Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 187 เขียนงานวิจัย

“ใช่ขอรับ ข้ามีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับเวทมนตร์พิเศษที่ข้าพัฒนาขึ้นเอง” ลูเซียนยิ้มและพยักหน้าอย่างสบายๆ “ข้าจึงอยากเอามาเขียนงานวิจัยน่ะขอรับ”

“เจ้ารู้จักอาร์คานางั้นหรือ?” อีริคถามตรงๆ เพราะเขาไม่อาจเชื่อว่าชายหนุ่มผู้ซึ่งเพิ่งเริ่มเรียนอาร์คานาจะมีงานวิจัย ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีพรสวรรค์เพียงใด

ลูเซียนเข้าใจดีว่าทำไมอีริคถึงประหลาดใจเช่นนี้ เนื่องจากในโลกเดิมของเขานั้นไม่มีใครสรุปผลการวิจัยชิ้นสำคัญหลังจากศึกษาวิชานั้นๆ ไปได้แค่เดือนกว่า ลูเซียนจึงอธิบายอย่างนอบน้อม “ข้าไม่อาจถือว่าสิ่งที่ข้าคิดเป็นส่วนหนึ่งของอาร์คานา อันที่จริง ข้าแค่รู้สึกว่ากลไกที่ข้านำไปใช้พัฒนาเวทนี้น่าสนใจ แน่นอนว่า ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วหรือไม่”

ถึงแม้ลูเซียนจะรู้ว่าเขาจำเป็นต้องแสดงพลังและพรสวรรค์สักวันหนึ่งเพื่อให้ได้รับโอกาสมากขึ้นกับกลุ่มหรือองค์กร ในฐานะคนมาใหม่ซึ่งรู้เรื่องสภาน้อยนิด ลูเซียนต้องถ่อมตัวและรอบคอบไว้ก่อน

เมื่อเขาแสดงระดับความรู้เกี่ยวกับที่มีอยู่และความก้าวหน้าของงานวิจัยสาขาต่างๆ ลูเซียนก็ยังต้องการทดลองทางเวทมนตร์ด้วยตนเองเพื่อตรวจสอบว่าความรู้ที่ติดตัวมาจากโลกเดิมให้ผลแบบเดียวกับในโลกนี้ แต่หลังจากนั้น ก็เป็นเวลาที่ลูเซียนจะได้แสดงความสามารถที่แท้จริงของเขา

นอกจากนี้ แน่นอนว่าผลการวิจัยที่ลูเซียนกำลังจะตีพิมพ์ในวันข้างหน้านั้นจะต้องเป็นไปตามระบบวิทยาศาสตร์ มิฉะนั้นพวกนักเวทมากประสบการณ์อาจจะคิดว่าลูเซียนไม่ได้เป็นแค่อัจฉริยะ แต่จริงๆ แล้วคือตัวประหลาดและมนุษย์ต่างดาว! แล้วภัยใหญ่หลวงจะมาถึงตัวลูเซียนแน่นอน ก่อนที่เขาจะมีพลังมากพอไว้ปกป้องตัวเองเสียอีก

เมื่อได้ฟังลูเซียนอธิบาย สีหน้าของอีริคก็ผ่อนคลายเล็กน้อย “อย่างนั้นเอง… แต่สิ่งที่ข้าอยากเตือนเจ้าไว้ก็คือ ถ้าผลการวิจัยของเจ้ามีพื้นฐานจากความเชื่อเวทมนตร์โบราณ ผลจากคณะกรรมการอาจทำให้เจ้าผิดหวังเพราะความเชื่อโบราณเหล่านี้ได้ถูกอาร์คานาล้มล้างแล้ว”

“ลองดูก็ไม่เสียหายใช่ไหมล่ะขอรับ?” ลูเซียนยิ้ม

“คงงั้น…” อีริคตอบด้วยความสงสัยยิ่งนัก “แล้วเจ้าอยากเสนองานวิจัยเมื่อไหร่ล่ะ?”

“วันนี้เลยก็ได้ขอรับ” ลูเซียนตอบจริงจัง

“อะไรนะ? เจ้ารู้ไหมว่าเราเลิกงานกันหกโมง? ตอนนี้เหลือเวลาแค่แปดสิบนาทีเท่านั้น” อีริครู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง

“ไม่มีปัญหาขอรับ ท่านอีริค” ลูเซียนมั่นใจมาก “ข้าได้เขียนร่างตามรูปแบบของอาร์คานาแล้ว แปดสิบนาทีน่ะพอขอรับ อ้อ ท่านอีริค ข้าขอถามอีกครั้งว่าข้าส่งงานวิจัยไปให้วารสารเองได้ไหม?”

เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของลูเซียน อีริคก็ยื่นม้วนกระดาษหนังให้เขาแล้วตอบว่า “ได้สิ เมื่อคณะกรรมการตรวจงานวิจัยผ่านแล้ว ผู้เขียนก็ต้องส่งให้วารสารเอง เจ้าต้องเลือกวารสารให้ดีนะ เพราะสภาไม่อนุญาตให้ส่งงานชิ้นเดียวกันไปยังวารสารหลายฉบับ ยิ่งทรงอิทธิพลมากเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น ยังไงก็ตาม เรามาคุยเรื่องนี้กันหลังงานวิจัยผ่านแล้วก็ได้” อีริคจบบทสนทนา “เจ้าเข้าไปในห้องนั้นเลย ข้ามีงานต้องสะสางอีก”

…..

ในห้องประชุมสีฟ้าซึ่งมีวงเวทสองสามวงอยู่รอบ ลูเซียนกำลังง่วนกับการสร้างงานวิจัยชิ้นแรกในโลกนี้

“การใช้คลื่นเสียงในการตรวจจับเวทมนตร์: การทดลองโดยศึกษาการบินของค้างคาว

“ค้างคาว การได้ยิน อวัยวะ คลื่นเสียง การตรวจจับ”

“ตามที่ท่านดักลาสเคยเสนอว่า ในโลกนี้มีปรากฏการณ์หลายอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาที่เราไม่ได้สนใจอะไร แต่อันที่จริงแล้ว มีความลับยิ่งใหญ่มากมายซุกซ่อนอยู่หลังปรากฏการณ์เหล่านั้น”

“ทุกคนรู้ว่าค้างคาวสามารถบินและล่าเหยื่อได้อย่างว่องไวในความมืด แต่มีไม่กี่คนที่พยายามค้นหาว่าทำไมพวกมันจึงสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางยามกลางคืนได้ขณะบินอยู่”

ลูเซียนคุ้นเคยกับรูปแบบนี้ดี ตรงและชัดเจนนั่นคือสิ่งที่ลูเซียนอยากจะทำให้สำเร็จ

เหตุผลที่ลูเซียนตัดสินใจเสนองานวิจัยที่พัฒนาจากเวทระดับฝึกหัด ซึ่งก็คือ ‘เวทค้างคาวกรีดร้อง’ นั้น ก็เพราะทฤษฎีที่เป็นพื้นฐานของเวทนี้ไม่ต้องอาศัยความรู้อาร์คานาในปัจจุบัน และสามารถใช้แบบแผนของระบบเวทมนตร์โบราณ ซึ่งศึกษาโครงสร้างและพลังของสัตว์เวทหลายชนิดเพื่อสร้างเวทมนตร์ขึ้นมา แต่งานวิจัยของลูเซียนมีสิ่งที่ต่างออกไปเพียงสิ่งเดียว นั่นคือ เขาศึกษาสัตว์ธรรมดาๆ

เมื่อเทียบกับการยื่นเสนอเวทมนตร์ ประโยชน์จากการเสนองานวิจัยนั้นมีมากกว่าแน่นอน

ถึงแม้ว่าลูเซียนจะไม่ได้ทำการทดลองนี้จริงๆ แต่จากความรู้ของเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสมมติระเบียบวิธีวิจัยและสถิติขึ้นมา

ในงานวิจัย ลูเซียนได้สร้างกลุ่มทดลองที่ต้องควบคุมตัวแปรหลายกลุ่มเพื่อหาคำตอบว่าค้างคาว “มองเห็น” ในที่มืดได้อย่างไร

หลังจากตัดคำตอบที่เป็นไปได้ออก ได้แก่ ตา ปีก และขนของค้างคาว จากการทดลองดังกล่าว ลูเซียนก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย

ในกลุ่มทดลองแบบควบคุมตัวแปรกลุ่มสุดท้ายนี้ ลูเซียนได้ทดลองโดยรบกวนหูและอวัยวะต่างๆ ในจมูกของและปากของค้างคาวที่เขาศึกษา จากการทดลองครั้งนี้ เขากล่าวว่าค้างคาวบินในที่มืดได้ไม่คล่องอีกต่อไป

ดังนั้น ลูเซียนจึงสรุปในตอนท้ายว่าค้างคาวใช้หูรับคลื่นเสียงซึ่งสร้างขึ้นจากอวัยวะในจมูกและปากเพื่อตรวจจับวัตถุเมื่อออกบินในเวลากลางคืน พวกมันไม่ได้ใช้ตาสำหรับมอง

จากการทดลองนี้ ลูเซียนรายงานวิธีที่เขาต่อยอด ‘เวทแกว่งกวัดของโฮมาน’ แล้วสร้างเวทระดับฝึกหัดขึ้นใหม่ คือ ‘เวทค้างคาวกรีดร้อง’ นั่นเอง

ในตอนท้าย ลูเซียนอธิบายว่าเนื่องจากโครงสร้างอวัยวะของค้างคาวมีความซับซ้อน เขาจึงต้องใช้เยื่อสมองของค้างคาวจริงๆ มาเป็นวัตถุสำหรับร่ายเวทมนตร์

หลังจากตรวจทานงานวิจัยอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง ลูเซียนก็วิเคราะห์เวทมนตร์ระดับฝึกหัด คือ ‘เวทค้างคาวกรีดร้อง’ บนกระดาษหนังอีกแผ่นและอธิบายวิธีการใช้เวท โดยเวทมนตร์นี้เป็นเวทใหม่ที่เขาจะเสนอต่อสภา

เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่าง ลูเซียนก็ลุกขึ้น เขาเหลือบมองนาฬิกาและพบว่ากระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขามั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่มีคนทำวิจัยมาก่อนเพราะตอนที่สอนอาร์คานาพื้นฐานให้แอนนิค ไฮดี้ และเลย์เรีย เขาก็ไม่เคยเจอเรื่องแบบเดียวกันนี้เลย

เมื่อเปิดประตูห้องประชุม ลูเซียนก็เห็นลาร์ซาเดินไปเดินมาอยู่ที่โถงทางเดิน

ได้ยินเสียงประตูเปิด ลาร์ซาก็หันหลังขวับแล้วถามว่า “ท่านอีริคบอกว่าเจ้าเขียนงานวิจัยอยู่ไม่ใช่หรือ?!”

“ใช่ แต่ไม่มีอะไรมาก ข้าแค่บอกวิธีที่ข้าพัฒนาเวทมนตร์ขึ้นมา” ลูเซียนบอกลาร์ซาอย่างสบายๆ “เมื่อเจ้าพัฒนา ‘เวทฝ่ามือเผาผลาญ’ เจ้าก็จะเขียนงานวิจัยด้วยใช่ไหม?”

“ใช่…” ลาร์ซาตอบลอยๆ “แต่งานวิจัยแบบนี้ แบบเอาสิ่งที่คนอื่นคิดมาพัฒนา มักจะไม่ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการนะ ส่วนใหญ่ก็จะได้แค่คะแนนจากเวทมนตร์ใหม่ที่เสนอไปเท่านั้น”

“ข้ารู้ ข้าก็แค่ลองดูน่ะ” ลูเซียนยิ้มพลางยักไหล่

“อืม…” ลาร์ซาพยักหน้า “แต่เดี๋ยวก่อน… เจ้าเพิ่งเริ่มศึกษาอาร์คานานี่ เจ้าพัฒนาเวทมนตร์ได้แล้วหรือ? เป็นไปได้ยังไง?”

“เอาน่า… นักเวทโบราณเองก็ต้องพัฒนาเวทมนตร์ด้วยเหมือนกัน” ลูเซียนตอบ

ลาร์ซาทำเสียง “ฮืม” ยาว และพยักหน้าจริงจัง “งั้น อีวานส์ ข้าขอบอกว่าอย่าไปคาดหวังมากว่าจะได้คะแนนจากงานวิจัยนี้”

ลูเซียนพูดพลางเคาะประตูห้องทำงานของอีริค ลูเซียนกับลาร์ซาเดินเข้าไปในห้องด้วยกันแล้วส่งงานวิจัยให้อีริค

อีริคมองกระดาษหนังแผ่นยาวในมือแล้วพยักหน้า “เจ้าเตรียมตัวมาดีจริงๆ อีวานส์ ว่าแต่ ข้าขอถามได้ไหมว่าเวทมนตร์นี้อยู่ในสำนักไหนกัน?”

“คลื่นเสียงขอรับ” ลูเซียนตอบสั้นและชัดเจน

อีริคม้วนกระดาษหนังทั้งสองแผ่นแบ่งเป็นสองเอกสาร จากนั้นหยิบปากกาขนนกมาเขียนว่า ‘คลื่นเสียง’ บนด้านหนึ่งของม้วนกระดาษ

หลังจากนำม้วนกระดาษทั้งสองม้วนใส่ในกรง อีริคก็ลั่นระฆังอีกครั้ง

บังเกิดแสงสีขาวอาบกรงนั้น และเมื่อแสงจางหาย ม้วนกระดาษทั้งสองก็อันตรธานไป

“อีกประมาณสามสิบนาที เราจะรู้ผล” อีริคนั่งลงตามเดิม “แต่ข้าอยากบอกว่าเจ้าอย่าหวังมากไปนะ อีวานส์”

….

ณ สำนักงานอันกว้างขวางแห่งหนึ่ง บนชั้นสิบห้าของหอคอย

ระฆังหลายใบส่งเสียงอยู่ในสำนักงานนี้ เมื่อวงเวทที่ซับซ้อนปรากฏขึ้น จู่ๆ ม้วนกระดาษหลายม้วนก็ปรากฏออกมา

ในสำนักงานนี้ไม่มีคนอยู่เลย มีแต่แขนคู่หนึ่งในอากาศกำลังหยิบม้วนกระดาษเหล่านั้น

“เวทธาตุ ส่งให้ท่านราเวนติ ท่านแกสตัน”

“ศาสตร์มืด ส่งให้…”

แขนคู่นั้นเอาเอกสารใส่กลับคืนไปในวงเวทตามเรื่องต่างๆ พลางพูดด้วยเสียงหุ่นกล

ตามกฎสภาเวทมนตร์ สมาชิกของสภาสูงสุดไม่สามารถเข้าร่วมเป็น ‘คณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานา’ แต่ตอบรับคำเชิญเป็นที่ปรึกษาพิเศษหากงานวิจัยอยู่เหนือความรู้ของคณะกรรมการได้

สำหรับงานวิจัยทั่วไป โดยปกติจะมีกรรมการสองคนตรวจสอบและตัดสินแยกกัน และจะเขียนคะแนนเฉลี่ยลงไป ถ้ามีข้อขัดแย้ง ก็จะมีกรรมการคนที่สาม แต่ถ้าปัญหายังไม่จบ ก็จะมีการจัดประชุมเล็กๆ ขึ้น

“‘เวทคลื่นเสียง’… ส่งไปที่ ‘สำนักงานแลกเปลี่ยนเวทมนตร์’ ก่อนเพื่อให้แน่ใจว่านี่คือเวทมนตร์ใหม่จริงๆ  แล้วค่อยส่งไปให้ท่านการ์ฟีลด์กับท่านเจฟฟรีย์”

“งานวิจัยจากเวทมนตร์อย่างเดียวกัน… งั้นส่งไปให้ท่านการ์ฟีลด์กับท่านเจฟฟรีย์เลยละกัน”

แล้วก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นในสำนักงานนั้น

……………………………………………

Throne of Magical Arcana

Throne of Magical Arcana

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’ ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset