“ฮื่อ!”
เจ้าหมูสมบัตินั้นร้องขู่ขึ้นก่อนจะอ้าปากกว้างส่งดาบที่ก่อตัวขึ้นจากน้ำพุ่งใส่ตัวเต๋าบรรพกาลไฟ
และพลังของดาบน้ำนี้เองมันก็ขึ้นถึงระดับกฎ!
เจ้าหมูนี้กลับมีพลังแห่งกฎถึงสองอย่างกับตัว
สีหน้าของเต๋าบรรพกาลไฟนั้นเปลี่ยนสีไปทันทีรีบก้าวขึ้นมารับการโจมตีไว้
ปัง ปัง ปัง…
ราวฟ้าดินนั้นแตกสลายลงคลื่นพลังที่กระจายออกมารอบๆ นั้นมันทำให้คนทั่วๆ ไปแทบตายสิ้นลง
และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั้นก็คือเต๋าบรรพกาลไฟกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างหนัก!
น้ำและไฟที่ออกมาจากปากของเจ้าหมูสมบัตินั้นมันมีพลังไร้จำกัด กดดันตัวเต๋าบรรพกาลไฟจนแทบไม่อาจเอาตัวรอดได้!
เย่หยวนเองก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้านี้ไม่แพ้กัน เขานั้นเลี้ยงเจ้าหมูสมบัติด้วยโอสถมาหลายต่อหลายปีไม่นึกฝันว่าเจ้าหมูตัวนี้กลับจะแข็งแกร่งได้ปานนี้!
เขานั้นยังจำตอนที่เจ้าหมูสมบัติจามใส่หลินฉางชิงจนลอยลิ่วได้
แม้ว่ามันจะน่าตกตะลึงแต่เย่หยวนก็ไม่ได้คิดว่ามันเกินจริงไปมากนัก
เพราะอย่างไรเสียเจ้าหมูสมบัตินั้นก็เป็นตัวตนสุดแสนพิเศษของมิติอนัตตากอไผ่
แต่เวลานี้เจ้าหมูสมบัตินั้นกลับต่อสู้กับเต๋าบรรพกาลไฟและยังได้เปรียบอย่างมาก! มันเกินกว่าที่จะทำใจเชื่อไปมาก
เทือกเขากำเนิดตรัสรู้นั้นถูกทำลายราบลงด้วยพลังการต่อสู้ของยอดฝีมือพลังกฎสองคน
เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายนั้นต่างต้องหนีกันหัวซุกหัวซุนเพื่อหลบเลี่ยงลูกหลงจากการปะทะนี้!
“ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
ในเวลานั้นเองที่เต๋าบรรพกาลทำลายล้างได้พุ่งตัวเข้ามาร่วมวงต่อสู้ด้วย
วินาทีที่เต๋าบรรพกาลทำลายล้างลงมือนั้นมิติรอบๆ ต่างแตกสลายลงไม่เหลือชีวิตใดๆ แม้แต่น้อย
พลังกฎของเขานั้นมันคือพลังที่จะทำลายฟ้าดินลงได้!
เต๋าบรรพกาลทั้งสองคนนี้เป็นที่รู้จักกันในด้านพลังโจมตีที่สุดแสนรุนแรง
แต่น่าเสียดายที่แม้เต๋าบรรพกาลทำลายล้างจะมาร่วมวงด้วยแต่พวกเขาก็ยังทำได้แค่พอดีเสมอกับเจ้าหมูสมบัติ
เจ้าหมูสมบัตินั้นมันกลับยังยืนหยัดได้ไม่ถอย!
ยิ่งเต๋าบรรพกาลทั้งสองต่อสู้ไปมากเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเท่านั้น เจ้าหมูสมบัตินี้มันเหมือนเครื่องปล่อยพลังกฎ โจมตีและใช้พลังต่างๆ ออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด
ที่สำคัญไปกว่านั้นตัวเจ้าหมูเองยังไม่คิดหยุดพักแม้แต่น้อย!
แต่วินาทีต่อมามันกลับเกิดกลิ่นหอมลอยขึ้นในอาณาจักรจนเหมือนมันจะแผ่กระจายไปทั้งโลกหล้า
เมื่อกลิ่นหอมนี้ลอยมาเข้าจมูกสีหน้าของเย่หยวนก็เปลี่ยนไปทันที
เขาขมวดคิ้วแน่นก่อนจะกล่าวขึ้น “กลิ่นนี้มัน… กลิ่นหอมโอสถ?”
ดูแล้วกลิ่นนี้มันคงมีที่มาจากตัวเจ้าหมูสมบัติแน่
เจ้าหมูสมบัติที่ต่อสู้อย่างดุเดือดนั้นกลับกำลังค่อยๆ ปล่อยกลิ่นหอมโอสถอันหนักหน่วงออกมาในอากาศ
เย่หยวนรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางหัวและเดาถึงคำตอบได้ในทันที
เพียงแค่ว่าเขานั้นตกตะลึงกับคำตอบนี้มาก ไม่คิดอยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง
“เจ้านี่… คงมิใช่ว่าเป็นโอสถเต๋าหรอกใช่ไหม?” เย่หยวนกล่าว
ในเวลาเดียวกันนั้นหลินเฉาเถียนก็เบิกตากว้างขึ้นเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง “ตำนานว่ากันว่าก่อนนั้นมหาบรรพกาลวิญญาณลับได้หลอมโอสถเต๋าขึ้นมาจนทำให้เกิดทุกข์ทลายฟ้าดินทำให้โอสถเต๋านั้นกลายพันธุ์ไป! หรือว่าเจ้าหมูตัวนี้มันจะเป็นโอสถเต๋านั้น?”
“อะไรนะ? เจ้าหมูตัวนี้… คือโอสถเต๋า?” ที่ด้านข้างตัวเต๋าบรรพกาลน้ำก็ร้องกล่าวขึ้นอย่างตกตะลึง
“นี่มัน… จะไม่บ้าเกินไปหน่อยหรือ? มหาบรรพกาลวิญญาณลับนั้นคือยอดคนอันดับหนึ่งแห่งการโอสถเชียวนะ!” เต๋าบรรพกาลสายฟ้ากล่าวขึ้นตาม
โอสถเต๋ากลายเป็นจิตวิญญาณ!
พวกเขาทั้งหลายเหล่าเต๋าบรรพกาลนั้นกลับไม่อาจจะเอาชนะโอสถเต๋าได้!
เหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลายต่างอ้าปากค้างขึ้นตามๆ กันอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
โอสถเต๋านั้นมันกลับแปลงร่างเป็นหมูและบ่มเพาะจนถึงระดับแห่งกฎ!
หลินเฉาเถียนหรี่ตาลงมองด้วยความโลภในทันที
เย่หยวนที่ได้ยินต้องทำไมหน้าเครียดร้องเรียกขึ้น “หมูสมบัติ กลับมา!”
เมื่อหมูสมบัติได้ยินเช่นนั้นมันก็ปล่อยลมพุ่งออกจากปากก่อนจะหันหน้าพุ่งตัวใส่อ้อมอกของเย่หยวนอีกครั้งด้วยขนาดตัวเดิมของมัน
ได้ยินคำของหลินเฉาเถียนนั้นเย่หยวนย่อมจะเข้าใจทันทีว่าทำไมหมูสมบัติจึงได้ติดเขานัก
เพราะเต๋าโอสถที่สั่งสอนกันในยุคก่อนมันล้วนเป็นสิ่งที่เขาเริ่มต้นขึ้น
โอสถที่เขาหลอมมันจึงจะมีรสชาติใกล้เคียงกับรสชาติที่นายของหมูสมบัติหลอม
ที่สำคัญไปกว่านั้นเจ้าหมูสมบัตินี้มันไม่ได้แค่ชอบกินโอสถ แต่มันนั้นกลับเป็นนักยุทธที่ใช้โอสถในการบ่มเพาะ
รสชาติโอสถของเย่หยวนนั้นมันย่อมจะเหนือล้ำกว่าใครๆ
เพียงแค่ว่าเวลานี้ความลับที่มาของเจ้าหมูสมบัตินั้นถูกเปิดเผยและคงกลายเป็นสมบัติล้ำค่าในสายตาของหลินเฉาเถียน!
เพราะนี่มันคือโอสถเต๋าที่กลายเป็นจิตวิญญาณและบ่มเพาะตัวเองจนมาถึงระดับของกฎแข็งแกร่งกว่าเต๋าบรรพกาลได้
หากพวกเขาได้กินหมูสมบัติแล้วมันคงจะเสริมสร้างพลังของพวกเขาไปอีกมากล้น
สำหรับนักยุทธระดับหลินเฉาเถียนนั้น ต่อให้จะเป็นโอสถเต๋าธรรมดาทั่วๆ ไปก็คงไม่อาจจะช่วยเสริมพลังได้มากมาย
แต่หมูสมบัตินั้นไม่ธรรมดา!
มันนี้คือผลงานชิ้นเอกของมหาบรรพกาลวิญญาณลับและยังทำการบ่มเพาะมานานนับหมื่นๆ ล้านปีจนก้าวขึ้นมาถึงระดับเต๋าบรรพกาลได้
โอสถเต๋าระดับนี้มันย่อมจะไม่มีที่ไหนอีกในโลก
เขานั้นสังเกตเห็นถึงสายตาของหลินเฉาเถียนได้ จึงรีบเรียกหมูสมบัติกลับมาทันที
แม้ว่าหมูสมบัติจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน มันก็ไม่มีทางใดที่จะเทียบเคียงกับการร่วมมือของเต๋าบรรพกาลทั้งเก้า
“หมูสมบัติ เดี๋ยวเจ้าจงแบกเอาร่างของข้าและหนีไป ยิ่งหนีไปไกลยิ่งดี! อย่าได้คิดสนใจตัวข้า! ต่อให้พวกมันจะตามเจ้าไปก็จงอย่าได้หยุดสู้และหนีไปให้สุดฟ้าดิน เข้าใจหรือไม่?” เย่หยวนสั่งหมูสมบัติผ่านจิตศักดิ์สิทธิ์
เมื่อได้เห็นกำลังของหมูสมบัติเย่หยวนก็ได้สร้างแผนการหนีอันใหม่ขึ้นมา
หากหมูสมบัติพาตัวเขาหนีไปจริงๆ มันคงไม่มีทางจะรอดได้ทั้งคู่
เพราะการจะหนีจากตัวเต๋าบรรพกาลทั้งเก้านั้นมันมิใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ
ที่สำคัญไปกว่านั้นด้วยสภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันมีแต่จะถ่วงแข้งถ่วงขาหมูสมบัติ
หมูสมบัติหันมามองเย่หยวนพร้อมเอาจมูกไถตัวเขา
เย่หยวนรู้ว่ามันเข้าใจแล้ว!
“ไป!”
เย่หยวนร้องสั่งก่อนจะแยกจิตศักดิ์สิทธิ์ออกจากร่างกายตน!
หมูสมบัตินั้นฉลาดมันจึงพุ่งทะยานออกไปในวินาทีเดียวกันนั้นพร้อมคาบร่างของเย่หยวนวิ่งหนีไปสุดชีวิต
หลินเฉาเถียนและพวกนั้นต่างเบิกตากว้างเพราะไม่คาดฝันว่ามันกลับจะยังเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้
แต่ตัวหลินเฉาเถียนนั้นก็ยังตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว “เต๋าบรรพกาลไฟ เต๋าบรรพกาลน้ำ เต๋าบรรพกาลทำลายล้างพวกเจ้าทั้งสามตามหมูตัวนั้นไป อย่าฆ่าสังหารมัน! แค่ถ่วงเวลามันไว้ก็พอ! พวกเราจะไปตามล่าเย่หยวน! หลังจากสังหารเย่หยวนแล้วเราจะกลับไปหาพวกเจ้าเอง! หึ เจ้าเด็กคนนี้มันกลับคิดแยกจิตศักดิ์สิทธิ์ออกจากกายเนื้อ ช่างโง่เขลาเสียจริง!”
หลินเฉาเถียนนั้นยังคงตั้งสติได้ เพราะสำหรับเขาแล้วเย่หยวนนั้นเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด!
ให้เย่หยวนหนีไปตอนนี้ชีวิตของเขาคงไม่ได้อยู่สุข!
เพราะฉะนั้นต่อให้เย่หยวนจะหนีไปด้วยแค่จิตศักดิ์สิทธิ์แต่เขาก็ยังนำเอากำลังหลักไปไล่ล่าเย่หยวน
ในเวลาเดียวกันนั้นเต๋าบรรพกาลคนอื่นเองก็ไม่รอช้า สามเต๋าบรรพกาลไฟ น้ำ ทำลายล้างที่ได้รับคำต่างพุ่งตามหมูสมบัติไปสุดกำลัง
ส่วนเย่หยวนนั้นมีวิญญาณโกลาหลดั่งเดิมทำให้ความเร็วของร่างจิตเขานี้มันเหนือล้ำกว่าก่อนๆ ไปอย่างไม่เห็นฝุ่น
แม้ว่าเขาจะไม่อาจใช้พลังของแนวคิดมิติเวลาช่วงเร่งความเร็วในการเดินทางแต่ความเร็วของเขานั้นก็ยังรวดเร็วอย่างมาก
หลินเฉาเถียนและพวกทั้งหกต่างพุ่งตัวออกไปตามจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน
เรื่องราวนี้มันทำให้ยอดฝีมือทั้งหลายต่างตกตะลึงขึ้นตามๆ กัน
“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าหมูตัวนั้นมันกลับเป็นโอสถเต๋าที่มีจิตสำนึกขึ้นมาหรือ?”
“เย่หยวนนั้นกลับแยกจิตศักดิ์สิทธิ์ออกจากร่างเพื่อให้เจ้าหมูนั้นได้หนีไป? แค่ด้วยร่างจิตนั้นเขาจะหนีรอดจากมือเต๋าบรรพกาลได้อย่างไรกัน?”
“ข้าเกรงว่าเขาคงรู้ดีว่าตนไม่อาจจะหนีรอดได้อีกแล้วจึงใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้เจ้าหมูได้หลบหนีไป”
…
ไม่มีใครคิดฝันว่าเรื่องราวในวันนี้มันกลับจะยังมีการหักมุมในวินาทีสุดท้ายเช่นนี้อีก
เว้นเสียแต่ว่าเวลานี้คนทั้งหลายต่างถอนใจยาวตามๆ กัน
เย่หยวนนั้นจะอย่างไรก็ไม่อาจหนีพ้นความชั่วช้าของเต๋าบรรพกาลทั้งหลายได้!
การแยกจิตออกจากร่างนั้นมันไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย
“จิตศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเด็กคนนี้มันรวดเร็วปานนี้ได้อย่างไร?” หลินเฉาเถียนกล่าวขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
เมื่อได้ตามออกมาพวกเขากลับพบว่าตนเองไม่อาจจะตามทันเย่หยวนได้ในเวลาอันสั้น!
เรื่องเช่นนี้มันไม่เคยจะเกิดขึ้นมาก่อนกับเหล่าเต๋าบรรพกาลทั้งหลาย