Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 192 ภารกิจ

“อื้มม… ฟังดูลึกลับและเหมือนพวกชั่วช้าดีนะ ฮ่าๆ” เพราะทั้งสองสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ลาซาร์จึงกล้าหยอกล้อเล่น

ลูเซียนตอบพร้อมกับแสร้งยิ้มเจ้าเลห์ “สักวันหนึ่ง เมื่อข้าลงมือทำอะไรยิ่งใหญ่ชวนให้โลกเวทมนตร์ตกตะลึง ข้าจะทิ้งตัวอักษร เอ็กซ์ อาบเลือดไว้ ณ ที่แห่งนั้น”

“เยี่ยมไปเลย!” ลาซาร์ชูกำปั้นขึ้นเล็กน้อย “นั่นทำให้ข้านึกถึงศาสตราจารย์ผู้ลึกลับที่ทิ้งข้อความเลือดไว้หลังจากสังหารผู้ทรยศ”

ใบหน้าลูเซียนพลันนิ่งขึงเพราะความประหม่า ก่อนที่เขาจะรีบเปลี่ยนไปคุยเรื่องร้านดังในเมืองอัลลิน

การไปยังฝ่ายจัดการนักเวทครั้งนี้ ลูเซียนสามารถเปิดการใช้งานเหรียญตราอาร์คานาได้สำเร็จ บนเหรียญตราสีดำจึงมีจุดสีเงินเปล่งประกายเจ็ดจุดประดับอยู่ ให้ความรู้สึกลึกลับมากทีเดียว

ตอนนี้เหรียญตราของเขายังไม่มีผลทางเวทมนตร์ใดๆ แต่ลูเซียนได้ทราบมาว่า เมื่อเขาได้เป็นจอมเวทระดับกลางแล้ว เหรียญตราอาร์คานาก็จะมีคาถาบรรจุไว้หนึ่งบท และจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งบทเมื่อเขาเลื่อนขึ้นเป็นระดับสูง เหรียญตราเวทมนตร์ของเขาก็จะเลื่อนระดับขั้นขึ้นแบบนี้เช่นกัน

“ตกลงว่าเพิ่มตัว ‘เอ็กซ์’ หลังชื่อเจ้าใช่หรือไม่” อีริคถาม ขณะมองลูเซียนติดเหรียญตราเหนืออกซ้าย

ลูเซียนพยักหน้าอย่างจริงจัง “ขอรับ ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่ขอรับ ท่านอีริค”

“ไม่มีอะไรหรือก เพียงอยากจะเตือนให้เจ้าลงหลักปักฐานในอัลลินนี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นก็ทิ้งที่อยู่กับข้อมูลติดต่อกลับไว้กับข้า แล้วก็ ตอนที่เจ้าตอบกลับ ‘อาร์คานาสามัญ’ ควรจะใส่ที่อยู่และข้อมูลติดต่อกลับเช่นกันเพื่อที่พวกเขาจะได้ติดต่อกับเจ้าเพิ่มเติม” อีริคอธิบาย จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับใครสักคนที่มาเคาะประตูห้อง “เชิญเข้ามาได้”

เมื่อเห็นว่าอีริคค่อนข้างยุ่ง ลูเซียนกับลาซาร์จึงรีบค้อมตัวทำความเคารพแล้วออกไปจากห้องทำงานของเขา

“ท่านอีริคดูมีงานที่ต้องทำเยอะมากเลยนะ…” ลูเซียนหันกลับไปมองห้องทำงานของอีริคขณะพูด

ลาซาร์โพล่งหัวเราะราวกับว่าเพิ่งจะได้ยินเรื่องขำขัน “แน่นอนว่าเขาต้องมีงานให้ทำมากมาย อย่างไรเสียเขาก็ทำงานที่นี่เพียงสิบสี่ชั่วโมง สองวันต่อสัปดาห์เท่านั้น”

“แค่สองวันเองหรือ แล้ววันที่เหลือเล่า” ลูเซียนถามด้วยความประหลาดใจ

“เขาสามารถเรียนเวทมนตร์ ทำการทดลอง หรืออะไรก็ได้ที่เขาต้องการ” ลาซาร์ยักไหล่ “และงานหัวหน้าฝ่ายนี้ยังสามารถมอบสามสิบธาเลหรือคะแนนอาร์คานาให้เขาในแต่ละเดือนได้อีกด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงมีคนระดับหัวหน้าฝ่ายบริหารจัดการนักเวทถึงสิบคน แต่มีเพียงนักเวทระดับกลางเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้รับงานนี้”

แน่นอนว่าลูเซียนอยากได้งานนี้อย่างยิ่ง “มันเป็นงานอันสมบูรณ์แบบที่มีรายได้ดีในปริมาณงานไม่มาก”

“ถ้างานไม่ใช่แบบนี้ คงไม่มีนักเวทระดับกลางคนไหนยินดีมาทำงานซ้ำซากมากปัญหานี้แน่ อย่างไรเสีย เป้าหมายหลักของนักเวททุกคนก็คือการเรียนเวทมนตร์และอาร์คานาศาสตร์เพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้ตนเอง แทนที่จะต้องมารับมือกับเอกสารในองค์กรเหล่านี้ มีเพียงผู้ที่ไม่ต้องการมีความก้าวหน้าแล้วที่จะมีความสุขกับความมั่งคั่งนี้” ด้วยยังอยู่ในวัยหนุ่ม ลาซาร์จึงค่อนข้างทะเยอทะยาน ดังนั้นเขาจึงดูถูกนักเวทประเภทที่พอใจกับเรื่องพรรค์นี้

แต่แล้วลาซาร์ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น “ตอนนี้เจ้ามีแผนอย่างไรบ้าง ลูเซียน เรียนอาร์คานาศาสตร์หรือรับภารกิจเพื่อหาเงินกันล่ะ”

“ข้าอยากจะใช้เวลาศึกษาอาร์คานาศาสตร์และทำการทดลองมากกว่า” ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ลูเซียนเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวภัยร้าย

“เช่นนั้นข้าขอแนะนำให้เจ้าเลือกไปทำงานที่สำนักเวทมนตร์นะ” ลาซาร์ผงกศีรษะ

“ทำไมรึ” ลูเซียนถาม เพราะเขาวางแผนไว้ว่าจะไม่ทำงานอะไรแต่จะจดจ่อกับการศึกษาก่อนที่เขาจะเลื่อนขั้นขึ้นเป็นนักเวทระดับสอง

“ก็…ในเมื่องานสอนของเจ้าเสร็จสิ้นลงแค่ครึ่งเดียว” ลาซาร์ยิ้มกริ่ม พลางเอนหลังผิงผนังด้วยท่าทางสบายๆ “หลังจากนี้เจ้าจำเป็นจะต้องเลือกทำภารกิจอย่างหนึ่งจากสองอย่าง หนึ่งคือเจ้าสามารถสอนนักเวทฝึกหัดสองคนเพื่อช่วยเหลือพวกเขาให้กลายเป็นนักเวทฝึกหัดระดับสูง และอีกหนึ่งภารกิจคือไปทำงานที่สำนักเวทมนตร์ ความแตกต่างก็คือเจ้าจะไม่ได้รับเงินเลยในงานแรก แต่งานที่สองจะทำให้เจ้ามีเงินเดือน อีกอย่าง ตราบใดที่ลูกศิษย์หกคนในห้องเรียนของเจ้าเลื่อนขึ้นเป็นนักเวทฝึกหัดระดับสูงได้ งานของเจ้าก็จะจบลง”

“อ้อ…” ลูเซียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีทางเลือกจริงๆ”

“ใช่ เจ้าไม่มีทางเลือก” ลาซาร์ยกแขนขึ้นกอดอก “และตอนนี้เจ้ามีเพียงหกสิบธาเลกับเก้าสิบคะแนนอาร์คานา ถูกไหม”

“ใช่ ถูกต้อง” ลูเซียนตอบตามความจริง

“แม้ว่านั่นจะเป็นจำนวนเงินมหาศาลสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับนักเวทอย่างเรา” ลาซาร์ขยับนิ้วชี้ไปมาตรงหน้าลูเซียน “มันไม่มีค่าอะไรเลย การเป็นนักเวทแทบจะหมายถึงการผลาญเงิน”

“ข้ารู้ว่าวัตถุดิบอุปกรณ์หลายๆ อย่างแพงมาก” ลูเซียนเห็นด้วย

“ใช่ และมันก็ยังมีอะไรมากกว่านั้นอีกมาก เจ้ารู้อะไรไหม ในอัลลินนี้ เจ้าจะต้องใช้เงินในการยืมหนังสือจากห้องสมุด เช่าห้องนั่งฌานสมาธิเข้าฌาน เพื่อทำการทดลอง และเพื่อการวิเคราะห์คาถา เจ้าต้องใช้เงินกับทุกๆ อย่าง และเมื่อใดที่เจ้าเลื่อนขั้นขึ้นระดับสูง เจ้าก็จะต้องใช้จ่ายมากกว่านี้นัก อย่างเช่น การอัญเชิญครั้งหนึ่ง เจ้าอาจต้องจ่ายมากถึงหกสิบธาเล”

“ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า ‘หากไร้เงิน คนผู้นั้นจะไม่มีทางเป็นนักเวทผู้ยิ่งใหญ่ได้’” ลูเซียนแตะหน้าผากขณะกล่าว “โชคดีที่เรายังหาเงินได้”

“ถูกต้อง เอาล่ะ นอกเหนือจากการรับภารกิจแล้ว เรายังสามารถออกไปผจญภัยหรือสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์เพื่อหาเงินได้ ทางสภาจะสนับสนุนเราสองทาง ทางหนึ่งคือการได้รับคะแนนอาร์คานา ซึ่งเจ้าได้รู้แล้ว ยิ่งเจ้ามีระดับสูงขึ้น เจ้าก็จะยิ่งซื้อหรือเช่าอะไรหลายๆ ได้ถูกลง” จากนั้นลาซาร์ก็ทำสีหน้าชื่นชม “ทางที่สองคือจอมเวทหรือนักเวทหลายๆ คนสามารถร่วมกันเสนอหัวข้อวิจัยให้กับสภา หากว่าแนวคิดผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการงานวิจัยเวทมนตร์ พวกเขาอาจได้รับคะแนนอาร์คานามากมาย แต่ว่า โครงการวิจัยเหล่านั้นมักจะมีจอมเวทระดับสูงเป็นผู้นำกลุ่ม”

มุมปากลูเซียนบิดเบ้เล็กน้อยขณะที่คิดกับตัวเองในใจ ‘นี่เรามีทุนการวิจัยที่นี่ด้วยหรือ’

ลาซาร์พูดต่อ “สรุปก็คือ สำหรับนักเวทระดับต่ำอย่างเรา หากเจ้าไม่อยากจะเสี่ยงเกินไป เจ้าอาจจะอยากหาที่ปรึกษาดีๆ สักคนหรือหางานดีๆ ทำ และจากงานทั้งหมด การทำงานให้กับสำนักเวทมนตร์คือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วล่ะ”

“เงินเดือนเป็นอย่างไรงั้นหรือ” ลูเซียนนึกสงสัยว่าทำไมลาซาร์ถึงยกย่องงานนี้เหลือเกิน

“เจ้าสามารถทำงานเพียงยี่สิบชั่วโมงต่อสัปดาห์ในฐานะอาจารย์ประจำสำนักเวทมนตร์ และนั่นเท่านั้นต้องสอนสิบชั้นเรียน แม้ว่าเงินเดือนจะได้มาแค่สิบคะแนนต่อเดือน แต่เจ้าสามารถจัดสรรเวลาที่เหลือได้ตามสบาย นอกเหนือจากนี้แล้ว เจ้ายังใช้ห้องทดลองกับห้องสมุดของสำนักได้โดยไม่ต้องเสียเงินเลย และเจ้าก็ยังได้รับวัตถุดิบทำการทดลองมาฟรีๆ ด้วย”

“ว้าว…” ความจริงแล้วลูเซียนเป็นพวกเห็นแก่เงินพอสมควร พอได้ยินคำพูดของลาซาร์ ลูเซียนจึงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ และสิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นมาที่สุดก็คือการใช้ห้องทดลองกับห้องสมุดของสำนักได้โดยไม่ต้องเสียเงินนี่แหละ

“แต่เอาตามความจริง…จะมีใครเก็บตำแหน่งงานดีๆ นี้ไว้ให้ข้ากันเล่า…” ลูเซียนรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย

“ไม่เอาน่า สหายข้า” ลาซาร์ตบบ่าลูเซียน “เจ้าไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียงเสียหน่อย เจ้าเพิ่งจะได้รับเจ็ดค่าชื่อเสียงอาร์คานามาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเชียวนะ และเจ้ายังมีคำว่า ‘สะเทือนวงการ’ อยู่บนรายงานการวิจัยของเจ้าด้วย! แม้ว่าทุกๆ ปี จอมเวทและนักเวทบางคนจะเดินทางไปยังชนบทเพื่อสอนนักเวทฝึกหัดที่นั่น แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะอยากไปจากอัลลินเร็วๆ นี้ ใช่ไหมล่ะ”

“ใช่แล้วล่ะ” ลูเซียนส่ายศีรษะ “เจ้าพูดถูกแล้ว ลาซาร์ ข้าต้องพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ตัวเองได้งานจากหนึ่งในสำนักเวทมนตร์ที่อยู่ในเมืองอัลลิน ว่าแต่ว่า ลาซาร์ เราจะได้รับภารกิจบังคับจากทางสภาหรือเปล่า”

ลูเซียนกำลังคิดถึงสิ่งที่เขาได้ยินมาจาก ‘หัตถ์ไร้ชีวา’

“ได้รับสิ จะมีหนึ่งภารกิจบังคับทุกๆ ปีแหละ” ลาซาร์ตอบ “แต่สำหรับนักเวทระดับต่ำแล้ว มีแต่ภารกิจสอนเท่านั้นแหละที่ต้องทำ อย่างไรเสีย ทางสภาก็อยากให้เราเติบโตแข็งแกร่งขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก แม้แต่ตอนที่เรากลายเป็นนักเวทระดับกลางแล้ว เราก็ยังเปลี่ยนภารกิจที่มีความเสี่ยงสูงกับภารกิจใหม่ๆ ได้ ตราบใดที่เราเต็มใจจ่าย”

ตอนนี้ลูเซียนโล่งอกขึ้นมาก “นั่นก็ไม่แย่อะไร”

เขตห้า เขตภารกิจ

เขตนี้มีเคาน์เตอร์สีเทาเงินเรียงรายเป็นแถว และบนเคาน์เตอร์แต่ละตัวก็เป็นหน้าจอสีเขียวเข้ม แสดงภารกิจแต่ละประเภทจากทางสภา นักเวท ขุนนาง และพ่อค้าแม่ค้า

เมื่อมองไปรอบๆ ตอนนี้มีเพียงเคาน์เตอร์เดียวเท่านั้นที่ว่างอยู่ หลังเคาน์เตอร์ตัวนั้นมีกญิงวัยกลางคนหน้าตาไม่โดดเด่นนั่งอยู่

เมื่อเห็นว่าลูเซียนกับลาซาร์กำลังเดินมาทางเคาน์เตอร์ตน หญิงผู้นั้นก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ภารกิจใหม่หรือรับเงิน”

“ข้าทำภารกิจเสร็จแล้วขอรับ” ลูเซียนส่งใบเกียรติบัตรกับเหรียญตราเวทมนตร์ให้กับหญิงวัยกลางคน

หลังจากตรวจดูใบเกียรติบัตรอย่างรวดเร็ว นางก็เขียนบางอย่างลงบนกระดาษ จากนั้นจึงวางเหรียญตราของลูเซียนบนวงแหวนเวททางขวามือ

หลังจากที่แสงสว่างวาบหายไป ก็ปรากฎเศษกระดาษหนังขึ้นบนวงแหวนเวท เป็นกระดาษหนังที่ใช้ภายในสภาซึ่งถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้ในการส่งผ่านทางเวทมนตร์โดยเฉพาะ

เมื่อกวาดตามองเร็วๆ หญิงวัยกลางคนก็พูดกับเขาเสียงเรียบเย็น “ลูเซียน อีวานส์ ภารกิจของท่านเสร็จสิ้นเพียงส่วนหนึ่ง สำหรับส่วนที่สอง ท่านต้องการจะสอนผู้ฝึกใช้เวทมนตร์ที่ทางสภาคัดสรรให้ หรือที่อยู่ในบริเวณห่างไกลหรือไม่”

ขณะพูด นางก็หยิบกองหนังสือพื้นฐานเวทมนตร์กับศาสตร์แห่งอาร์คานาออกมาและเริ่มอ่าน

“ข้าอยากจะทำงานให้กับหนึ่งในห้าสำนักเวทมนตร์ในอัลลินขอรับ คุณผู้หญิง” ลูเซียนยังคงรักษาความสุภาพ

หญิงวัยกลางคนกลอกตาแล้วเอ่ยตอบห้วนๆ “อย่ามาทำให้ข้าเสียเวลา กรุณาตัดสินใจเลือกด้วย”

“ข้าถูกห้ามมิให้สมัครงานหรือขอรับ” แม้ว่าท่าทางของนางจะแย่มาก แต่ลูเซียนก็ยังคงถามต่อ

“เปล่า” นางเหลือบมองลูเซียน “แต่เจ้าคือนักเวทที่เรียนตามระบบเวทมนตร์โบราณ และเจ้าก็เพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อวานนี้ เจ้าไม่มีโอกาสได้งานนี้หรือก กรุณาตัดสินเลือก มิเช่นนั้นข้าจะเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยมา”

“ท่านหญิงลาเว็ตต์ ท่านควรจะช่วยลูเซียนสมัครงานนี้เสีย มิเช่นนั้นข้าจะร้องเรียนกับคณะกรรมการกิจการเรื่องความประพฤติไม่เหมาะสมของท่าน!” แม้แต่ลาซาร์ยังรู้สึกหัวเสีย

เมื่อได้ยินคำพูดของลาซาร์ ริมฝีปากของลาเว็ตต์ก็กระตุกขึ้นอย่างหมดความอดทน ก่อนจะตอบว่า “ก็ได้ หากเจ้าอยากเสียเวลานักก็เชิญเลย”

จากนั้นนางก็หยิบแบบฟอร์มกับปากกาขนนกมายื่นให้ลูเซียน

หลังจากที่ลูเซียนเขียนข้อมูลทั่วไปเสร็จ เขานิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเพิ่มความเห็นส่วนตัวลงไปด้วย

หากเขาจะพยายาม เขาจะต้องพยายามให้ถึงที่สุด

ขณะที่ลูเซียนกำลังเขียน ลาเว็ตต์ก็เร่งเร้าเขาอยู่หลายครั้ง เมื่อนางได้รับแบบฟอร์มการสมัครของลูเซียนมา ใบหน้านางก็ปรากฎความแปลกใจในทางที่ไม่ดีนัก “เจ้าซื่อตรงกับสิ่งที่เขียนลงไปใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นเจ้าอาจถูกลงโทษอย่างร้ายแรงได้”

“เชิญตรวจสอบเหรียญตราอาร์คานาขอวข้าได้เลย” ลูเซียนตอบด้วยใบหน้านิ่งเฉย ก่อนที่เขาจะยื่นเหรียญตราอาร์คานาให้กับลาเว็ตต์

ลาเว็ตต์เห็นจุดสี่เงินเจ็ดจุดบนเหรียญตราก็ถึงกับตกตะลึง

สิบนาทีหลังจากที่นางส่งแบบฟอร์มการสมัครไปที่สำนักงาน ผลการตัดสินใจก็ส่งกลับมาแล้ว

หลังจากกวาดสายตาอ่านข้อความบนแผ่นกระดาษเร็วๆ ใบหน้าของลาเว็ตต์ก็พลันเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำด้วยความผิดหวังและอับอาย

ลูเซียนรับกระดาษมาจากลาเว็ตต์ก็ได้เห็นผลการตัดสิน “ท่านอีวานส์ ดูจากศาสตร์ที่ท่านเชี่ยวชาญแล้ว ถือเป็นเกียรติของทางเราอย่างยิ่งที่ท่านจะมาสอนให้กับดักลาส”

……………………..

Throne of Magical Arcana

Throne of Magical Arcana

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’ ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset