หลี่หานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“ คุณเติ้ง มั่นใจได้เลยว่าผักของผมเป็นผักสีเขียวที่ไม่มีสารเคมีใด ๆ เจือปน”
เติ้งชุยพยักหน้าช้าๆ เธอเต็มใจที่จะเชื่อในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด
นอกจากนี้ ผู้ขายเช่นหลี่หานที่ปลูกและขายผักของตนเองจะไม่ใช้สารเคมีใด ๆ
อีกอย่าง มันจะมีสารเคมีหรือไม่ สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการชิม
กลัวว่ามันจะมีปัญหาเหรอ? ซื้อกลับไปชิมสิ?
หลังจากคิดได้ เติ้งชุยก็เลือกแตงกวาสองผลและมะเขือเทศสองสามลูก
ในที่สุด ธุรกิจก็เริ่มขึ้นสักที หลี่หานพอใจเล็กน้อย
เมื่อจ่ายเงินแล้ว เติ้งชุยก็ถามขึ้น “แล้วนายชื่อว่าอะไรเหรอ?”
หลี่หานกล่าว: “หลี่หาน“
หลี่หาน?
ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดีบนอินเทอร์เน็ตในช่วงเวลานี้ และเติ้งชุยก็รู้เกี่ยวกับมันดี
เธอมองไปยังหลี่หานอย่างสงสัยและพูดขึ้นว่า “หลี่หาน ผู้เขียน ‘จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต’ นั่นใช่คุณรึเปล่า?
หลี่หานยิ้มและพูดว่า “ใช่ ผมเอง จริงๆผมก็เป็นนักดนตรีอีกด้วย”
เติ้งชุยผงะแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “อัจฉริยะด้านดนตรีตั้งแผงขายผักอยู่ที่นี่หรอกเหรอเนี่ย”
เติ้งชุยไม่เชื่อคำพูดของหลี่หาน โดยคิดว่าหลี่หานกำลังล้อเธอเล่น
หลี่หานก็รู้ว่าเติ้งชุยไม่เชื่อเขา จึงไม่ได้อธิบายเพิ่ม “คุณคิดว่าได้ไหม?”
เติ้งชุยยิ้มและกล่าวว่า “ก็ได้อยู่”
เป็นชายที่ตลกดี
เติ้งชุยกล่าวในใจ
จากนั้น เธอก็หยิบถุงผักและเดินจากไป “หลี่หาน ฉันไปแล้วนะ”
“ ครูเติ้ง เดินทางดีๆนะครับ” หลี่หานกล่าว
เติ้งชุยพยักหน้า
หลังจากเติ้งชุยจากไป หลี่หานก็ยืนรอลูกค้ารายที่สอง
ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดีเกินไป ผักของหลี่หานในวันนี้จึงไม่ได้ขายเร็วเหมือนกับสองสามวันก่อนหน้านี้
ตอน 10 โมงเช้าก็ขายหมดไปแล้วเกือบครึ่ง
สองสามวันก่อนในเวลานี้แทบจะขายหมดแล้ว
หลี่หานทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่กังวลนัก เขาเชื่อว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
รอคนที่ซื้อไปชิมแล้วจะต้องกลับมาซื้ออีกแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่คนรอบข้างจะเข้ามาเลือกซื้อ
เมื่อถึงเวลาที่ผู้คนหลั่งไหลเข้ามา ธุรกิจแผงขายผักของเราก็จะกลายเป็นที่นิยมอย่างช้าๆ
หลี่หานมั่นใจมาก
ขายช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร นอกเหนือจากการทำอะไรไม่ถูกแล้ว เขาก็ยังไม่รีบร้อน
เมื่อกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลี่หานก็พบว่ามีเต่าอยู่หน้าแผงขายผักของเขา
ใช่ เต่ากำลังค่อยๆคลานผ่านแผงขายผักของเขา
มันดูไร้เดียงสาอย่างมาก
เมื่อกี้ไม่เห็นมีอะไรเลย แล้วทำไมจู่ๆถึงมีเต่าคลานออกมากัน?
คลานออกมาจากไหนเนี่ย?
หลี่หานอธิบายไม่ถูกเล็กน้อยและถามคุณลุงที่อยู่ข้างๆเขา: “คุณลุง ทำไมถึงมีเต่าอยู่ตรงนี้หนึ่งตัวล่ะ ลุงเห็นไหมว่ามันมาจากไหนน่ะ?”
“เต่า? มันอยู่ไหน?” ลุงถาม
เขายังไม่สังเกตเห็นเต่าสักตัวเลย
หลี่หานชี้ไปตรงจุดหนึ่ง
คุณลุงร้อง “เอ๊ะ” ออกมาแล้วพูดว่า “เป็นเต่าจริงๆ” ใครทำตกไว้เนี่ย? ”
หลี่หานพยักหน้า เป็นไปได้ที่จะมีคนทำมันหล่นไว้
ใครทำหล่นไว้กัน?
หลี่หานมองไปรอบๆแล้วตะโกนขึ้น: “เต่าใครตก มาดูเร็ว!”
เสียงของหลี่หานนั้นดังมากจนทุกคนหันมามองเขา
ไม่นานก็เห็นเต่าที่อยู่หน้าแผงขายผักของหลี่หาน
“มันเป็นเต่าจริงๆ ใครทำหล่นไว้น่ะ?” มีคนกล่าวขึ้น
ชายวัยกลางคนที่อยู่ห่างจากฝูงชนได้ยินเสียงตะโกนของหลี่หานและมองลงไปที่ถุงตาข่ายของเขาโดยไม่รู้ตัว
วันนี้เขาซื้อเต่าจากชาวประมงมา และวางแผนที่จะนำมันกลับไปเลี้ยง ใส่เต่าไว้ในถุงตาข่ายและถือไว้ในมือ
เขาพลันเห็นว่าถุงตาข่ายนั้นว่างเปล่าและมีรูแตกอยู่ข้างใต้ เต่าหายไปไหนกัน?
เป็นเพราะเขาถือของที่หนักกว่าในมือ เขาจึงไม่ได้สังเกตว่าเต่าในถุงตาข่ายหายไป
เมื่อกี้มีคนตะโกนหาคนที่ทำเต่าหล่นไวงั้นเหรอ?
ต้องเป็นของฉันแน่ๆ
ชายคนนั้นหันศีรษะและเดินกลับไปอย่างรวดเร็วพลางพูดเสียงดัง: “ของฉัน เต่านั่นของฉันเอง”
อาจเป็นเพราะเขารีบที่จะไปเก็บเต่ากลับมา ชายคนนั้นบังเอิญชนชายอีกคนที่อยู่ข้างๆเขา
ชายคนดังกล่าวรีบกล่าวขอโทษ
ชายคนนั้นไม่ได้สนใจคำขอโทษของชายคนนั้น แต่พูดอย่างกังวลว่า “เฮ้เฮ้ กระต่าย กระต่ายหนีไปแล้ว!”
ปรากฏว่าตรงนั้นคือแผงขายกระต่าย ชายที่อยู่ข้างๆเขากำลังวางแผนที่จะซื้อกระต่าย เขาจึงมองไปที่กรงกระต่ายตัวหนึ่ง เปิดกรงกระต่ายแล้วหยิบมันออกมา
กระต่ายที่เขาหมายตาเอาไว้ เขาวางแผนที่จะถือมันไว้ในมืออย่างระมัดระวัง
ในตอนนั้นเอง เขาได้ยินเสียงตะโกนของหลี่หาน และด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกับผู้คนรอบ ๆ ตัวเขาหันหน้าไปมองหลี่หานโดยที่ยังถือกระต่ายไว้ในมือ
เมื่อถูกคนชน มือของเขาคลายออกโดยไม่รู้ตัวและกระต่ายในมือของเขาก็หล่นลงพื้น
จากนั้น … มันก็วิ่งหนีไป
“นายชนฉันจนกระต่ายหลุดไปแล้วเนี่ย ถ้าจับไม่ได้นายต้องจ่ายเงินให้ฉัน!”
พอพูดจบ เขาก็รีบวิ่งไล่จับกระต่าย
“ ฉั… ฉัน… โอ๊ย อะไรเนี่ย” ชายคนนั้นอยากจะพูดว่าทำไมเขาถึงต้องจ่าย แต่ก็คิดออกว่าตนเหมือนจะเป็นฝ่ายผิด
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
หลังจากนั้น เขาก็วิ่งไล่จับกระต่ายพร้อมกับชายคนดังกล่าว กระต่ายตัวใหญ่ขนาดนี้มีมูลค่าหลายสิบหยวนเชียว
หากไม่สามารถจับมันกลับคืนมาได้ คงเสียเงินเปล่าแล้วล่ะ
หลังจากนั้นเพียงสองก้าว ชายคนนั้นก็นึกถึงเต่าของเขาอีกครั้งและพูดว่า “เต่าของฉันอยู่ที่ไหน”
ฉากนี้ทุกคนรอบตัวพบว่ามันน่าสนใจมาก
มีคนนึงหัวเราะและพูดว่า “ไล่ตามกระต่ายไปก่อน อย่าพึ่งไปสนใจเต่าเลย ยังไงเต่าก็คลานช้าอยู่แลว ดังนั้นมันหนีไปได้ไม่ไกลหรอก”
เป็นความจริง
คนรอบข้างพบว่ามันตลกพอสมควรและไปช่วยกันจับกระต่าย
“ยังไงซะ ถ้าใครเห็นเต่าของฉันก็ช่วยจับมันด้วยนะ!” ชายคนนั้นยังคงกังวลเล็กน้อยที่เต่าของเขานั้นหายไป
เต่า? กระต่าย?
หลี่หานอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อเห็นฉากที่น่าสนใจนี้ ซึ่งมันทำให้เขานึกถึงนิทานคลาสสิกในชีวิตก่อนหน้าขึ้นมา
หลังจากได้ยินคำพูดของชายคนดังกล่าว เขาก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะเข้าไปช่วยจับเต่า
ในตอนนั้น เขาสังเกตเห็นว่ากระต่ายตัวนั้นกระโดดมาทางนี้เช่นกัน
สัตว์สองตัวกำลังวิ่งไปทางเดียวกัน
น่าสนใจชะมัด
มันน่าสนใจมากจนหลี่หานไม่ต้องการจับเต่าอีกต่อไป
“กระต่ายอยู่นี่ ทุกคนช่วยกันล้อมมันเร็ว หือ เต่าก็อยู่ที่นี่ด้วย ฮ่า ๆ! สองตัวนี้วิ่งไปทางเดียวกันอยู่” มีคนตะโกนขึ้น
……