ไคซินชี้นิ้วไปทางฝูงชนที่ส่งเสียงให้กำลังใจ พร้อมเอ่ยลั่นวาจาอย่างภาคภูมิว่า
“เจ้าคิดว่ามีเพียงตัวเองงั้นรึที่สามารถสู้ข้ามระดับได้? แต่ละเสียงสรรเสริญของพวกนั้นเท่ากับชัยชนะที่ข้าได้ต่อหนึ่งครั้ง!”
เย่หยวนจับจ้องอีกฝ่ายยิ้มกล่าวว่า
“ข้าทราบ ชัยชนะแปดร้อยนัดติดต่อกันของเจ้า แต่นั่นหาใช่เรื่องใหญ่ไม่ ในอดีตไม่มีใครเคยเอาชนะเจ้าได้ แต่นั่นมิได้หมายความว่าตอนนี้ข้าจะเอาชนะเจ้าไม่ได้”
เพียงชัยชนะติดต่อกันแปดร้อยนัดกลับมิได้อยู่ในสายตาของเย่หยวนเลย
หากย้อนกลับไป ณ เมืองบึงเมฆา เย่หยวนเองก็เคยแข่งขันหลอมกลั่นโอสถพร้อมชัยชนะหลายพันนัดติดต่อกันโดยไม่เคยแพ้แม้นสักครั้ง
เป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด จนรู้สึกว่าเขาต้องการแสวงหาความพ่ายแพ้ที่สมเกียรติสำหรับตน
สิ่งที่ไคซินรู้สึก เขาเคยรู้สึกมาก่อนเช่นกัน และสิ่งที่ไคซินไม่เคยรู้สึก เขาเองก็เคยเป็นแบบนั้นคล้ายคลึงกัน
เย่หยวนยอมรับเลยว่า ไคซินเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังยิ่ง แต่สิ่งที่ยิ่งกว่าคือความมั่นใจในตัวเอง!
อย่างไรก็ตามคำพูดของเย่หยวนกลับก่อสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ปะทะขึ้น
“มันกล่าวว่าอันใด? ชัยชนะแปดร้อยนัดหาใช่เรื่องใหญ่? หึหึ…”
“วาจาอึงโขใหญ่โตนัก หวังสร้างความประทับใจแก่ผู้คนกระมัง? มันช่างโง่เขลาสิ้นดี! เมื่อได้เห็นความน่ากลัวที่แท้จริงของราชันแห่งลานประลองเลือดแล้ว มันจะรู้เองว่าชัยชนะแปดร้อยนัดรวดมันหมายความอย่างไร!”
“ขี้โม้ไร้ยางอาย! เด็กน้อยน่าจิ้มลิ้มนั้นจะต้องตายบนลานประลองเลือดแน่นอน!”
“มันกล้าลบหลู่ต้นแบบของข้าจริงๆ! เป็นเพียงแม่ทัพปีศาจ แต่กลับหยิ่งผยองได้ปานนี้เชียว!”
…
คำกล่าวของเย่หยวนได้ทำให้ผู้คนก่อเกิดหลากอารมณ์ปรากฏขึ้นมา
การที่ประเมินฝีมือตัวเองสูงเกินไปโดยหาได้สนใจความยิ่งใหญ่ของฟ้าดิน คนเช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากคนโง่ที่กำลังเดินลงเหว และผู้คนโดยส่วนใหญ่ต่างคิดเช่นนี้กลับเย่หยวน
ไคซินเปรียบดั่งเทพแห่งสงครามไร้พ่าย ดังนั้นเขาจะมาพ่ายให้กับเด็กโง่คนหนึ่งได้อย่างไร?
ไคซินระเบิดหัวเราะลั่นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น และกล่าวว่า
“ฮ่าๆๆ บางทีมีคนสามารถโค่นสถิติชัยชนะของเข้าได้ในสักวัน แต่คนๆนั้นมันหาใช่เจ้าแน่นอน! หาญกล้ารนหาที่ตายเช่นนี้ ข้าขอชื่นชม!”
เย่หยวนกล่าวเสียงเย็นตอบ
“ไม่ว่าจะหาญกล้ารนหาที่ตายหรือไม่ อีกไม่นานย่อมประจักษ์ทราบ!”
เมื่อได้กลิ่นดินปืนปะทุหนาขึ้น กรรมการจึงป่าวประกาศขึ้นว่า
“เนื่องจากเป็นการประลองที่เดิมพันด้วยความเป็นความตาย เช่นนั้นกฎการต่อสู้ในครั้งนี้จึงไม่มีจำกัด ตราบใดที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ลงได้ จะหยิบใช้วิธีใดตามใจอิสระ ณ ตอนนี้ การประลองเริ่มต้นขึ้นได้!”
เมื่อป่าวประกาศเสร็จสิ้น กรรมการก็ถอยออกมาจากลานประลอง และเปิดค่ายกลป้องกันเป็นชั้นหนารอบครอบคลุมทั่วลานประลอง ทันทีทันใดคลื่นเสียงสรรเสริญพลันดังกึกก้องขึ้นอีกครั้งบนอัฒจันทร์
“ท่านราชันแห่งลานประลองเลือด ฆ่ามันเลย! ฆ่าไอ้เด็กนั้นซะ!”
“ท่านไคซิน โปรดสำแดงความน่าสะพรึงของราชันแห่งลานประลองเลือกให้พวกเราเห็นเป็นขวัญตาอีกครั้ง!”
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า! ทุบมันให้เป็นเนื้อบด!”
…
เสียงโห่ร้องให้กำลังใจ ดังขึ้นอีกระลอกใหญ่
ณ ลานประลองเลือดแห่งนี้มีเพียงเสียงให้กำลังใจไคซินอยู่ฝ่ายเดียว
สำหรับเย่หยวนแล้ว อาจมีเพียงตระกูลฟางเท่านั้นที่ให้กำลังใจเขา
“หึหึ ไม่มีใครกล้าท้าทายของมาสองร้อยปีแล้ว! ต้องขอยอมรับเลยว่า เจ้ากล้าหาญมากจริงๆ เพื่อตอบแทนความกล้าหาญนี้ ข้าจะทุบร่างเจ้าให้แหลกเละ!”
ไคซินระเบิดหัวเราะอย่างชั่วร้าย ทันทีทันใดรัศมีกลิ่นอายบนร่างของเขาพลันเปลี่ยนไปในทันใด
ภาพลักษณ์ของนายน้อยอันสง่างามหายไปทันที
สิ่งที่อยู่ในลานประลอง ณ ปัจจุบันมีเพียงหมาป่าโหดอันดุร้ายเปี่ยมล้นไปด้วยภัยอันตราย
พลังปีศาจพวยพุ่งออกมาจากภายในร่างของไคซิน บนมือสวมหมัดที่เป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เลิศล้ำอยู่คู่หนึ่ง สีดำทมิฬกลิ่นอายชวนสยดสยองยิ่ง
สายตาการจับจ้องของเย่หยวนแปรเปลี่ยนดูจริงจังขึ้นถนัดตา พร้อมเปลี่ยนพลังปราณเทวะให้กลายมาเป็นพลังปราณปีศาจโคจรทั่วร่างเร็วจี๋
สีหน้าการแสดงออกขอบงอินทรีโลหิตเปลี่ยนไปอย่างมาก ด่อนเอ่ยกล่าวน้ำเสียงขรึมว่า
“ที่นำออกมาสำแดงใช้คือ เพลงหมัดเหล็กมารสวรรค์คลั่ง เจ้าเด็กคนนั้นตกอยู่ในอันตรายแล้ว! หากย้อนกลับไปในตอนที่ไคซินยังเป็นแค่แม่ทัพปีศาจชั้นต้น เขากระหน่ำเพลงหมัดอัดร่างของแม่ทัพปีศาจชั้นกลางกว่าสามร้อยครั้งติดต่อกัน! จนอีกฝ่ายแหลกเละเป็นเนื้อสับละเอียด! ตั้งแต่เริ่มจนตาย แม่ทัพปีศาจชั้นกลางตนนั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่ก้าวเดียว! ทั้งๆที่แม่ทัพปีศาจชั้นกลางตนนั้นมีสถิติชนะรวดแปดสิบหกนัด!”
สำหรับเรื่องราวต่างๆ ในอดีตของไคซิน อินทรีโลหิตคุ้นเคยกว่าใครๆ
การที่จะขึ้นกลายเป็นประมุขลานประลองเลือดได้ เขาเองก็ให้ความสนใจต่อไคซินอย่างมากในตอนนั้น และมองผ่านอ่านถึงศักยภาพแฝงในตัวอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว
คู่ดวงตาของคุนหมิงหรี่แคบลงเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าเขาจะต้องการแข่งความเร็วกับบรรพกาลราตรี ไคซิน เจ้าเด็กคนนี้โดดเด่นอย่างมากขริงๆ ข้าสงสัยยิ่งว่าบรรพกาลราตรีจะสามารถป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายได้หรือไม่”
คุนหมิงทราบโดยธรรมชาติถึงเพลงดาบของเย่หยวนที่เชี่ยวชายด้านความเร็วเป็นพิเศษ
การเคลื่อนไหวของไคซินยามนี้ เป็นที่ชัดเจนว่าเขาต้องการแข่งกับเย่หยวนในด้านความเร็ว!
เจ้าเร็วนักรึ?
เช่นนั้น ข้าจะใช้ความเร็วเอาชนะเจ้า!
“หื้ม? กระบวนท่านั้นมัน…เพลงหมัดเหล็กมารสวรรค์คลั่ง! เป็นกระบวนท่าที่มิได้เห็นนานมากแล้วจริงๆ!”
“ท่านไคซินเปิดฉากสำแดงกระบวนโจมตีครั้งใหญ่ เขามาแล้ว! เจ้าเด็กนั้นช่างน่างสงสารยิ่งนัก!”
“หากย้อนกลับไป ต้าเหมิงทีท่รู้จักในนาม‘ชัดเชือดเหล็ก’ยังถูกไคซินซัดจนตาย และมิได้เปิดโอกาสให้ขยับแม้แต่ครั้งเดียว! พวกเรามาเดากันดีกว่า เด็กนั้นจะกันได้กี่หมัด ฮ่าๆๆ”
…
เมื่อวาลาคำกล่าวเหล่านี้ดังออกไป ทุกคนต่างก็เริ่มคาดเดาหันทันที
บางคนบอกสองหมัด บ้างว่าสามหรือส่วนน้อยที่ว่าสิบ
โดยสรุปแล้วไม่มีใครมองเย่หยวนในแง่ดีเลยสักคนเดียว
วูบบบ!
ในขณะนั้นเองไคซินก็เริ่มเปิดฉากเคลื่อนขยับ!
เคลื่อนไหวสู่ความเงียบงัน ช่างเป็นการเคลื่อนที่ที่ว่องไวยิ่ง
แม้ทุกคนจะเตรียมพร้อมจับจ้องกันเป็นตาเดียว ทว่าปฏิกิริยาของพวกเขายังตามการเคลื่อนไหวของไคซินไม่ทันอยู่ดี
ในเวลานั้นเอง เย่หยวนก็โหมโรงเคลื่อนไหวเช่นกัน!
บูม! บูม! บูม!
คล้อยหลังเสียงซัดกระบวนเพลงหมัดดังออกมาชุดใหญ่
ผู้ชมบนอัฒจันทร์กลับไม่มีใครสามารถมองการต่อสู้ของทั้งสองได้ทันเลย เห็นเพียงเงาหมัดสีดำที่ชักโถมระเบิดตูมตามกลางอากาศ
นั้นคือภาพของเพลงหมัดเหล็กมารสวรรค์คลั่ง!
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่เห็นเย่หยวนชักดาบออกมาเลย!
เห็นได้ชัดว่า เย่หยวนในยามนี้กำลังถูกปราบปรามโดยสมบูรณ์
ภาพฉากกำปั้นชักนำพลังถาโถมทำเอาผู้ชนหายใจกันแทบไม่ออก
ถึงระหว่างลานประลองและฝูงชนจะถูกปิดกั้นด้วยค่ายกลป้องกัน แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงขุมพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ระเบิดคลั่งออกมา
“แข็งแกร่งอย่างยิ่ง! นี่คือความแข็งแกร่งของราชันแห่งลานประลองเลือด!”
“ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันไม่สามารถบรรยายได้ในอึดใจเดียว!”
“ทั้งความเร็ว ความแข็งแกร่ง และแนวคิดความเข้าใจได้พัฒนาขึ้นจากแต่ก่อนมาก! ข้ารู้สึกว่านี่หาได้ด้อยไปกว่าจอมทัพปีศาจชั้นต้นเลย?”
…
เหล่าฝูงชนเงียบงันไปชั่วขณะ ยามนี้มีแต่เสียงอุทานดังเจือแจว
ภายใต้ภาพฉากโหมซัดเพลงหมัดเข้าใส่ ร่างเย่หยวนไสวบิดพลิ้วไปมาอย่างคล่องแคล่ว
นับตั้งแต่ที่สำเร็จกระบวนดาบอย่าง จันทร์สลาย ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถไล่ตามความเร็วของเขาได้ทัน
แต่หลังจากที่เพลงหมัดเหล็กมารสวรรค์คลั่งของไคซินประจัญบานสาดออกมา เย่หยวนก็เลี่ยงหลบไม่มีหยุดเสมือนเครื่องจักรไม่สามารถหยุดได้!
เมื่อเวลาผ่านพ้นไปกว่าหลายสิบอึดใจ ไคซินออกอาวุธปลดปล่อยเพลงหมัดชักนำระเบิดคลั่งกว่าหลายร้อยกระบวนร่าย แต่ละหมัดนับเป็นสุดขีดแห่งความเร็ว!
เย่หยวนเลี่ยงหลบหมัดต่อหมัดพร้อมเสียงชักพาฉีกห้วงอากาศ
เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะชักดาบเลย ชะลอช้าเพียงเสี้ยวพริบตา เขาอาจพลาดท่าถูกคู่หมัดเล่นงานได้
จนตอนนี้พลังปราณภายในเย่หยวนเริ่มเสียสมดุล แม้เขาจะหลบหัมดนับร้อยได้ ทว่าศาสตร์แห่งคิดความเข้าใจที่ระเบิดคลั่งออกมา กลับสร้างความเสียหายให้แก่เขาไม่น้อยเลย
ขุมพลังของไคซินค่อนข้างเกินจินตนาการนัก!
“ไม่ เดี๋ยวก่อน เขากำลังสร้างไล่ต้อนข้าด้วยหมัดหนักขึ้นเรื่อยๆแล้ว! ฝืนต่อไปเช่นนี้ข้าไม่ไหวเป็นแน่! ระดับพลังของอีกฝ่ายเหนือกว่าข้ามาก หากพลาดท่าโดนแรงระเบิดอัดใส่ ข้าสาหัสแน่นอน!”
หากเป็นคนอื่น ยิ่งถ่วงเวลาเอาไว้เพลงหมัดที่สาดปะทุออกมามักจะมีแต่เบาลงและเบาลงเนื่องจากหมดแรง
ทว่าเพลงหมัดของไคซินมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น!
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เย่หยวนเตรียมพ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“สยบดารา!”
เย่หยวนไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลัว พร้อมชักดาบพิชิตมารฟ้าสาดกระบวนออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
บูมมม!
สองขั้วพลังแนวคิดปะทะชนอย่างแรง
เย่หยวนกระอักพ่นเลือดสดคำหนึ่ง ร่างปลิวไปกระแทกกับกำแพงค่ายกลปกป้องอย่างจัง
ในขณะที่เพลงหมัดเหล็กสารสวรรค์ฟ้าชะงักหยุดลงเพราะเพลงดาบนี้
…………………………………