The simple life of the emperor – ตอนที่ 80

ต่อไปในเนื้อเรื่องหน่วยเงินจะเปลี่ยนไปทั้งหมดนะครับ จะใช้เป็นเงินจริงตามปกติเลยจะมีการเทียบค่าเงินด้วยบอกไว้ก่อนจะได้ไม่สับสนกัน

———————————————————————————————————

เทียนหลางมองไปที่ใบหน้าของฮาคาดิที่เต็มไปด้วยไฟโทสะเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

 

”อย่ามองหน้าฉันแบบนั้นสิ สถาะการณ์ในตอนนี้คงเป็นตัวของนายเองที่น่าจะรู้ดีที่สุด ฉะนั้นทำตัวดีๆ แล้วโอนเงินเข้าบัญชีนี้มาซะ”

 

ฮาคาดิกันฟันดังกรอดแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรไดเพราะจริงอย่างที่เทียนหลางได้พูดเอาไว้ว่าสถานะการณ์ในตอนนี้คือตัวที่รู้ดีที่สุดว่าในตอนนี้ชีวิตของเขานั้นอยู่ในกำมือของชายตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

แม้ฮาคาดิจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ต้องจำยอมที่จะโอนเงินทั้งหมดในบัญชีของเขาไปยังบัญชีของเทียนหลาง ไม่นานนักก็มีแจ้งเตือนข้อความเงินเข้าจากโทรศัพของเทียนหลางเขายิ้มออกมาที่มีเงินเข้ามาในบัญชีของเขาแต่ไม่นานนักเขาก็ต้องขมวดคิ้วก่อนจะใช้เท้าของเขาเขี่ยไปที่ฮาคาดิที่กำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับพูดขึ้น

 

”นี่ ~ นายอย่ามาเล่นตุกติกกับฉันเลยพ่อค้าอาวุธรายใหญ่อย่างเจ้าเนี้ยนะจะมีเงินแค่ 300ล้านดอลลาร์ นายต้องมีบัญชีอื่นอีกใช่ไหม โอนมาให้หมดซะดีๆ”

 

ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตัวสั่นเล็กน้อยยามที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดออกมามันแฝงไปด้วยจิตสังหารที่มากพอจะสั่งคลอนทั้งคฤหาสน์ได้เลยทีเดียว ฮาคาดิมั่นใจว่าหากเขาไม่ได้ทำตามที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดแล้วละก็หัวใจของเขาคงหยุดเต้นเป็นแน่

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นฮาคาดิก็รีบกดโทรศัพของเขาเพื่อโอนเงินเข้าไปในบัญชีของเทียนหลางทันที

 

ไม่กี่อึดใจต่อมาข้อความจำนวนหนึ่งก็เด้งขึ้นมาในโทรศัพของเขาเมื่อเทียนหลางตรวจสอบยอดเงินในบัญชีเขาก็ยิ้มออกมาทันทีเมื่อยอดเงินในบัญชีที่สวิตของเขามีมากกว่า 2พันล้านดอลลาร์นั่นเทียบเท่ากับ 2หมื่นล้านหยวนกว่าๆ และยังไม่รวมเงินในบัญชีของเขาที่เหลืออยู่อีกประมาณ 4-5 พันล้านหยวนในตอนนี้เทียนหลางคงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไปอีกพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว

 

เขามองไปที่ฮาคาดิที่กำลังมองโทรศัพในมือด้วยสีหน้าเจ็บปวดก่อนหัวยิ้มและพูดขึ้น

 

”นายนี้รวยจริงๆ เลยน๊า ~ ไม่เสียทีที่เป็นถึงพ่อค้าอาวุธรายใหญ่ร่ำรวยจริงๆ โชคดีที่ฉันไม่ตัดสินใจฆ่านายไปเสียก่อน”

 

ฮาคาดิได้ยินที่เทียนหลางพูดขนทั่วตัวของเขาก็ถึงกับตั้งชูชันเขาหวาดกลัวนายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างมาก ความคิดเดียวในหัวของฮาคาดิตอนนี้คือเขาอยากจะออกไปจากสถานะการณ์บ้าๆ นี้สักทีเขาภาวนาต่อพระเจ้าขอให้ชายหนุ่มตรงหน้าปล่อยเขาไปเร็วๆ

 

เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะเสร็จสิ้นแล้วฮาคาดิจึงพูดขึ้น

 

”ฉะ… ฉันโอนเงินให้นายตามที่ต้องการแล้วทีนี้ปล่อยฉันไปสักที”

 

เทียนหลางที่ได้ยินคำขอร้องของฮาคาดิก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น

 

”ฉันยังปล่อยนายไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะภาระกิจหลักของฉันไม่ใช่มาเอาเงินของนายเงินนั่นเป็นเพียงโบนัสเท่านั้น”

 

”โบนัส ?”

 

ฮาคาดิถามออกมาด้วยความสงสัย เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเปิดการทำงานของหูฟังของเขาที่ก่อนหน้าหนี้ได้ปิดการทำงานไปเพราะหากทีมของเขาได้ยินเรื่องที่ตัวเขาคุยกับฮาคาดิไปเมื่อครู่มันคงจะไม่ดีแน่

 

ไม่นานนักเสียงพูดคุยกันก็ดังออกจากหูฟังของเขา ซึ่งเสียงแรกที่ได้ยินก็คือเสียงของรองหัวหน้าหยานเฉา

 

[ เทียนหลางได้ยินไหม เทียนหลาง ! ]

 

”ได้ยินครับ รองหัวหน้าหยานเฉามีอะไรรึเปล่า ?”

 

[ มีแน่นอนอยู่แล้ว นายไม่ได้ติดต่อกลับมาเกือบ 20 นาทีแล้วนะ ]

 

เทียนหลางที่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขอโทษออกไปพร้อมกับข้ออ้าง

 

”ต้องขอโทษด้วยครับ บริเวณบางจุดรอบๆ คฤหาสน์ดูเหมือนจะมีตัวรบกวนสัญญาณอยู่ผมจึงตอบกลับไม่ได้”

 

[ งั้นเหรอ แล้วนายเป็นยังไงบ้าง ]

 

”สบายดีครับ ว่าแต่รองหัวหน้าหยานเฉาผมขอถามอะไรสักหน่อยได้หรือเปล่า ?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลาง หยานเฉาก็ถามออกไปด้วยความสงสัยขณะกำลังเฝ้ามองพวกยามกับหัวหน้าไป๋ตงหลินอยู่

 

[ นายมีคำถามอะไรงั้นเหรอ ? ]

 

”อ่า… ภาระกิจหลักของเราคือการตามหาตราหยกใช่ไหมครับ ?”

 

[ ถูกต้องนายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ? ]

 

”ก็นิดหน่อยนะครับ”

 

[ นิดหน่อยงั้นเหรอ ? ]

 

”พอดีว่าผมสามารถทำภาระกิจอื่นได้ลุล่วงก่อนภาระกิจหลักหน่ะครับ”

 

[ ภาระกิจอื่น ? ภาระกิจอะไร ? ]

 

”ก็จับตัวฮาคาดิไงครับ”

 

เมื่อทั้งหน่วยได้ยินก็ถึงกับตกตะลึงก่อนที่หัวหน้าไป๋ตงหลินจะถามออกไปเพื่อให้แน่ใจ

 

[ นะ… นายบอกว่า นายจับฮาคาดิได้งั้นเหรอ ?! ]

 

”ใช่ครับ”

 

[ นายจับมันได้ยังไง ? ไหนลองเล่ารายละเอียดซิ ]

 

”ก็พอดีผมกำลังตามหาที่ซ่อนตราหยกอยู่ และบังเอิญเจอกับห้องทำงานใหญ่เมื่อเข้ามาก็พบเจอกับเป้าหมายที่กำลังนั่งทำงานอยู่ผมเลยทำการจับกุมตัวเอาไว้หน่ะครับ”

 

เมื่อได้ยินรายละเอียดของเทียนหลางทั้งหน่วยก็ถึงกับเงียบไปพักใหญ่เพราะพวกเขาใช้เวลาพักใหญ่ไปกับการหลบเลี่ยงกับดักกับการหลบทหารยามของฮาคาดิ ในตอนแรกไป๋ตงหลินคาดว่าภาระกิจนี้อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหากแย่หน่อยก็อาจถึงเช้าแต่เขาไม่คิดว่าเทียนหลางจะทำภาระกิจที่สำคัญเสร็จภายในเวลาเพียงแค่ 20 นาที หลังจากตั้งสติได้แล้วไป๋ตงหลินก็ถามกับเทียนหลางว่า

 

[ นายได้ถามถึงที่ซ่อนของตราหยกกับฮาคาดิรึยัง ]

 

”เรียบร้อยแล้วครับ เขาบอกว่าเก็บไว้ที่ห้องจัดแสดงชั้นใต้ดินผมกะว่าจะไปลองดูหลังจากจัดการตรงนี้เสร็จแล้วนะครับ”

 

[ งั้นเรอะ ]

 

”ครับ… ว่าแต่จะจัดการกับฮาคาดิยังไงครับ จะพากลับไปด้วยหรือว่าฆ่าทิ้งซะตรงนี้เลย”

 

เมื่อได้ยินคำถามของเทียนหลางไป๋ตงหลินก็คิดอยู่สักพักก่อนจะตอบว่าให้พาฮาคาดิกลับไปด้วย จากนั้นไป๋ตงหลินก็เอ่ยถามถึงสถานะของหน่วยลับที่ 7 ที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้เทียนหลางจึงตอบกลับไปว่าพวกเขาถูกจับไว้ที่ห้องใต้ดินเช่นกัน และหลังจากคุยรายละเอียดกันอีกสักพักไป๋ตงหลินก็ตัดสายไปและบอกว่าจะรีบเข้ามาช่วยเหลือเทียนหลางให้ไวที่สุด

 

หลังจากตัดการสื่อสารกับคนในทีมแล้วเทียนหลางก็กลับมาพูดกับฮาคาดิต่อว่า

 

”นายนี่โชคดีจังนะที่หัวหน้าของฉันนั้นอยากจับนายส่งให้ตำรวจสากลแทนที่จะฆ่าทิ้งหน่ะ”
( ตำรวจโลกดูเชยเลยเปลี่ยนเป็นตำรวจสากลแทน )

 

ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแม้เขาจะถูกจับไปก็ยังมีโอกาสรอดมากกว่าที่จะปล่อยเขาไว้กับชายหนุ่มตรงหน้า ดังนั้นตัวของฮาคาดิจึงได้เห็นด้วยกับเทียนหลางว่าเขานั้นช่างโชคดีจริงๆ หลังจากได้รับการตัดสินใจจากหัวหน้าแล้วเทียนหลางก็ลุกขึ้นด้วยท่าทางขี้เกียจก่อนจะพูดออกไปว่า

 

”เอาหล่ะ ฉันจะต้องไปตามหาของๆ ในภาระกิจของฉันฉะนั้นนายช่วยอยู่นิ่งๆ ไปสักพักก่อนก็แล้วกันนะ”

 

ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ

 

”นะ… นายจะทำอะไรกับฉัน”

 

”ไม่มีอะไรมากหรอกแค่สะกัดจุดนายไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ไปไหนได้สักพักเท่านั้น”

 

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ขยับมือไปที่ร่างกายของฮาคาดิและสะกัดจุดเขาอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของฮาคาดิถึงกับแข็งค้างไปทันที ขยับได้เพียงแค่ดวงตาของเขาเท่านั้น เมื่อเห็นว่าฮาคาดิไม่สามารถขยับไปไหนได้แล้วเทียนหลางก็เดินออกจากห้องไปและตรงไปที่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์

 

เทียนหลางเดินไปตามทางอย่างช้าๆ พร้อมกับฆ่าทหารยามตามทางไปด้วยจนในที่สุดเขาก็มาถึงหน้าห้องชั้นใต้ดินที่มีประตูเหล็กขนาดใหญ่ขวางทางอยู่ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะสบัดมือเล็กน้อยประตูเหล็กขนาดใหญ่ก็ถูกฟันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

เมื่อประตูถูกเปิดออกเทียนหลางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

 

”เอาหล่ะมาดูกันซิว่าห้องลับของพ่อค้าอาวุธจะเก็บอะไรเอาไว้บ้าง”

 

เทียนหลางเดินเข้าไปในห้องลับใต้ดินของฮาคาดิก็พบตู้โชว์วัตถุโบราณมากมายตั้งอยู่มีทั้งเครื่องปั้นดินเผา อาวุธหิน ดาบเหล็ก ปืนโบราณ เอกสารเก่าแก่มากมายและยังมีรูปวาดอีกด้วยเขาคิดสักพักก่อนจะทุบตู้ทิ้งและกวาดทุกอย่างเข้าแหวนมิติ

 

แม้เขาจะเดินเกือบจะทั่วทั้งห้องแล้วแต่เขายังไม่เห็นตราหยกเลยแม้แต่น้อยเทียนหลางจึงคิดว่าฮาคาดิจะต้องซ่อนมันไว้ที่อื่นอย่างแน่นอนเขาเลยกะจะกลับไปถามฮาคาดิ แต่ในขณะที่เขากำลังจะออกจากห้องสายตาของเขาก็พลันไปเห็นประตูเล็กๆ อยู่ตรงกำแพง

 

เทียนหลางเดินเข้าไปตรวจดูและไม่พบว่ามีกำดักเขาจึงเปิดเข้าไปด้านใน เมื่อเข้ามาเทียนหลางก็พบว่าด้านในห้องยังมีสมบัติล้ำค่าอยู่อีกจำนวนหนึ่งรวมถึงตราฟยกที่เขากำลังตามหาอยู่ด้วยเช่นกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เทียนหลางถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้เห็นมันก็คือปิ่นปักผมหยกขาวที่ตรงด้ามนั้นถูกสลักอย่างปราณีตเป็นรูปหงส์คู่กับดอกไม้

 

เทียนหลางเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะหยิบปิ่นปักผมดังกล่าวขึ้นมาดูพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขา

 

”ไม่คิดว่าข้าจะได้มามันที่นี้ ช่างเป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงยิ่งนัก”

 

เมื่อเทียนหลางเห็นปิ่นหยกขาวในมือก็ทำให้เขาคิดถึงความทรงจำเก่าๆ ในครั้งอดีต

 

———————————————————————————————————

 

ณ สวนแห่งหนึ่ง

 

มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเฝ้ามองบางอย่างอยู่แต่ในขณะนั้นก็ได้มีเสียงใสๆ ของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา

 

”ท่านพ่อ ท่านพ่อ !!”

 

เมื่อชายหนุ่มหันมาก็พบกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เธอกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของชายหนุ่มพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมา ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดขึ้น

 

”ทำไมเจ้าถึงได้ซุกซนนักไป่เอ๋อ”

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้เป็นพ่อเด็กหญิงตัวน้อยก็หัวเราะคิกคักก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

 

”เพราะข้ายังเด็ก ข้าก็ต้องซุกซนเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่หน่า”

 

”แล้วที่เจ้าออกมาเล่นสนุกข้างนอกแบบนี้ เจ้าฝึกฝนไปถึงไหนแล้ว”

 

ได้ยินแบบนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็ถึงกับหันหน้าหนีพร้อมกับพูดเสียงเบา

 

”ข้าฝึกเสร็จแล้วนะท่านพ่อ”

 

”เจ้าแน่ใจงั้นเหรอ ?”

 

ผู้เป็นพ่อถามย้ำขณะอุ้มเธออยู่เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้แต่เบือนหน้าหนี เมื่อได้เห็นท่าทางของลูกสาวผู้เป็นพ่อก็ได้แต่หัวเราะออกมาก่อนจะวางเด็กหญิงตัวน้อยลงพร้อมกับพูดขึ้น

 

”เอาหล่ะ ในเมื่อเจ้าตั้งใจฝึกฝนเป็นอย่างเช่นนั้นพ่อจะให้ของขวัญแก่เจ้า”

 

เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยได้ยินคำว่าของขวัญเธอก็หันมากระโดดโลดเต้นพร้อมกับเอ่ยถามอย่างมีความสุข

 

”ท่านพ่อจะให้อะไรข้างั้นเหรอ ? สัตว์อสูร คำภีร์ฝึกฝน หรือว่าเป็นศาสตราวุธ ?”

 

ผู้เป็นพ่อได้ยินคำกล่าวของลูกสาวเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น

 

”เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะได้สิ่งของพวกนั้น ฉะนั้นพ่อจะให้สิ่งนี้แก่เจ้า”

 

เมื่อพูดจบเขาก็หยิบปิ่นปักผมที่ทำจากหยกขาวออกมาจากกระเป๋าและมอบมันให้กับเธอเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยได้เห็นก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

 

”ท่านพ่อมันสวยจังเลย”

 

”เจ้าชอบมันรึเปล่า ?”

 

”แน่นอนอยู่แล้วสิ”

 

”ฮาฮ่า มานี่มาข้าจะใส่ให้เจ้าเอง”

 

ผู้เป็นพ่อบรรจงกลัดผมที่ยาวสลวยให้กับเด็กหญิงน้อยด้วยปิ่นหยกขาวในมือพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน เมื่อเสร็จสิ้นเขาก็ได้นั่งลงพร้อมกับเอ่ยบางอย่างกับลูกสาวของเขา

 

”จำเอาไว้นะไป่เอ๋อในอนาคตเจ้าอาจจะต้องเจอกับเส้นทางที่ยากลำบาก แต่เจ้าอย่าได้กังวลพ่อจะอยู่กับเจ้าเสมอ และปิ่นหยกขาวนี้จะช่วยเหลือเจ้าเมื่อยามลำบากอย่างแน่นอน”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อเด็หญิงตัวน้อยก็ได้แต่ทำหน้างุนงงพร้อมกับเอ่ยถาม

 

”ท่านพ่อพูดถึงสิ่งใดกัน ?”

 

ผู้เป็นพ่อยิ้มก่อนจะกล่าว

 

”พ่อพูดถึงเรื่องในอนาคตหน่ะ อีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้เอง”

 

”ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ”

 

ในขณะที่สองคนพ่อลูกกำลังคุยกันอยู่นั้นก็ได้มีเสียงหนึ่งดังมาจากไกลๆ

 

”ได้เวลาอาหารแล้ว”

 

เมื่อทั้งคู่ได้ยินก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนผู้เป็นพ่อจะพูดขึ้น

 

”พวกเรากลับกันเถอะ”

 

”อื้ม”

 

เด็กหญิงตัวน้อยตอบรับพร้อมกับจับมือผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินกลับบ้านด้วยกันอย่างช้าๆ

ต่อไปในเนื้อเรื่องหน่วยเงินจะเปลี่ยนไปทั้งหมดนะครับ จะใช้เป็นเงินจริงตามปกติเลยจะมีการเทียบค่าเงินด้วยบอกไว้ก่อนจะได้ไม่สับสนกัน

———————————————————————————————————

เทียนหลางมองไปที่ใบหน้าของฮาคาดิที่เต็มไปด้วยไฟโทสะเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

 

”อย่ามองหน้าฉันแบบนั้นสิ สถาะการณ์ในตอนนี้คงเป็นตัวของนายเองที่น่าจะรู้ดีที่สุด ฉะนั้นทำตัวดีๆ แล้วโอนเงินเข้าบัญชีนี้มาซะ”

 

ฮาคาดิกันฟันดังกรอดแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรไดเพราะจริงอย่างที่เทียนหลางได้พูดเอาไว้ว่าสถานะการณ์ในตอนนี้คือตัวที่รู้ดีที่สุดว่าในตอนนี้ชีวิตของเขานั้นอยู่ในกำมือของชายตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

แม้ฮาคาดิจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ต้องจำยอมที่จะโอนเงินทั้งหมดในบัญชีของเขาไปยังบัญชีของเทียนหลาง ไม่นานนักก็มีแจ้งเตือนข้อความเงินเข้าจากโทรศัพของเทียนหลางเขายิ้มออกมาที่มีเงินเข้ามาในบัญชีของเขาแต่ไม่นานนักเขาก็ต้องขมวดคิ้วก่อนจะใช้เท้าของเขาเขี่ยไปที่ฮาคาดิที่กำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับพูดขึ้น

 

”นี่ ~ นายอย่ามาเล่นตุกติกกับฉันเลยพ่อค้าอาวุธรายใหญ่อย่างเจ้าเนี้ยนะจะมีเงินแค่ 300ล้านดอลลาร์ นายต้องมีบัญชีอื่นอีกใช่ไหม โอนมาให้หมดซะดีๆ”

 

ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตัวสั่นเล็กน้อยยามที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดออกมามันแฝงไปด้วยจิตสังหารที่มากพอจะสั่งคลอนทั้งคฤหาสน์ได้เลยทีเดียว ฮาคาดิมั่นใจว่าหากเขาไม่ได้ทำตามที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูดแล้วละก็หัวใจของเขาคงหยุดเต้นเป็นแน่

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นฮาคาดิก็รีบกดโทรศัพของเขาเพื่อโอนเงินเข้าไปในบัญชีของเทียนหลางทันที

 

ไม่กี่อึดใจต่อมาข้อความจำนวนหนึ่งก็เด้งขึ้นมาในโทรศัพของเขาเมื่อเทียนหลางตรวจสอบยอดเงินในบัญชีเขาก็ยิ้มออกมาทันทีเมื่อยอดเงินในบัญชีที่สวิตของเขามีมากกว่า 2พันล้านดอลลาร์นั่นเทียบเท่ากับ 2หมื่นล้านหยวนกว่าๆ และยังไม่รวมเงินในบัญชีของเขาที่เหลืออยู่อีกประมาณ 4-5 พันล้านหยวนในตอนนี้เทียนหลางคงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไปอีกพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว

 

เขามองไปที่ฮาคาดิที่กำลังมองโทรศัพในมือด้วยสีหน้าเจ็บปวดก่อนหัวยิ้มและพูดขึ้น

 

”นายนี้รวยจริงๆ เลยน๊า ~ ไม่เสียทีที่เป็นถึงพ่อค้าอาวุธรายใหญ่ร่ำรวยจริงๆ โชคดีที่ฉันไม่ตัดสินใจฆ่านายไปเสียก่อน”

 

ฮาคาดิได้ยินที่เทียนหลางพูดขนทั่วตัวของเขาก็ถึงกับตั้งชูชันเขาหวาดกลัวนายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างมาก ความคิดเดียวในหัวของฮาคาดิตอนนี้คือเขาอยากจะออกไปจากสถานะการณ์บ้าๆ นี้สักทีเขาภาวนาต่อพระเจ้าขอให้ชายหนุ่มตรงหน้าปล่อยเขาไปเร็วๆ

 

เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะเสร็จสิ้นแล้วฮาคาดิจึงพูดขึ้น

 

”ฉะ… ฉันโอนเงินให้นายตามที่ต้องการแล้วทีนี้ปล่อยฉันไปสักที”

 

เทียนหลางที่ได้ยินคำขอร้องของฮาคาดิก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น

 

”ฉันยังปล่อยนายไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะภาระกิจหลักของฉันไม่ใช่มาเอาเงินของนายเงินนั่นเป็นเพียงโบนัสเท่านั้น”

 

”โบนัส ?”

 

ฮาคาดิถามออกมาด้วยความสงสัย เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเปิดการทำงานของหูฟังของเขาที่ก่อนหน้าหนี้ได้ปิดการทำงานไปเพราะหากทีมของเขาได้ยินเรื่องที่ตัวเขาคุยกับฮาคาดิไปเมื่อครู่มันคงจะไม่ดีแน่

 

ไม่นานนักเสียงพูดคุยกันก็ดังออกจากหูฟังของเขา ซึ่งเสียงแรกที่ได้ยินก็คือเสียงของรองหัวหน้าหยานเฉา

 

[ เทียนหลางได้ยินไหม เทียนหลาง ! ]

 

”ได้ยินครับ รองหัวหน้าหยานเฉามีอะไรรึเปล่า ?”

 

[ มีแน่นอนอยู่แล้ว นายไม่ได้ติดต่อกลับมาเกือบ 20 นาทีแล้วนะ ]

 

เทียนหลางที่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขอโทษออกไปพร้อมกับข้ออ้าง

 

”ต้องขอโทษด้วยครับ บริเวณบางจุดรอบๆ คฤหาสน์ดูเหมือนจะมีตัวรบกวนสัญญาณอยู่ผมจึงตอบกลับไม่ได้”

 

[ งั้นเหรอ แล้วนายเป็นยังไงบ้าง ]

 

”สบายดีครับ ว่าแต่รองหัวหน้าหยานเฉาผมขอถามอะไรสักหน่อยได้หรือเปล่า ?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลาง หยานเฉาก็ถามออกไปด้วยความสงสัยขณะกำลังเฝ้ามองพวกยามกับหัวหน้าไป๋ตงหลินอยู่

 

[ นายมีคำถามอะไรงั้นเหรอ ? ]

 

”อ่า… ภาระกิจหลักของเราคือการตามหาตราหยกใช่ไหมครับ ?”

 

[ ถูกต้องนายมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ ? ]

 

”ก็นิดหน่อยนะครับ”

 

[ นิดหน่อยงั้นเหรอ ? ]

 

”พอดีว่าผมสามารถทำภาระกิจอื่นได้ลุล่วงก่อนภาระกิจหลักหน่ะครับ”

 

[ ภาระกิจอื่น ? ภาระกิจอะไร ? ]

 

”ก็จับตัวฮาคาดิไงครับ”

 

เมื่อทั้งหน่วยได้ยินก็ถึงกับตกตะลึงก่อนที่หัวหน้าไป๋ตงหลินจะถามออกไปเพื่อให้แน่ใจ

 

[ นะ… นายบอกว่า นายจับฮาคาดิได้งั้นเหรอ ?! ]

 

”ใช่ครับ”

 

[ นายจับมันได้ยังไง ? ไหนลองเล่ารายละเอียดซิ ]

 

”ก็พอดีผมกำลังตามหาที่ซ่อนตราหยกอยู่ และบังเอิญเจอกับห้องทำงานใหญ่เมื่อเข้ามาก็พบเจอกับเป้าหมายที่กำลังนั่งทำงานอยู่ผมเลยทำการจับกุมตัวเอาไว้หน่ะครับ”

 

เมื่อได้ยินรายละเอียดของเทียนหลางทั้งหน่วยก็ถึงกับเงียบไปพักใหญ่เพราะพวกเขาใช้เวลาพักใหญ่ไปกับการหลบเลี่ยงกับดักกับการหลบทหารยามของฮาคาดิ ในตอนแรกไป๋ตงหลินคาดว่าภาระกิจนี้อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหากแย่หน่อยก็อาจถึงเช้าแต่เขาไม่คิดว่าเทียนหลางจะทำภาระกิจที่สำคัญเสร็จภายในเวลาเพียงแค่ 20 นาที หลังจากตั้งสติได้แล้วไป๋ตงหลินก็ถามกับเทียนหลางว่า

 

[ นายได้ถามถึงที่ซ่อนของตราหยกกับฮาคาดิรึยัง ]

 

”เรียบร้อยแล้วครับ เขาบอกว่าเก็บไว้ที่ห้องจัดแสดงชั้นใต้ดินผมกะว่าจะไปลองดูหลังจากจัดการตรงนี้เสร็จแล้วนะครับ”

 

[ งั้นเรอะ ]

 

”ครับ… ว่าแต่จะจัดการกับฮาคาดิยังไงครับ จะพากลับไปด้วยหรือว่าฆ่าทิ้งซะตรงนี้เลย”

 

เมื่อได้ยินคำถามของเทียนหลางไป๋ตงหลินก็คิดอยู่สักพักก่อนจะตอบว่าให้พาฮาคาดิกลับไปด้วย จากนั้นไป๋ตงหลินก็เอ่ยถามถึงสถานะของหน่วยลับที่ 7 ที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้เทียนหลางจึงตอบกลับไปว่าพวกเขาถูกจับไว้ที่ห้องใต้ดินเช่นกัน และหลังจากคุยรายละเอียดกันอีกสักพักไป๋ตงหลินก็ตัดสายไปและบอกว่าจะรีบเข้ามาช่วยเหลือเทียนหลางให้ไวที่สุด

 

หลังจากตัดการสื่อสารกับคนในทีมแล้วเทียนหลางก็กลับมาพูดกับฮาคาดิต่อว่า

 

”นายนี่โชคดีจังนะที่หัวหน้าของฉันนั้นอยากจับนายส่งให้ตำรวจสากลแทนที่จะฆ่าทิ้งหน่ะ”
( ตำรวจโลกดูเชยเลยเปลี่ยนเป็นตำรวจสากลแทน )

 

ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแม้เขาจะถูกจับไปก็ยังมีโอกาสรอดมากกว่าที่จะปล่อยเขาไว้กับชายหนุ่มตรงหน้า ดังนั้นตัวของฮาคาดิจึงได้เห็นด้วยกับเทียนหลางว่าเขานั้นช่างโชคดีจริงๆ หลังจากได้รับการตัดสินใจจากหัวหน้าแล้วเทียนหลางก็ลุกขึ้นด้วยท่าทางขี้เกียจก่อนจะพูดออกไปว่า

 

”เอาหล่ะ ฉันจะต้องไปตามหาของๆ ในภาระกิจของฉันฉะนั้นนายช่วยอยู่นิ่งๆ ไปสักพักก่อนก็แล้วกันนะ”

 

ฮาคาดิได้ยินแบบนั้นก็ตกใจ

 

”นะ… นายจะทำอะไรกับฉัน”

 

”ไม่มีอะไรมากหรอกแค่สะกัดจุดนายไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ไปไหนได้สักพักเท่านั้น”

 

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ขยับมือไปที่ร่างกายของฮาคาดิและสะกัดจุดเขาอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของฮาคาดิถึงกับแข็งค้างไปทันที ขยับได้เพียงแค่ดวงตาของเขาเท่านั้น เมื่อเห็นว่าฮาคาดิไม่สามารถขยับไปไหนได้แล้วเทียนหลางก็เดินออกจากห้องไปและตรงไปที่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์

 

เทียนหลางเดินไปตามทางอย่างช้าๆ พร้อมกับฆ่าทหารยามตามทางไปด้วยจนในที่สุดเขาก็มาถึงหน้าห้องชั้นใต้ดินที่มีประตูเหล็กขนาดใหญ่ขวางทางอยู่ เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะสบัดมือเล็กน้อยประตูเหล็กขนาดใหญ่ก็ถูกฟันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

เมื่อประตูถูกเปิดออกเทียนหลางก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

 

”เอาหล่ะมาดูกันซิว่าห้องลับของพ่อค้าอาวุธจะเก็บอะไรเอาไว้บ้าง”

 

เทียนหลางเดินเข้าไปในห้องลับใต้ดินของฮาคาดิก็พบตู้โชว์วัตถุโบราณมากมายตั้งอยู่มีทั้งเครื่องปั้นดินเผา อาวุธหิน ดาบเหล็ก ปืนโบราณ เอกสารเก่าแก่มากมายและยังมีรูปวาดอีกด้วยเขาคิดสักพักก่อนจะทุบตู้ทิ้งและกวาดทุกอย่างเข้าแหวนมิติ

 

แม้เขาจะเดินเกือบจะทั่วทั้งห้องแล้วแต่เขายังไม่เห็นตราหยกเลยแม้แต่น้อยเทียนหลางจึงคิดว่าฮาคาดิจะต้องซ่อนมันไว้ที่อื่นอย่างแน่นอนเขาเลยกะจะกลับไปถามฮาคาดิ แต่ในขณะที่เขากำลังจะออกจากห้องสายตาของเขาก็พลันไปเห็นประตูเล็กๆ อยู่ตรงกำแพง

 

เทียนหลางเดินเข้าไปตรวจดูและไม่พบว่ามีกำดักเขาจึงเปิดเข้าไปด้านใน เมื่อเข้ามาเทียนหลางก็พบว่าด้านในห้องยังมีสมบัติล้ำค่าอยู่อีกจำนวนหนึ่งรวมถึงตราฟยกที่เขากำลังตามหาอยู่ด้วยเช่นกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เทียนหลางถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้เห็นมันก็คือปิ่นปักผมหยกขาวที่ตรงด้ามนั้นถูกสลักอย่างปราณีตเป็นรูปหงส์คู่กับดอกไม้

 

เทียนหลางเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะหยิบปิ่นปักผมดังกล่าวขึ้นมาดูพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขา

 

”ไม่คิดว่าข้าจะได้มามันที่นี้ ช่างเป็นความทรงจำที่น่าคิดถึงยิ่งนัก”

 

เมื่อเทียนหลางเห็นปิ่นหยกขาวในมือก็ทำให้เขาคิดถึงความทรงจำเก่าๆ ในครั้งอดีต

 

———————————————————————————————————

 

ณ สวนแห่งหนึ่ง

 

มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเฝ้ามองบางอย่างอยู่แต่ในขณะนั้นก็ได้มีเสียงใสๆ ของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา

 

”ท่านพ่อ ท่านพ่อ !!”

 

เมื่อชายหนุ่มหันมาก็พบกับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส เธอกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของชายหนุ่มพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมา ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดขึ้น

 

”ทำไมเจ้าถึงได้ซุกซนนักไป่เอ๋อ”

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้เป็นพ่อเด็กหญิงตัวน้อยก็หัวเราะคิกคักก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

 

”เพราะข้ายังเด็ก ข้าก็ต้องซุกซนเป็นธรรมดาอยู่แล้วนี่หน่า”

 

”แล้วที่เจ้าออกมาเล่นสนุกข้างนอกแบบนี้ เจ้าฝึกฝนไปถึงไหนแล้ว”

 

ได้ยินแบบนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็ถึงกับหันหน้าหนีพร้อมกับพูดเสียงเบา

 

”ข้าฝึกเสร็จแล้วนะท่านพ่อ”

 

”เจ้าแน่ใจงั้นเหรอ ?”

 

ผู้เป็นพ่อถามย้ำขณะอุ้มเธออยู่เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้แต่เบือนหน้าหนี เมื่อได้เห็นท่าทางของลูกสาวผู้เป็นพ่อก็ได้แต่หัวเราะออกมาก่อนจะวางเด็กหญิงตัวน้อยลงพร้อมกับพูดขึ้น

 

”เอาหล่ะ ในเมื่อเจ้าตั้งใจฝึกฝนเป็นอย่างเช่นนั้นพ่อจะให้ของขวัญแก่เจ้า”

 

เมื่อเด็กหญิงตัวน้อยได้ยินคำว่าของขวัญเธอก็หันมากระโดดโลดเต้นพร้อมกับเอ่ยถามอย่างมีความสุข

 

”ท่านพ่อจะให้อะไรข้างั้นเหรอ ? สัตว์อสูร คำภีร์ฝึกฝน หรือว่าเป็นศาสตราวุธ ?”

 

ผู้เป็นพ่อได้ยินคำกล่าวของลูกสาวเขาก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น

 

”เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะได้สิ่งของพวกนั้น ฉะนั้นพ่อจะให้สิ่งนี้แก่เจ้า”

 

เมื่อพูดจบเขาก็หยิบปิ่นปักผมที่ทำจากหยกขาวออกมาจากกระเป๋าและมอบมันให้กับเธอเมื่อเด็กหญิงตัวน้อยได้เห็นก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

 

”ท่านพ่อมันสวยจังเลย”

 

”เจ้าชอบมันรึเปล่า ?”

 

”แน่นอนอยู่แล้วสิ”

 

”ฮาฮ่า มานี่มาข้าจะใส่ให้เจ้าเอง”

 

ผู้เป็นพ่อบรรจงกลัดผมที่ยาวสลวยให้กับเด็กหญิงน้อยด้วยปิ่นหยกขาวในมือพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยน เมื่อเสร็จสิ้นเขาก็ได้นั่งลงพร้อมกับเอ่ยบางอย่างกับลูกสาวของเขา

 

”จำเอาไว้นะไป่เอ๋อในอนาคตเจ้าอาจจะต้องเจอกับเส้นทางที่ยากลำบาก แต่เจ้าอย่าได้กังวลพ่อจะอยู่กับเจ้าเสมอ และปิ่นหยกขาวนี้จะช่วยเหลือเจ้าเมื่อยามลำบากอย่างแน่นอน”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อเด็หญิงตัวน้อยก็ได้แต่ทำหน้างุนงงพร้อมกับเอ่ยถาม

 

”ท่านพ่อพูดถึงสิ่งใดกัน ?”

 

ผู้เป็นพ่อยิ้มก่อนจะกล่าว

 

”พ่อพูดถึงเรื่องในอนาคตหน่ะ อีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้เอง”

 

”ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ”

 

ในขณะที่สองคนพ่อลูกกำลังคุยกันอยู่นั้นก็ได้มีเสียงหนึ่งดังมาจากไกลๆ

 

”ได้เวลาอาหารแล้ว”

 

เมื่อทั้งคู่ได้ยินก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนผู้เป็นพ่อจะพูดขึ้น

 

”พวกเรากลับกันเถอะ”

 

”อื้ม”

 

เด็กหญิงตัวน้อยตอบรับพร้อมกับจับมือผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินกลับบ้านด้วยกันอย่างช้าๆ

The simple life of the emperor

The simple life of the emperor

Score 5.9
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง The simple life of the emperorจักรพรรดิสวรรค์เทียนหลางเบื่อหน่ายกับชีวิตของเขาบนสวรรค์จึงได้จุติลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ แต่เกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้เขาหลุดมาอยู่ในร่างของเทียนหลางเด็กหนุ่มเจ้าของร้านอาหารที่กำลังจะเจ๊ง !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset