ตอนที่ 1670 ลัดคิว
หวู่เฉินนั้นไม่คิดที่จะกังวลเรื่องของเย่หยวนแม้แต่น้อย เพราะเย่หยวนนั้นสามารถหลอมเขาน้อยแห่งถงเทียนได้ ตราบเท่าที่เขาไม่ทำอะไรบ้าบิ่นเสียตายจนเกินไป ยอดเต๋าของเขาแห่งถงเทียนเองก็คงไม่บดขยี้เขาเป็นแน่
และต่อให้ไม่มีเขาน้อยแห่งถงเทียน เย่หยวนก็มีพลังเทียบเท่าได้กับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าหนึ่งดาว มันมากพอที่จะรับการกดดันจากเขาแห่งถงเทียนได้สบายๆ
เพียงแค่ว่าพลังฝีมือนี้ หากเย่หยวนไม่แสดงออกมาก็จะไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงมันได้
เมื่อออกมาจากหอของเฒ่าขี้เมาแล้วเย่หยวนก็มีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย หวู่เฉินจึงอธิบายเล่าเรื่องของเฒ่าขี้เมาให้ฟัง
เฒ่าขี้เมาคนนี้เป็นผู้ติดตามของจอมเทพนิรันดร์เมื่อนานมาแล้วในช่วงที่เขายังหนุ่มๆ
จอมเทพนิรันดร์ช่วยชีวิตเขาไว้ จากนั้นเขาจึงตามติดรับใช้จอมเทพนิรันดร์ไปทุกที่อย่างจกรักภักดี
แต่จากนั้นมา ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้เขาเลิกติดตามจอมเทพนิรันดร์และมาประจำการดูแลเมืองตีนใต้นี้
ที่หวู่เฉินแนะนำให้เย่หยวนมาที่เมืองตีนใต้นี้เองก็เพราะเขาคิดถึงเรื่องนี้ไว้บ้างด้วย
ตอนนั้นเฒ่าขี้เมาได้ยินข่าวเรื่องการตายของจอมเทพนิรันดร์ทำให้เขาต้องร้องห่มร้องไห้ยาวนานติดกันไปถึงสามวันสามคืน
จากนั้นเขาก็ตั้งมั่นว่าตัวเองจะต้องล้างแค้นให้จอมเทพนิรันดร์ให้ได้ แต่พลังฝีมือของเขานั้นมันอ่อนแอจนเกินไป จึงได้แต่จมอยู่กับความเศร้าและใช้เหล้าเป็นเครื่องยาใจจวบจนทุกวันนี้
ศัตรูของจอมเทพนิรันดร์นั้นเป็นถึงจักรพรรดิเทพสวรรค์ แล้วการจะไปให้ถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นมันยากเย็นขนาดไหน?
หลายวันจากนั้นมันก็เป็นวันครบรอบปีพอดิบพอดี
เขาแห่งถงเทียนค่อยๆ ส่องแสงลงมายังพื้นที่ด้านนอกเมือง
นั่นคือที่ๆ เหล่านักยุทธผู้คิดจะขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปรวมตัวกันอยู่ก่อนหน้าแล้ว
พวกเขาทั้งหลายล้วนแต่มีป้ายไม้ในมือ นี่คือป้ายหมายเลขที่เฒ่าขี้เมาออกให้พวกเขา
คนผู้ใดที่ไม่มีป้าย ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปยังเขาแห่งถงเทียน
นี่ไม่ใช่กฎจากเขาแห่งถงเทียน แต่เป็นกฎของเมืองตีนใต้แห่งนี้
ซัวหานหันมองดูรอบกายและพบเย่หยวนอยู่ในกลุ่มคนทั้งๆ ที่ตัวเขาไม่มีป้ายไม้ในมือ เขาจึงเข้าใจเรื่องราวได้ในทันที
“ฮ่าฮ่า เด็กน้อย เจ้าไม่มีป้ายไม้เสียด้วยซ้ำแล้วยังจะมาที่นี่ทำไมอีก? ข้าเกือบลืมไป วันนั้นเราเป็นพวกสุดท้ายที่เข้าไปเอาป้ายไม้ชุดสุดท้ายมานี่นะ แล้วพวกเจ้ามาทีหลังเรา หมายความว่า… พวกเจ้าคงต้องรอไปอีกปี! ฮ่าๆๆ” ซัวหานหัวเราะลั่น
วันนั้นสมองของเขาเปี่ยมไปด้วยความโกรธจนนึกเรื่องนี้ไม่ออก
เมื่อลองนึกย้อนไป พวกเขานั้นเป็นคนที่หยิบป้ายไม้ชิ้นสุดท้ายมาจริงๆ เย่หยวนคนนี้จึงไม่มีทางที่จะมีป้ายไม้ไปได้
เล้งชิวหลิงมาถึงก่อนพวกเขา และจากนั้นก็เป็นซัวหานที่ตามมาติดๆ
จากนั้นค่อยเป็นเย่หยวนและหนิงเทียนปิง
ซัวหานหัวเราะลั่นดึงดูดความสนใจของทุกผู้คนเข้ามาทันที
“อ่อ หรือว่าเจ้าคิดมาหาน้องเล้ง! หึๆ เจ้าคิดจริงๆ เรอะว่าข้าผู้นี้จะมองไม่ออกว่านางแค่ใช้เจ้าเป็นโล่? เจ้าคงไม่คิดว่านางสนใจเจ้าจริงๆ หรอกใช่ไหม? เลิกทำอะไรเกินตัวเถอะ เจ้าและนางนั้นอยู่ต่างกันคนละโลก มดปลวกอย่างเจ้าไม่มีทางจะเข้าใจความต่างที่มีได้หรอก ยอมแพ้ไปเสียเถอะ!” ซัวหานไล่เย่หยวนไปอย่างไม่คิดสนใจ
“ไม่หรอกมั้ง? เป็นแค่บรรพชนพระเจ้าแต่กลับใฝ่ฝันถึงแม่นางเล้ง?”
“ช่างไม่ประมาณตัวเองเสียจริงๆ มันไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาบ้างรึ?”
“หึๆ แค่เด็กอาณาจักรบรรพชนพระเจ้ามารนหาที่ตาย ขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปครั้งนี้มันคงไม่มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว ทั้งอย่างนั้นกลับยังอยากจะฝันหาสาวงามอย่างแม่นางเล้งอีก!”
…
เห็นได้ชัดว่าเล้งชิวหลิงนั้นโด่งดังมาก เหล่านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าที่มาในวันนี้หลายต่อหลายคนรู้จักนาง
ได้ยินคำพูดเหล่านั้นของซัวหาน พวกเขาทั้งหลายจึงช่วยกันรุมว่าเย่หยวนต่อทันที
คนเรามันก็เป็นกันเสียแบบนี้ ความคิดในหัวมีแต่ข้าไม่ได้ เอ็งก็ต้องไม่ได้เช่นกัน
แม้ว่าเรื่องของเย่หยวนและเล้งชิวหลิงจะไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ซัวหานผู้นี้กลับทำให้เย่หยวนตกเป็นเป้าด่าได้ง่ายๆ
เล้งชิวหลิงได้ยินคำพูดของซัวหานเช่นกันก่อนจะตะโกนกลับมาอย่างโกรธเคือง “ซัวหาน เลิกพูดจาไร้สาระเสียที คิดว่าข้าจะไม่กล้าฉีกปากเจ้ารึ?”
แต่ซัวหานกลับยิ้มตอบ “น้องเล้ง หรือว่าข้าพูดสิ่งใดผิด? เจ้าคงไม่ได้หลงเด็กคนนี้เข้าหรอกใช่ไหม?”
ใบหน้าของเล้งชิวหลิงแข็งทื่อลงก่อนจะบอก “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้าเสียหน่อย!”
เย่หยวนได้แต่แอบถอนหายใจอยู่ลึกๆ คำพูดนี้ของเล้งชิวหลิงมันยิ่งจะมีแต่ราดน้ำมันเข้ากองไฟ
และตามคาด ตอนนี้สายตาของผู้คนรอบๆ ที่มองมายังเย่หยวนเริ่มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารมากขึ้นแล้ว
หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เย่หยวนก็คงตายไปนับหมื่นคราแล้ว
“ไอ้โง่ เลิกเดาสุ่มเสียที ข้ามาเพื่อจะขึ้นเขาแห่งถงเทียน” เย่หยวนบอก
ซัวหานเปลี่ยนสีหน้าไปและกล่าวขึ้นอย่างขุ่นเคือง “เด็กเวร เจ้าใจกล้าไม่เบานี่! หากเจ้ามีปัญญาก็ซ่อนตัวอยู่ในเมืองตีนใต้นี้ให้ได้ตลอดชีวิตอย่าได้คิดออกไปเชียว! ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะคิดขึ้นเขาแห่งถงเทียนไปทั้งๆ ที่ไม่มีป้ายไม้ได้อย่างไร เจ้าคิดว่ายามเมืองตีนใต้นี่ไม่มีค่าใดๆ เลยรึ?”
ตอนนั้นเองที่เฒ่าขี้เมาได้เดินมากับยามชุดเกราะสองคนพร้อมเหล้าในมือ
เฒ่าขี้เมาบอกด้วยน้ำเสียงสุดเกียจคร้าน “ผู้ที่มีป้ายไม้ในมือจงมาเข้าแถว!”
นั่นทำให้ผู้คนไม่คิดจะขัดขืนแม้แต่น้อยก่อนจะวิ่งมาเรียงแถวกันตามเลขบนป้ายทันที
ส่วนซัวหานมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน อยากเห็นว่าอีกฝ่ายจะโดนอะไรบ้าง
ทุกคนรู้ดีว่าเฒ่าขี้เมาคนนี้มีพลังฝีมือที่เหนือฟ้าแค่ไหน
หากไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ ผลที่ตามมามันคงโหดร้ายอย่างไม่มีทางคาดเดาได้
และก็เป็นไปตามคาดเพราะเฒ่าขี้เมาเดินเข้าไปหาเย่หยวนด้วยท่าทางตุปัดตุเป๋
ซัวหานได้แต่เย้ยในใจ “เจ้าโง่ที่ไม่รู้จักที่ตัวเอง อยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะอวดดีไปได้อีกแค่ไหน! ข้าล่ะอยากให้เจ้าไปทำให้ยามโกรธจะได้ตายๆ ไปเสียสักที เด็กเวร!”
เฒ่าขี้เมาเดินมาถึงเย่หยวนและมองดูเขาด้วยดวงตาเคลิ้มๆ ก่อนจะยิ้มออกมาและพูดกับคนข้างๆ “พวกเจ้าสองคนเอาป้ายไม้มา”
คนทั้งสองนั้นมึนงงมาก ได้แต่คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป
ซันหานเองก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันทีเพราะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
“น-นายใหญ่ ท่าน… ท่านว่าอย่างไรนะ?”
เฒ่าขี้เมาเปลี่ยนสีหน้าไปจนทำให้คนทั้งสองนั้นรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก มีสีหน้าที่แย่อย่างถึงที่สุด
เฒ่าขี้เมาบอก “ข้าบอกว่า พวกเจ้าทั้งสองคนส่งป้ายไม้มา! ไม่เข้าใจภาษาคนรึ?”
คราวนี้พวกเขาได้ยินมันอย่างชัดเจน
คนทั้งสองนี้คือศิษย์น้องของซัวหาน พวกเขาจึงหันหน้าไปขอร้องให้ซัวหานช่วยทำอะไรสักอย่างให้
ซัวหานเองก็มึนงงจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เพราะเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
เขาเดินขึ้นมาและยกมือขึ้นประกบถามเฒ่าขี้เมาอย่างเคารพ “นายใหญ่ เรานั้นมาถึงก่อน ทำไมเราต้องมอบป้ายไม้ให้พวกนั้นด้วย?”
เฒ่าขี้เมาตอบ “พ่อเจ้าบอกให้ส่งมา ก็ส่งมา จะพูดมากให้มากความทำไม?”
ที่ด้านข้างคนรอบๆ เองก็มึนงงไม่แพ้กัน พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“เกิดอะไรขึ้นกัน? ข้ามาเมืองตีนใต้นี้ก็ตั้งหลายคราทำไมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
“ใช่แล้ว ปกติมันต้องใครมาก่อนได้ก่อนสิ ทำไมเด็กสองคนนั้นมันถึงจะลัดคิวแบบนี้ได้?”
“หรือว่าพวกนั้นจะเป็นศิษย์ของท่าน? แต่ก็ดูไม่น่าใช่!”
…
ดวงตางามๆ ของเล้งชิวหลิงมองดูเย่หยวนอย่างตื่นตกใจ
นางได้รู้อีกครั้งแล้วว่านางไม่สามารถอ่านเด็กหนุ่มที่มีอายุไม่ห่างจากตนมากนักคนนี้ออกเลย
ทั้งๆ ที่พรสวรรค์ดูต่ำต้อย แต่กลับมีเรื่องราวแปลกประหลาดเกิดขึ้นเสมอๆ
ซัวหานนั้นตกใจกับคำพูดของเฒ่าขี้เมาจนร่างทั้งร่างแทบร่วงลงไปกองกับพื้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอเรื่องราวอะไรแบบนี้ มันจึงทำให้สมองของเขาสั่งการไม่ทัน
หากเป็นคนอื่นเขาก็อาจจะพอยอมได้ แต่นี่อีกฝ่ายเป็นเย่หยวน!
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ยอมแพ้ “นายใหญ่ ข้า… ข้าไม่ยอม มันด้วยเรื่องอะไรกัน?”
เฒ่าขี้เมาจึงบอก “เรื่องอะไร? เรื่องที่ว่าเมืองตีนใต้นี้พ่อเจ้าคนนี้เป็นนดูแลยังไงล่ะ! คำพูดของพ่อเจ้าคนนี้ก็คือกฎของเมืองตีนใต้นี้!”