหน แต่เมื่อคนจากบริษัท ‘ที่ปรึกษา’ มาที่หมู่บ้าน เขาก็ได้ปรากฏตัวที่บ้านของโจวหยูเช่นกัน เขาได้ดึงโจวหยูไว้ข้างหน้าขณะที่พูดว่า

“เจ้าเด็กเลวคนนี้! เธอได้ทำเรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมไม่มาคุยกับฉันก่อนฮะ? เธอวางแผนที่จะเปิดสวนสนุกจริงๆหรือ? เธอต้องรู้ว่าไม่มีใครทำแบบที่เธอทำในรัศมีหนึ่งร้อยไมล์ของหมู่บ้าน ถ้าเธออยากทำอะไรจริงๆละก็ ทำไมเธอถึงไม่คิดขยายเรือนกระจกหรือสร้างเรือนกระจกปลูกผักให้คนในหมู่บ้านกัน? ทำไมมันต้องเป็นสวนสนุกด้วย? “

โจวฟูไม่รู้จริงๆว่าจะต้องพูดยังไงกับเรื่องนี้ดี ก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายต้องการเรือนกระจกเพื่อปลูกดอกไม้และเขาไม่ได้คัดค้านอะไรก็เนื่องจากของพวกนี้มันไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ เขาจึงได้ปล่อยมันไป แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับต้องการที่จะเปิดสวนสนุกขึ้น! แม้ว่ามันจะไม่ไกลจากเมืองหลวงของจังหวัดมากนัก แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถดึงดูดผู้คนในเมืองหลวงมาที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้

เห็นได้ชัดว่านี้เป็นการลงทุนที่สูญเปล่า

“ลุงฟู! ลุงไม่ต้องกังวลเกินไป มันเป็นเพียงโครงการขนาดเล็กเท่านั้น ถ้ามันไม่ได้ผลอะไรละก็ผมจะหยุดมันทันที นอกจากนี้ในหมู่บ้านของเราเองก็มีโรงเรือนผักหลายแห่งแล้ว มันไม่จำเป็นต้องสร้างเพิ่มขึ้น”

‘โครงการขนาดเล็ก? เธอพึ่งจะใช้จ่ายไปมากถึงหนึ่งล้านหยวน และยังมีหน้ามาบอกว่านี้เป็นโครงการขนาดเล็กอีกเหรอ? ‘ โจวฟูรู้สึกงงงันเป็นครั้งที่สอง ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เงินหนึ่งล้านหยวนนั้นเป็นเงินเพียงเล็กน้อยไป? ยังไงก็ตามตั้งแต่อีกฝ่ายยืนยันแบบนี้ มันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะเข้าไปห้ามได้อีก แต่เขาก็ยังคิดว่าเขาต้องการที่จะให้พ่อของเด็กโจวหยูรู้เรื่องนี้

อย่างไรก็ตามโจวหงเองก็เป็นอะไรที่แปลกประหลาดมากเช่นกัน เมื่อเขาได้ยินว่าลูกชายของเขาวางแผนที่จะใช้เงิน 1 ล้านเพื่อสร้างสวนสนุก เขาไม่ได้แสดงอาการแปลกใจเลย เขากลับพูดอย่างสงบว่า “ลาวฟู! นายไม่รู้หรอกว่าลูกชายของฉันมันดื้อมากขนาดไหน? เขาเคยปฏิเสธที่จะออกจากห้องของเขาและไม่ไปทำงานเราเกือบจะทะเลาะกันเรื่องนี้ มาตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง ฉันรู้สึกมีความสุขมาก แม้ว่าเขาจะเสียมันไปทั้งหมด มันก็ไม่สำคัญเลย เพราะฉันยังสามารถใช้กองทุนเกษียณอายุของฉันช่วยเหลือเขาได้”

ตอนนี้โจวฟูไม่สามารถพูดอะไรเลยอีกเลย มันไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาทั้งสองคนนั้นเป็นพ่อลูกกัน

ในแง่ของการพบปะกับบุคคลจากบริษัทที่ปรึกษานั้น โจวฟูวางแผนที่จะอยู่กับโจวหยูและดูว่าเขาสามารถช่วยเหลืออีกฝ่ายได้หรือไม่ เขาไม่ต้องการให้เด็กคนนี้สูญเสียเงินมากเกินไปในโครงการนี้

แต่สิ่งที่โจวฟูไม่ได้คาดหวังก็คือแม้แต่คนจากบริษัทที่ปรึกษาเองก็พยายามเกลี้ยกล่อมโจวหยูไม่ให้เริ่มต้นธุรกิจที่นี่ พนักงานคนนั้นได้แนะนำสถานที่ตั้งแห่งใหม่โจวหยู

อีกฝ่ายให้เหตุผลว่าหมู่บ้านที่เขาเสนอมานั้นถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวในชนบทที่มีชื่อเสียง และมันยังส่งผลดีต่อสวนสนุกอีกด้วย  และเขายังพูดอีกว่าตราบใดที่โจวหยูต้องการจัดตั้งสวนสนุกของเขาที่นั่น ไม่เพียงแต่เอกสารที่เกี่ยวข้องจะได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว แต่มันยังมีประโยชน์พิเศษมากมายที่รัฐบาลเสนอให้อีกด้วย

เมื่อได้ยินสิ่งที่บริษัทที่ปรึกษาเสนอมา โจวฟูก็รู้สึกว่าบริษัทที่ปรึกษานี้เชื่อถือได้ พวกเขาไม่ได้กระตุ้นให้ลูกค้าเริ่มต้นธุรกิจของพวกเขาทันทีเพื่อพวกเขาจะได้รับเงิน นอกจากนี้โดยปกติแล้วความสำเร็จหรือความล้มเหลวของลูกค้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังพยายามหยุดโจวหยูไม่ให้ทำอะไรที่เสี่ยงเกิดตัว

และพวกเขายังได้หาที่ที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว นั้นหมายความว่ายังไง? มันหมายความว่าบริษัทนี้ได้ทำการวิจัยจริงก่อนที่จะมาที่นี่ มันถือว่าเป็นบริษัทที่มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะให้บริการลูกค้า

หากโจวหยูตั้งสวนสนุกขึ้นที่นั่น ไม่เพียงแต่เขาจะไม่หยุดอีกฝ่ายเท่านั้น เขาอาจเข้าร่วมด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามโจวหยูปฏิเสธอย่างชัดเจนมาก

‘เหตุผลนั้นง่ายมาก มันเป็นเพราะพื้นที่นั้นอยู่ไกลเกินไป’

The Rise of Otaku

The Rise of Otaku

The Rise of Otaku
Score 7.8
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง The Rise of Otaku เรื่องย่อย โจวหยูเป็นโอตาคุที่รักสันโดษ ซึ่งเขานั้นเป็นคนที่ไม่ชอบออกจากบ้านของตัวเอง แต่เขาก็ถูกบังคับให้ออกจากบ้านโดยเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในวันหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset