ต่อไปในเนื้อเรื่องหน่วยเงินจะเปลี่ยนไปทั้งหมดนะครับ จะใช้เป็นเงินจริงตามปกติเลยจะมีการเทียบค่าเงินด้วยบอกไว้ก่อนจะได้ไม่สับสนกัน
———————————————————————————————————
เทียนหลางมองไปที่ใบหน้าของฮาคาดิที่เต็มไปด้วยไฟโทสะเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
”อย่ามองหน้าฉันแบบนั้นสิ สถาะการณ์ในตอนนี้คงเป็นตัวของนายเองที่น่าจะรู้ดีที่สุด ฉะนั้นทำตัวดีๆ แล้วโอนเงินเข้าบัญชีนี้มาซะ”
ฮาคาดิกันฟันดังกรอดแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรไดเพราะจริงอย่างที่เทียนหลางได้พูดเอาไว้ว่าสถานะการณ์ในตอนนี้คือตัวที่รู้ดีที่สุดว่าในตอนนี้ชีวิตของเขานั้นอยู่ในกำมือของชายตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ฮาคาดิจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ต้องจำยอมที่จะโอนเงินทั้งหมดในบัญชีของเขาไปยังบัญชีของเทียนหลาง ไม่นานนักก็มีแจ้งเตือนข้อความเงินเข้าจากโทรศัพของเทียนหลางเขายิ้มออกมาที่มีเงินเข้ามาในบัญชีของเขาแต่ไม่นานนักเขาก็ต้องขมวดคิ้วก่อนจะใช้เท้าของเขาเขี่ยไปที่ฮาคาดิที่กำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับพูดขึ้น
”นี่ ~ นายอย่ามาเล่นตุกติกกับฉันเลยพ่อค้าอาวุธรายใหญ่อย่างเจ้าเนี้ยนะจะมีเงินแค่ 300ล้านดอลลาร์ นายต้องมีบัญชีอื่นอีกใช่ไหม โอนมาให้หมดซะดีๆ”
ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตัวสั่นเล็กน้อยยามที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดออกมามันแฝงไปด้วยจิตสังหารที่มากพอจะสั่งคลอนทั้งคฤหาสน์ได้เลยทีเดียว ฮาคาดิมั่นใจว่าหากเขาไม่ได้ทำตามที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดแล้วละก็หัวใจของเขาคงหยุดเต้นเป็นแน่
เมื่อคิดได้ดังนั้นฮาคาดิก็รีบกดโทรศัพของเขาเพื่อโอนเงินเข้าไปในบัญชีของเทียนหลางทันที
ไม่กี่อึดใจต่อมาข้อความจำนวนหนึ่งก็เด้งขึ้นมาในโทรศัพของเขาเมื่อเทียนหลางตรวจสอบยอดเงินในบัญชีเขาก็ยิ้มออกมาทันทีเมื่อยอดเงินในบัญชีที่สวิตของเขามีมากกว่า 2พันล้านดอลลาร์นั่นเทียบเท่ากับ 2หมื่นล้านหยวนกว่าๆ และยังไม่รวมเงินในบัญชีของเขาที่เหลืออยู่อีกประมาณ 4-5 พันล้านหยวนในตอนนี้เทียนหลางคงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไปอีกพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว
เขามองไปที่ฮาคาดิที่กำลังมองโทรศัพในมือด้วยสีหน้าเจ็บปวดก่อนหัวยิ้มและพูดขึ้น
”นายนี้รวยจริงๆ เลยน๊า ~ ไม่เสียทีที่เป็นถึงพ่อค้าอาวุธรายใหญ่ร่ำรวยจริงๆ โชคดีที่ฉันไม่ตัดสินใจฆ่านายไปเสียก่อน”
ฮาคาดิได้ยินที่เทียนหลางพูดขนทั่วตัวของเขาก็ถึงกับตั้งชูชันเขาหวาดกลัวนายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างมาก ความคิดเดียวในหัวของฮาคาดิตอนนี้คือเขาอยากจะออกไปจากสถานะการณ์บ้าๆ นี้สักทีเขาภาวนาต่อพระเจ้าขอให้ชายหนุ่มตรงหน้าปล่อยเขาไปเร็วๆ
เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะเสร็จสิ้นแล้วฮาคาดิจึงพูดขึ้น
”ฉะ… ฉันโอนเงินให้นายตามที่ต้องการแล้วทีนี้ปล่อยฉันไปสักที”
เทียนหลางที่ได้ยินคำขอร้องของฮาคาดิก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”ฉันยังปล่อยนายไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะภาระกิจหลักของฉันไม่ใช่มาเอาเงินของนายเงินนั่นเป็นเพียงโบนัสเท่านั้น”
”โบนัส ?”
ฮาคาดิถามออกมาด้วยความสงสัย เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเปิดการทำงานของหูฟังของเขาที่ก่อนหน้าหนี้ได้ปิดการทำงานไปเพราะหากทีมของเขาได้ยินเรื่องที่ตัวเขาคุยกับฮาคาดิไปเมื่อครู่มันคงจะไม่ดีแน่
ไม่นานนักเสียงพูดคุยกันก็ดังออกจากหูฟังของเขา ซึ่งเสียงแรกที่ได้ยินก็คือเสียงของรองหัวหน้าหยานเฉา
[ เทียนหลางได้ยินไหม เทียนหลาง ! ]
”ได้ยินครับ รองหัวหน้าหยานเฉามีอะไรรึเปล่า ?”
[ มีแน่นอนอยู่แล้ว นายไม่ได้ติดต่อกลับมาเกือบ 20 นาทีแล้วนะ ]
เทียนหลางที่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขอโทษออกไปพร้อมกับข้ออ้าง
”ต้องขอโทษด้วยครับ บริเวณบางจุดรอบๆ คฤหาสน์ดูเหมือนจะมีตัวรบกวนสัญญาณอยู่ผมจึงตอบกลับไม่ได้”
[ งั้นเหรอ แล้วนายเป็นยังไงบ้าง ]
”สบายดีครับ ว่าแต่รองหัวหน้าหยานเฉาผมขอถามอะไรสักหน่อยได้หรือเปล่า ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลาง หยานเฉาก็ถามออกไปด้วยความสงสัยขณะกำลังเฝ้ามองพวกยามกับหัวหน้าไป๋ตงหลินอยู่
[ นายมีคำถามอะไรงั้นเหรอ ? ]
”อ่า… ภาระกิจหลักของเราคือการตามหาตราหยกใช่ไหมครับ ?”
[ ถูกต้องนายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ? ]
”ก็นิดหน่อยนะครับ”
[ นิดหน่อยงั้นเหรอ ? ]
”พอดีว่าผมสามารถทำภาระกิจอื่นได้ลุล่วงก่อนภาระกิจหลักหน่ะครับ”
[ ภาระกิจอื่น ? ภาระกิจอะไร ? ]
”ก็จับตัวฮาคาดิไงครับ”
เมื่อทั้งหน่วยได้ยินก็ถึงกับตกตะลึงก่อนที่หัวหน้าไป๋ตงหลินจะถามออกไปเพื่อให้แน่ใจ
[ นะ… นายบอกว่า นายจับฮาคาดิได้งั้นเหรอ ?! ]
”ใช่ครับ”
[ นายจับมันได้ยังไง ? ไหนลองเล่ารายละเอียดซิ ]
”ก็พอดีผมกำลังตามหาที่ซ่อนตราหยกอยู่ และบังเอิญเจอกับห้องทำงานใหญ่เมื่อเข้ามาก็พบเจอกับเป้าหมายที่กำลังนั่งทำงานอยู่ผมเลยทำการจับกุมตัวเอาไว้หน่ะครับ”
เมื่อได้ยินรายละเอียดของเทียนหลางทั้งหน่วยก็ถึงกับเงียบไปพักใหญ่เพราะพวกเขาใช้เวลาพักใหญ่ไปกับการหลบเลี่ยงกับดักกับการหลบทหารยามของฮาคาดิ ในตอนแรกไป๋ตงหลินคาดว่าภาระกิจนี้อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหากแย่หน่อยก็อาจถึงเช้าแต่เขาไม่คิดว่าเทียนหลางจะทำภาระกิจที่สำคัญเสร็จภายในเวลาเพียงแค่ 20 นาที หลังจากตั้งสติได้แล้วไป๋ตงหลินก็ถามกับเทียนหลางว่า
[ นายได้ถามถึงที่ซ่อนของตราหยกกับฮาคาดิรึยัง ]
”เรียบร้อยแล้วครับ เขาบอกว่าเก็บไว้ที่ห้องจัดแสดงชั้นใต้ดินผมกะว่าจะไปลองดูหลังจากจัดการตรงนี้เสร็จแล้วนะครับ”
[ งั้นเรอะ ]
”ครับ… ว่าแต่จะจัดการกับฮาคาดิยังไงครับ จะพากลับไปด้วยหรือว่าฆ่าทิ้งซะตรงนี้เลย”
เมื่อได้ยินคำถามของเทียนหลางไป๋ตงหลินก็คิดอยู่สักพักก่อนจะตอบว่าให้พาฮาคาดิกลับไปด้วย จากนั้นไป๋ตงหลินก็เอ่ยถามถึงสถานะของหน่วยลับที่ 7 ที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้เทียนหลางจึงตอบกลับไปว่าพวกเขาถูกจับไว้ที่ห้องใต้ดินเช่นกัน และหลังจากคุยรายละเอียดกันอีกสักพักไป๋ตงหลินก็ตัดสายไปและบอกว่าจะรีบเข้ามาช่วยเหลือเทียนหลางให้ไวที่สุด
หลังจากตัดการสื่อสารกับคนในทีมแล้วเทียนหลางก็กลับมาพูดกับฮาคาดิต่อว่า
”นายนี่โชคดีจังนะที่หัวหน้าของฉันนั้นอยากจับนายส่งให้ตำรวจสากลแทนที่จะฆ่าทิ้งหน่ะ”
( ตำรวจโลกดูเชยเลยเปลี่ยนเป็นตำรวจสากลแทน )
ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแม้เขาจะถูกจับไปก็ยังมีโอกาสรอดมากกว่าที่จะปล่อยเขาไว้กับชายหนุ่มตรงหน้า ดังนั้นตัวของฮาคาดิจึงได้เห็นด้วยกับเทียนหลางว่าเขานั้นช่างโชคดีจริงๆ หลังจากได้รับการตัดสินใจจากหัวหน้าแล้วเทียนหลางก็ลุกขึ้นด้วยท่าทางขี้เกียจก่อนจะพูดออกไปว่า
”เอาหล่ะ ฉันจะต้องไปตามหาของๆ ในภาระกิจของฉันฉะนั้นนายช่วยอยู่นิ่งๆ ไปสักพักก่อนก็แล้วกันนะ”
ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ
”นะ… นายจะทำอะไรกับฉัน”
”ไม่มีอะไรมากหรอกแค่สะกัดจุดนายไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ไปไหนได้สักพักเท่านั้น”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ขยับมือไปที่ร่างกายของฮาคาดิและสะกัดจุดเขาอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของฮาคาดิถึงกับแข็งค้างไปทันที ขยับได้เพียงแค่ดวงตาของเขาเท่านั้น เมื่อเห็นว่าฮาคาดิไม่สามารถขยับไปไหนได้แล้วเทียนหลางก็เดินออกจากห้องไปและตรงไปที่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์
เทียนหลางเดินไปตามทางอย่างช้าๆ พร้อมกับฆ่าทหารยามตามทางไปด้วยจนในที่สุดเขาก็มาถึงหน้าห้องชั้นใต้ดินที่มีประตูเหล็กขนาดใหญ่ขวางทางอยู่ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะสบัดมือเล็กน้อยประตูเหล็กขนาดใหญ่ก็ถูกฟันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เมื่อประตูถูกเปิดออกเทียนหลางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
”เอาหล่ะมาดูกันซิว่าห้องลับของพ่อค้าอาวุธจะเก็บอะไรเอาไว้บ้าง”
เทียนหลางเดินเข้าไปในห้องลับใต้ดินของฮาคาดิก็พบตู้โชว์วัตถุโบราณมากมายตั้งอยู่มีทั้งเครื่องปั้นดินเผา อาวุธหิน ดาบเหล็ก ปืนโบราณ เอกสารเก่าแก่มากมายและยังมีรูปวาดอีกด้วยเขาคิดสักพักก่อนจะทุบตู้ทิ้งและกวาดทุกอย่างเข้าแหวนมิติ
แม้เขาจะเดินเกือบจะทั่วทั้งห้องแล้วแต่เขายังไม่เห็นตราหยกเลยแม้แต่น้อยเทียนหลางจึงคิดว่าฮาคาดิจะต้องซ่อนมันไว้ที่อื่นอย่างแน่นอนเขาเลยกะจะกลับไปถามฮาคาดิ แต่ในขณะที่เขากำลังจะออกจากห้องสายตาของเขาก็พลันไปเห็นประตูเล็กๆ อยู่ตรงกำแพง
เทียนหลางเดินเข้าไปตรวจดูและไม่พบว่ามีกำดักเขาจึงเปิดเข้าไปด้านใน เมื่อเข้ามาเทียนหลางก็พบว่าด้านในห้องยังมีสมบัติล้ำค่าอยู่อีกจำนวนหนึ่งรวมถึงตราฟยกที่เขากำลังตามหาอยู่ด้วยเช่นกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เทียนหลางถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้เห็นมันก็คือปิ่นปักผมหยกขาวที่ตรงด้ามนั้นถูกสลักอย่างปราณีตเป็นรูปหงส์คู่กับดอกไม้
เทียนหลางเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะหยิบปิ่นปักผมดังกล่าวขึ้นมาดูพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขา
”ไม่คิดว่าข้าจะได้มามันที่นี้ ช่างเป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงยิ่งนัก”
เมื่อเทียนหลางเห็นปิ่นหยกขาวในมือก็ทำให้เขาคิดถึงความทรงจำเก่าๆ ในครั้งอดีต
———————————————————————————————————
ณ สวนแห่งหนึ่ง
มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเฝ้ามองบางอย่างอยู่แต่ในขณะนั้นก็ได้มีเสียงใสๆ ของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา
”ท่านพ่อ ท่านพ่อ !!”
เมื่อชายหนุ่มหันมาก็พบกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เธอกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของชายหนุ่มพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมา ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดขึ้น
”ทำไมเจ้าถึงได้ซุกซนนักไป่เอ๋อ”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้เป็นพ่อเด็กหญิงตัวน้อยก็หัวเราะคิกคักก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
”เพราะข้ายังเด็ก ข้าก็ต้องซุกซนเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่หน่า”
”แล้วที่เจ้าออกมาเล่นสนุกข้างนอกแบบนี้ เจ้าฝึกฝนไปถึงไหนแล้ว”
ได้ยินแบบนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็ถึงกับหันหน้าหนีพร้อมกับพูดเสียงเบา
”ข้าฝึกเสร็จแล้วนะท่านพ่อ”
”เจ้าแน่ใจงั้นเหรอ ?”
ผู้เป็นพ่อถามย้ำขณะอุ้มเธออยู่เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้แต่เบือนหน้าหนี เมื่อได้เห็นท่าทางของลูกสาวผู้เป็นพ่อก็ได้แต่หัวเราะออกมาก่อนจะวางเด็กหญิงตัวน้อยลงพร้อมกับพูดขึ้น
”เอาหล่ะ ในเมื่อเจ้าตั้งใจฝึกฝนเป็นอย่างเช่นนั้นพ่อจะให้ของขวัญแก่เจ้า”
เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยได้ยินคำว่าของขวัญเธอก็หันมากระโดดโลดเต้นพร้อมกับเอ่ยถามอย่างมีความสุข
”ท่านพ่อจะให้อะไรข้างั้นเหรอ ? สัตว์อสูร คำภีร์ฝึกฝน หรือว่าเป็นศาสตราวุธ ?”
ผู้เป็นพ่อได้ยินคำกล่าวของลูกสาวเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะได้สิ่งของพวกนั้น ฉะนั้นพ่อจะให้สิ่งนี้แก่เจ้า”
เมื่อพูดจบเขาก็หยิบปิ่นปักผมที่ทำจากหยกขาวออกมาจากกระเป๋าและมอบมันให้กับเธอเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยได้เห็นก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ท่านพ่อมันสวยจังเลย”
”เจ้าชอบมันรึเปล่า ?”
”แน่นอนอยู่แล้วสิ”
”ฮาฮ่า มานี่มาข้าจะใส่ให้เจ้าเอง”
ผู้เป็นพ่อบรรจงกลัดผมที่ยาวสลวยให้กับเด็กหญิงน้อยด้วยปิ่นหยกขาวในมือพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน เมื่อเสร็จสิ้นเขาก็ได้นั่งลงพร้อมกับเอ่ยบางอย่างกับลูกสาวของเขา
”จำเอาไว้นะไป่เอ๋อในอนาคตเจ้าอาจจะต้องเจอกับเส้นทางที่ยากลำบาก แต่เจ้าอย่าได้กังวลพ่อจะอยู่กับเจ้าเสมอ และปิ่นหยกขาวนี้จะช่วยเหลือเจ้าเมื่อยามลำบากอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อเด็หญิงตัวน้อยก็ได้แต่ทำหน้างุนงงพร้อมกับเอ่ยถาม
”ท่านพ่อพูดถึงสิ่งใดกัน ?”
ผู้เป็นพ่อยิ้มก่อนจะกล่าว
”พ่อพูดถึงเรื่องในอนาคตหน่ะ อีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้เอง”
”ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ”
ในขณะที่สองคนพ่อลูกกำลังคุยกันอยู่นั้นก็ได้มีเสียงหนึ่งดังมาจากไกลๆ
”ได้เวลาอาหารแล้ว”
เมื่อทั้งคู่ได้ยินก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนผู้เป็นพ่อจะพูดขึ้น
”พวกเรากลับกันเถอะ”
”อื้ม”
เด็กหญิงตัวน้อยตอบรับพร้อมกับจับมือผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินกลับบ้านด้วยกันอย่างช้าๆ
ต่อไปในเนื้อเรื่องหน่วยเงินจะเปลี่ยนไปทั้งหมดนะครับ จะใช้เป็นเงินจริงตามปกติเลยจะมีการเทียบค่าเงินด้วยบอกไว้ก่อนจะได้ไม่สับสนกัน
———————————————————————————————————
เทียนหลางมองไปที่ใบหน้าของฮาคาดิที่เต็มไปด้วยไฟโทสะเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
”อย่ามองหน้าฉันแบบนั้นสิ สถาะการณ์ในตอนนี้คงเป็นตัวของนายเองที่น่าจะรู้ดีที่สุด ฉะนั้นทำตัวดีๆ แล้วโอนเงินเข้าบัญชีนี้มาซะ”
ฮาคาดิกันฟันดังกรอดแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรไดเพราะจริงอย่างที่เทียนหลางได้พูดเอาไว้ว่าสถานะการณ์ในตอนนี้คือตัวที่รู้ดีที่สุดว่าในตอนนี้ชีวิตของเขานั้นอยู่ในกำมือของชายตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ฮาคาดิจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ต้องจำยอมที่จะโอนเงินทั้งหมดในบัญชีของเขาไปยังบัญชีของเทียนหลาง ไม่นานนักก็มีแจ้งเตือนข้อความเงินเข้าจากโทรศัพของเทียนหลางเขายิ้มออกมาที่มีเงินเข้ามาในบัญชีของเขาแต่ไม่นานนักเขาก็ต้องขมวดคิ้วก่อนจะใช้เท้าของเขาเขี่ยไปที่ฮาคาดิที่กำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับพูดขึ้น
”นี่ ~ นายอย่ามาเล่นตุกติกกับฉันเลยพ่อค้าอาวุธรายใหญ่อย่างเจ้าเนี้ยนะจะมีเงินแค่ 300ล้านดอลลาร์ นายต้องมีบัญชีอื่นอีกใช่ไหม โอนมาให้หมดซะดีๆ”
ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตัวสั่นเล็กน้อยยามที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดออกมามันแฝงไปด้วยจิตสังหารที่มากพอจะสั่งคลอนทั้งคฤหาสน์ได้เลยทีเดียว ฮาคาดิมั่นใจว่าหากเขาไม่ได้ทำตามที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดแล้วละก็หัวใจของเขาคงหยุดเต้นเป็นแน่
เมื่อคิดได้ดังนั้นฮาคาดิก็รีบกดโทรศัพของเขาเพื่อโอนเงินเข้าไปในบัญชีของเทียนหลางทันที
ไม่กี่อึดใจต่อมาข้อความจำนวนหนึ่งก็เด้งขึ้นมาในโทรศัพของเขาเมื่อเทียนหลางตรวจสอบยอดเงินในบัญชีเขาก็ยิ้มออกมาทันทีเมื่อยอดเงินในบัญชีที่สวิตของเขามีมากกว่า 2พันล้านดอลลาร์นั่นเทียบเท่ากับ 2หมื่นล้านหยวนกว่าๆ และยังไม่รวมเงินในบัญชีของเขาที่เหลืออยู่อีกประมาณ 4-5 พันล้านหยวนในตอนนี้เทียนหลางคงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไปอีกพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว
เขามองไปที่ฮาคาดิที่กำลังมองโทรศัพในมือด้วยสีหน้าเจ็บปวดก่อนหัวยิ้มและพูดขึ้น
”นายนี้รวยจริงๆ เลยน๊า ~ ไม่เสียทีที่เป็นถึงพ่อค้าอาวุธรายใหญ่ร่ำรวยจริงๆ โชคดีที่ฉันไม่ตัดสินใจฆ่านายไปเสียก่อน”
ฮาคาดิได้ยินที่เทียนหลางพูดขนทั่วตัวของเขาก็ถึงกับตั้งชูชันเขาหวาดกลัวนายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างมาก ความคิดเดียวในหัวของฮาคาดิตอนนี้คือเขาอยากจะออกไปจากสถานะการณ์บ้าๆ นี้สักทีเขาภาวนาต่อพระเจ้าขอให้ชายหนุ่มตรงหน้าปล่อยเขาไปเร็วๆ
เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะเสร็จสิ้นแล้วฮาคาดิจึงพูดขึ้น
”ฉะ… ฉันโอนเงินให้นายตามที่ต้องการแล้วทีนี้ปล่อยฉันไปสักที”
เทียนหลางที่ได้ยินคำขอร้องของฮาคาดิก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”ฉันยังปล่อยนายไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะภาระกิจหลักของฉันไม่ใช่มาเอาเงินของนายเงินนั่นเป็นเพียงโบนัสเท่านั้น”
”โบนัส ?”
ฮาคาดิถามออกมาด้วยความสงสัย เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเปิดการทำงานของหูฟังของเขาที่ก่อนหน้าหนี้ได้ปิดการทำงานไปเพราะหากทีมของเขาได้ยินเรื่องที่ตัวเขาคุยกับฮาคาดิไปเมื่อครู่มันคงจะไม่ดีแน่
ไม่นานนักเสียงพูดคุยกันก็ดังออกจากหูฟังของเขา ซึ่งเสียงแรกที่ได้ยินก็คือเสียงของรองหัวหน้าหยานเฉา
[ เทียนหลางได้ยินไหม เทียนหลาง ! ]
”ได้ยินครับ รองหัวหน้าหยานเฉามีอะไรรึเปล่า ?”
[ มีแน่นอนอยู่แล้ว นายไม่ได้ติดต่อกลับมาเกือบ 20 นาทีแล้วนะ ]
เทียนหลางที่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขอโทษออกไปพร้อมกับข้ออ้าง
”ต้องขอโทษด้วยครับ บริเวณบางจุดรอบๆ คฤหาสน์ดูเหมือนจะมีตัวรบกวนสัญญาณอยู่ผมจึงตอบกลับไม่ได้”
[ งั้นเหรอ แล้วนายเป็นยังไงบ้าง ]
”สบายดีครับ ว่าแต่รองหัวหน้าหยานเฉาผมขอถามอะไรสักหน่อยได้หรือเปล่า ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลาง หยานเฉาก็ถามออกไปด้วยความสงสัยขณะกำลังเฝ้ามองพวกยามกับหัวหน้าไป๋ตงหลินอยู่
[ นายมีคำถามอะไรงั้นเหรอ ? ]
”อ่า… ภาระกิจหลักของเราคือการตามหาตราหยกใช่ไหมครับ ?”
[ ถูกต้องนายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ? ]
”ก็นิดหน่อยนะครับ”
[ นิดหน่อยงั้นเหรอ ? ]
”พอดีว่าผมสามารถทำภาระกิจอื่นได้ลุล่วงก่อนภาระกิจหลักหน่ะครับ”
[ ภาระกิจอื่น ? ภาระกิจอะไร ? ]
”ก็จับตัวฮาคาดิไงครับ”
เมื่อทั้งหน่วยได้ยินก็ถึงกับตกตะลึงก่อนที่หัวหน้าไป๋ตงหลินจะถามออกไปเพื่อให้แน่ใจ
[ นะ… นายบอกว่า นายจับฮาคาดิได้งั้นเหรอ ?! ]
”ใช่ครับ”
[ นายจับมันได้ยังไง ? ไหนลองเล่ารายละเอียดซิ ]
”ก็พอดีผมกำลังตามหาที่ซ่อนตราหยกอยู่ และบังเอิญเจอกับห้องทำงานใหญ่เมื่อเข้ามาก็พบเจอกับเป้าหมายที่กำลังนั่งทำงานอยู่ผมเลยทำการจับกุมตัวเอาไว้หน่ะครับ”
เมื่อได้ยินรายละเอียดของเทียนหลางทั้งหน่วยก็ถึงกับเงียบไปพักใหญ่เพราะพวกเขาใช้เวลาพักใหญ่ไปกับการหลบเลี่ยงกับดักกับการหลบทหารยามของฮาคาดิ ในตอนแรกไป๋ตงหลินคาดว่าภาระกิจนี้อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหากแย่หน่อยก็อาจถึงเช้าแต่เขาไม่คิดว่าเทียนหลางจะทำภาระกิจที่สำคัญเสร็จภายในเวลาเพียงแค่ 20 นาที หลังจากตั้งสติได้แล้วไป๋ตงหลินก็ถามกับเทียนหลางว่า
[ นายได้ถามถึงที่ซ่อนของตราหยกกับฮาคาดิรึยัง ]
”เรียบร้อยแล้วครับ เขาบอกว่าเก็บไว้ที่ห้องจัดแสดงชั้นใต้ดินผมกะว่าจะไปลองดูหลังจากจัดการตรงนี้เสร็จแล้วนะครับ”
[ งั้นเรอะ ]
”ครับ… ว่าแต่จะจัดการกับฮาคาดิยังไงครับ จะพากลับไปด้วยหรือว่าฆ่าทิ้งซะตรงนี้เลย”
เมื่อได้ยินคำถามของเทียนหลางไป๋ตงหลินก็คิดอยู่สักพักก่อนจะตอบว่าให้พาฮาคาดิกลับไปด้วย จากนั้นไป๋ตงหลินก็เอ่ยถามถึงสถานะของหน่วยลับที่ 7 ที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้เทียนหลางจึงตอบกลับไปว่าพวกเขาถูกจับไว้ที่ห้องใต้ดินเช่นกัน และหลังจากคุยรายละเอียดกันอีกสักพักไป๋ตงหลินก็ตัดสายไปและบอกว่าจะรีบเข้ามาช่วยเหลือเทียนหลางให้ไวที่สุด
หลังจากตัดการสื่อสารกับคนในทีมแล้วเทียนหลางก็กลับมาพูดกับฮาคาดิต่อว่า
”นายนี่โชคดีจังนะที่หัวหน้าของฉันนั้นอยากจับนายส่งให้ตำรวจสากลแทนที่จะฆ่าทิ้งหน่ะ”
( ตำรวจโลกดูเชยเลยเปลี่ยนเป็นตำรวจสากลแทน )
ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแม้เขาจะถูกจับไปก็ยังมีโอกาสรอดมากกว่าที่จะปล่อยเขาไว้กับชายหนุ่มตรงหน้า ดังนั้นตัวของฮาคาดิจึงได้เห็นด้วยกับเทียนหลางว่าเขานั้นช่างโชคดีจริงๆ หลังจากได้รับการตัดสินใจจากหัวหน้าแล้วเทียนหลางก็ลุกขึ้นด้วยท่าทางขี้เกียจก่อนจะพูดออกไปว่า
”เอาหล่ะ ฉันจะต้องไปตามหาของๆ ในภาระกิจของฉันฉะนั้นนายช่วยอยู่นิ่งๆ ไปสักพักก่อนก็แล้วกันนะ”
ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ
”นะ… นายจะทำอะไรกับฉัน”
”ไม่มีอะไรมากหรอกแค่สะกัดจุดนายไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ไปไหนได้สักพักเท่านั้น”
เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ขยับมือไปที่ร่างกายของฮาคาดิและสะกัดจุดเขาอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของฮาคาดิถึงกับแข็งค้างไปทันที ขยับได้เพียงแค่ดวงตาของเขาเท่านั้น เมื่อเห็นว่าฮาคาดิไม่สามารถขยับไปไหนได้แล้วเทียนหลางก็เดินออกจากห้องไปและตรงไปที่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์
เทียนหลางเดินไปตามทางอย่างช้าๆ พร้อมกับฆ่าทหารยามตามทางไปด้วยจนในที่สุดเขาก็มาถึงหน้าห้องชั้นใต้ดินที่มีประตูเหล็กขนาดใหญ่ขวางทางอยู่ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะสบัดมือเล็กน้อยประตูเหล็กขนาดใหญ่ก็ถูกฟันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เมื่อประตูถูกเปิดออกเทียนหลางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
”เอาหล่ะมาดูกันซิว่าห้องลับของพ่อค้าอาวุธจะเก็บอะไรเอาไว้บ้าง”
เทียนหลางเดินเข้าไปในห้องลับใต้ดินของฮาคาดิก็พบตู้โชว์วัตถุโบราณมากมายตั้งอยู่มีทั้งเครื่องปั้นดินเผา อาวุธหิน ดาบเหล็ก ปืนโบราณ เอกสารเก่าแก่มากมายและยังมีรูปวาดอีกด้วยเขาคิดสักพักก่อนจะทุบตู้ทิ้งและกวาดทุกอย่างเข้าแหวนมิติ
แม้เขาจะเดินเกือบจะทั่วทั้งห้องแล้วแต่เขายังไม่เห็นตราหยกเลยแม้แต่น้อยเทียนหลางจึงคิดว่าฮาคาดิจะต้องซ่อนมันไว้ที่อื่นอย่างแน่นอนเขาเลยกะจะกลับไปถามฮาคาดิ แต่ในขณะที่เขากำลังจะออกจากห้องสายตาของเขาก็พลันไปเห็นประตูเล็กๆ อยู่ตรงกำแพง
เทียนหลางเดินเข้าไปตรวจดูและไม่พบว่ามีกำดักเขาจึงเปิดเข้าไปด้านใน เมื่อเข้ามาเทียนหลางก็พบว่าด้านในห้องยังมีสมบัติล้ำค่าอยู่อีกจำนวนหนึ่งรวมถึงตราฟยกที่เขากำลังตามหาอยู่ด้วยเช่นกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เทียนหลางถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้เห็นมันก็คือปิ่นปักผมหยกขาวที่ตรงด้ามนั้นถูกสลักอย่างปราณีตเป็นรูปหงส์คู่กับดอกไม้
เทียนหลางเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะหยิบปิ่นปักผมดังกล่าวขึ้นมาดูพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขา
”ไม่คิดว่าข้าจะได้มามันที่นี้ ช่างเป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงยิ่งนัก”
เมื่อเทียนหลางเห็นปิ่นหยกขาวในมือก็ทำให้เขาคิดถึงความทรงจำเก่าๆ ในครั้งอดีต
———————————————————————————————————
ณ สวนแห่งหนึ่ง
มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเฝ้ามองบางอย่างอยู่แต่ในขณะนั้นก็ได้มีเสียงใสๆ ของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา
”ท่านพ่อ ท่านพ่อ !!”
เมื่อชายหนุ่มหันมาก็พบกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เธอกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของชายหนุ่มพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมา ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดขึ้น
”ทำไมเจ้าถึงได้ซุกซนนักไป่เอ๋อ”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้เป็นพ่อเด็กหญิงตัวน้อยก็หัวเราะคิกคักก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส
”เพราะข้ายังเด็ก ข้าก็ต้องซุกซนเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่หน่า”
”แล้วที่เจ้าออกมาเล่นสนุกข้างนอกแบบนี้ เจ้าฝึกฝนไปถึงไหนแล้ว”
ได้ยินแบบนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็ถึงกับหันหน้าหนีพร้อมกับพูดเสียงเบา
”ข้าฝึกเสร็จแล้วนะท่านพ่อ”
”เจ้าแน่ใจงั้นเหรอ ?”
ผู้เป็นพ่อถามย้ำขณะอุ้มเธออยู่เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้แต่เบือนหน้าหนี เมื่อได้เห็นท่าทางของลูกสาวผู้เป็นพ่อก็ได้แต่หัวเราะออกมาก่อนจะวางเด็กหญิงตัวน้อยลงพร้อมกับพูดขึ้น
”เอาหล่ะ ในเมื่อเจ้าตั้งใจฝึกฝนเป็นอย่างเช่นนั้นพ่อจะให้ของขวัญแก่เจ้า”
เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยได้ยินคำว่าของขวัญเธอก็หันมากระโดดโลดเต้นพร้อมกับเอ่ยถามอย่างมีความสุข
”ท่านพ่อจะให้อะไรข้างั้นเหรอ ? สัตว์อสูร คำภีร์ฝึกฝน หรือว่าเป็นศาสตราวุธ ?”
ผู้เป็นพ่อได้ยินคำกล่าวของลูกสาวเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น
”เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะได้สิ่งของพวกนั้น ฉะนั้นพ่อจะให้สิ่งนี้แก่เจ้า”
เมื่อพูดจบเขาก็หยิบปิ่นปักผมที่ทำจากหยกขาวออกมาจากกระเป๋าและมอบมันให้กับเธอเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยได้เห็นก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
”ท่านพ่อมันสวยจังเลย”
”เจ้าชอบมันรึเปล่า ?”
”แน่นอนอยู่แล้วสิ”
”ฮาฮ่า มานี่มาข้าจะใส่ให้เจ้าเอง”
ผู้เป็นพ่อบรรจงกลัดผมที่ยาวสลวยให้กับเด็กหญิงน้อยด้วยปิ่นหยกขาวในมือพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน เมื่อเสร็จสิ้นเขาก็ได้นั่งลงพร้อมกับเอ่ยบางอย่างกับลูกสาวของเขา
”จำเอาไว้นะไป่เอ๋อในอนาคตเจ้าอาจจะต้องเจอกับเส้นทางที่ยากลำบาก แต่เจ้าอย่าได้กังวลพ่อจะอยู่กับเจ้าเสมอ และปิ่นหยกขาวนี้จะช่วยเหลือเจ้าเมื่อยามลำบากอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อเด็หญิงตัวน้อยก็ได้แต่ทำหน้างุนงงพร้อมกับเอ่ยถาม
”ท่านพ่อพูดถึงสิ่งใดกัน ?”
ผู้เป็นพ่อยิ้มก่อนจะกล่าว
”พ่อพูดถึงเรื่องในอนาคตหน่ะ อีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้เอง”
”ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ”
ในขณะที่สองคนพ่อลูกกำลังคุยกันอยู่นั้นก็ได้มีเสียงหนึ่งดังมาจากไกลๆ
”ได้เวลาอาหารแล้ว”
เมื่อทั้งคู่ได้ยินก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนผู้เป็นพ่อจะพูดขึ้น
”พวกเรากลับกันเถอะ”
”อื้ม”
เด็กหญิงตัวน้อยตอบรับพร้อมกับจับมือผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินกลับบ้านด้วยกันอย่างช้าๆ